1 2 3 4
5 6 7 8 9 10 11
12 13 14 15 16 17 18
19 20 21 22 23 24 25
26 27 28 29 30 31
นิยายแปล เรื่อง ดาวพิษ บทที่ 4 ซอยอินนิโก้ แปลโดย ภาวิดา คนบ้านป่า
LITERATURE นิยายแปล เรื่อง ดาวพิษ บทที่ 4 ซอยอินนิโก้ แปลโดย ภาวิดา คนบ้านป่า ******************************************************* ความเดิม:บทที่ 1 ดาวพิษเวิร์มวู้ด บทที่ 2 เหตุป่วนสมอง บทที่ 3 หมอยา แผนผัง Bloombury Square cr:https://historicengland.org.uk/listing/ the-list/list-entry/1000210
บทที่ 4 ซอยอินนิโก้ ณ จตุรัสบลูมสเบอรี่ ร่างลึกลับยืนพิงต้นเอล์มแก่ ช่วงเดือนตุลาคมนี้ใบแห้งของมันร่วงพรูลงสู่พื้นราวกับเหรียญทองโปรยปราย เขาไอและถ่มน้ำลายพลางดึงปกเสื้อคลุมขึ้นต้านลมเย็นสะท้านที่พัดใบไม้ปลิวไปตามพื้นหญ้า แกะอ้วนๆ จำนวนหนึ่งเล็มหญ้าอยู่กลางกลุ่มต้นเอล์มพลางระแวงภัยจากคนแปลกหน้าผู้สูบกล้องดินเคลือบรูปยาว ไฟคุกรุ่นในกล้องส่องต้องใบหน้าเขา บนหอคอยเซนต์จอร์จซึ่งสร้างด้วยหินอ่อนสูงตระหง่านเหนือถนนต่างๆ ที่คลาคล่ำด้วยฝูงชน นาฬิกาเริ่มตีบอกเวลา ข่าวโคมลอยแพร่สะพัดจนผู้คนทั่วไปเชื่อว่าเที่ยงคืนนี้ฟ้าจะไหวอีก เด็กขายของตะโกนบอกข่าวนี้ขณะหิ้วมัดหนังสือพิมพ์ลอนดอนครอนิเคิ้ลวิ่งฝ่าไปทุกถนน ประกาศภัยพิบัติและเรียกร้องให้ผู้คนอยู่ในความสงบ ภายนอกร้านเดอะบูลล์แอนด์เม้าธ์ คนกลุ่มหนึ่งดื่มยินคอยธรณีพิโรธอันน่าตื่นกลัวอีกครั้ง บ้านจะไหวเหมือนคืนก่อนและฟ้าจะกลับมืดสนิทอีก ดวงจันทร์ข้างขึ้นลอยเหนือลำน้ำเทมส์ ทอแสงกระจ่างทาบแผ่นฟ้าสีม่วงเข้ม ขณะที่ผู้หญิงหากินรวยโรคแห่งย่านฮอลบอร์น ท่องไปตามถนนต่างๆ ยกกระโปรงสุ่มไก่บานยาวและขยับผ้าคลุมไหล่สีขาวด้วยท่าที ชวนเชิญสุภาพบุรุษทุกคนให้หยุดสนใจด้วยหวังจะล่อลวง ข้างหน้าต่างที่เปิดอยู่ บนห้องส่องดาวชั้นสี่ เบล้กและบอนนั่มใช้ช่วงเวลาเย็นนั้นสนทนากันอย่างเคร่งเครียด ทั้งสองรับประทานเนื้อนกพิราบและปลาแมกเคอเรลอบ ทิ้งกระดูกก้างและหนังแข็งกรอบไว้ข้างจาน ชายหนุ่มทั้งสองเฝ้าคอยให้ฟ้าโปร่ง กระแสลมแรงพัดเมฆกระจายไป เปิดท้องฟ้าให้ปรากฏแก่สายตา เบล้กคลำเปะปะไปหยิบกล้องทองเหลืองอันยาว พยายามปรับเลนส์เพื่อส่องหาดาวหาง เขาฝากอนาคตและชื่อเสียงไว้กับเวิร์มวู้ด เป็นครั้งแรกที่เขากลัวว่าจะเผลอ หลอกตนเองเข้า เช่น อาจเข้าใจผิดเพราะเห็นรอยเปื้อนที่เลนซ์ หรือเงาสะท้อนจากแสงอะไรสักอย่างจากระยะไกล ยิ่งใกล้เที่ยงคืน เขาก็ยิ่งจดจ่อสำรวจขอบฟ้าหาดาวหางจนใกล้จะคลั่ง บอนนั่มคอยอยู่เงียบๆ อยากให้เพื่อนสงบใจเสียบ้าง เขาเฝ้าดูเบล้กปรับเลนซ์และความสูงของกล้องส่องทางไกล แล้วพออีกครู่ใหญ่ต่อมาก็ตั้งต้นทำแบบเดิมอีกทุกขั้นตอน แล้วมันก็ต้องมา เซเบี้ยน ตาเจ้าคงไม่ได้ลวงเจ้าหรอก เชื่อใจเจ้าเองเถอะ พอเที่ยงคืนดาวนั้นก็จะขึ้นและเจ้าจะได้เห็นมันอีกครั้ง เขาพยายามพูดเอาใจเพื่อนให้หายหวาดวิตก เราจะคอย เบล้กตอบพลางเดินจากกล้องไปเปิดตู้ใหญ่ข้างฝาด้านในสุดของห้อง ข้ามีอะไรจะอวดเจ้า ถึงเวลาแล้ว เบล้กหยิบของที่ห่อด้วยผ้าไหมแล้วเดินกลับไปที่กลางห้อง วางสิ่งนั้นลงบนกรอบเลนซ์ตัวล่างของกล้องดูดาว บอนนั่มยิ่งทวีความตื่นเต้นยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเบล้กค่อยๆ เปิดห่อของ นี่คือหนังสือที่ว่าไง ไอแซค เขียนไว้แต่ดึกดำบรรพ์จนไม่มีใครรู้ว่า ใครดลใจให้ใครเขียน เบล้กบอก ข้าไม่เคยคิดว่าจะมีวันได้เห็นหนังสือนี้ที่บ้านข้า แต่ตอนนี้มันก็มาแล้วและข้าสมควรขอบคุณดาวโชคลาภที่นำมันมาที่นี่ บอนนั่มตะลึงจ้องหนังสือปกหนังหนา ตัวหนังสือโบราณสีทอง และกระดาษเก่าแก่ด้วยลมฟ้าอากาศ เบล้กพลิกหนังสือไปจนถึงหน้าสุดท้ายของเล่มที่หกบทที่หก เขาจิ้มนิ้วลงไปที่ข้อความปรากฏชัดอยู่ในที่ว่างริมซ้ายของหน้า นี่ไง ดูซี่ ไม่ได้โกหก! เขาอ่านคำเหล่านั้นให้บอนนั่มฟัง เวิร์มวู้ด ดาวกระจ่างจักร่วงจากฟ้า หลายชีวาจักต้องวาย เพราะความขื่นคายของมัน มันจะมาหาเราแล้วไอแซค เราจะได้เห็นเป็นคนแรกๆ และเราไม่มีทางทำอะไรเพื่อหยุดยั้งมันได้หรอก เบล้กตาลุกด้วยความตื่นเต้นจนใกล้จะเสียสติ เราจะต้องบอกใครๆให้หมด แต่ข้าเกรงว่าพอบอกแล้วก็จะเกิดกลัวกันยกใหญ่ถึงแก่โกลาหลวุ่นวายกันอย่างที่เราไม่เคยพบมาก่อน แล้วถ้ามันไม่เกิดขึ้นจริง ข้าก็จะกลายเป็นตัวตลกบัดซบที่สุดที่เคยมีมา เจ้าทำก็บัดซบ ไม่ทำก็บัดซบ บอนนั่มพูดขึ้นอย่างกะทันหันขณะที่เขามองเน็มโมเร็นซิสอย่างกระหาย เจ้าจะต้องบอกใครสักคน แล้วใครจะดีไปกว่าสมาคมวิชาการเล่า เจ้ารู้หรือเปล่าว่าถ้าดาวหางนั้นไปไม่พ้นมันจะชนโลกตรงส่วนใด บอนนั่มเปิดหน้าหนังสือไปเรื่อยๆ พยายามอ่านตัวอักษรและการคำนวณแปลกๆ ที่จารึกอยู่ทุกหน้า พอชนชั้นบรรยากาศแรก มันก็จะสลายตัวเป็นอนุภาคนับพันๆ ชิ้น เบล้กตอบ แล้วชิ้นส่วนเหล่านี้ก็จะถล่มใส่โลก ตามที่ข้าคำนวณนะ ทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่ปารีสถึงลอนดอนจะถูกทำลายเกลี้ยง ทะเลจะเป็นพิษและโลกจะมืดมนไปหนึ่งชั่วอายุคน! เขามองบอนนั่ม ใบหน้านั้นโดดเด่นด้วยเงาแสงเทียน ข้าจะบอกเรื่องนี้แก่สมาคมได้อย่างไร พวกนี้เป็นกลุ่มนักวิชาการปัญญาสูงส่ง กินจนพุงกางและชอบฟังแต่เสียงของตัวเอง เขาต้องคิดว่าคนธรรมดาๆ อย่างข้าเป็นไอ้งั่ง เบล้กเดินไปเดินมาอยู่ในห้องราวกับประสาทจะกิน "ถ้าเรามีหลักฐาน ข้าจะพาลอร์ดแฟลมเบิร์กมาที่นี่ให้ได้ ให้เขาดูด้วยตาเอง คนอื่นๆก็จะเชื่อคำเขา ข้าพอจัดการให้เขามาเป็นคืนพรุ่งนี้ได้ ถ้าเรามัวแต่คอย คนอื่นอาจจะอ้างเอาดาวหางนี้เป็นของเขานะ ชื่อเจ้าประทับอยู่ที่ดาวดวงนี้แล้ว เซเบี้ยน งานและการคำนวณที่เจ้าทำทั้งหมดมาถึงแค่นี้แล้ว จะปล่อยให้สูญเปล่าไม่ได้หรอก บอนนั่มคว้ามือเบล้กมาจับไว้มั่นและเขย่า ข้าขอแสดงความยินดีกับเจ้า คืนพรุ่งนี้ สมาคมจะยินดีกับเจ้าและคนทั้งโลกจะเห็นว่าเจ้าเป็นอัจฉริยะ ใครจะไปรู้ บางทีเน็มโมเร็นซิสอาจเปลี่ยนแปลงโลกและเจ้าก็จะเป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายให้นำความรู้จากหนังสือนี้มาบอกเรา ในจัตุรัสเบื้องล่าง คนลึกลับจ้องบ้านนั้นไม่วางตา เขาเขม้นมองขึ้นไปตรงหน้าต่างที่เปิดอยู่ รถลากผ่านเขาไปหลายคัน และยามคนหนึ่งกระแทกไม้เท้าลงบนพื้นดินทุกๆ ย่างก้าว ไม่มีใครเห็นเงาร่างลึกลับใต้ต้นเอล์มหรือแสงไฟคุวาบในกล้องสูบยาดินเคลือบ อเก็ตต้าได้ยินเสียงเบล้กสะท้อนลงมาตามช่องบันไดเวียน เจ้าหล่อนเปิดประตูหลังบานเล็กออกไปสู่ถนนซอยด้านหลังจตุรัส ทางซ้ายมีแสงไฟจากฮอลบอร์นทอดเงาน่าขนลุกส่องผนังบ้านช่องแถวนั้น หญิงชรานั้นไม่อยู่ที่ใดให้เห็นได้ เจ้าหล่อนมองหาบริกันด์และเรียกชื่อมัน ในความมืดนั้น เจ้าหล่อนอยู่ตามลำพัง ชั่วพริบตา อเก็ตต้าตัดสินใจวิ่งไปที่ถนน เจ้าหล่อนยกชายกระโปรงยาวด้านหน้าขึ้นรวบไว้กับผ้ากันเปื้อน กระชับผ้าคลุมไหล่แล้ววิ่งถลา เท้ากระทบหินปูถนนดังโกรกเกรก ลุยฝ่าโคลนไปข้างหน้า พอเข้าใกล้แสงไฟก็ออกวิ่งจี๋ด้วยรู้ว่าอยู่ในฝูงชนที่เกาะกลุ่มกันอยู่ตามถนนในถิ่นฮอลบอร์นแล้วจะปลอดภัย แต่แล้ว ในห้วงลึกแห่งจินตนาการเจ้าหล่อนก็เกิดความคิดอันน่าอกสั่นขวัญหายว่ากำลังถูกติดตาม ตัวอะไรก็ไม่รู้ย่างสามขุมมาข้างหลัง แอบหายใจรดต้นคอพลางกระซิบกระซาบอย่างประสงค์ร้าย ความรู้สึกกลัวที่ทวีขึ้นทำให้อเก็ตต้าหมดแรง ใบหน้าชาจนไร้ความรู้สึกเมื่อจินตนาการว่ามีมือหลายมือแย่งกันคว้าคอหอยเจ้าหล่อนจะลากไปบีบจนหายใจไม่ออก แค่คิดว่ามีนิ้วมือเย็นเฉียบเอื้อมมาที่เจ้าหล่อน ขนที่ต้นคอก็ลุกชัน เจ้าหล่อนก้มลงมองพื้นดินให้แน่ใจว่าจะไม่หกล้มเมื่อเท้าเร่งความเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงร้องที่อยากกรีดก้องติดขลุกขลักอยู่ในลำคอ ทันใด อเก็ตต้าต้องชะงักหยุด ซ้ำยังถูกชนล้มลงไปบนพื้น รอบกายมีแต่เสียงอึกทึกของย่านฮอลบอร์น เจ้าหล่อนเงยหน้าขึ้นมองทั้งที่ยังคงงงงวยด้วยแรงกระแทก เบื้องหน้าชายผู้หนึ่งก้มลงมอง เครื่องแต่งกายของเขาตั้งแต่ศีรษะจดเท้าเป็นสีดำสนิท เสื้อคลุมตัวยาวปักด้วยไหมสีทองละเอียดยิบ เข้าชุดกับหัวเข็มขัดหนาที่รองเท้าบู๊ต เขาจ้องเจ้าหล่อนพลางยื่นมือให้เหนี่ยว เด็กๆ ควรระมัดระวังเวลาจะไปไหน เขาพูดด้วยเสียงทุ้มและสำเนียงที่อเก็ตต้าไม่เคยได้ยินมาก่อน นี่ก็ดึกมากแล้ว คนที่เจ้าต้องไม่อยากพบหรือไม่อยากวิ่งเข้าไปชนน่ะมีอยู่มากนะ ชายผู้นั้นยิ้มให้อย่างอ่อนโยนพลางฉุดอเก็ตต้าให้ลุกขึ้นยืน อเก็ตต้าจ้อง เขาสูงเกินหกฟุต ใบหน้าเรียว ตาโตสีเขียวอยู่ภายใต้หมวกปีกอ่อน สีดำ ปกเสื้อตั้งขึ้นป้องลมเย็นเยือกยามราตรี อเก็ตต้าพยายามดึงมือออกจากการเกาะกุมแต่เขาบีบกระชับไว้ อบอุ่น นิ่มนวลดีจริง... เขาหยุดและมองสบตาเจ้าหล่อน เจ้าล่วงรู้หลายสิ่งหลายอย่างแม้จะเป็นเด็กหญิงวัยเยาว์เพียงเท่านี้ รู้มากขนาดนั้นอาจเป็นอันตรายได้ ชายนั้นปล่อยมือเจ้าหล่อน อเก็ตต้ายืนนิ่ง ราวงอกรากลงไปในดินเสียแล้ว เจ้าหล่อนไม่แน่ใจว่าชายผู้นั้นเป็นใครมาจากไหน ข้ารู้ได้จากสีหน้าเจ้าว่าเจ้าจะต้องไปตามนัด ไปพบใครคนหนึ่งที่เจ้าต้องไม่ปล่อยให้คอย อยากให้ข้าเดินไปส่งที่จุดนัดพบมั้ยล่ะ จะบ้าหรือ คิดอะไรวิตถารอยู่หรือไง อเก็ตต้าย้อนอย่างดุเดือด ตอนนั้นแหละที่นาฬิกาเซนต์จอร์จบนหอคอยสูงตีครั้งแรกบอกเวลาเที่ยงคืน อเก็ตต้าผลักชายนั้นไปทางหนึ่งแล้ววิ่งไปทางซอยอินนิโก้ ทุกสิ่งทุกอย่างในถิ่นฮอลบอร์นนิ่งสนิท ทุกคนเงยขึ้นมองฟ้า คอยว่าจะเกิดการไหวอีกครั้ง ไกลๆ ออกไปมีเสียงยิงปืนเรือและเสียงฟ้าร้องดังก้องไปตามลำน้ำเทมส์ คนทั้งนครลอนดอนเงียบรอ อเก็ตต้าเบียดฝ่าฝูงชนบนถนนไปข้างหน้า ไม่มีใครสังเกตเมื่อเจ้าหล่อนวิ่งไปทางซอยนั้น ไม่มีใครสนใจ ดวงตาทุกคู่จ้องนิ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ดวงจันทร์ข้างขึ้นลอยสูงอยู่เหนือเมือง ฟ้ามีจุดขาวๆ ใสกระจ่างประดับจักรวาลเหมือนดวงเทียนบนต้นไม้ ความงามนี้ใหม่เอี่ยมราวกับว่าโลกเกิดใหม่อีกครั้ง และนี่เป็นราตรีแรกหลังการสร้างโลก พอนาฬิกาตีครั้งที่สิบสอง อเก็ตต้าก็เลี้ยวเข้าซอยอินนิโก้ ดูเหมือนว่าซอยจะแคบยิ่งขึ้น มืดมากขึ้นและน่าหวาดหวั่นอันตรายจากสิ่งอัปมงคลยิ่งขึ้นกว่าเดิม รอยเลือดที่กำแพงยังคงอยู่ หินทุกก้อนก่อให้เกิดความรู้สึกกลัว อเก็ตต้าก้าวอย่างลังเลสลับกับเหลียวไปดูข้างหลัง เจ้าหล่อนระวังให้ตัวเองอยู่กลางซอยและคอยมองรอบๆตัว เตรียมพร้อมทุกขณะเผื่อจะมีใครหรือสิ่งใดโผนออกมาจากเงามืด เสียงอึกทึกจากโรงเตี๊ยมชิพได้ยินไปทั่วซอย อเก็ตต้าได้ยินเสียงผู้ชายตะโกนวางเดิมพันจำนวนสูงในการพนันเปิดไพ่ เสียงหัวเราะแหลมสูงทำให้ซอยนั้นยิ่งน่ากลัวมากขึ้นเมื่อมันสะท้อนจากหินก้อนนี้ไปก้อนโน้น กำแพงซอยทั้งสองด้านที่ขมุกขมัวด้วยเขม่าถ่านหินเปียกชุ่ม มีราสีเขียวจับหนาตะเกียงเล็กๆ ดวงหนึ่งจุดไว้เหนือประตูโรงเตี๊ยมส่งลำแสงบางๆ สะท้อนจากหมอกปกคลุมพื้นดินสูงระดับเข่า อเก็ตต้ามองไม่เห็นทางเดินหรืออะไรที่อาจซ่อนอยู่ในหมอกเหนือดิน หมอกหมุนวนแสงวอบแวบรอบๆ ตัวเจ้าหล่อนปรากฏเป็นรูปรอยคล้ายปีศาจไร้หน้า ซอยอินนิโก้ส่วนนี้ลึกและมืดที่สุด อเก็ตต้ารู้สึกโดดเดี่ยวขณะมองหาข่าวสารที่ยายแก่หน้าตาอัปลักษณ์และมีเห็บเหาเต็มตัวอาจทิ้งไว้ให้ เจ้าหล่อนรู้ว่ามันจะต้องอยู่แถวๆ นี้แหละ แต่ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วจะต้องมองหาอะไร ประตูโรงเตี๊ยมเปิดผางเมื่อชายชราร่างอ้วนล้มคะมำออกมาสู่อากาศหนาวเหน็บยามราตรี อเก็ตต้าหลบแฝงในเงามืดและเฝ้าดูชายนั้นขยับตัวลุกขึ้นพิงกำแพง ส่งเสียงครางอย่างสบายตัวระหว่างปล่อยปัสสาวะออกมานองถนน โดยไม่ทันสังเกตเห็น อเก็ตต้าซึ่งยืนอยู่ห่างไปเพียงสองสามฟุต และแล้วเมื่อยังอยากชิมเหล้ายินราคาถูกอยู่อีกเขาก็คลำทางตามกำแพงกลับไปหาประตูโรงเตี๊ยม พบแล้วก็ดึงเปิดและตะกายเข้าไปภายใน อเก็ตต้ายังหลบอยู่ในเงามืด เจ้าหล่อนรู้อยู่แก่ใจว่าไม่ได้อยู่ตามลำพัง ทางด้านขวาหมอกหมุนวนต่ำลงราวกับว่าพลังไร้ตัวตนกำลังเดินมาทางเจ้าหล่อน บนหลังคาโรงเตี๊ยมมีเสียงตะกุยเหมือนเสียงกรงเล็บครูดกระเบื้องมุงหลังคาเก่าๆ ฟังคล้ายมียามมาเข้าเวรล่วงหน้ารอบๆ ตัว ความเปียกชื้นเย็นเยียบไต่ขึ้นมาตามแข้งขาเหมือนมือเปียกๆ เกาะกุมผิวเนื้อเจ้าหล่อน อเก็ตต้าอยากจะออกวิ่ง วิ่งหนีและย้อนเวลากลับไป เที่ยงคืนผ่านไปแล้วและยังคงไม่มีร่องรอยใดๆ แล้วเจ้าหล่อนก็ได้ยินเสียงรถม้าจากลินคอล์นอินน์แล่นมาตามถนน เสียงดังโกรกเกรก เสียงนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ เมื่อขอบล้อโลหะบดหินปูถนนก้อนกลมๆ อาศัยแสงไฟจากโรงเตี๊ยม อเก็ตต้าจับตามองเมื่อม้าสีดำราวไหมสี่ตัวพร้อมเครื่องตกแต่งศีรษะเพื่องานศพเข้ามาสู่สายตา มันเหยาะย่างฝ่าหมอกคลุมดินดูราวกับล่องลอยอยู่บนปุยเมฆ ม้าทั้งสี่ลากรถสวยงามมาด้วย คนขับนั่งบนที่นั่งสูงกระดกปกเสื้อเดินทางตั้งขึ้น หลังรถมีคนรับใช้ชายสองคนหน้าขาวซีดเหมือนผี สวมวิกโรยแป้งฝุ่น เสื้อคลุมตกแต่งด้วยเกลียวสีทอง เครื่องประดับไหล่ก็ชุบทอง รถม้านั้นหยุดหน้าโรงเตี๊ยม ขวางทางออกจากซอย จากที่ซ่อนในเงามืด อเก็ตต้าเห็นคนขับรถมองไปรอบๆ แล้วก้าวลงมาจากที่นั่งสูงอย่างระมัดระวัง เดินไปเปิดประตูรถและชะโงกเข้าไปภายใน เจ้าหล่อนได้ยินเสียงกระซิบพูดกันอย่างแผ่วเบา ชายนั้นหันมา เสื้อคลุมสีดำยาวลากพื้นเมื่อเขาเดินไปที่ประตูโรงเตี๊ยมและมองกวาดไปตลอดซอย ชายผู้นั้นร่างเล็ก เท้าบิด เดินเตาะแตะเหมือนเป็ด ตอนข้ามบาทวิถี เขาทำให้อเก็ตต้านึกถึงนกอ้วนๆ บินไม่ได้ที่เจ้าหล่อนเคยเห็นจัดแสดงที่สวนสัตว์หายากที่พิกคาเดลลี่ พุงกลมใหญ่ของเขาดันเสื้อคลุมป่องออกไปข้างหน้า ท่าเดินดูไม่มั่นคง ครั้งหนึ่งเขาเดินสะดุด ต้องเซไปพิงกำแพงซอยซึ่งเปียกลื่นและเหม็นเพื่อพยุงตัวไว้ ชายนั้นมองเขม็งฝ่าความมืดอยู่นาน อเก็ตต้าแนบตัวชิดกำแพงด้วยความกลัว หวั่นว่ากำแพงนั้นจะกลืนตนไปตกอยู่ในกำมือของยายแก่อัปลักษณ์ คนขับรถอยู่ห่างไปเพียงไม่กี่ฟุตแต่เขาก็ไม่เห็นเจ้าหล่อน เขาหันกลับเดินลากขาไปที่ประตูรถม้า ชะโงกเข้าไปอีกครั้งก่อนจะถอยกลับและผายมือให้แก่ผู้โดยสารที่มีอยู่คนเดียว อเก็ตต้าเห็นสตรีร่างสูงก้าวออกมาจากรถม้านั้น หล่อนแต่งกายด้วยเสื้อคลุมกำมะหยี่สีดำชายบานยาวพร้อมด้วยฮู้ดคลุมศีรษะ เสื้อคลุมของหล่อนต้องแสงตะเกียงเป็นมันระยับและทุกก้าวที่หล่อนย่างก็ทำให้หมอกหมุนวน สตรีผู้นั้นสวมหน้ากากรูปเสือมีหนวดแหลมๆ สีดำเส้นหนายื่นออกมาสองข้างแก้ม แต่ละเส้นฝังพลอยและกรอบรอบดวงตาฝังเพชรน้ำงาม คอระหงขาวเหมือนแป้งนวลปลั่งอยู่ในแสงสลัว หล่อนมองไปในซอยและร้องเรียก อเก็ตต้า! อเก็ตต้า เลเมี่ยน... ข้ามีข่าวจะบอกเจ้า! อเก็ตต้าพยายามแนบตัวชิดกำแพงยิ่งขึ้นเมื่อสตรีผู้นั้นส่งสัญญาณให้คนรับใช้ชายลงมาจากรถม้า ออกมาเถอะ อเก็ตต้า ไม่งั้นคนของข้าจะค้นหาเจ้า ข้าไม่ทำอันตรายเจ้าหรอก เจ้าไว้ใจข้าได้ สตรีผู้นั้นพูดจาสำเนียงไพเราะ สุภาพและนุ่มปานครีม กังวานละมุนราวกับว่าไม่เคยขึ้นเสียงเพราะโกรธหรือพูดคำระคายหูเลยสักน้อย อเก็ตต้าไม่ตอบ เจ้าหล่อนได้ยินเสียงตัวอะไรก็ไม่รู้ตะกุยกระเบื้องมุงหลังคา คงเป็นสัตว์ใหญ่เกาะติดกระเบื้องด้วยกรงเล็บแหลมคม เจ้าหล่อนหันไปมองซอยมืดทางไปฮอลบอร์น ใจนึกอยากจะวิ่งหนี ถนนเงียบสนิท เสียงจากโรงเตี๊ยมค่อยสงบลงจนคล้ายกับว่ามีเพียงเจ้าหล่อนและสตรีผู้นั้นเพียงลำพังในโลกนี้ อเก็ตต้า สตรีนั้นพูดเรียบๆ ข้าอยู่นานไม่ได้และเรื่องที่จะบอกก็สำคัญมาก ชีวิตของเจ้าและของพ่อเจ้าอาจขึ้นอยู่กับเรื่องนี้ ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ตรงนั้น ออกมาเถอะแม่หนู! สตรีนั้นไม่รอคำตอบ หล่อนหันกลับไปขึ้นรถ คนขับปีนขึ้นด้านหน้า นั่งลงประจำที่ มือที่สวมถุงมือจับสายบังเหียนบังคับม้าให้เข้าที่ก่อนจะขับออกไป คอยก่อน! อเก็ตต้าตะโกนพลางวิ่งพรวดออกจากที่ซ่อนตรงไปที่ประตูรถ ข้าอยู่นี่ ข้าจะพูดกับท่าน ประตูรถเปิดออก อเก็ตต้าสังเกตลวดลายที่ไม่เคยเห็นมาก่อนบนบานประตูสีดำสลับเหลืองสด ไม่ใช่ตราประจำตระกูลสูงศักดิ์ที่เจ้าหล่อนมักได้เห็นบ่อยๆ ตามรถม้าสวยงามซึ่งแล่นกึงกังไปตามถนนฟลีต ประตูรถคันนี้เป็นรูปดวงอาทิตย์สีทองใหญ่เต็มบาน ฝังลายรูปดวงตามนุษย์สีแดงจัดจ้าที่มองตามอเก็ตต้าทุกฝีก้าว เสียงหนึ่งพูดเบาๆ ออกมาจากความมืดภายในรถ ขึ้นมา อเก็ตต้า เราจะเดินทางไปด้วยกันสักหน่อย เดินทางไปเปลี่ยนแปลงชีวิตเจ้า สุ้มเสียงสตรีนั้นน่าเชื่อถือ อเก็ตต้ารู้ว่าการขึ้นรถไปกับคนแปลกหน้านั้นบ้าสิ้นดี เด็กสาวหลายคนที่เจ้าหล่อนรู้จักทำแบบนี้แล้วหายไปจากถนน กลับมาแต่ร่างไร้วิญญาณทุกคน เจ้าหล่อนหันกลับไปมองในซอย เสียงเหมือนแมวตะกุยหลังคาดังมาอีก อเก็ตต้าเลิกสนใจชะตากรรม รีบก้าวเข้าไปในรถทั้งๆ ที่สันหลังสะท้านเยือก คืนนี้หนาวนักหรือน่ากลัวจนเจ้าถึงแก่ตัวสั่นเชียวหรือ สตรีนั้นถามเมื่อยื่นมือออกมารับอเก็ตต้า สหายของข้าพากันเฝ้าดูเจ้ามานาน... เขาคิดว่าเจ้าจะช่วยเราได้ ที่จริงเขาเชื่อว่าเจ้ามีคุณสมบัติสำคัญที่สมควรจะเข้ามาเป็นสมาชิกของเรา ประตูรถปิดโครมโดยไม่ทันรู้ตัว รถม้านั้นพุ่งออกไปสู่ถนนปูหินกลมแห่งลินคอล์นอินน์ ภายในรถตามตะเกียงดวงเล็กๆ ไส้ตะเกียงลุกโชนเรืองแสงสีอำพันเข้มส่องให้เห็นเพดานห้องโดยสารและประตูรูปใบไม้สีทอง สตรีนั้นเงียบอยู่หลายนาที หล่อนเอาแต่จ้องผ่านรอยฉลุล้อมเพชรที่หน้ากากสำรวจดวงหน้าของอเก็ตต้าอย่างละเอียด ปากเจ้าส่อว่าโกหกเก่ง สตรีนั้นพูดดังกว่าเสียงรถที่แล่นกึงกังไปตามถนน เจ้ามักกล่าวคำเท็จรึ อเก็ตต้า อเก็ตต้าลังเล ก็มีบ้าง เจ้าหล่อนพูดอย่างระมัดระวัง ใครๆก็โกหกกันไม่ใช่รึ สตรีนั้นยิ้มเมื่ออเก็ตต้าพยายามจ้องตาหล่อนไม่ลดละ ตาเจ้าก็เหมือนโจร หล่อนกล่าวต่อ เจ้าขี้ขโมยด้วยรึ อเก็ตต้า ขโมยเมื่ออยากขโมย อเก็ตต้าตะคอกพลางมองไปทางประตูรถ คิดจะกระโดดหนีให้รอดไปได้ แต่สตรีนั้นเหวี่ยงเท้าไปขวางไว้ระหว่างอเก็ตต้ากับประตู ข้าไม่อยากให้เจ้าพลัดตกจากรถ สตรีนั้นกล่าว เสียงหล่อนเปลี่ยนไปทั้งน้ำเสียงและจังหวะ เอาเถอะ ยังไม่ใช่ตอนนี้ก็แล้วกัน เรายังไม่เสร็จธุระกับเจ้า เจ้าจะเอาข้าไปทำอะไร อเก็ตต้าถาม พยายามทำเป็นไม่ตื่นเต้นหวาดกลัวแต่นึกอยากให้บริกันด์อยู่ด้วย จะได้ฉีกคอหอยสตรีผู้นี้เสีย นั่งฟังตามสบายเถอะ และอย่าคิดว่าจะกระโดดหนีลงไปจากรถได้ สตรีนั้นกล่าว ถ้าเราอยากฆ่าเจ้าป่านนี้ก็จัดการเสร็จไปแล้ว เจ้าก็จะเป็นเหมือนเด็กซนข้างถนนอีกคนหนึ่งซึ่งจะพบศพได้ในแม่น้ำเทมส์เวลาน้ำลด... อเก็ตต้าไม่ตอบ เจ้าหล่อนสำรวจสตรีนั้นอย่างตั้งอกตั้งใจขณะที่รถม้าโยกหน้าโยกหลัง มีกลิ่นเหล้าไวน์ราคาแพงและกลิ่นหอมของสมุนไพรประเภทยี่หร่า อเก็ตต้าเคยได้กลิ่นนี้แล้วครั้งหนึ่งเมื่อเบล้กวางขวดเมรัยของนิทราเทวีทิ้งไว้ ครั้งนั้น อเก็ตต้าได้แต่มองดูน้ำสีเขียวเข้ม กลัวเกินกว่าจะกล้าแตะต้อง เจ้าหล่อนเพียงดมฝาขวด สูดกลิ่นเหล้าดีกรีสูงและหอมฉุนจนน้ำตาคลอ จมูกก็แสบด้วย ตอนนี้กลิ่นหอมนั้นกำจายไปทั่วรถ เกาะติดเสื้อผ้าสตรีนั้นเหมือนน้ำหอมกลิ่นฉุน ท่านจะพาข้าไปไหน อเก็ตต้าถาม ไม่ไกลหรอก เจ้าอยู่ในนี้ปลอดภัยกว่าอยู่บนถนน ข้าอยากให้เจ้าเห็นแม่น้ำ เจ้าอาจรู้สึกอยากคุยมากขึ้นบ้าง สตรีนั้นค้นทั่วเสื้อคลุมของหล่อน หยิบกระติกเงินออกมา เจ้าอยากดื่มบ้างไหม จะได้รู้สึกอุ่นในอกและเท้าจะได้หายเย็นชืด หล่อนหัวเราะพลางยื่นภาชนะเงินเนื้อหนาให้อเก็ตต้า อเก็ตต้าเมินไป เจ้าหล่อนไม่มีเหตุผลใดที่จะไว้ใจสตรีนี้ ไม่ใช่ยาพิษหรอก สตรีนั้นกล่าวพลางหมุนเกลียวฝากระติกเงินและยกขึ้นจ่อริมฝีปาก ดื่มเสียอึกใหญ่ เห็นมั้ย เจ้าคิดว่าข้าจะฆ่าตัวเองหรือ ดื่มซี่ เราจะได้เป็นมิตรกันอีกนาน เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะวางใจข้าและนี่ก็เป็นเวลาเหมาะแล้วที่จะเริ่มต้น สตรีนั้นยื่นกระติกให้อีก ถ้าเราจะเป็นเพื่อนกัน เหตุใดข้าจึงเห็นหน้าเจ้าไม่ได้ล่ะ อเก็ตต้าถามพลางรับภาชนะนั้นมาอย่างระมัดระวัง ถ้าได้เห็นเจ้าอาจไม่ชอบ คงจะเข้าท่ากว่าถ้าเจ้าจะรู้จักข้าในนามที่ข้าใช้ยามสงคราม เจ้าเรียกข้าว่า เยอร์ซิเนีย ก็ได้ สตรีนั้นยิ้ม อเก็ตต้าเห็นตาเบื้องหลังหน้ากากเป็นประกายสุกใสวาบขึ้นราวกับเพชร ทีนี้เจ้าจะดื่มหรือไม่ล่ะ เจ้าจะไม่เป็นอันตรายหรอก มันจะทำให้เจ้ารู้สึกดี แจ่มใสไร้กังวล วิญญาณเป็นอิสระและร่างกายอบอุ่น เยอร์ซิเนียไหวไหล่อย่างพอใจและหัวเราะคิกคักไปพลาง อเก็ตต้ารู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น กลิ่นหอมแรงจัดจากกระติกพลุ่งเข้าเต็มจมูก เจ้าหล่อนลังเลก่อนจะยกภาชนะนั้นขึ้นจ่อริมฝีปากด้วยรู้ว่าถ้าชิมเข้าไปแม้เพียงจิบเดียวก็จะไม่มีโอกาสกลับใจอีก แค่หนึ่งหยดเจ้าหล่อนก็จะสมานมิตรภาพนี้แน่นแฟ้นราวกับดื่มเลือดแลกสาบาน เยอร์ซิเนียพูดราวกับล่วงรู้ใจอเก็ตต้า เราจะเป็นพี่น้องกัน ข้าจะดูแลเจ้า เจ้าจะไม่ต้องกังวลเรื่องใดอีก ข้าจะให้เจ้าเลิกทำงานล้างหม้อล้างกระทะ ขัดถูและเสิร์ฟอาหาร อีกหน่อยเจ้าก็จะไม่ต้องไปส่งอาหารที่คุกนิวเกตอีก หล่อนหยุดและยิ้มให้อีกครั้ง ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ชอบให้คนคุกจ้องเจ้าแบบนั้น เอาสิ ดื่มให้แก่ชีวิตใหม่ อเก็ตต้าจูบกระติกแล้วดื่มของเหลวข้นๆ ในนั้น ทีแรกกลิ่นหอมนั้นซ่านลิ้นเมื่อเจ้าหล่อนดื่มเข้าไปอึกใหญ่ ต่อมา กลิ่นและรสลี้ลับที่เจ้าหล่อนอธิบายไม่ได้ก็ทำให้ลำคออุ่นขึ้น อเก็ตต้าพิงพนักเป็นครั้งแรก รู้สึกผ่อนคลายอยู่บนที่นั่งในรถม้าซึ่งบุหนังอ่อนนุ่ม รถม้าโยกเจ้าหล่อนไปมาเหมือนเรือกลางทะเลเมื่อตัวยาสำคัญแผ่ซ่านไปทั่วร่าง ส่งให้ประสาททุกส่วนร้อนแรงขึ้น เติมเต็มชีวิตใหม่และกำลังวังชาแก่กล้ามเนื้อทุกส่วน อเก็ตต้ารู้สึกยิ่งกว่ามีชีวิตชีวา ความปิติสุขเอิบอาบไปทั่วกาย เจ้าหล่อนรีบดื่มอีกครั้ง พยายามดื่มจนเต็มอึกเท่าที่จะทำได้ หวังด้วยว่าเหล้าสมุนไพรนี้จะไม่มีวันหมด และแต่ละหยดจะส่งให้เจ้าหล่อนรู้สึกเบิกบานยิ่งขึ้นไปอีก เยอร์ซิเนียเลื่อนตัวข้ามไปนั่งข้างเจ้าหล่อน ดึงกระติกมาจากมืออเก็ตต้าและดื่มเหล้านั้นไปเล็กน้อย ข้ายังจำได้ดี เจ้าจะไม่มีวันลืมครั้งแรกที่ดื่มเหล้าสมุนไพรนี้ มันมีพลังอัศจรรย์เปลี่ยนจิตวิญญาณและปลดปล่อยเจ้าเป็นอิสระเหมือนนกอินทรีบินทะยานขึ้นสูง หล่อนจับมือขวาอเก็ตต้าไว้ กดนิ้วหัวแม่มือของหล่อนลงกลางใจมือนั้น มันเริ่มไหม้เมื่อหล่อนกดแรงขึ้น อเก็ตต้าซึ่งไม่รู้สึกรู้สากับความเจ็บใดๆ เห็นควันบางๆ ลอยขึ้นจากผิวหนังตรงนั้น อ้อยอิ่งอยู่ในอากาศเหมือนภูตที่สิงอยู่ตามพรุ เจ้าหล่อนไม่ยี่หระ จำไว้นะ อเก็ตต้า ความสุขและความพอใจสำคัญกว่าพระประสงค์แห่งเทพเจ้าองค์ใดๆ คืนนี้เจ้าเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว นับแต่คืนนี้เจ้าจะเริ่มอยู่เพื่อตัวเอง ไม่ใช่เพื่อพ่อเจ้าหรือเพื่อเซเบี้ยน เบล้ก เยอร์ซิเนียยกมือของอเก็ตต้าขึ้นมาตรงปากและเป่าฝ่ามือเจ้าหล่อน ที่เจ้าทำมาตลอดชีวิตสั้นๆ ที่ผ่านไปนั้นมากพอที่จะต้องเอาคอไปพาดตะแลงแกงไทเบิร์นมากกว่าหนึ่งครั้งแล้ว การขโมยเป็นเรื่องของคนโง่บัดซบและไม่ช้าเจ้าจะพบว่ามีอีกโลกหนึ่งเปิดกว้างคอยเจ้า โลกที่ครั้งหนึ่งเจ้าไม่เคยเชื่อว่ามี เจ้าจะให้ข้าทำอะไร อเก็ตต้าถามราวกับกำลังพูดกับใครคนหนึ่งในห้วงฝัน ไม่แน่ใจว่าตนเองกล่าวคำใดบ้างด้วยซ้ำไป ไม่ช้าเจ้าก็จะรู้เอง เจ้าจะรู้ได้จากความคิดจินตนาการที่จะคงค้างอยู่ เป็นความปรารถนาที่จะต้องไขว่คว้ามาให้ได้ ความอยากที่ไม่เคยพอ แล้วเจ้าก็จะรู้ว่าต้องทำอะไรและเราจะพบกันอีก...ในไม่ช้า กล่าวจบ รถม้านั้นก็หยุดลงอย่างกระทันหัน อเก็ตต้ากระดอนตกจากที่นั่ง คนรับใช้กระโดดลงจากรถมาเปิดประตู อเก็ตต้ามองออกไปที่ถนนในนครลอนดอนซึ่งตามไฟไว้เพียงสลัวๆ ได้กลิ่นแม่น้ำและได้ยินคนเรือร้องตะโกนบอกเรือเที่ยวสุดท้าย ยามเดินถนนร้องบอกเวลาหนึ่งนาฬิกาและแจ้งว่าทุกอย่างเป็นปกติพลางเคาะไม้เท้าไปตามกำแพง ลอนดอนบริดจ์ เยอร์ซิเนียกล่าวเบาๆ ที่นี่เหละมีชายคนหนึ่งซึ่งเจ้าจะต้องมาพบ มาที่นี่วันอาทิตย์เช้าก่อนไปบ้านเบล้กนะ หาร้านคนขายหนังสือ เขามีของจะให้เจ้า ของที่เจ้าจำเป็นต้องใช้ คนรับใช้ยื่นมือออกช่วยรับอเก็ตต้าลงจากรถ ปิดประตูรถโดยเร็วแล้วกระโดดกลับขึ้นรถ พอประตูปิดสนิทดังกริ๊ก คนขับก็กระตุกบังเหียนพารถออกแล่นโกรกเกรกไปบนถนนปูหินกลมสู่ย่านบิชอบเกต ม้าสี่ตัวประดับด้วยเครื่องเกียรติยศงานศพเหยาะย่างพร้อมกัน กีบสวมปลอกโลหะเป็นประกายต้องก้อนหิน อเก็ตต้ายืนอยู่ตามลำพัง ฤทธิ์เหล้าสมุนไพรค่อยๆ ลดลาหมือนจันทร์ค่อยเลื่อนลับดวง ฤทธิ์ของมันเสื่อมซาลงพร้อมๆกับเสียงรถม้าของเยอร์ซิเนียค่อยๆ แผ่วจางหายไปในระยะไกล ราตรีนั้นหนาวเย็นกว่าเคย อเก็ตต้ากระชับผ้าห่มให้แน่นขึ้นเพื่อลดความหนาวจนถึงกระดูกดำ เจ้าหล่อนมองมือของตนซึ่งขณะนี้ไหม้พองเหมือนแผลถูกน้ำร้อนลวก กลางใจมือปรากฏรอยพิมพ์นิ้วหัวแม่มือดำคล้ำตัดกลางเส้นชีวิต อเก็ตต้าถ่มน้ำลายลงไปในมือแล้วขยี้รอยนั้นด้วยหัวแม่มือ มันยิ่งแสบร้อนและขยายขนาดใหญ่ขึ้นต่อหน้าต่อตา เป็นรอยรูปดวงตาสีแดงขนาดใหญ่ตัดขอบสีดำ ปวดตุบๆ ทุกจังหวะหัวใจเต้น อเก็ตต้ารีบห่อมือไว้ในผ้ากันเปื้อน กดผ้าชื้นๆนั้นเข้ากับแผลพลางออกเดินเซๆ จากลอนดอนบริดจ์ไปยังบิชอบเกต บทแปลนี้มิใช่เวอร์ชั่นก่อนพิมพ์เล่ม จึงยังมีความลักลั่นเรื่องชื่อสถานที่อยู่บ้าง ขออภัยด้วยค่ะ
(ติดตามบทที่ 5 ต่อไปนะคะ)LITERATURE ขอบคุณของแต่งบล็อกจากอินเทอร์เน็ต
Create Date : 13 พฤษภาคม 2562
74 comments
Last Update : 29 พฤษภาคม 2562 20:50:38 น.
Counter : 1785 Pageviews.
ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณฟ้าใสวันใหม่ , คุณโอน่าจอมซ่าส์ , คุณผีเสื้อยิปซี , คุณตะลีกีปัส , คุณสาวไกด์ใจซื่อ , คุณmcayenne94 , คุณสายหมอกและก้อนเมฆ , คุณAsWeChange , คุณวลีลักษณา , คุณmelody_bangkok , คุณสองแผ่นดิน , คุณtoor36 , คุณกะว่าก๋า , คุณหอมกร , คุณhaiku , คุณThe Kop Civil , คุณสันตะวาใบข้าว , คุณInsignia_Museum , คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน , คุณtuk-tuk@korat , คุณlife for eat and travel , คุณmariabamboo , คุณSweet_pills , คุณnewyorknurse , คุณkae+aoe , คุณเริงฤดีนะ , คุณทนายอ้วน , คุณชีริว , คุณTurtle Came to See Me , คุณอุ้มสี , คุณอาจารย์สุวิมล , คุณเนินน้ำ , คุณJinnyTent , คุณmambymam , คุณจารุพิชญ์ , คุณruennara , คุณALDI , คุณที่เห็นและเป็นมา
โดย: กะว่าก๋า 13 พฤษภาคม 2562 19:38:21 น.
โดย: กะว่าก๋า 13 พฤษภาคม 2562 22:13:01 น.
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 13 พฤษภาคม 2562 23:15:44 น.
โดย: กะว่าก๋า 14 พฤษภาคม 2562 6:18:52 น.
โดย: หอมกร 14 พฤษภาคม 2562 8:36:37 น.
โดย: kae+aoe 14 พฤษภาคม 2562 9:17:03 น.
โดย: กะว่าก๋า 14 พฤษภาคม 2562 10:51:38 น.
โดย: กาบริเอล IP: 1.47.64.158 14 พฤษภาคม 2562 16:25:34 น.
โดย: กะว่าก๋า 15 พฤษภาคม 2562 6:14:04 น.
โดย: kae+aoe 15 พฤษภาคม 2562 11:37:34 น.
โดย: กะว่าก๋า 15 พฤษภาคม 2562 15:00:55 น.
โดย: ทนายอ้วน 15 พฤษภาคม 2562 22:41:47 น.
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 15 พฤษภาคม 2562 23:08:50 น.
โดย: ชีริว 15 พฤษภาคม 2562 23:20:15 น.
โดย: มุล (Pikku Mul ) 16 พฤษภาคม 2562 1:18:57 น.
โดย: กะว่าก๋า 16 พฤษภาคม 2562 6:33:04 น.
โดย: กะว่าก๋า 16 พฤษภาคม 2562 9:16:11 น.
โดย: อุ้มสี 16 พฤษภาคม 2562 9:38:59 น.
โดย: เนินน้ำ 16 พฤษภาคม 2562 18:57:12 น.
โดย: คุณต่อ (toor36 ) 16 พฤษภาคม 2562 21:18:10 น.
โดย: กะว่าก๋า 17 พฤษภาคม 2562 6:35:56 น.
โดย: กะว่าก๋า 17 พฤษภาคม 2562 13:32:27 น.
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 140 คน [? ]
BG Pop.Award #17 BG Pop.Award #16 BG Pop.Award #15 BG Pop.Award #14 BG Pop.Award #13 BG Pop.Award #12 BG Pop.Award #11 BG Pop.Award #10 BG Pop.Award #9 BG Pop.Award #8 BG Pop.Award #7 BG Pop.Award #6
มีหลายคนเล่นแคคตัสซักพักก็เริ่มอิ่มตัว แล้วก็เลิกไป
เหมือนเขาว่า ... งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา แหะ ๆ
เดี๋ยวนี้ก็พยายามไม่เล่นมากค่ะ ถ้าไม่โดนใจจริง ๆ รับรองไม่ได้แอ้มเงินข้าพเจ้า
เล่นน้อย ๆ พอให้เพลิดเพลินก็มีความสุขค่ะ ถ้ามากไปเป็นภาระก็เริ่มไม่สนุกแล้ว
ดีใจที่พี่ภามาเล่นด้วยนะคะ อยากเห็นต้นไม้เมื่อ 50 ปีของพี่ภาค่ะ
ถึงจะชราแต่ก็มีคุณภาพนะคะ อิอิ
-----------------------
ส่งกำลังใจก่อนนะคะ
ไว้ค่อยมาตามอ่านทีหลังค่ะ