เหนื่อยเพราะคิด หลายวันมานี้มีหลายเรื่องวนเวียนอยู่ในสมอง อาจเพราะหลายเรื่องสับสนทั้งข้อมูลที่เข้าใจไม่ได้ และวันเวลาที่ต้องเข้าแถวจัดระเบียบให้ลงตัว เฉพาะเรื่องที่เข้าใจไม่ได้ก็เกิดคำถามที่ตอบไม่ได้ เป็นวงจรอุบาทว์ ที่เหมือนอยู่ในเขาวงกตที่หาทางออกไม่เจอ บางเรื่องมีคู่กรณีที่ไม่ยอมฟัง เหตุผลของเรา ปัญหาจะไม่มีทางแก้ไขหากยังคงเข้าใจกันไม่ได้ คำถามหลัก ที่เกี่ยวข้องก็คือ ทำไมล่ะ ทำไมและทำไม เราไม่สามารถจัดการกรณี ขัดแย้งได้ หากคู่กรณีไม่ยอมเปิดปาก แล้วทำไมเราต้องอยาก จัดการให้เรียบร้อย คำตอบคือเพราะเราแคร์ แล้วเหตุใด เขาจึงไม่เปิดปาก คำตอบก็ง่ายอีก เพราะเขาไม่แคร์ แล้วทำไมเราต้องแคร์ อ้าว! เริ่มจะพายเรือในอ่าง ก็เพราะ เราแคร์น่ะสิ เห็นไหมครับ มันทำให้เหนื่อยนะ เหนื่อยใจอย่างไรล่ะ มีคนพยายามแนะนำว่า เหนื่อยแล้ว หนทางออกก็มองไม่เห็น ลืมๆ มันไป เสียบ้างไม่ได้หรือ ไอ้ได้น่ะมันก็คงได้ แต่อะไรที่คาใจก็อดยกประเด็น ขึ้นมาวิเคราะห์ วิจารณ์และวิตกอีกไม่ได้ หนักๆ เข้าจะอยากวิวาท เสียด้วย แล้วเมื่อทำอะไรไม่ได้เลย ลืมก็ไม่ได้ วางก็ไม่ลง คิดปนเปกันหลายๆ เรื่องเข้าก็ชักอยากจะจับเจ้าความคิด ทั้งหลายนั่นใส่เครื่องปั่นให้เละจนไม่เหลือให้แยก แยะว่าอะไรเป็นอะไรอีกเลย ถึงตอนนั้นมันจะลืมทั้งหมด ได้ไหม หรือจะต้องเอาสมองออกมาปั่นเสียด้วย 55 น่าจะเวิร์กกว่านะครับ และเพราะวนกลับมาคิดว่า จะปั่นสมองเสียให้หมดสภาพจำและคิดอะไรไม่ได้อีก จึงมาถึงจุดที่ว่า แก้ที่คนอื่นไม่ได้ ต้องแก้ที่เราเอง เราไม่สามารถทำให้เขาเข้าใจเราได้ เราก็ต้อง เข้าใจเขาเสียเอง จะเข้าใจได้ถูกหรือผิด แต่ทำให้เราสงบลงได้ นั่นดีที่สุดแล้ว เราจะสามารถรับผิดชอบที่จะเข้าใจเขาให้ ตรงตามใจเขาได้ก็ต่อเมื่อเขาให้ความร่วมมือ หากเขาไม่ เราคงต้องยุติธรรมอยู่แค่ ทำให้ดีที่สุดเท่า ที่เราทำได้ ที่เหลือคงต้อง ตัวฮูตัวอิท แล้วครับ เพราะไม่ว่าเราจะแคร์เขาได้แค่ไหน... เราก็แคร์เขามากว่าเขาแคร์เราแล้ว ถึงจุดที่เราทำได้เท่านั้นจริงๆ เพื่อเราจะได้ หยุดการคิดจนเหนื่อย และคงเป็นมัฌชิมาปฏิปทาแล้ว
หาทางออกไม่ได้ ก็ออกตรงทางเข้านั่นแหละ
แหะๆ ^ ^'
แก้ที่เราอ่ะค่ะ เพราะเราแคร์นี่นา เน๊าะๆๆ
พี่หนูหล่อสบายดีม๊าย
ฝากความคิดถึงคุณตุ๋มด้วยนะคะ
คืนนี้ขอให้นอนหลับฝันดีค่ะ