1 2 3 4 5 6
7 8 9 10 11 12 13
14 15 16 17 18 19 20
21 22 23 24 25 26 27
28 29 30
นิยายแปล เรื่อง ดาวพิษ บทที่ 2 เหตุป่วนสมอง
LITERATURE นิยายแปล เรื่อง ดาวพิษ บทที่ 2 เหตุป่วนสมอง คำนำของผู้แปล งานอดิเรกอย่างหนึ่งของจขบ.ก็คือ รับจ้างแปลหนังสือทั้งวิชาการและบันเทิงคดีในช่วงที่สายตายังดีอยู่ ส่วนใหญ่แปลหนังสือที่สำนักพิมพ์ใหญ่แห่งหนึ่งซื้อลิขสิทธิ์ ต้นฉบับมาจ้างให้แปล ไม่เคยซื้อมาแปลเอง ตกลงค่าแปล แล้วก็แปลไปเลย แม้จะไม่ใช่เรื่องติดอันดับ bestseller และเรื่องที่แปลในยุคที่นิยายแฟนตาซี เป็นที่นิยมมาก รวมทั้งเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องพออ่านได้ ไม่โดดเด่นมากแต่อย่างใด สำหรับเรื่องนี้เป็นเรื่องสุดท้ายที่แปล เพราะเริ่มเป็นช่วงขาลงของนิยายแฟนตาซี แล้ว พอแปลเสร็จสำนักพิมพ์ก็แจ้งว่า เขาจะไม่พิมพ์เรื่องนี้ แต่ค่าแปลจะจ่ายให้ตามสัญญา ถ้าเป็นผู้แปลคนอื่นๆ เชื่อขนม กินได้เลย แปลแล้วไม่พิมพ์นี่เสียหายมาก เพราะคนแปลก็อยากโชว์ ฝีมือในตลาดหนังสือด้วย แต่เราไม่มีปัญหา เพราะพอใจแค่ค่าแปล ไม่ได้อยากโชว์ฝีมือแปล ทำงานแปลแบบนี้ค่าเวลาไปวันๆก็สนุกดีแล้ว มาถึงวันนี้ก็ผ่านไป 15 ปีแล้ว หนังสือเล่มนี้ก็ไม่ได้มีทีท่าจะได้พิมพ์ คิดเอาเองว่าทั้งสำนักพิมพ์เจ้าของลิขสิทธิ์แปลและนักเขียนเจ้าของ ลิขสิทธิ์หนังสือก็คงไม่ได้สนใจงานแปลชิ้นนี้แล้ว น่าจะเอามาใส่ บล็อกไว้ให้ตัวเองและเพื่อนๆอ่านเล่นบ้าง ไม่มีเจตนาเพื่อการค้า แต่อย่างใด และหากมีปัญหาก็ขออภัยและลบทิ้งค่ะ ติดตามบทที่ 1 ที่นี่ค่ะ บทที่ 2 เหตุป่วนสมอง เมื่อปลอดภัยอยู่ในห้องสมุดพื้นขัดมันและผนังสีเหลืองอ่อนบนชั้นสองแล้ว เบล้กกับบอนนั่มจึงมองลงไปดูความพินาศในจตุรัส เสียงปืนสั้นและปืนคาบศิลาดังสนั่นเมื่อกองตำรวจรักษาการณ์ในเครื่องแบบเสื้อคลุมสีแดง กางเกงขาวและรองเท้าบู๊ตสีดำเข้ามาสังหารสุนัขและม้าอาละวาดฝูงสุดท้าย ทั้งสองมองตามหัวหน้ากองรักษาการณ์ตามกำจัดสัตว์ร้ายทีละตัว เขาแทงมันด้วยกระบี่แล้วฟันอีกฉับให้แน่ใจว่าตายสนิททุกตัว คนตายนอนอยู่ ณ ที่ที่ล้มลง ส่วนคนที่แสวงหาความปลอดภัยโดยปีนขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ก็ยังไม่สมัครใจจะกลับลงมาด้วยกลัวว่าจะมีสัตว์ร้ายชนิดอื่นจู่โจมเข้ามาอีก คนที่ถูกหมาฟัดแต่ยังไม่ตายนั่งจับกลุ่มเบียดเสียดกันอยู่ข้างถนน รอคนช่วยพลางร่ำไห้ หมอกขาวมัวลอยอ้อยอิ่งจากแม่น้ำเข้ามาตามหน้าประตูบ้านเหมือนผ้าคลุมหีบศพหนาทึบที่ปกคลุมจากพื้นดินจนสูงระดับศีรษะ ซ่อนผู้คนจำนวนหนึ่งให้พ้นสายตา ซ่อนเร้นความทุกข์ทรมานของคนเหล่านั้นไว้เหมือนหิมะตกใหม่สดชื่นมีชีวิตชีวาปิดบังฝุ่นฝอยสกปรกบนถนน ชายทั้งสองจ้องมองภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า ตอนนี้เป็นเวลาตีสาม แต่ดวงอาทิตย์ยามเช้าสว่างโชติช่วงเต็มที่ จนเห็นเงาดำทึบทอดทาบหมอก สูงขึ้นไป ฟ้าสีน้ำเงินจัดจ้าข่มมังกรฟ้าให้ลับแสง เบล้กเงยหน้าขึ้นมอง รู้ดีว่าอีกไม่กี่วันความลับก็จะประจักษ์แก่ตา คนอื่นๆก็จะมองเห็นดาวดวงนี้และจะอ้างว่าตนคือผู้ค้นพบ ถ้าเบล้กไม่รีบอ้างเสียก่อน เบล้กไม่มีวันยอมหรอก เขาเป็นคนค้นพบนี่นา เขาสู้ทำงานนี้มาตลอดชีวิต บอนนั่มเป็นผู้ทำลายความเงียบ เขายังคงตื่นกลัวหมาร้ายจนตัวสั่น ชายหนุ่มหันไปทางเบล้ก คนข้างล่างนั่นไม่โชคดีเท่าข้า เขาพูดพลางชี้ไปที่ร่างของเด็กหญิงตัวน้อยซึ่งแม่กำลังลากหายเข้าไปในหมอกซึ่งหนาแน่นขึ้นทุกที ข้าอาจเป็นอย่างเด็กน้อยนั่นก็ได้นะ เซเบี้ยน ให้ตายซี่ ข้าดีใจจนบอกไม่ถูกที่เจ้าอยู่บ้าน บอนนั่มตบหลังเบล้กเบาๆ อีกแค่วินาทีเดียว ไอ้ตัวนั้นได้ฟัดข้าแหลกแน่ เจ้าโชคดีน่ะ ไอ้เกลอ นับว่าโชคดี ยังไม่ถึงที่ เบล็กตอบเบาๆ บอนนั่มจับได้ว่าเบล้กไม่สนใจฟัง มัวแต่ใจลอยคิดเรื่องอื่น หมกมุ่นอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งซึ่งต้องสำคัญมาก แล้วเจ้าล่ะ เป็นยังไงบ้าง เซเบี้ยน บอกข้าซิ เจ้าคิดว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงของบอนนั่มนุ่มทุ้ม อบอุ่นและเป็นมิตร นุ่มนวลหวานซึ้งเหมือนช็อกโกแลตผสมน้ำผึ้ง เขาพยายามยิ้มให้เบล้ก ตอนมันวิ่งเข้าใส่ข้านะ ข้าเห็นเขี้ยวมันด้วย เห็นตามันมีแววเกลียดชัง ชั่วสองสามอึดใจนั้นข้าคิดว่าได้เห็นนรกขุมลึกสุดเชียวโว้ย มูลเหตุมันคืออะไรแน่วะ ทีแรกก็มืดตื๋อแล้วกลับบ้าคลั่งกันไปหมด มีคำพยากรณ์อยู่แล้ว เบล้กตอบรวดเร็ว ชัดเจนเหมือนจมูกที่หน้าเจ้าน่ะแหละ คำพยากรณ์คอยท่าเราอยู่ตั้งแต่ครั้งสร้างโลก เราไม่ทันสังเกตเอง เบล้กรู้ว่าเขาต้องยอมให้บอนนั่มร่วมรับรู้การค้นหาดาวหาง ทั้งสองคบกันมาตั้งแต่ไปเรียนที่วิทยาลัยแม็กดาลีน ทั้งสองเคยร่วมรู้และบางครั้งก็สอดรู้ความลับของกันและกัน แถมยังเป็นเพื่อนร่วมสมาคมลับแห่งเดียวกันอยู่ด้วย เบล้ก กระวนกระวายใจยิ่งขึ้น ข้ามีเรื่องที่อยากจะบอกเจ้า เรื่องนี้ข้าจะต้องประกาศให้โลกรู้ เจ้าต้องช่วยข้า เรื่องที่ค้นพบจะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่าง เขาคว้าปกเสื้อคลุมของบอนนั่มยึดไว้แน่น ดึงหน้าเพื่อนเข้ามาประจัญหน้าตน สัญญากับข้าซิ สัญญากับข้าเรื่องหนึ่งก่อน เจ้าต้อง ... เขาหยุดพลางจ้องตาเพื่อน บอกมาก่อน เจ้าจะเชื่อเรื่องที่ข้าบอกไหม เจ้าจะเก็บเป็นความลับได้หรือไม่ เซเบี้ยน เราก็รู้จักกันมาแต่เด็ก บอกข้าเถอะ ทำไมถึงได้วิตกขนาดนี้ บอนนั่มดึงมือเบล้กออกจากคอเสื้อของตนแล้วจูงเขาไปที่เก้าอี้ข้างเตาผิง ไฟในเตานั้นมีขี้เถ้าเกลี่ยกลบไว้ให้คุอยู่ตลอดคืน พ่นควันลอยขึ้นสู่ปล่องไฟตามลมแรงที่ดูดออกไปสู่อากาศแห่งนครลอนดอนดูเหมือนภูเขา เบล้กนั่งลงบนเก้าอี้ อารมณ์เปลี่ยนจากตื่นเต้นเป็นวิตกกังวล เมื่อบอนนั่มเขี่ยไฟด้วยท่อนทองเหลือง แก๊สถ่านหินก็พลุ่งออกมาจากเปลวไฟเป็นสาย ๆ ส่งเสียงฟู่ๆ และแตกเปรี๊ยะๆ ลุกไหม้เป็นสีแดงแกมฟ้า เอาละ ไอ้เพื่อนยาก บอกข้าซิว่าเจ้ากังวลเรื่องอะไร ไอแซก บอนนั่มไม่เคยเห็นเบล้กเป็นเช่นนี้มาก่อน เขาเป็นคนสงบสุขุม ดำเนินชีวิตอย่างมีระเบียบ ประณีตและถูกต้องเที่ยงตรงเสมอ เหตุการณ์คืนนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุและไม่ใช่แผ่นดินไหวอย่างแน่นอน ที่แท้พื้นฐานอันมั่นคงของจักรวาลถูกทำให้เคลื่อนไปด้วยพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ที่เรารู้จักน้อยมากต่างหาก เบล้กหยุดพูดหันมาสบตากับบอนนั่ม คืนนี้ ข้าเห็นอะไรบ้างอย่างซึ่งทำให้เราต้องเปลี่ยนโลกทัศน์ ข้าพบว่าเน็มโมเร็นซีสอ้างถึงเรื่องนี้ไว้แล้ว แต่คัมภีร์นั่นมีจริงเสียเมื่อไรวะ บอนนั่มแย้ง เสียงทุ้มของเขาสูงขึ้นด้วย ความตื่นเต้น มีแค่ตำนานเล่าถึง มีจริงสิวะ และอยู่ที่นี่แล้ว ในบ้านนี้แหละ ข้าได้มาโดยบังเอิญ จะว่าเทพยดานำมาให้ก็ได้ เบล้กพูดเร็วด้วยเสียงที่ลดให้เบาลง ข้าอ่านแล้วทุกคำเลย แล้วก็พบเรื่องนี้จนได้ ข้าคำนวณได้ผลว่าเมื่อคืนนี้มีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น ตอนที่แสงสว่างหายวับไปและก่อนดวงอาทิตย์ขึ้นครู่เดียว ข้าเห็นว่าระหว่าง ดาวหมาและดาวนกอินทรีนั้น มีดาวหางดวงหนึ่งกำลังเคลื่อนมาทางโลก เบล้กคอยคำตอบ แต่บอนนั่มมัวแต่มองลงไปที่ถ่านหินซึ่งกำลังลุกโชน ยังจับความไม่ถนัด ที่เจ้าได้เห็นเมื่อคืนนี้ไม่ใช่แผ่นดินไหวหรือพายุในท้องฟ้าหรอก เบล้กกล่าวต่อ แต่คือการที่เวลาหยุดนิ่ง ... เราได้เห็นสภาพอย่างที่เคยเป็นก่อนการสร้างโลก อนธการอันว่างเปล่าและสัมบูรณ์ บอนนั่มเงยหน้าจากเตาผิงเมื่อเริ่มจับความได้เป็นครั้งแรก วันนี้เป็นวันแรกของยุคใหม่ ทุกอย่างเริ่มต้นอีกครั้งเหมือนกับครั้งก่อน ครั้งนั้นเราก็มีดาวมาเยือนอย่างนี้แหละ ดาวหางมาส่องทางให้เรา คนฉลาดถึงได้คอยติดตามดวงดาวอยู่เสมอ หมายความว่าตัมภีร์นั้นอยู่ที่นี่และเจ้าเป็นเจ้าของ จริงรึวะ บอนนั่มพูด ยังคงแคลงใจ ใช่ อยู่ที่นี่และเป็นของข้าจริงๆ ไอแซค เจ้าจะดูให้เห็นกับตาเจ้าก็ได้ เบล้กลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก้าวไปที่เตาผิง เจ้าจะอ่านคัมภีร์มหัศจรรย์เล่มนี้ร่วมกับข้าก็ได้ ข้าจะเปิดเผยความลับนี้แก่เจ้า แล้วเรื่องดาวหางนี่ล่ะ มันจะทำนายชะตากรรมของเราได้ยังไง บอนนั่มถาม อีกสี่คืน ทั่วโลกก็จะเห็นมันได้ด้วยตาเปล่า อีก 21 วัน ถ้ามันไม่เฉียดผ่านโลกไปก็คงจะชนโลกจนวินาศสันตะโรขนาดที่เราไม่มีวันจะฟื้นตัวได้อีก ดาวหางใหญ่ดวงนี้คือ ดาวพิษ ที่ตำนานศาสนาเรียกว่าเวิร์มวู้ด เน็มโมเร็นซิสบอกว่ามันจะทำให้แหล่งน้ำทั้งปวงเป็นพิษและคนจะถูกพิษตายเป็นจำนวนมาก เจ้ามีหนทางหยุดมันไหมล่ะ ดาวหางที่จะทำลายโลกและทุกสิ่งในโลกนั่นน่ะ! บอนนั่มอุทานเสียงดังพลางเดินจากเตาผิงไปที่หน้าต่างบานใหญ่ที่มีม่านจีบสีเขียวหนา ถ้าฟ้าไหวแค่หนึ่งครั้งยังเกิดผลทางทำลายล้างและสร้างความปั่นป่วนได้ขนาดนี้ ถ้าได้เห็นดาวหางนั้นจะจะ ชาวนครลอนดอนต้องเผชิญอะไรขนาดไหน บอนนั่มล้วงกระเป๋าหยิบปืนพกกระบอกหรูออกมาบรรจงบรรจุดินระเบิดจากขวดคอยาวลงในลำกล้องปืนนั้น เขาล้วงถ้ำยานัตถุ์สีเงินสุกปลั่งออกมาจากเสื้อกั๊กสีทอง แล้วหยิบลูกปืนลูกเล็กๆ ขนาดเท่าเม็ดถั่วขนาดใหญ่ออกมา ข้าจะต้องเตรียมตัวให้พร้อม ถ้าเกิดมีตัวอะไรบ้าคลั่งอย่างนั้นอีก ข้าจะได้เผ่นหนีทันทีโดยมีอาวุธพร้อมที่จะฆ่าหมาบ้าตัวไหนๆ ที่บังอาจไล่ฟัดข้า บอนนั่มใส่ลูกปืนแล้วตามด้วยหมอนรองนกสับ เขาเล็งปืนทำท่าเหมือนจะยิงออกไปนอกหน้าต่าง ถ้าคราวหน้าข้าเจอไอ้หมานรกอีกสักตัวละก็ มันไม่มีวันได้แอ้มแข้งข้าหรอกวะ แต่ต้องเคี้ยวลูกตะกั่วนี่แทน ลูกตะกั่วของเจ้าทำให้หมาหายตื่นกลัวไม่ได้หรอกแล้วก็หยุดดาวหางดวงนั้นไม่ได้ด้วย ถ้าข้าคำนวณถูกต้องมันก็จะโคจรผ่านโลกไปอย่างเฉียดฉิว แต่ถ้าข้าคำนวณผิด โลกก็อาจพินาศ เบล้กเดินไปที่หน้าต่างแล้วทั้งสองก็พากันมองลงไปที่จตุรัส ข้าไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลยว่ะ เซเบี้ยน ทั้งม้าตื่นวิ่งพล่าน ฝูงหมาบ้าเลือด แล้วทีนี้ดาวหางยังจะมาชนโลกซะอีก นี่เจ้ายังเชื่อว่าเจ้ารู้ความลับที่จะเปลี่ยนสิ่งร้ายๆ นี้ให้กลายดีได้ อย่างนั้นรึ ข้าไม่รู้หรอก คัมภีร์นั่นต่างหาก และเราต้องเก็บความลับนี้ไว้เฉพาะเรา มีคนอีกมากที่จะได้อำนาจมหาศาลถ้ารู้ว่าในนั้นบอกอะไรไว้บ้าง เน็มโมเร็นซีสมีศักยภาพเปลี่ยนแปลงได้ทุกอย่าง มีอำนาจยิ่งใหญ่กว่าจินดามณีของพวกเล่นแร่แปรธาตุเสียอีก และมีคนมากทีเดียวที่คิดว่าจะใช้อำนาจของคัมภีร์นี้เปลี่ยนตะกั่วให้เป็นทองได้ ข้ารู้นะว่าหลายหน้าในคัมภีร์นี้เป็นรหัสไขความลี้ลับแห่งชีวิตได้ทีเดียว ทันใดนั้น ทั้งสองก็ได้ยินเสียงคำรามเบาๆ ดังมาจากหลังประตูตู้ลับตรงอีกฟากหนึ่งของห้อง ประตูนั้นทำด้วยสันหนังสือจึงดูคล้ายเป็นส่วนหนึ่งของห้องสมุดซึ่งมีหนังสือเต็มผนังตั้งแต่พื้นถึงเพดาน กึ่งทางจากด้านล่างมีสันปกหนังสีเขียวขนาดใหญ่ สลักชื่อหนังสือด้วยตัวทองว่า บรรพ กิริยาประสาน เมื่อยกสันหนังสือขึ้น ประตูจะคลิกเปิดให้เห็นข้างในตู้ใหญ่ที่เบล้กใช้เก็บของใช้ เช่น ยานัดถุ์ ยาผง เหล้ายิน และของมีค่าที่สุดของเขาคือ เมรัยของนิทราเทวี เบล้กมองบอนนั่มแล้วทำใบ้ให้เขาอยู่เงียบๆ เสียงนั้นดังขึ้นอีก เป็นเสียงคำรามค่อยๆ ของสุนัขใหญ่ซึ่งกำลังหงุดหงิด บอนนั่มหยิบปืนพกกระบอกสวยออกมาเล็งไปทางประตูตู้อย่างตื่นเต้นหวาดกลัว เขามองเบล้ก ไม่แน่ใจว่าควรทำอย่างไรต่อไป พลางดึงนกสับของปืนกลับช้าๆ ให้อยู่ในสภาพพร้อมยิง เสียงเห่าคำรามดังขึ้นอีก ตามมาด้วยเสียงตะกุยอย่างคลุ้มคลั่ง ฟังคล้ายสัตว์ใหญ่กำลังพยายามขุดหาทางออกจากที่กักขัง เสียงคำรามเบาลงเหมือนถูกปิดปาก สุนัขนั้นจึงหอบหายใจทางจมูก เบล้กลังเล เขามองบอนนั่มซึ่งตอนนี้ใช้สองมือกุมปืนกระบอกเล็กไว้มั่นมิให้สั่น พลางเดินช้าๆ ไปทางประตูนั้น พอได้ยินเสียงเดิน เจ้าหมาตัวนั้นก็ยิ่งคำรามดังมากขึ้น และพยายามดันประตูตู้ออกมาให้ได้ เบล้กยื่นมือไปจับสันหนังสือเล่มนั้นและเริ่มคลายล็อก ประตูเปิดผาง เบล้กถูกชนล้ม บอนนั่มยืนตัวแข็งทื่อสุดปัญญาจะเหนี่ยวไกปืนได้ เบื้องหน้าเขาคือสุนัขดำตัวใหญ่ที่หูขวาขาดไปครึ่งหนึ่ง หน้ามีแผลเป็นเพราะถูกใช้ล่อวัวอยู่หลายปี มันคำรามรอดไรฟันที่บิ่นแตกเหมือนฟันเลื่อย หยุดนะ บริกันด์ เสียงพูดเบาๆ แล้วเด็กสาวคนหนึ่งก็ก้าวออกมาจากเงามืดส่วนในสุดของตู้ เจ้าทำให้เจ้านายกับเพื่อนตกใจ เจ้าหล่อนพูดพลางรั้งปลอกคอหนังสีดำของสุนัขไว้มั่น เด็กสาวก้าวล้ำออกมา ใบหน้าส่วนหนึ่งกระจ่างอยู่แสงอาทิตย์ อีกส่วนยังซ่อนอยู่ในเงามืด ร่างเจ้าหล่อนเพรียวสูง ผมดำยาวปรกหน้า มีผ้าสีดำคลุมไหล่ สวมชุดสีเขียวทับด้วยผ้ากันเปื้อนสีขาว โอ้โฮ นี่ใครกันล่ะเนี่ย บอนนั่มถาม ตกตะลึงจังงังจ้องปืนไปที่สุนัขพันทางตัวใหญ่ที่ยังคำรามใส่เขาอยู่ นี่อเก็ตต้า เลเมี่ยน! เบล้กบอกพลางลุกขึ้นจากหลังประตูตู้ซึ่งหนักมาก สาวใช้ของข้าเอง เขาพูดกับเด็กสาวอย่างโกรธจัด บอกมาดี ๆ นะว่าทำไมถึงเข้าไปซ่อนอยู่ในตู้นั่น อเก็ตต้าก้มลงมองพื้นและกระชับปลอกคอบริกันด์ให้มั่นมือขึ้น ก็เพราะแผ่นดินไหวน่ะเจ้าค่ะ ข้ากำลังดับเทียนอยู่ในบ้าน ข้ารู้ว่าท่านอยู่ข้างบนข้าเลยปล่อยให้บริกันด์เข้ามา มันมาหาข้าและช่วยระวังภัยจากพวกโมฮ็อกให้ข้าเวลาเดินกลับบ้าน อเก็ตต้าเงยหน้าขึ้นมองบอนนั่มและพยายามยิ้ม เมื่อบ้านเริ่มไหว ข้ากลัวก็เลยพามันเข้าไปหลบในตู้นั่น ข้าต้องพึ่งบริกันด์ ข้ามีมันอยู่ตัวเดียว ... ถ้างั้นทำไมเจ้าถึงไม่ออกมาเมื่อข้าเข้ามาในห้องนี้แล้ว เบล้กถามเสียงเย็น ข้าคิดว่าท่านจะโกรธ ก็ท่านไม่เคยชอบสุนัขนี่เจ้าคะ ข้าเลยคิดว่าจะซ่อนอยู่จนท่านไปแล้วจึงค่อยออกมาเจ้าค่ะ อเก็ตต้าสบตากับเบล้กและเสยผมสีดำราวขนกาให้พ้นหน้า เจ้าได้ยินเรื่องที่เราคุยกันไหม เบล้กถาม ก็ได้ยินบ้าง แต่ไม่ค่อยรู้เรื่องหรอกเจ้าค่ะ มัวแต่พยายามปลอบบริกันด์ให้หยุดคำราม เจ้าหล่อนตอบ หวังว่าจะหยุดถามกันเสียที แต่ไอ้ที่ได้ยินบ้างแล้วรู้เรื่องน่ะก็รู้ไว้คนเดียวแล้วกันนะ ห้ามบอกใคร เบล้กพูดพลางมองบอนนั่ม ท่านกรุณาลดปืนได้ไหมเจ้าคะ มันทำให้บริกันด์ตื่นและข้าไม่รู้ว่าจะจับมันไว้ได้อีกนานเท่าไร อเก็ตต้าตะเกียกตะกายรั้งปลอกคอสุนัขไว้เมื่อมันทำท่าจะสลัดหลุดไปงับบอนนั่มเหวี่ยงเล่นรอบๆ ห้องเหมือนกระต่ายที่มันเคยจับได้ บอนนั่มถอยไปก้าวหนึ่ง กดนกสับลงดังกริ๊กแล้วเก็บปืนหรูลงในกระเป๋าเสื้อคลุมตัวยาว ทั้งสามเงียบกันไปอย่างน่าอึดอัด เขามองสุนัขแล้วก็มองอเก็ตต้า เลี้ยงมันไว้นานแล้วหรือ เขาถามตะกุกตะกักด้วยยังตื่นกลัว เลี้ยงหมาตัวนี้มานานแล้วหรือ มันใหญ่... จังเลยนะ กัดไหม กัดแต่พวกโมฮ็อก เจ้าค่ะ แล้วก็คนที่เข้ามาใกล้ตัวข้ามากเกินไป นี่แหละข้าถึงต้องการให้มันอยู่ด้วยเวลาออกจากที่นี่ตอนเที่ยงคืนเพื่อเดินกลับไปถนนฟลีต อเก็ตต้าก้าวเข้ามาในห้อง ระวังให้สุนัขอยู่ชิดกายเจ้าหล่อน พวกโมฮ็อกรังควาญเจ้าหรือ บอนนั่มถาม เมื่อก่อนมันมารังควาญข้า แต่ตอนนี้บริกันด์รังควาญมันเข้ามั่งละเจ้าค่ะ เล่นเอา วิ่งแจ้นหนีไปเป็นไมล์ทั้งๆ แต่งเนื้อแต่งตัวซะโก้หรู นั่นแหละพวกแก๊งหัวกลวง มันคิดว่าต้องแต่งตัวดี ทำท่ากร่างขู่คนให้หงอ ข้าว่าสมองมันหามีไม่ ดีแต่แต่งตัวไปเที่ยวก่อกวนรังควาญตาแก่กับผู้หญิงเสเพลละเจ้าค่ะ เจ้าหล่อนเริ่มจะทำตัวเป็นจุดสนใจขึ้นบ้าง อเก็ตต้าไม่กลัวอะไรง่ายนักและเพื่อนของเบล้กก็มีบางอย่างที่ทำให้หล่อนชักจะสนใจ ถ้างั้นเจ้าก็ออกไปก่อกวนพวกมันให้มากขึ้นเสียแต่กลางวันแสกๆ บ้างก็แล้วกัน เบล้กขัดขึ้นเพื่อให้เจ้าหล่อนหยุดจ้องบอนนั่ม นี่ก็เช้าแล้ว เจ้าจะได้เห็นพวกมันชัดๆ หมาของเจ้าก็จะได้วิ่งไล่กวดมันไปถึงไฮด์ ปาร์กโน่นได้สมอยาก เขาพูดห้วนๆ อเก็ตต้ามองนาฬิกาฝรั่งเศสเรือนทองบนชั้นเหนือเตาผิง เวลายังเป็นกลางคืนอยู่เลย แต่พระอาทิตย์ก็ขึ้นแล้วนะเจ้าคะ นี่แม่หนู เบล้กพูด เจ้าซ่อนอยู่ตลอดเวลาที่แผ่นดินไหวแรงเสียจนเวลาเปลี่ยนไปหมด นี่เป็นเวลาเช้า กลางคืนผ่านไปแล้ว วันนี้เป็นวันใหม่ ชายหนุ่มมองบอนนั่มแล้วกลับไปมองอเก็ตต้า วันนี้ไม่ต้องมาทำงาน ค่ำๆ ค่อยมา เขาตัดบท ห้ามบอกใครว่าเจ้าได้ยินอะไรบ้าง ไม่เช่นนั้นเจ้าจะต้องมีคู่หูที่เก่งยิ่งกว่าหมาของเจ้าจึงจะช่วยเจ้าได้ ... ข้ารู้ว่าเจ้าเข้าใจ เขามองขึ้นไปที่ห้องชั้นบน สุ้มเสียงข่มขู่ชัดเจน อเก็ตต้าก้มศีรษะรับคำ เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ อเก็ตต้าตอบพลางจูงบริกันด์ออกไปจากห้อง พอถึงประตูก็หันกลับมา ข้ารู้ ท่านคิดว่า ข้าจะเอาเรื่องที่ได้ยินไปโพนทะนา แต่ข้าไม่ทำหรอก ข้าอาจทำอะไรได้หลายอย่าง แต่ก็รักษาคำสัญญาเสมอเจ้าค่ะ ดร. เบล้ก ท่านวางใจได้ ดีละ อเก็ตต้า ข้ารู้ว่าวางใจเจ้าได้ เบล้กยิ้ม ไม่ทันรู้ตัวว่าเผลอต้องเสน่ห์เจ้าหล่อนเข้าอีกหนแล้ว อเก็ตต้าออกไปจากห้องสมุด ปิดประตูตามหลังอย่างระมัดระวัง เจ้าหล่อนปล่อยให้บริกันด์ลงบันไดไปก่อน ตัวเองหยุดเอาหูแนบประตูฟังเสียงภายใน ตกใจน่าดูเลยว่ะ เซเบี้ยน บอนนั่มพูด เกือบยิงเจ้าหล่อนและไอ้หมาตัวนั้นซะแล้ว เจ้าคิดว่าเจ้าหล่อนจะเอาเรื่องที่ได้ยินไปเที่ยวพูดมั้ย อเก็ตต้าไม่ทำแบบนั้นหรอก เจ้าหล่อนรู้ว่าผลจะเป็นยังไง เราเชื่อข้อนี้ได้ เจ้าหล่อนรู้ว่าใครเป็นนาย เบล้กตอบ เราน่าจะกักเจ้าหล่อนไว้ที่นี่จนกว่า-- พ่อเจ้าหล่อนจะเผ่นมาถึงโดยเร็วพอๆกับที่ไอ้หมานั่นวิ่งข้ามสี่แยกไป เบล้กสวนคำ เจ้าจะอยากเจอหมาดุมากกว่าพบแคดมุส เลเมี่ยนน่ะนา ถ้าเจ้าคิดว่าโมฮ็อกเป็นวายร้ายประจำเมืองละก็ แคดมุส เลเมี่ยนก็คือสุดสยองของวายร้ายเทียวละ เขาเป็นคนที่เจ้าจะไม่อยากทำให้โกรธเลยเทียว เบล้กเดินกลับไปที่หน้าต่างและมองไปที่จัตุรัสซึ่งมีหมอกปกคลุม ตาเฒ่าแคดมุสเองเป็นคนบอกให้ข้าจ้างลูกสาวเขา ล่อใจข้าแล้วก็ล่อกระเป๋าเงินข้าด้วย เขาบอกว่าเจ้าหล่อนมีประโยชน์แต่ข้าต้องจ่ายแพงกว่าที่เคยจ่ายลูกจ้างคนก่อนๆ เด็กคนนี้มีอะไรบางอย่างแปลกๆ เวลามองตาเจ้าหล่อนคล้ายกับว่ากำลังสบตาใครคนหนึ่งซึ่งเคยเห็นโลกมาแล้วหลายชาติหลายภพ มีประสบการณ์ชีวิตมากกว่าที่เรามี แต่ก็นั่นแหละนะ เจ้าหล่อนทำงานดีและรู้ว่าเมื่อไรต้องปิดปากให้สนิท ข้างนอกห้องนั้น อเก็ตต้าเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งและเม้มริมฝีปาก สีหน้าโกรธ เจ้าหล่อนได้ยินทุกอย่าง คำขู่เรื่องห้องดูดาวนั้นไม่ทำให้เจ้าหล่อนกลัวหรอก เด็กสาวเคยเห็นเพื่อนฝูงของนายเดินแถวเข้ามาในบ้าน แต่งกายประหลาด และท่องมนตร์เหมือนพวกยิบซี เจ้าหล่อนได้ยินเสียงเต้นรำบำบวงและปรบมือโห่ร้อง อเก็ตต้ามีหน้าที่เก็บกวาดแท่งเทียนขี้ผึ้งสีดำที่ดับแล้วไปทิ้ง รวมทั้งเทกระถางกำยานที่เต็มแน่นด้วยมดยอบยางไม้หอม เวลาที่คนพวกนี้เต้นรำ เจ้าหล่อนก็ดอดไปล้วงกระเป๋าครั้งละหนึ่งเหรียญทองคำ หนึ่งปอนด์จากคนนี้และหนึ่งเหรียญกินีจากคนโน้น ทำไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและกล่าวคำ ขอบคุณ เจ้าค่ะ เมื่อได้รับค่าตอบแทนจากการเก็บแขวนเสื้อคลุมให้ แล้วพอเที่ยงคืนพวกนี้ก็กระจายหายไปสู่แหล่งสลัมเหมือนหนูลอนดอนตัวใหญ่ๆ กระนั้น เบล้กเชื่ออเก็ตต้าเท่าที่เขาอยากจะเชื่อ เขาสามารถทำให้เจ้าหล่อนงงงวยได้ด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับภพโลกอื่น ด้วยเวทมนตร์คาถาลึกลับทำเสน่ห์เล่ห์กล แต่พอเที่ยงคืนเจ้าหล่อนก็จะยักยอกทรัพย์ของเขาอีกเหรียญหนึ่ง มาหย่อนลงในถ้วยของตน และเมื่อใดที่ได้ไปจนเกินพอแล้ว เจ้าหล่อนก็จะหายวับไปและไม่มีวันหาตัวพบ อเก็ตต้าทิ้งให้สองหนุ่มคุยกันในห้องต่อไป ตัวเองแอบหลบลงบันไดไปออกประตูหลังซึ่งบริกันด์คอยอยู่ มันกระดิกหางไปมา ทางเข้าออกของคนรับใช้เปิดออกไปสู่ซอยแคบซึ่งแม้แต่วันที่แจ่มใสที่สุดแสงแดดก็ไม่เคยส่องถึง จึงชื้นแฉะและหนาวเหน็บเพราะความเย็นยามเช้า หมอกจากแม่น้ำเคลียกำแพงบ้านที่อยู่รอบๆ เหมือนใยแมงมุมขนาดยักษ์ซึ่งคอยเกาะหน้าตาเจ้าหล่อนเมื่อเดินผ่านออกไปทางถิ่นฮอลบอร์น คนเดียวที่หล่อนเห็นในซอยนั้น คือหญิงจรจัดซึ่งล้มลงพิงประตูบ้านตรงข้าม ขวดเหล้ายินในมือหล่อนซุกอยู่ในเสื้อผ้าเก่าโทรมยับยู่ยี่เหมือนผ้าขี้ริ้ว แยกแทบไม่ออกจากหนังและกระดูกซึ่งรวบรวมกันเป็นรูปทรงมนุษย์ หญิงนั้นน่าเกลียดเหมือนหลุมศพ ทั้งหน้าตาเหี่ยวย่นและริมฝีปากพุพอง หล่อนมองอเก็ตต้าด้วยตาที่ลืมอยู่ข้างเดียว อีกข้างนั้นปิดสนิทด้วยคราบหนองเหลืองแห้งจนเป็นเปลือกแข็งเหมือนกะโหลกขนมปัง ขอทานให้คนแก่สักหนึ่งเพ็นนีเถอะหนู! หญิงนั้นร้องขอ แค่เพ็นนีเดียว จะได้ซื้อเจนีวาได้อีกสักขวด อเก็ตต้าเฉยเสียและออกเดินไปโดยเร็ว บริกันด์วิ่งไปที่หญิงนั้น ดมหน้าหล่อนแล้วกระโดดโหยงกลับมา ไม่แน่ใจว่าหล่อนเป็นใครหรืออะไรกันแน่ บริกันด์! อย่ายุ่งกับหล่อน! อเก็ตต้าตะโกน เสียงของเด็กสาวก้องไปตามซอยมัวมืดนั้น เจ้าสุนัขกระโจนจากหญิงนั้นออกมา สลัดขน ทำตัวสั่นๆ เส้นขนบนหลังลุกชันทุกเส้น หญิงแก่ทำขวดเหล้าหลุดจากมือซึ่งนิ้วเย็นจนชา ขวดนั้นกลิ้งหลุนๆ ส่งเสียงเคล้งๆ ไปตามถนนปูด้วยก้อนหินกลม บริกันด์ตามอเก็ตต้าไปตามทางเดินที่ลาดลง มันหยุดเป็นครั้งคราวเพื่อเหลียวกลับมามองหญิงแก่นั้น คล้ายๆ กับว่ามันเห็นหล่อนชัดกว่าที่คนเห็น ตามันมองทะลุเสื้อผ้าสกปรกเปรอะเปื้อนเข้าไปเห็นว่าตัวตนสิ่งมีชีวิตภายในไม่น่าวางใจ ไม่ช้าเสียงอึกทึกจากถิ่นฮอลบอร์นก็เข้ามาแทนความเงียบในซอย ถนนคลาคล่ำด้วยเกวียนและรถม้า ที่มุ่งหน้าไปสู่ความปลอดภัยในเขตชนบทว็อกซ์ฮอลล์ ทุกหนแห่ง ฝูงชนที่ตระหนกตกตื่นขึ้นมาเพราะแผ่นดินไหวนั้นตอนนี้เคลิ้มไปกับแสงแดดซึ่งส่องลอดชั้นหมอกแม่น้ำลงมา สูงขึ้นไปเหนือยอดโดมของเซนต์ปอล ตะวันดวงกลมแดงจ้าฉายฉานอยู่ในท้องฟ้าสีจางซีด ลมเย็นสดชื่นพัดเข้ามาในถนน หอบเอากลิ่นสายน้ำซึ่งหอมเหมือนกลิ่นลูกจันท์ย่างเข้ามาด้วย อเก็ตต้าก้าวไปตามถนนสู่ฮอลบอร์น เลือกเส้นทางผ่านเสียงอึกทึกและกลุ่มชนที่รวมตัวกันอยู่ภายนอกร้านค้าและโรงเตี๊ยมแถวๆ นั้น เข้าไปในซอยแคบมืดซึ่งตัดทะลุจากฮอลบอร์นไปออกโรงเตี๊ยม ชิพ ทาเวิร์น และบ่อนการพนันแถบเว็ตสโตน ปาร์ก สามคืนก่อนเกิดฆาตกรรมขึ้นในซอยอินนิโก อเก็ตต้ายังเห็นรอยเลือดเปื้อนกำแพงตรงที่ชายถูกทำร้ายพยายามหนี เสียงเขาร้องเป็นหลายครั้งได้ยินไปถึงถนน แต่ครั้นผู้คนรีบรุดมาช่วยก็กลับไม่พบใครอื่นเลย ดูเหมือนว่าฆาตกรจะหายวับสาบสูญไปทีเดียว เจ้าหล่อนรู้สึกหนาวเยือกลงไปตามสันหลัง เมื่อบริกันด์เข้ามาเบียดดันข้างตัวพร้อมกับคำรามดังก้อง มันหยุดยืนจังก้าและตั้งต้นเห่า ไม่มีใครอยู่ในซอยนั้น แต่กระนั้นมันก็ยังคำรามเห่าหอนใส่สิ่งที่มันมองเห็นได้ บางสิ่งบางอย่างที่เดินอยู่ในอีกโลกหนึ่ง อเก็ตต้ารู้ว่าตนและสุนัขไม่ได้อยู่กันตามลำพัง หยุดเถอะ บริกก์ ข้ากลัวนะ! เจ้าหล่อนตะโกน แต่ตอนนี้เจ้าสุนัขกระโดดขึ้นๆ ลงๆ และเห่าหอนดังขึ้นเรื่อยๆ บริกก์ หยุด -- อเก็ตต้าถูกคว้าตัวจากด้านหลังโดยไม่มีสุ้มเสียงใดๆ มือใครก็ไม่รู้มือหนึ่งเอื้อมมาปิดปาก จากนั้นเจ้าหล่อนก็ถูกลากเข้าประตูซึ่งไม่ได้เห็นเลยว่ามีอยู่ตรงนั้น ประตูถูกกระแทกปิด เจ้าหล่อนติดกับอยู่ในความมืดสนิท อเก็ตต้าสามารถได้ยินเสียงหอบหายใจของผู้ที่จับเจ้าหล่อนอยู่ รู้สึกว่ามือสวมถุงมือที่ตะปบหน้าเจ้าหล่อนไว้จนแทบหายใจไม่ออกนั้นเปียกชื้น อย่าแหกปากนะ นังหนู ถ้าเจ้ายังอยากเห็นหมาของเจ้าหรือเห็นแสงสว่างอีกครั้ง เสียงนั้นเป็นเสียงหญิงจรจัดในซอยนั่นเอง ข้าเฝ้าดูเจ้าทั้งกลางวันกลางคืน รู้ว่าเจ้ามาและกลับเวลาไหน หญิงนั้นเบียดเข้ามาใกล้อเก็ตต้ายิ่งขึ้นจนรู้สึกว่าเหาหรือเห็บมากมายไต่จากมือนั้นขึ้นมาบนหน้าเจ้าหล่อน ข้าจะฉุดเจ้าไปเสียเมื่อไรก็ได้ แต่ข้าไม่ได้ต้องการตัวเจ้า อยากแต่จะให้เจ้าทำอะไรสักอย่าง คืนพรุ่งนี้เจ้าออกจากบ้านเบล้กแล้ว จงไปที่ซอยอินนิโก้ แล้วจะได้พบข้อความที่ข้าจะบอกว่าเจ้าต้องทำอะไร ถ้าเจ้าไม่ไปข้าจะจับไอ้หมาตัวดีของเจ้าไปให้หนูใหญ่ๆ กินซะ ... แล้วค่อยมาเก็บเจ้า อเก็ตต้าพยายามจะพูดแต่ฝ่ามือแข็งแรงปิดปากเจ้าหล่อนสนิท มองอะไรไม่เห็น ได้แต่กลิ่นเหม็นของเหล้า ฝุ่นถนน และเนื้อเน่าๆ เวลาพูดลมหายใจของหญิงนั้นขาดเป็นช่วงๆ ร่างของหล่อนสั่นสะท้านราวกับว่าหล่อนใกล้จะตายเต็มที ห้ามบอกเบล้กหรือพ่อของเจ้าแม้แต่คำเดียว สองคนนั้นช่วยอะไรเจ้าไม่ได้หรอก อีหนู พรุ่งนี้พบกันในซอยข้างโรงเตี๊ยม ชิฟ ทาเวิร์น เที่ยงคืนสิบห้านาที นาฬิกาที่เซนต์จอร์จจะบอกเวลาแก่เจ้า อย่ามาช้า ก่อนจะทันพูดอะไรได้ อเก็ตต้าก็ถูกโยนออกมาสู่ซอยตามเดิม ประตูกระแทกปิด เจ้าหล่อนล้มหน้าคว่ำลงในสิ่งโสโครกข้างถังเมล์ที่ว่างเปล่า บริกก์วิ่งเข้ามาหา เห่ารับด้วยความยินดี เจ้าหล่อนหันกลับไปมอง ประตูทางเข้าหายไปแล้ว เท่าที่เห็นอยู่ตรงหน้าคือกำแพงหินทึบแน่น อเก็ตต้ากลั้นหายใจเมื่อหมอกเคลื่อนเข้ามาล้อมตัวเจ้าหล่อนและแสงเริ่มจางลง ตรงหน้าเจ้าหล่อนคือร่างดำมืด เห็นเค้าโครงได้ด้วยแสงตะเกียงจากชิฟ ทาเวิร์น ร่างนั้นเคลื่อนใกล้เข้ามาช้าๆ เห็นได้ว่าเป็นชายผู้หนึ่งสวมเสื้อคลุมบานสีม่วงเข้ม ใบหน้าขาวโพลนและปราศจากเครื่องหน้า อเก็ตต้ากระโดดลุกขึ้นยืน ดึงมีดออกมาจากสายคาดเอวเพื่อป้องกันตนเอง ปีศาจนั้นเร่งเข้ามาโดยปราศจากสุ้มเสียงและสัมผัส มันผ่านตรงทะลุร่างเจ้าหล่อนแล้วหายตัวไป อเก็ตต้าพูดไม่ออก นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่จำความได้ที่รู้สึกว่ากลัวสุดขีด ในถนนเสียงกลับแซ่สนั่นเช่นเดิม อเก็ตต้ามองไปรอบๆ อย่างงงงวยและไม่แน่ใจ (ติดตามบทที่ 3 ต่อไปนะคะ)LITERATURE ขอบคุณของแต่งบล็อกจากอินเทอร์เน็ต
Create Date : 20 เมษายน 2562
52 comments
Last Update : 11 พฤษภาคม 2562 9:30:55 น.
Counter : 1867 Pageviews.
ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณเริงฤดีนะ , คุณhaiku , คุณฟ้าใสวันใหม่ , คุณโอน่าจอมซ่าส์ , คุณmcayenne94 , คุณJinnyTent , คุณtuk-tuk@korat , คุณThe Kop Civil , คุณล้งเล้งลัลล้า , คุณสายหมอกและก้อนเมฆ , คุณmambymam , คุณวลีลักษณา , คุณอาจารย์สุวิมล , คุณสองแผ่นดิน , คุณtoor36 , คุณSweet_pills , คุณอุ้มสี , คุณสันตะวาใบข้าว , คุณชีริว , คุณmelody_bangkok , คุณสาวไกด์ใจซื่อ , คุณkae+aoe , คุณหอมกร , คุณเนินน้ำ , คุณTurtle Came to See Me , คุณnewyorknurse , คุณSai Eeuu , คุณตะลีกีปัส , คุณALDI , คุณที่เห็นและเป็นมา
โดย: ลุงแมว 20 เมษายน 2562 15:09:10 น.
โดย: กะว่าก๋า 20 เมษายน 2562 20:28:10 น.
โดย: กะว่าก๋า 20 เมษายน 2562 22:04:01 น.
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 20 เมษายน 2562 23:04:33 น.
โดย: อุ้มสี 20 เมษายน 2562 23:51:22 น.
โดย: ชีริว 21 เมษายน 2562 18:20:16 น.
โดย: กะว่าก๋า 21 เมษายน 2562 19:54:52 น.
โดย: กะว่าก๋า 21 เมษายน 2562 21:56:41 น.
โดย: kae+aoe 22 เมษายน 2562 8:21:56 น.
โดย: หอมกร 22 เมษายน 2562 9:19:04 น.
โดย: กะว่าก๋า 22 เมษายน 2562 13:01:24 น.
โดย: กะว่าก๋า 22 เมษายน 2562 15:27:19 น.
โดย: เนินน้ำ 22 เมษายน 2562 18:15:49 น.
โดย: kae+aoe 23 เมษายน 2562 8:53:51 น.
โดย: สองแผ่นดิน IP: 113.53.233.130 28 พฤษภาคม 2562 11:05:17 น.
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 140 คน [? ]
BG Pop.Award #17 BG Pop.Award #16 BG Pop.Award #15 BG Pop.Award #14 BG Pop.Award #13 BG Pop.Award #12 BG Pop.Award #11 BG Pop.Award #10 BG Pop.Award #9 BG Pop.Award #8 BG Pop.Award #7 BG Pop.Award #6