หนังสือ..โปสการ์ด..หน้า23และเธอ ตะพาบก.ม.41
โจทย์ตะพาบ "โปสการ์ดที่อยู่ในหนังสือ หน้า23"
โจทย์นี้ เบสออนอะทรูสตอรี่อีกแล้วครับ เค้าโครงจากเรื่องจริงของผมเอง วันนั้นเปิดอ่านหนังสือรวมบทกวี ของ วารี วายุ โปสการ์ดใบหนึ่งในนั้นร่วงลงมาพอดี ผมเก็บมันไว้ในหนังสือหน้า 23 คงจะใช้เป็นที่คั่นหนังสือ ตรงบทกวีที่ชอบที่สุดล่ะมั้ง ในตอนนั้น
เนื้อหาในโปสการ์ด เป็นถ้อยคำแสดงความคิดถึงจากเพื่อนคนหนึ่ง ที่ไปเรียนต่อที่เชียงใหม่ ทุกวันนี้ ไม่ได้พบกันแล้วครับ น่าเสียดายเหมือนกัน น่าจะเกือบสิบปีเข้าไปแล้ว ที่ไม่ได้พบเจอ
. . . . ส่วนโปสการ์ดของเพื่อนๆ จะมีเนื้อหาเป็นเช่นไร? จะเป็นข้อคิดคมๆตอนไอ้ตึ๋งกำลังตกอับรึเปล่า? เป็นโปสการ์ดจากใครคนหนึ่งที่ไม่เคยรู้จัก แต่ดันมาอยู่ในหนังสือเราดีไหม? รือจะเป็นโค้ดลับ ที่รอผู้มีปัญญาปราดเปรื่องมาถอดความ และมีเหตุผลกลใด ที่ต้องเสียบมันไว้ ในหนังสือหน้า 23 อันนี้ก็สุดแต่จะสร้างสรรค์จินตนาการกันออกมาเลยนะครับ
โดยคุณ เป็ดสวรรค์
==================================
คืนนี้อากาศเย็น เงียบงัน และมืดมิดกว่าทุกคืน
แสงไฟที่มีเพียงเล็กน้อยทอดแสงเข้ามาในห้องเผยเงาให้เห็นเป็นเส้นตามลวดลายที่มันส่องผ่าน
ผมนั่งหลับตาอยู่คนเดียวในความมืดสลัวท่ามกลางอากาศชื้นๆและเย็นยะเยียบ ในมือผมมีหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง ผมลูบไล้ไปตามสันหนังสือไล่ผ่านชื่อหนังสือที่พิมพ์นูนขึ้นมา ไล่ไปตามขอบสันจนกระทั่งนิ้วของผมสัมผัสกับแผ่นกระดาษแข็งๆที่ยื่นเลยหนังสือขึ้นมา ทันใดนั้นผมพบว่าข้างในจิตใจผมเย็นยะเยือกยิ่งกว่าอากาศที่อยู่รอบตัวหลายเท่านัก โปสการ์ดที่คั้นอยู่ในหนังสือทำให้ผมนึกถึง เธอ
..
โปสการ์ดที่อยู่ในหนังสือหน้า 23
ผมยังจำวันนั้นได้ดี ทุกรายละเอียด ทุกประโยคคำพูด ทุกกริยาท่าทางของเธอ ผมนั่งทบทวนซ้ำไปซ้ำมากับใจความในหนังสือ ลายเส้นทุกเส้นและทุกสีของโปสการ์ดแผ่นนั้น ผมท่องทุกคำที่พิมพ์อยู่ใน 23 หน้าได้ทั้งหมด ทุกประโยคตัวหนังสือ ทุกเว้นวรรค และผมพยายามตีความกับความหมายต่างๆโดยหวังว่าเธอคงแอบซ่อนบางสิ่งไว้ บางสิ่งที่จะทำให้ผมเข้าใจว่าทำไมเธอจึงทำเช่นนั้น
เรานั่งอ่านหนังสือเล่มนี้ด้วยกันในร้านกาแฟท่ามกลางอากาศที่กำลังสบายในช่วงสายๆของวันธรรมดาๆวันหนึ่ง ทั้งร้านมีเพียงเราสองคนและพนักงานที่นั่งหลับตาเอนหลังกับผนังฟังเพลงในโลกส่วนตัวของเขา ผมรู้สึกเหมือนว่าโลกทั้งโลกเป็นของเราเพียงแค่สองคน เสียงลมที่พัดผ่านต้นไม้ทำเหล่าใบไม้ให้สั่นไหว เสียงนกที่ดังมาเป็นระยะระยะ คล้ายว่าเวลาได้หยุดหมุนชั่วคราว มีเพียงเราสองคนที่นั่งอ่านหนังสือเล่มนั้น ยิ้มให้แก่กันอย่างมีความหมาย ยิ้มให้กันกับสิ่งที่เรารู้กันแค่สองคนบนโลกใบนี้ กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นฟุ้งอยู่ในอากาศ เธอลุกขึ้นและหยิบโปสการ์ดแผ่นนั้นมาคั่นหนังสือไว้ที่หน้า 23 จากนั้นเธอหันมายิ้มและเดินหายไป...
ผมจำได้แม่นว่าผมนั่งรอเธออยู่ที่โต๊ะตัวนั้น รอเธอกลับมาเปิดหนังสือที่คั้นไว้และเริ่มอ่านต่อไปด้วยกัน ผมรอเพื่อที่จะอ่านไปพร้อมๆกันกับเธอ ผมนั่งนิ่งและนั่งรอ รอเธอกลับมา รอจนกระทั่งพนักงานเดินมาบอกว่าร้านจะปิดแล้วและผมคงนั่งและรอตรงนั้นไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ผมจึงลุกขึ้นอย่างเงียบงันและเดินออกจากร้านอย่างอาลัย
ครับผมเก็บหนังสือเล่มนั้นไว้กับตัวตลอดเวลา หยิบขึ้นมาอ่านทุกครั้งที่ทำได้ อ่านมันอย่างตั้งใจ ซ้ำไปและซ้ำมา ผมอ่านจนถึงประโยคที่เราอ่านด้วยกันที่หน้า 23 และไม่เคยอ่านเลยไปจากนั้น ผมพยายามตามหาเธอโดยตีความจากหนังสือเล่มนั้น เราทั้งคู่ชอบเล่นซ่อนหาและมักซ่อนสิ่งต่างๆด้วยรหัสต่างๆ และผมแน่ใจว่าเธอได้ทิ้งบางสิ่งบางอย่างไว้ด้วยความเคยชิน และแน่ใจว่าผมจะสามารถถอดรหัสเหล่านั้นได้ และได้พบกับเธอ
ผมตามหาเธออยู่หลายต่อหลายปี ทุกๆวันตื่นขึ้นมาอาบน้ำกินข้าวและออกตามหาเธอ ตกค่ำกินข้าวและเข้านอน นอนคิดตีความหมายและวางแผนในการตามหาเธอจนกระทั่งผลอยหลับไป จากนั้นก็ตื่นขึ้นและออกตามหาเธอ ดูเหมือนทุกๆอย่างรอบตัวผมนอกเหนือจาการตามหาเธอแล้ว ทุกอย่างไม่มีความหมายใดๆอีกต่อไป และแล้ววันหนึ่งผมก็ได้ตระหนักว่าชีวิตผมไม่มีวันกลับไปเหมือนเดิมอีกต่อไป...ตลอดกาล
แล้วจู่ๆเธอก็เดินผ่านหน้าผมไป...
ขณะที่ผมนั่งกินข้าวอยู่ด้านหน้าของร้านอาหารแห่งหนึ่ง ผมตั้งตัวแทบไม่ทัน เลือดลมในกายผมสูบฉีดอย่างรุนแรงจนแทบจะระเบิดออกมา แต่ร่างกายผมกลับนิ่งและไม่ไหวติง มีเพียงขนทุกเส้นบนร่างกายที่ลุกซู่ขึ้น...ขนทุกๆเส้นเต้นเร้าไปมาคล้ายกับว่ามันกำลังเต้นระบำอย่างร่าเริง หลังจากตั้งสติได้ผมรีบจ่ายเงินค่าอาหารและออกเดินตามเธอไป ผมระวังเพื่อที่จะให้เธอไม่เห็นผม ผมเดินอย่างแผ่วเบาและหลบหน้าเมื่อเธอหันกลับมา จริงๆแล้วเธอคงจะจำผมไม่ได้แล้วเพราะใบหน้าผมแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม ท้ังแก้มที่ซูบผอมลงอย่างไม่น่าเชื่อพร้อมรอยย้นที่มากขึ้นเป็นเท่าตัว ร่างกายที่เคยกำยำก็เหี่ยวฟีบลงจนทำให้ดูตัวเล็กลงอย่างน่าฉงน ผมเผ้าก็ไม่เรียบร้อยอย่างเก่ากลับคล้ายจะเป็นศิลปินที่อารมณ์กระเจิดกระเจิงคนหนึ่ง มีเหลือเพียงแววตาเท่านั้นที่เหมือนเดิมทุกอย่างถ้าเพียงเธอได้สบตากับผม ผมมั่นใจว่าเธอจะจำผมได้ ผมจึงหลบหน้าเธอทุกครั้งที่เธอหันมาเพราะผมยังไม่พร้อม....
ผมเดินตามเธออยู่หลายวันจนกระทั่งเป็นเดือนและหลายเดือน ผมล่วงรู้กิจวัตรประจำวันของเธอว่าเธอจะไปไหนในวันไหน ช่วงไหนบ้างที่เธออยู่เพียงลำพัง ช่วงไหนบ้างเหมาะกับการเข้าไปหาเธอ ช่วงเวลาไหนที่เราจะได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพัง เพียงแค่เราสองคนในสถานที่ส่วนตัว นั่นคือสิ่งที่ผมปราถนามาเป็นเวลาหลายต่อหลายปี ผมยังคงรอคอยช่วงเวลานั้นอย่างอดทนและนั่นไม่ใช่ปัญหาหลังจากหลายปีที่ผ่านมา ผมสามารถอดทนได้อย่างไม่จำกัด
และแล้วหลังจากผ่านไประยะเวลาหนึ่ง ช่วงเวลาที่ผมต้องการก็มาถึง ผมซักซ้อมกับตัวเองหน้ากระจกหลายต่อหลายครั้ง ทบทวนคำพูดต่างๆที่ผมต้องการสื่อสาร สั้นกระชับและตรงที่สุด ผมรู้สึกว่าผมพร้อมแล้วทั้งทางร่างกายและจิตใจ ก่อนออกจากห้องพักผมไม่ลืมหยิบของสำคัญสิ่งนั้น สิ่งของที่ผมติดตัวตลอดเวลา สิ่งที่ผมเตรียมมาให้กับเธอเพียงคนเดียวบนโลกใบนี้ ผมหยิบมันขึ้นมาลูบคลำ กระซิบกับมันเบาๆว่าถึงเวลาแล้ว...จากนั้นผมก็หยิบมันใส่กระเป๋าเสื้อคลุมและเดินออกมา
ผมพร้อมแล้ว...
เหตุการณ์หลังจากนั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับการเตรียมตัว ผมเข้าไปพบเธอโดยท่ีเธอไม่รู้ตัวแววตาเธอตกใจถึงขีดสุดเมื่อได้สบตาและจำผมได้ ตัวเธอสั่นและน้ำตาเธอเอ่ออยู่ที่ดวงตา
ผมตะโกนออกไปสุดเสียงโดยที่รู้ว่าจะไม่มีใครได้ยินนอกจากเธอเพียงคนเดียว...
"อีเ_ี้ย!! มึงคิดว่าจะหนีกูพ้นเรอะวะ อี_ัตว์นรกเอ้ยย! "
ผมตรงปรี่เข้าไปต่อยเธอที่ท้องน้อย เธอจุกและล้มลงนอนขดตัวพร้อมกับไอถี่ๆ ผมเตะซ้ำไปที่หลังเธออย่างเต็มแรงร่างของเธอกระตุกหงายในทันที เธอพยายามอ้อนวอนขอความเมตตากับผมพร้อมๆกับเสียงหักของกระดูก แต่ไม่มีทางซะหรอกผมรอเวลานี้มาตลอดและไม่มีทางที่จะปล่อยมันไป "มึงคิดว่าจะโกงกูได้เหรอ บอกมาเดี๋ยวนี้นะว่ามึงเอาของไปซ่อนไว้ที่ไหน" ผมตะโกนบอกเธอพร้อมหวดรองเท้าไซค์45 ไปที่หน้าเธอซ้ำไปซ้ำมาอย่างไม่ยั้ง เธอพยายามที่จะพูดบางอย่าง แต่สิ่งที่ออกมาจากปากของเธอมีเพียงอย่างเดียวนั่นคือ เลือด เลือดสีแดงสด....
จริงๆแล้วผมไม่สนใจสิ่งของเหล่านั้นไปนานหลายปีแล้วล่ะครับ ตอนนี้ในใจผมมีเหลือเพียงแต่ความโกรธและความแค้น ไม่มีใครในโลกนี้โกงผมแล้วเดินหนีจากผมไปได้ง่ายๆและยิ่งหนีไปได้นานขนาดนี้ มีเพียงเธอคนที่ผมเคยไว้ใจที่สุดและฉลาดเกือบจะเท่ากับผม
แค่เกือบจะเท่ากับผม...
และตอนนี้เธอก็นอนอยู่แทบเท้าผมแล้ว นอนอยู่ในร่างที่หอบหายใจอย่างแผ่วเบาและแววตาที่พยายามขอร้อง ขอความเมตตา ผมถุยน้ำลายลงที่หน้าของเธออย่างแม่นยำพร้อมสะแหย่ะยิ้มอย่างสะใจ และเวลาที่ผมรอคอยก็มาถึง ผมค่อยๆล้วงมือลงไปที่กระเป๋าเสื้อคลุมและหยิบมันออกมา แววตาของเธอตื่นตระหนกสุดขีดเมื่อเห็นสิ่งนี้ แน่นอนเธอเคยเห็นสิ่งที่ผมฝึกฝนอย่างชำนาญและเธอรู้ว่าเธอกำลังจะเจอกับมัน
ผมค่อยๆชักมีดออกจากปลอก กลิ่นความตายลอยออกมาฟุ้งเต็มห้องในทันที ทั้งๆที่มีดเล่มนี้เป็นเล่มใหม่แต่จากการที่ผมนั่งลับคมของมันทุกๆวันก่อนนอน นั่นอาจทำให้จิตที่อาฆาตแค้นของผมฝังลงไปอยู่ในมีดเล่มนี้ ผมค่อยๆเดินเข้าไปหาเธออย่างไม่รีบร้อน ยิ่งตัวของเธอสั่นระริกไม่หยุดเท่าไหร่ยิ่งทำให้ใจของผมนิ่งขึ้นเท่านั้น จิตใจของผมผ่อนคลายลงอย่างไม่น่าเชื่อ ผมเอื้อมมือไปปิดปากเธอ กระซิบคำพูดเบาๆที่ข้างหูของเธอและเริ่มทำงานของผม คมมีดฉวัดเฉวียนไปมาอย่างชำนาญ เลือดสีแดงฉานเอ่อล้น ไหลนองออกมาอย่างไม่หยุด เสียงหายใจแผ่วเบาของเธอสะดุดสำลักไปมาแต่ด้วยความชำนาญของผม เธอจึงยังหายใจอยู่ ผมหยิบชิ้นส่วนบางอย่างที่เคยอยู่ในร่างกายขึ้นมาให้เธอดู แววตาของเธอกำลังขอร้อง ขอร้องให้ผมจบชีวิตเธอ... ไม่มีทางซะหรอก ผมรอเวลานี้มานานและผมต้องการจะดื่มดำ่กับมันให้ถึงที่สุด
ขณะที่ผมเพลิดเพลินกับกิจกรรมส่วนตัวที่เราทั้งคู่ทำอยู่นั้น ประตูก็ได้ถูกเปิดขึ้นมาโดยที่ผมไม่คาดฝันโดยคนที่ผมคาดไม่ถึง ผมถูกจับข้อหาฆาตกรรมและถูกตัดสินประหารชีวิตในที่สุด
ผมลืมตาขึ้นมามองแสงไฟที่ส่องผ่านซี่ลูกกรงเหล็ก ผ่านเข้ามาในห้องขังที่ชื้นและเย็นยะเยียบทอดเงาเป็นเส้นตรงที่บิดเบี้ยวไปมา ผมยังนั่งถือหนังสือเล่มนั้นอยู่พร้อมกับนึกถึงกิจกรรมในวันนั้นอย่างโหยหา พรุ่งนี้แล้วที่ผมจะโดนประหารชีวิต ผมไม่กลัวหรอกครับและผมต้องการจะอยู่กับจินตนาการของผมให้นานที่สุด ผมค่อยๆหลับตาลง จนความมืดกลับมาอีกครั้ง... . . . . . . ท่ามกลางความมืดมิด...เสียงเครื่องของพัดลมสั่นเป็นจังหวะๆ ทำให้ผมต้องลืมตาขึ้นอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจ ผมค่อยๆลุกขึ้นยืน บิดตัวไปมาอย่างเมื่อยล้าและเดินไปหยิบหนังสือที่มีโปสการ์ดคั้นอยู่ที่หน้า 23 ติดมือไปด้วย ผมล้างหน้าและเดินลงมาที่ชั้นล่างนั่งลงที่โต๊ะกินข้าวพร้อมเล่าสิ่งต่างๆที่ผ่านเข้ามาในหัวให้ผู้หญิงที่นั่งตรงหน้าจนหมดสิ้น เธอกำลังกินข้าวเช้า ตุ้ยตุ้ยตุ้ย และสิ่งที่ผมได้กลับมาคือแววตาดุๆพร้อมคำพูดประโยคที่ว่า "ดูอยู่นั่นล่ะซีรี่ย์ฆาตกรต่อเนื่องก่อนนอน งานการไม่รู้จักทำ สมน้ำหน้าฝันเป็นตุเป็นตะ น่าจะโดนประหารชีวิตจริงๆนะเนี่ย!! เอ้า...เงินวันนี้เอาไป 50 บาทใช้ให้พอนะ! " จากนั้นเธอก็นั่งจัดการข้าวเช้าของเธอต่อโดยไม่สนใจผมอีกเลย
ผมถอนหายใจเฮือกพลางคิดในใจ "ห้าสิบบาทก๋วยเตี๋ยวพิเศษชามเดียวก็หมดละ" ผมก้มหน้าลงมองหนังสือพร้อมโปสการ์ดที่อยู่ในมือและทันใดนั้นผมก็ได้กลิ่นคาวเลือด...
ผมแอบเหลือบมองไปที่มีดที่อยู่บนโต๊ะทำกับข้าวทางซ้ายในทันทีและแอบเหลือบตามองไปยังผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าจากนั้นผมก็หลับตาลงอีกครั้ง... หลับตาแล้วปล่อยให้ตัวผมอยู่ท่ามกลางความมืดมิดที่ไม่มีที่สิ้นสุด... ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ตครับ หมายเหตุ... เนื่องจากช่วงนี้อารมณ์ผู้พิมพ์ค่อนข้างจะหนักอึ้งทั้งจากงานที่คั่งค้างมากมายและสถานการณ์รอบตัวรวมทั้งรอบเมือง ทำให้งานที่พิมพ์ออกมานั้นค่อนข้างจะหนักเครียดตามไปบ้าง หลังจากที่พิมพ์งานนี้เสร็จผมเองชั่งใจอยู่สักพักว่าจะร่วมเดินทางกับเหล่าตะพาบอื่นๆในกิโลเมตรนี้ดีไหม เพราะกลัวจะทำให้เสียบรรยากาศ แต่เนื่องจากกิโลเมตรที่ผ่านๆมานั้น มีหลายครั้งหลายงานพิมพ์ที่ผมทำเสร็จแล้วแต่ไม่ได้ส่งร่วมกับตะพาบอื่นๆสุดท้ายเลยตัดสินใจลงเดินต้วมๆเตี้ยมๆไปกับเหล่าตะพาบอื่นๆด้วยครับ หวังว่าคงไม่ทำให้เครียดกันเกินไป... ส่วนตัวผมก็สบายหลังระบาย ...
Create Date : 12 ตุลาคม 2554 |
|
86 comments |
Last Update : 12 ตุลาคม 2554 16:42:50 น. |
Counter : 1317 Pageviews. |
|
|
ผมอยู่แถวสุขุมวิทตอนนี้ พื้นที่เสี่ยงไปเลย
เดี่ยวจะได้เห็นแม่น้ำสุขุมวิทแล้วครับ
แฮ่ๆ
-----
ภาพในกล่องเม้นต์นี่ จากหนังเรื่องไหนน่อ นึกชื่อไม่ออก?
จากผู้กำกับ300 นี่ล่ะน่อ
เดี่ยวแวะมาอ่านอีกรอบตอนดึกครับ