พิมตะวัน ตอนที่06
ตอนที่๖ ดอกเสี้ยวลอยล่อง


แดดบ่ายส่องลอดผ่านช่องว่างระหว่างคาคบไม้ที่ปกครึ้มตามทางเดินธรรมชาติที่เก้าชีวิตซึ่งเปลี่ยนจากเดินกันเป็นกลุ่มพูดคุยไปเรื่อยในตอนแรกมาเป็นเรียงเดี่ยวตามก้นกันต้อยๆไม่ต่างจากการเดินของมดที่ขนอาหารกลับรัง

เสียงพูดจาเงียบหายเหลือไว้เพียงเสียงลมหายใจหนักๆ และเสียงดังคลิกจากกล้องในมือนายก่อคุณนานๆครั้ง

ลุงโทะชายวัยกลางคนร่างผอมเกร็งในเสื้อผ้าทอมือสีแดงหม่นเก่าคร่ำคร่าปล่อยชายลุ่ยกับกางเกงสีดำคล้ำยาวแค่ครึ่งน่องและผ้าโพกศีรษะ หากแต่ใบหน้าเปี่ยมด้วยรอยยิ้มจริงใจโชว์ฟันที่เหลืออยู่ไม่กี่ซี่ตอนพี่สมชายแนะนำให้รู้จักว่านี่แหละคนนำทางที่จะพานักศึกษาเก้าชีวิตจากมหาวิทยาลัยกลางกรุงไปพบกับน้ำตกในป่าใกล้หมู่บ้านยังคงก้าวนำอยู่ข้างหน้าด้วยฝีเท้าสม่ำเสมอ พร้อมด้วยกิ่งไม้แห้งยาวไม่ถึงวาที่เก็บเอาจากข้างทางตอนออกมาจากหมู่บ้านใหม่ๆในมือขวา

อากาศยังเย็นก็จริง แต่เมื่อมาออกแรงอย่างต่อเนื่องแบบนี้ก็ทำเอาต่างคนต่างเริ่มมีเหงื่อซึมกันถ้วนหน้า จนมาถึงช่วงหนึ่งที่ทางลาดชันให้ต้องโน้มตัวเหนี่ยวเถาวัลย์ช่วยพยุงตัวขึ้นเป็นระยะทางยาวประมาณสิบเมตร พี่ดอนที่เดินตามมาในกลุ่มหลังก็จับตามองว่าคุณชายเชมันจะจัดการยังไง

แล้วสิ่งที่เห็นก็ทำให้แววตาสงบนิ่งไหววูบ เมื่อนายวิสุทธิ์เล่นเบี่ยงตัวให้นางสาวอิระวดีที่เดินติดหลังมาก้าวล้ำไปข้างหน้าอย่างเนียนๆ ปล่อยให้ไอ้ผู้หญิงตัวเล็กยึดเถาวัลย์ไว้มือหนึ่ง ส่วนอีกมือเกาะชายเสื้อของนายก่อคุณที่อยู่ด้านบน ส่วนตัวเองก็คอยระวังหลังให้เพื่อนอย่างไม่คลาดสายตาสักวินาที.....กับบางคนแค่ได้คอยดูแลก็คงเพียงพอ

เมื่อหลุดออกจากราวป่าทั้งเก้าคนที่ก้มหน้าก้มตาเดินดูดินจึงได้เห็นว่า น้ำตกผาดอกเสี้ยวสวยจริงสมคำโฆษณาชวนเชื่อ เส้นสายสีเงินเส้นเล็กที่ไหลเรื่อยราวมีชีวิตลงสู่เบื้องล่างตามแรงโน้มถ่วงของโลกผ่านซอกผาจนรวมกันกลายเป็นธารน้ำเย็นจัดไหลเอื่อยอ่อยก่อนจะแผ่ขยายกลายเป็นลำน้ำกว้าง แต่ความลึกของสายน้ำเย็นจัดนั้นกลับลึกแค่พอท่วมหลังเท้า

“ลุงคะลุง ลุงโทะ”

“คะ?”

“แล้วไหนอะคะดอกเสี้ยว?”

“โน่ สีขาขา โบะโน้”
ลุงโทะชี้มือชี้ไม้ขึ้นไปด้านบนพลอยให้อีกเก้าชีวิตรวมไอ้ตัวอยากรู้อยากเห็นพากันแหงนมองหาจนคอตั้งบ่า จึงได้เห็นว่านอกจากสีเขียวของใบไม้แล้วยังมีสีขาวเสียดยอดแซมอยู่ด้วย แต่เพราะระยะที่ไกลออกไปทำให้ไม่สามารถจะบอกได้ว่าดอกเสี้ยวนั้นสวยแค่ไหนหรือมีลักษณะอย่างไร

“โหลุง ไกลเกิ๊นนนนนนน เราขึ้นไปใกล้ๆได้มั้ยเนี่ย?”

“อะนี้ชะแร่ะเอ ขื้อปะด้าอิ” ลุงแกว่าอย่างนั้นแล้วเลยเริ่มเดินนำต่อหลังจากผู้ตามได้พักพอหายเหนื่อยแล้ว

อีกเพียงครู่เดียวหลังเริ่มเดินกันต่อเสียงน้ำกลับดังขึ้นจนคนที่มาเที่ยวซึ่งทำใจไว้แล้วว่าหน้านี้มาน้ำตกคงเสียเที่ยวเริ่มมองตากันไปมา ต่างคนต่างจินตนาการตามเสียงที่ได้ยินถึงปริมาณน้ำที่ไม่น้อยเหมือนคำบอกเล่าของพี่สมชายเสียแล้ว และเมื่อต่างโผล่หน้าพ้นเหลี่ยมหินออกมาพบกับสายน้ำที่กำลังกระโจนลงมาจากหน้าผาก็ไม่ต้องมีคำพูดแล้วที่จะแสดงว่าหนึ่งกิโลที่เหนื่อยหนักของพี่สมชายนั้นคุ้มค่าแค่ไหน

“อ้าวลุง! ทะมามะหยุอ่า?” จบประโยคไอ้ก่อกรรมปุ๊บเกิดเสียงผัวะขึ้นพร้อมอาการหน้าคะมำของไอ้คนพูดทันที แล้วก็คนประเคนฝ่ามือลงกลางหลังอย่างพี่ดอนเองนั่นแหละที่ต้องออกแรงรั้งคอเสื้อไอ้เพื่อนปากดีไว้ไม่ให้ถลำลงแอ่งน้ำสีเขียวเข้มไปทั้งตัว

“โตนี้มะลึ เล่มะด้า”

“อ๋อ.......ง้าหยุพะห้าถ่ารู่แป๊ะนะลูโทะ” ไอ้ก่อกรรมทำเวรส่งภาษากับลุงแกเสร็จหันไปดูก็ปรากฏว่าคุณเพื่อนอีกแปดไปยืนโพสรอบนหินหน้าตัดกว้างเกือบสามเมตรก้อนหนึ่งเสียแล้ว
หลังเก็บภาพถ่ายชาวคณะก็พากันเดินตามก้นลุงโทะแกต้อยๆ เสียงพูดคุยที่เงียบไปจากตอนแรกก็เริ่มดังขึ้นมาใหม่คงเพราะความเย็นจากกระแสน้ำทำให้ความรู้สึกเหนื่อยในตอนแรกปลาสนาการไปจนหมด

เดินตามจนมาถึงชั้นที่คนนำทางแกมาถึงแกก็ลงนั่งยองๆวักน้ำขึ้นมาลูบหน้าลูบหนวด คุณก่อกรรมมันก็ชี้นิ้วสั่งให้คุณเพื่อนทั้งหลายไปยืนๆนั่งๆโพสกันอยู่ตรงมุมเหมาะ ลองกดชัตเตอร์จับภาพเองสองสามภาพ แล้วถึงส่งกล้องให้ลุงโทะพร้อมอธิบายเสร็จสรรพ แล้วตัวเองก็พุ่งเข้าไปนั่งยองๆด้านหน้าพร้อมส่งสัญญาณให้มัคคุเทศก์ที่ทำหน้าที่ตากล้องทันที

พอได้รูปหมู่สามสี่แอ๊คไอ้เด็กโข่งทั้งหลายก็ต่างคนต่างเฮละโลกันลงน้ำ หลุดเสียงอุทานแซดแซ่ไปตามๆกันเพราะอุณหภูมิของน้ำที่เย็นจัด เล่นกันสนุกสนานจนไอ้คนที่มันถามถึงดอกเสี้ยวคนแรกน่ะมันลืมไปแล้ว แต่คนที่ยังไม่ลืมน่ะคือนายอรุณรุ่งที่เพิ่งเปียกแค่ช่วงปลายเท้ามาถึงครึ่งแข้งเพราะหลังจากลงนั่งกับพื้นหินแล้วพับขากางเกงขึ้นมาเหนือเข่าแล้วลองจุ่มปลายเท้าลงไปในแอ่งน้ำก็ตัดสินใจได้ทันทีว่าถึงอยากเล่นแค่ไหนก็ขอเปียกแป๊บเดียวตอนเพื่อนๆเริ่มเบื่อใกล้จะกลับดีกว่า


ไอ้ดอนของเพื่อนๆเงยหน้ามองไปทางทิศที่กระแสน้ำไหลลงมาราวกับจะหาว่าต้นน้ำที่กำลังเล่นสนุกกันอยู่นี่เริ่มมาจากที่ตรงไหน แล้วระหว่างที่เพื่อนอีกแปดชีวิตยังหลับหูหลับตาสาดน้ำใส่กันไปมาบ้าง ดำผุดดำว่ายบ้าง อยู่ในแอ่งสีเขียวของน้ำตกผาดอกเสี้ยวชั้นที่เหมาะจะลงเล่นที่สุดโดยไม่เกรงกลัวความหนาว นายอรุณรุ่งก็ค่อยๆพาตัวเองถอยห่างออกมา

พอเห็นลุงโทะแกก้าวตามมาด้วยชายหนุ่มจึงส่ายหน้าว่าไม่ต้องตาม แล้วถามขึ้นเบาๆว่าถ้าจะไปดูดอกเสี้ยวต้องขึ้นไปอีกไกลไหม ลุงแกก็ส่ายหน้าแล้วชี้ทางพร้อมบอกว่าทางเดินมีทางเดียว เลียบริมธารขึ้นไปเรื่อยๆ ให้เดินระวังหน่อยเพราะบางช่วงพื้นจะลื่น แต่มั่นใจได้ว่ายังไงก็ไม่หลงทาง

ชายหนุ่มยึดทางเดินเล็กๆเลียบริมธารน้ำเดินขึ้นสูงเรื่อยๆและเสียงของน้ำที่ได้ยินก็ดูรุนแรงและกราดเกรี้ยวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนแทบจะไม่ได้ยินเสียงอื่นใดอีกเลยนอกจากเสียงของน้ำที่พุ่งกระทบกระแทกผาหิน จนลมหายใจเริ่มเปลี่ยนเป็นหอบถี่จึงสังเกตเห็นว่ามีกลีบดอกไม้สีขาวอมชมพูลอยเรื่อยลงมากับกระแสน้ำ อรุณรุ่งเข้าไปทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าริมลำธารแล้วเอื้อมมือลงไปดักขวางตรงตำแหน่งที่ดอกไม้นั้นจะลอยลงมาตามน้ำ


“สวย.......”

“เอ๊ะ!”

ร่างที่คุกเข่าอยู่ริมลำธารสองมือกอบดอกเสี้ยวสีขาวที่ดักไว้ได้อยู่เสมอระดับสายตาสะดุ้งขึ้นสุดตัวแล้วเหลียวไปทางต้นเสียงทันที และเพียงเงยหน้าขึ้นนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนจางก็สบเข้ากับแววตาสีดำจัดของชายหนุ่มร่างสูงที่เข้ามาหยุดยืนอยู่ห่างออกไปไม่ถึงช่วงแขนได้อย่างเงียบกริบทันที

สายตาสองคู่ประสานกันอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนที่เจ้าของดวงตาสีดำจัดจะเป็นฝ่ายถอนสายตาลงจับไปที่กลีบดอกสีขาวในอุ้งมือที่ยังคงยกค้างในท่าเดิมก่อนจะส่งเสียงพูดลอยๆออกมาอีกครั้ง

“ดอกเสี้ยว........สวย.....”

“อืม สวยจริงๆ แต่....คุณขึ้นมาตอนไหน?”
อรุณรุ่งสบตากับคนที่ชมดอกไม้แต่กลับตวัดสายตาคมปลาบมามองหน้าเขาอีกครั้ง แล้วเลยหลุดปากถามออกไปพร้อมๆกับทิ้งก้นนั่งแปะลงกับพื้นดินฉ่ำชื้นก่อนจะหันไปวางกลีบดอกบอบบางลงกับผิวน้ำอย่างเบามือ แล้วเลือกทอดสายตามองตามการเดินทางของดอกไม้สีขาวที่กำลังไหลเลื่อนอย่างรวดเร็วไปตามกระแสน้ำ แทนที่จะหันกลับไปสบสายตาที่ทอแววประหลาดเหมือนคราวได้พบกันครั้งแรกที่ร้านอาหารในนครสวรรค์อีกครั้ง

“......มาตั้งนานแล้ว คุณไม่เห็นเอง”
น้ำเสียงตอบเรื่อยๆเหมือนไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรพลอยทำให้คนที่กำลังนั่งใจสั่นแต่แกล้งทำเฉยจับตาอยู่แค่สายน้ำตรงหน้าพลอยผ่อนคลายจนสามารถสูดลมหายใจเข้าได้สุดปอดไปด้วย แล้วเลยโต้ตอบออกไปได้อย่างเป็นธรรมชาติ

“แต่ก่อนขึ้นมา ผมเห็นรถคุณจอดอยู่ข้างล่างนี่”

“จำได้ด้วย?”

“ก็.....ก็รถสวย”
อรุณรุ่งโทษว่าที่ตัวเองตอบรับไปแบบนั้น สุ้มเสียงตะกุกตะกักขนาดนั้น เพราะไอเย็นจากธารน้ำที่เย็นจัดจนทำให้ปากคอสั่น ไม่ใช่เพราะน้ำเสียงยั่วล้อหรือเสียงหัวเราะแผ่วๆในลำคอเหมือนรู้ทันนั่นเลยสักนิด

ในขณะที่แววตาสีดำจัดนั่นทอประกายวาววับขึ้นมากับสีแดงที่ซับขึ้นมาจนสังเกตเห็นได้บนเสี้ยวแก้มตลอดจนใบหูมนที่โผล่ออกมาให้เห็น แล้วเลยตัดสินใจจะช่วยคนขี้อายที่นั่งก้มหน้าก้มตาราวกับจะทำความรู้จักกับมดทุกตัวที่เดินขนอาหารผ่านหน้าไปอย่างเป็นระเบียบซะอย่างนั้น แล้วมือใหญ่ที่ประกอบไปด้วยนิ้วเรียวยาวและปลายเล็บเจียนเรียบสะอาดสะอ้านจึงยื่นข้ามไหล่ของคนที่ยังนั่งก้มหน้ามองน้ำไปรออยู่ตรงหน้า พร้อมกับประโยคคำถามเอื้ออารี

“อืม ดอกเสี้ยวนี่ก็สวย อยากไปต่อมั้ย? อีกนิดเดียวก็จะเห็นต้นแล้ว”

อรุณรุ่งพยักหน้าน้อยๆ แล้วโดยไม่พึ่งพามือที่ยื่นมาให้ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วออกเดินนำไปตามทางที่จะมุ่งหน้าสู่น้ำตกชั้นที่สูงขึ้น ปล่อยให้คนที่เสนอความช่วยเหลือไหวไหล่น้อยๆก่อนจะก้าวเดินตามเรือนร่างสูงโปร่งที่ก้มหน้าก้มตาเดินน้ำหน้าไปพร้อมผิวปากเป็นท่วงทำนองแว่วหวานอย่างอารมณ์ดี

.........................................
..โปรดติดตามตอนต่อไป..



Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2554 17:47:29 น.
Counter : 238 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

paina
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ยินดีต้อนรับทุกท่านที่ผ่านเข้ามานะคะ


ที่นี่ก็แค่ห้องเล็กๆของผู้หญิงธรรมดา......ที่พยายามจะเป็นคนดี.....เท่านั้นเอง
กุมภาพันธ์ 2554

 
 
1
3
6
8
16
18
19
20
21
22
24
27
 
 
All Blog