|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 140 คน [?]
|
BG Pop.Award #17 BG Pop.Award #16 BG Pop.Award #15 BG Pop.Award #14 BG Pop.Award #13 BG Pop.Award #12 BG Pop.Award #11 BG Pop.Award #10 BG Pop.Award #9 BG Pop.Award #8 BG Pop.Award #7 BG Pop.Award #6
|
|
|
|
|
|
|
ในความเป็นจริงที่จะทำให้เราเกิดความสงบสุขนั้น
เรา"ละวาง"เพราะเบื่อ
หรือว่า"ละวาง"เพราะเห็นสัจธรรมว่าควรวาง
ถ้าเป็นอย่างหลัง แล้วไม่เล็งเห็นสัจธรรม
ยังมีหนทางให้เราไปสู่การ "ละวาง" ไหมครับ
หรือว่าต้องรอผลบุญนำทางเพียงอย่างเดียว
ที่เกิดคำถามนี้ขึ้นในใจก็เพราะมองว่า
พระพุทธองค์ท่านทรงเบื่อทางโลกจึงมุ่งออกหาสัจธรรมแห่งการพ้นทุกข์
น่าคิดว่าคนที่มีความสุขระดับพระราชาคงหายากที่จะเบื่อ
แต่พระองค์ท่านบำเพ็ญบุญกุศลยิ่งใหญ่มาจนครบพระชาติ
ที่จะได้เป็นพระพุทธเจ้า ดังนี้จึงมีสิ่งดลพระทัยให้ทรงเบื่อ
อย่างเราๆท่านๆ แม้เพียงได้ละวางเพื่อความสงบสุขตามฐานานุรูป
จะมีสิ่งใดน้อมนำให้เราอยากละวางได้บ้าง
ลำพังฟังจากผู้หวังดีว่า ต้องวางนะ จึงจะมีความสุข
พ้นทุกข์ และได้ไปสู่ภพชาติที่ดีนั้น
พี่คิดว่ามันไม่ค่อยจะ"โดนใจ"เท่าไหร่
คนฟังก็ฟังไปงั้นๆ สรุปว่า ยังมีบุญไม่พอ
ใช่หรือเปล่าก็ไม่รู้ครับ
โทษบุญโทษกรรมไปตามเรื่อง ประสาคนยังวางไม่หมด
อยากฟังความเห็นจริงๆ
คำถามโดย : คนบ้า(น)ป่า (nulaw.m )
--------------------------------
เมื่อครั้งที่ผมได้ไปอินเดีย
และได้เห็นสภาพชีวิตของผู้คนที่นั่น
ผมไม่แปลกใจเลยครับ
ว่าทำไมพระพุทธองค์ถึงทรงสละราชสมบัติ
เพื่อค้นพบสัจธรรมอันจริงแท้ที่ยิ่งใหญ่
ด้วยความเคยชิน
เรามักคิดว่าชีวิตที่ดีและเปี่ยมสุขคือชีวิตที่ไร้ความทุกข์
เราจึงตัดสินได้ง่ายมากว่ามหาเศรษฐีพันล้านกับขอทานยากจกนั้น
ใครจะมีความสุขมากกว่ากัน
สมมติว่าเราเป็นคนที่ชอบฟังเพลง
เมื่อเลือกมาเพลงหนึ่งที่เราคิดว่าชอบมากที่สุด
แล้วนั่งฟังทั้งวันทั้งคืน
ฟังทุกวัน ทุกเวลา เป็นเดือน เป็นปี
ถามว่าเพลงนี้จะยังไพเราะอยู่อีกไหมในความรู้สึก
ผมว่าต่อให้เป็นเพลงที่เชื่อว่าเพราะที่สุดในโลก
ฟังซ้ำๆแบบนี้ก็เบื่อได้ไม่ยาก
ความสุขที่ได้จากการปรนเปรอและตอบสนองความยาก
ต่อให้มีมากมายเพียงใดย่อมมีจุดสิ้นสุด
ทำไมนางงามจักรวาลเมื่อแต่งงานไปแล้ว
จึงไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตคู่
ทำไมนักการเมืองถึงต้องคอรัปชั่น
ทั้งๆที่มีเงินมากมายมหาศาลกินใช้สิบชาติก็ไม่หมด
ทำไมจึงมีการวิ่งเต้นซื้อตำแหน่งทั้งในแวดวงตำรวจ ทหาร พระสงฆ์ ข้าราชการ ฯลฯ
เพราะความโลภไม่รู้จักพอ
ทำให้เราอยากได้อยากมีไม่รู้จักจบสิ้น
เพราะความหลงผิดทำให้เราคิดว่าการตอบสนองความสุขทางกาย
เป็นสิ่งที่มีความสำคัญสูงสุดในชีวิต
เมื่อจัดการความอยากไม่ได้
ความอยากจึงเข้าจัดการชีวิตของเรา
วินาทีที่พระพุทธองค์ออกผนวช
ผมว่าท่านคงจะเบื่อหน่ายที่สุดแล้ว
มีนางสนมนับร้อย หลับนอนกันมากแค่ไหน ก็มีความเบื่อ
เงินทอง ทรัพย์สินล้นฟ้า ถึงเวลาเจ็บป่วยขึ้นมา
เพชรเม็ดงามก็รักษาโรคไม่ได้
บริวารนับหมื่น มีทั้งจริงใจ มีทั้งลวงหลอกประจบประแจง
มีพ่อน้องก็ต้องแก่งแย่งช่วงชิงอำนาจในราชบัลลังก์
ฯลฯ
ยิ่งได้ไปเห็น “ชีวิตที่แท้จริง” นอกวัง
อันเป็นภาพที่น่าหดหู่ รันทดด้วยแล้ว
ยิ่งเกิดความสลดสังเวชอย่างมากมาย...
.....................
ตอนที่ผมเดินอยู่ในอินเดียนั้น
ผมเห็นภาพขอทาน คนพิการ คนเร่ร่อนนอนก่ายเกยอยู่ข้างถนน
ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมาก
สิ่งที่คิดว่าตัวเองยังขาด พอไปเห็นซากชีวิตเหล่านั้น
ผมคิดว่าตัวเองมีมากเกินพอด้วยซ้ำ
ที่ริมฝั่งแม่น้ำคงคา
มีการเผาศพคนตายด้วยฟืนตลอดเวลา
รวย จน สูง ต่ำ ดำ ขาว
วางอยู่บนฟืนถูกไฟเผาจนเหลือแต่ซากโครงกระดูกไม่ต่างกัน
พระพุทธเจ้าท่านมี ท่านได้ จนไม่เหลืออะไรที่อยากได้อยากมีอีกแล้ว
ผมว่าความรู้สึกเช่นนี้ทำให้เราเห็นแจ้งในชีวิตได้ไม่ยากเลยว่า
ชีวิตเป็นเรื่องของความทุกข์
ทุกข์จากการเกิด แก่ เจ็บป่วย และต้องตายกลายเป็นซากศพ
เงินทอง ความสุข ความรัก ความใคร่
ชื่อเสียง เงินทอง เกียรติยศ คำสรรเสริญ ฯลฯ
ไม่มีประโยชน์อะไรใดใดเลยในวันที่เราตาย
เงินบาทเดียวก็เอาไปไม่ได้
ความเป็นกษัตริย์ก็เอาไปไม่ได้
เรามาแต่ตัว ไปแต่ตัวเท่านั้นเอง
.........................................
“ความเบื่อหน่าย” ที่เกิดจากการรู้แจ้งเห็นจริงในสัจธรรม
ไม่ทำให้เราหน่ายเนือยในการใช้ชีวิตเลยครับ
กลับเป็นสิ่งที่ทำให้เราใช้ชีวิตอย่างรื่นเริงและกระฉับกระเฉง
หากไม่เบื่อหน่ายในสิ่งที่มี สิ่งที่เป็น สิ่งที่อยาก
ชีวิตเราย่อมถูกลากจูงไปทางนั้นทีทางนี้
เพื่อแสวงหาสิ่งต่างๆมาตอบสนองกายและใจของตนเอง
เพื่อหวังให้เกิดความสุขมากที่สุด
แต่ความสุขเหล่านั้นก็ไม่คงทน
ลองมองดูให้ดี ไม่มีสิ่งใดคงทนถาวรตลอดไป
ทั้งสุข ทุกข์ และทุกๆสิ่ง
หนทางในการละวางตัวตนที่แท้จริง
อยู่ในตัวเรา
เมื่อไหร่ที่เริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายต่อการเกิด
รู้ว่าเกิดมาอีกกี่ชาติ ต้องพบเจอสุขทุกข์เดิมๆนี้ไม่สิ้นสุด
ถ้าเบื่อหน่ายถ่ายถอนจนถึงที่สุด
ความอยากในการเกิดก็ไม่มีอีกต่อไป
เมื่อไม่เกิด
ก็ไม่มีชาติภพ ไม่มีความรวย ความจน
ไม่ความเป็นตัวตนหลงเหลืออยู่เลย
..............................
การฝึกละวางตัวตนที่ดีวิธีหนึ่ง
คือการลดละความเห็นแก่ตัว การรู้จักให้ทานเพื่อฝึกฝนตนเอง
ไม่ให้โลภ ไม่ให้เห็นแก่ตัว
ไม่ให้หลงผิดคิดว่าการแสวงหาและสะสมคือหนทางของความสุข
จะฝึกฝนตนแบบไหน นับถือศาสนาใด ด้วยความเชื่อแบบไหน
ผมเห็นว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญแต่อย่างใด
ถ้าเดินไปถูกทิศ
จะเดินทางด้วยวิธีไหน
ก็ไปถึงจุดที่สุดสิ้นได้เช่นกัน