ชีวิต.....ใครกำหนด
ตีสี่ฉันนั่งมองนาฬิกาและทบทวนเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเวลาเก้าชั่วโมงที่ผ่านมา

ทุกอย่างเหมือนผ่านไปในเวลาอันสั้น แต่เหมือนทุกดีเทลจะติดอยู่ในความทรงจำ

ของชั้นเท้าของฉันก้าวเดินไปพร้อมกับสมองที่ไม่ได้หยุดเดินเช่นกัน ฉันมารู้สึก

ตัวว่ายืนอยู่หน้าห้อง 235 ฉันเอื้อมมือเข้าไปเปิดประตู สภาพของห้องที่เห็น

สะอาดสะอ้าน เตียงคนไข้ที่ว่างเปล่า ทุกอย่างมันช่างต่างจากเมื่อแปดชั่วโมง

ที่ผ่านมายิ่งนัก ฉันมองทุกอย่างแล้วทำให้ย้อนไปเมื่อต้น shift วันอาทิตย์

ฉันขับรถมาทำงานเป็นปกติเหมือนทุกๆอาทิตย์ จากรายงานเมื่อต้น shift

ถึงแม้จะมีคนไข้แค่สองคน แต่ฉันนั่งกุมขมับ ใจฉันคิด “เริ่มตรงไหนดี” ทุกอย่าง

เหมือนจะดูแย่ไปหมด โรเจอร์หนึ่งในคนไข้ของฉันเป็นชายอายุหกสิบสี่

เพิ่งออกจากโรงพยาบาลไปสองวัน แต่กลับเข้ามาเพราะปวดท้อง



ปัญหาที่มีเหมือนจะหลายอย่าง แต่ครั้งก่อนที่อยู่ที่โรงพยาบาล โรเจอร์เข้ามา

เพราะปอดบวม ครั้งนี้โรเจอร์เข้ามาเพราะปวดท้องมาเป็นเวลาสองวันแล้ว

หมอเจอว่าโรเจอร์เลือดออกในระหว่างกล้ามเนื้อที่หน้าท้อง, ความดันต่ำ,

ระดับปัสสาวะต่ำ (ตัวบ่งบอกว่าไตเริ่มหยุดทำงาน), ปัญาหตัวใจเต้นผิดปกติ,

และปัญหาอื่นๆอีกสามสี่อย่าง etc. หลังจากรายงานคนไข้เสร็จทุ่มครึ่ง

ฉันก็ก้มหน้าก้มตาเดินเข้าไปดูโรเจอร์ สภาพที่ฉันเห็นคือ ชายผิวขาว ผิวซีด

จนแทบจะไม่มีเลือดฝาดที่ใบหน้า (แม้จะได้เลือดและพลาสมาไปแล้วหลายยูนิท)

ผิวตามร่างกายเป็นจ้ำม่วงๆ มือของโรเจอร์เย็นเหมือนน้ำแข็ง

แต่ระดับของอ๊อกซิเจนซึ่งโชว์ที่หน้าจอที่ฉันเห็นนั้นถือว่ายังโอเคอยู่เลยทีเดียว

ไม่มีปัญหาเรื่องการหายใจ ฉันก้มลงมองต่อมาที่สายท่อที่ต่อเข้าที่กระเพาะปัสสาวะ

ซึ่งมีปัสาวะอยู่แค่ 16 ซีซี ตั้งแต่ห้าโมงเย็น (น้อยกว่าคนปกติมาก)

ใจฉันนั้นคิดไป โรเจอร์อยู่ผิดที่จริงๆ เค้าไม่สมควรที่จะมาอยู่ที่สเต็บดาวน์ไอซียูเลย

น่าจะย้ายไปอยู่ที่ไอซียูที่วอร์ดตรงข้ามมากว่า ฉันตัดสินใจว่าตอนนี้ต้องจับตาดูที่ระดับปัสาวะของโรเจอร์ก่อน



หลังจากทำการตรวจร่างกายหัวจรดเท้าประจำกะแล้ว

โรเจอร์บอกฉันว่า เขาไม่ค่อยสบายตัวท้องที่ปวดอยู่เหมือนเดิม

ฉันคลำที่ท้อง รุ้สึกถึงก้อนเลือดที่หน้าท้องด้านขวา เอาหูฟังมาฟัง แต่ได้ยินเสียงเพียงน้อยนิด

ฉันจัดการเอามอร์ฟีนที่หมอสั่งเอาไว้ให้โรเจอร์ ก่อนที่จะรีบวิ่งไปดูคนไข้อีกคนอย่างรวดเร็ว

สิบนาทีผ่านไปฉันวิ่งกลับมาดูโรเจอร์โรเจอร์บอกว่าเริ่มรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย

ตาฉันมองไปที่สายปัสาวะ ช่องที่ฉันเทปัสาวะออกไปยังว่างเปล่าอยุ่

น้ำเกลือที่ฉันเพิ่งเพิ่มระดับไปมันหายไปที่ไหนหมด ฉันเริ่มที่จะกังวลมากขึ้น

ใจฉันคิด ให้เวลาอีกสิบห้านาที ถ้ายังไม่มีอะไรออกมาฉันจะโทรกลับไปหาหมออีกรอบ

ฉันทำอะไรง่วนอยู่ในห้องของโรเจอร์อยู่อีกประมาณสิบนาที

ก่อนที่จะเดินออกไปดูข้อมุลของโรงเจอร์อีกนิดหน่อยที่ข้างหน้าห้อง



ไม่ถึงสิบนาทีผ่านไป ฉันกลับเข้ามาดูโรเจอร์ จากที่ฉันเห็น

โรเจอร์มีปัญหาเรื่องการพูดแล้วตอนนี้ คำที่โรเจอร์พูดออกมาเหมือนจะพูดไม่ชัด

ฉันเช็ค signs อย่างอื่นของการอุดตันเส้นเลือด หรือสโตรค

ทุกอย่างโอเคมีแค่ปัญหาเรื่องการออกเสียง ฉันตัดสินใจเรียก แรพิดเรสปอนดืทีม

ไม่ถึงสิบนาที ทีมของหมอก็มายืนอยู่ในห้องของโรเจอร์

ตัวอย่างเลือด เอ๊กซ์เรย์ โดนสั่งโดยหมอ ฉันคุยกับไดแอน พยาบาลชาร์ต ของไอซียุ

เธอเหมือนจะคิดว่าฉันแตกตื่นไปเอง ฉันบอกว่าโรเจอร์ดูเหมือนจะไม่ดี

เหมือนที่น่าจะอยู่ในไอซียูมากว่า ไดแอนกลับตอบมาว่าฉันก็คิดว่าทุกคนน่าจะอยู่ในไอซียูหมดแหละ

ระหว่าที่เรายืนคุยกันเกี่ยวกับโรเจอร์อยู่ที่หน้าห้อง เอ็กซ์เรย์ก็มาเพื่อที่จะทำการเช็คเอ้กซ์เรย์ปอดของโรเจอร์

ฉันมองเข้าไปในห้อง ตอนนี้เหมือนมันเป็นสโลว์โมชั่น

ตาฉันเห็นผุ้ช่วยทั้งสองยกด้านบนของแขนโรเจอร์ขึ้นเพื่อทำการเอาฟิล์มวาง

แล้ววินาทีนั้นเองที่หน้าจอหัวใจของฉันลงไปอยู่ที่ศูนย์ หัวใจโรเจอร์หยุดเต้นในวินาทีนั้นเอง

ฉันจำไม่ได้ใครสักคนตะโกนขึ้นมา He's not breathing.

มือฉันก็จับแครชคาร์ทที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ แต่เอาเข้าไปในห้องไม่ได้เพราะเครื่องเอ็กซเรย์อยุ่ในห้อง

เป็นที่ฉุกหุกยิ่งนัก ระหว่างที่เอาแผ่นไม้ดามหลังเข้าวางที่หลังของโรเจอร์

โรเจอร์ก็อาเจียรออกมาประมาณ 500-1000 ซีซี พื้นเต็มไปด้วยอาเจียนสีดำ

ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกของการตกเลือดในลำใส้ เป็นโค้ดบลูที่ messy มากมาย ทุกคนทำงานกันระวิง

หมอใส่ท่อช่วยหายใจและ ท่อไปที่ลำใส้ คนอื่นยืนปั๊มหัวใจ คนมากกว่าสิบคนเต็มห้อง

ทุกอย่างผ่านไปอ่างรวดเร็ว ยาที่ให้จนหมด cart แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะเหนี่ยวรั้งชีวิตของโรเจอร์ไว้ได้

สภาพของห้องหลังจากที่หมอสั่งให้หยุดโค้ดนั้นเหมือนพายุได้ผ่านไป

พร้อมกับพร่าชีวิตของคนไข้ของฉันไปด้วย จบโค้ด ฉันยืนตะลึง

โรเจอร์เป็นคนไข้คนแรกของฉันที่โค้ดบลูและเราไม่สามารถที่จะช่วยชีวิตไว้ได้



ฉันเดินตัวลอยออกมาโทรบอกครอบครัวของโรเจอร์

ฉันเริ่มจากโทรหาภรรยาของโรเจอร์ก่อนซึ่งพอฉันบอกข่าวเธอไปทางโทรศัพท์

เธอร้องให้อย่างเสียสติก่อนที่จะวางหูไปกลางคัน

ฉันรีบโทรหาลูกชายที่อยู่ต่อมาบนลิสให้เช็คว่าภรรยาของโรเจอร์จะโอเคหรือเปล่า

ทุกอย่างยังผ่านไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ฉันจะเริ่มโทรหาคุณหมอเจ้าของไข้

เมื่อได้คุยกับคุณหมอเจ้าของไข้ทางโทรศัพท์ ฉันได้ข้อมูลเพิ่มขึ้นว่า

โรเจอร์โทรคุยกับหมอวันก่อนที่จะเข้าโรงพยาบาลหนึ่งวัน หมอแนะนำให้มาโรงพยาบาล

แต่โรเจอร์กลับไม่ยอมมาโรงพยาบาลจนรุ่งขึ้นอีกวัน ทำให้ฉันพาลคิดไปว่า

ระหว่าง 24 ชั่วโมงที่โรเจอร์อยู่ที่บ้านนั้นทำมห้เกิดความแตกต่างใน medical attention ที่เขาได้รับหรือเปล่า

บอกตรงๆ ตอนที่คุยกับภรรยาของโรเจอร์น่ะ ตัวเราตกใจมาก ไม่เคยมีคนในครอบครัวโดยตรงเสียชีวิต

ไม่เคยต้องบอกข่าวร้ายกับใคร พอมาถึงจุดที่ตัวเองต้องทำหน้าที่นี้ กลายเปแนว่ากังวล

กังวลว่าจะบอกข่าวเธอยังไง เธอจะรู้สึกเช่นไร

พอเจอเธอร้องให้เหมือนหัวใจสลายบอกตรงๆว่า ใจสลายตามเสียนั้นไปด้วย

มันเป็นเสียร้องไห้ที่เราไม่อยากจะได้ยินเป็นที่สุด



หลังจากที่ทุกอย่างเริ่มคลายตัว บุคคลเดียวที่มาที่โรงพยาบาลคือ ลูกชาย

ทอดด์คือ ชื่อของลูกชาย ทอดด์ เข้ามาบอกตรงๆว่าไม่ได้ตั้งตัว

ทอดด์ให้แม่ระบุทุกอย่าที่ผ่านมาตั้งแต่พ่อเค้าเข้าโรงพยาบาล

ระบุว่าอะไรทำเมื่อไร พ่อได้รับยาอะไรบ้าง ทำไมโน่น ทำไมนี่

ซึ่งแม่ก็พยายามอธิบายเจาะจงลงไปถึงนาทีที่ทุกอย่างเกิดขึ้น

พอตอบให้เข้า ก็ให้ระบุ diagnosis ว่าพ่อเค้าเสียชีวิตเพราะอะไร

อ้าวววววว ให้แม่เจาะจงไปก็ไม่ได้ เพราะแม่ไม่ใช่หมอ

พอแม่ให้เค้าไปคุยกับหมอ หมอก็ตะโกนใส่แม่อีกว่า แล้วเค้ารู้ได้ไงว่าหมออยู่นี่

อ้าว สรุปเวร ซวยทั้งขึ้นทั้งล่อง กลายเป็นว่า คนตายนอนอยู่ในห้องฃ

แต่ข้างนอกมายืนหาว่าทำไมคนตายถึงตาย แทนที่จะเสียใจ หรือเตรียมการในการจัดการศพ

นาทีนึงจะเอาโน่น อีกนาทีจะเอานี่ นาทีนึงโอเคเอาอย่างนี้ อีกนาทีนึงขอเปลี่ยนใจ

ไม่เคยปวดหัวเท่านี้มาก่อนเลยในชีวิต หัวแม่เต้นตึ๊บๆๆๆๆๆๆ

แต่สรุปก็เข้าใจความรู้สึกของทอดด์ไปถึงจุดจุดหนึ่ง

ทอดด์ เล่าให้ฟังว่า พ่อเค้ามาผ่าสะโพกซ้าย แล้วหมอผ่าผิดเป็นผ่าสะโพกขวา

ประกด พ่อเค้าต้องกลับมาผ่าสะโพกซ้ายอีกรอบ

ส่วนสะโพกขวาที่ผ่าผิดไปมีปัญหา ทั้งที่มันไม่สมควรที่จะโดนผ่าเลยด้วยซ้ำ

สุดท้ายพ่อเค้าต้องกลับมาผ่าสะโพกขวาอีกรอบเพื่อซ่อม

กลายเปนว่าต้องผ่าสองรอบทั้งที่ไม่ต้องการการผ่าเลยตอนแรก

ฟังแล้วก็เข้าใจ แต่ที่ทอดด์ treat our treatment team

นั้นแม่เองไม่เห็นด้วย ออกแนว rude เลยด้วยซ้ำ

แถมมีจะอัดเทปข้อความที่เค้าจะคุยกับแม่ อันนี้แม่รับไม่ได้ แม่ปฏิเสษเค้าไปเลย



สุดท้ายเรื่องจบที่แปดโมงเช้าหมอที่ไอซียูสั่ง autopsy ให้เป็นการพิสูจน์ศพ

เพื่อไชข้อข้องใจของทอดด์และครอบครัว



เรื่องนี้ทำให้แม่คิด ถ้ามีเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพ บางทีรอ หรือ ปล่อยให้มันผ่านไป

ทำให้เกิดความแตกต่างในผลลัพท์ เพราะฉะนั้นถ้ามีคำถามเกิดขึ้นกับตัวเองอย่าชักช้าเหมือนโรเจอร์ที่ผลลัพท์ที่ออกมาคือต้องเสียชีวิต ทั้งที่ทุกๆอย่าง อาจจะไม่จบลงอย่างเลวร้ายอย่างนี้ก็ได้



ชีวิตใคร ชีวิตมัน ชีวิตเธอกำหนดเอง

ส่วนชีวิตเรา คนนี้กำหนด




Create Date : 13 มิถุนายน 2554
Last Update : 13 มิถุนายน 2554 10:08:14 น.
Counter : 768 Pageviews.

1 comments
  
สวัสดีค่า วันนี้มาแนวขอความช่วยเหลือค่ะ
ช่วยเข้าไปตามลิงค์นี้

//www.my3space.com/activity/writestory/read-story.php?id=36

แล้วกดปุ่ม vote ให้หน่อยนะคะ
เห็นแก่นัก(หัด)เขียน ตัวน้อยๆ (ไปหมด) คนนี้ด้วยนะคะ
ขอบคุณมากๆเลยค่า^__^
โดย: dayydream_m วันที่: 14 มิถุนายน 2554 เวลา:3:17:14 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

April_Gal
Location :
ปทุมธานี  United States

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



มิถุนายน 2554

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
13 มิถุนายน 2554