คิดได้ไงเนี่ย
หนมผิงไม่สบายอีกแล้ว แย่จัง ปกติหนมผิงจะไม่สบายตอนที่อากาศเปลี่ยน แต่ตอนนี้อากาศมันก็ไม่เปลี่ยนหรือถ้าเปลี่ยนก็เปลี่ยนจากร้อนไปร้อน(มันฝรั่งทอดชิ้นเล็กๆหาย) แต่ทำไมหนมผิงยังเป็นหวัดอีกนะ
ก็ไม่ถึงกับล้มหมอนนอนเตียง (เสื่อไม่เอาแข็ง) แต่ก็หายใจไม่ค่อยออกต้องหายใจพงาบๆทางปากแล้วก็มีน้ำมูกตลอดจนแทบจะต้องเอากระดาษทิชชู่ห้อยคอไว้
เมื่อวานพีก็ไปงานแต่งเป็นเพื่อนแม่มาอีก หนมผิงคุยกับพีเรื่องการแต่งงาน แต่ไม่ใช่เรื่องของเราสองคนนะแต่แบบพูดรวมๆพูดทั่วๆไปอะ
หนมผิงบอกว่าคนที่แต่งงานกันแปลว่าทั้งคู่รักกันมากจนมั่นใจและแน่ใจว่าไม่อาจจะแยกกันได้
พีบอกว่าไม่จริงคนที่แต่งงานกันคือคนที่รักกันครึ่งๆกลางๆไม่ได้รักแบบหมดหัวใจแต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่รักเลย
เพราะถ้าทั้งคู่รักจนหมดหัวใจจริง ทั้งคู่ก็ต้องเชื่อใจกันก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องแต่งงาน ส่วนใหญ่ที่ต้องแต่งเพราะกลัวว่าสักวันอีกฝ่ายจะหมดรักหรือถูกทิ้งก็เลยต้องหาทางผูกมัด อย่างผู้ชายก็ผูกมัดผู้หญิงด้วยสถานะทางสังคม เช่น ถ้าเธอหย่ากับฉันเธอก็จะเป็นแม่ม่าย สังคมก็จะมองไม่ดี ไม่เหมือนแค่ตอนเป็นแฟนกันที่การเลิกกับแฟนสังคมมองว่าเรื่องธรรมดา
ส่วนผู้หญิงก็ผูกมัดผู้ชายด้วยทะเบียนสมรส แบบว่าแต่งแล้วฉันเป็นเมียที่ถูกกฎหมายถ้าเธอไปมีคนอื่นสังคมก็จะประนามว่าเธอเป็นผู้ชายเลว หลายใจและถ้าเธอมีเงิน มีสมบัติ เธอก็ต้องเสียครึ่งนึงให้ฉัน ไม่เสียดายหรือไง
พี่บอกว่าจริงแล้วคนเราแต่งงานเพราะไม่แน่ใจ ไม่ไว้ใจอีกฝ่ายเลยต้องเอาทะเบียนสมรสกับงานแต่งมาผูกมัดเสียมากกว่า
เออ...จะมีใครในโลกมองอะไรได้พิลึกแบบนี้ไหมเนี่ย ให้ตายเถอะ
Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2555 |
|
56 comments |
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2555 12:34:34 น. |
Counter : 1305 Pageviews. |
|
|
|
การแต่งงานก็เท่ากับการตกลง
เห็นชอบของคนทั้งสองฝ่าย
พี่ว่ามันมีหลายมุมมองหลายแง่คิดอ่ะค่ะ
กินไข่ตุ๋นอร่อยๆ กันค่ะ