"ถนนสายนี้...มีตะพาบ" โจทย์ประจำหลักก.ม.ที่ 133 - ติ๊งต่างว่าเป็น"วันฝนพรำ"
"ถนนสายนี้... มีตะพาบ" โจทย์ ประจำหลักก.ม. ที่ 133-ติ๊งต่างว่า เป็น "วันฝนพรำ" ปีนี้แล้งหนัก ฝนไม่มี ฝนไม่พรำ แต่แอบๆมาเทนานๆครั้ง แล้วเราจะเอา"วันฝนพรำ" มาจากไหนน้อ คิดมาตั้งแต่วันที่หวย เอ๊ย โจทย์ออก ยังแบ๊ะๆอยู่เลยเนี่ย
ติ๊งต่างก็แล้วกันว่า วันนี้เป็นวันฝนพรำนะคะ ไม่งั้นก็จะไปไม่ถูก อาจมีผลให้ต้องพลาดกิโลเมตรนี้ แล้วถ้าฝนพรำไม่รู้จักหยุด คนบ้านป่าจะทำอะไรได้บ้างนอกจากนั่งๆนอนๆ ดูฝนพรำๆๆๆไปเรื่อยๆ ดีไม่ดีจะลุกขึ้นมากินๆๆๆจนอ้วนพีกว่าเดิม เมื่อก่อนยังมีงานรับจ้างหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง เดี๋ยวนี้เค้าก็จ้างให้เลิกทำแล้ว เวลาว่างมีเยอะขึ้น เล่นบล็อกเล่นเฟซมากเข้าก็เบื่อ ยิ่งฝนพรำเสียอีก ไอ้ที่ควรทำมากๆเลยก็คือ เลือกภาพที่สะสมไว้ เอามาแบ่งๆกันชมน่าจะดีกว่า จะได้เลิกบ่นว่าสต๊อกภาพท่วมหัวแล้ว ทำบล็อกไม่ทัน ถือโอกาสสลายสต๊อกเสียบ้างตามฟอร์มของคนบ้านป่า เอะอะอะไรก็ ดอกไม้ๆๆๆๆ มาแล้วจ้าาาาา... เริ่มด้วยดอกไข่ดาวก็แล้วกันนะคะ ดอกไข่ดาว ชื่ออื่น : Fried Egg Tree, Snuffbox Tree ชื่อวิทยาศาสตร์ : Oncoba spinosa Forssk. วงศ์ : FLACOURTIACEAE ลักษณะ : ไข่ดาว เป็นไม้พุ่ม มีความสูงประมาณ 2 ถึง 3 เมตร ดอกมีสีขาว ลักษณะพิเศษ : ไม้ดอกหอม รายละเอียด : เป็นพรรณไม้จากต่างประเทศ เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก สูง 2-3 เมตร แตกกิ่งน้อย ตามซอกใบมีหนามแหลม ใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปรี ผิวใบเป็นมัน หนาแข็ง เส้นใบเห็นไม่เด่นชัด ขอบใบจักละเอียด ดอกเดี่ยว ออกที่ปลายยอด กลีบดอกบางสีขาว มีเกสรเพศผู้เส้นเล็กเป็นกระจุกสีเหลืองตรงกลางดอก เมื่อบานมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 6-8 เซนติเมตร ไม่ติดผล ฤดูดอกบาน : ออกดอกตลอดปี โดยเฉพาะช่วงต้นฤดูฝนจะออกดอกมาก ดอกบานนาน 2 วัน ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ตลอดวัน การปลูก : สามารถปลูกลงกระถางขนาดใหญ่ หรือปลูกเป็นต้นเดี่ยวไว้กลางแจ้ง หากปลูกเป็นกลุ่มควรอยู่ห่างกัน 2 เมตร วิธีการปลูกและดูแล : ดินที่เหมาะสม ดินร่วน ต้องการน้ำปานกลาง ควรปลูกในที่มีแสงทั้งวัน วิธีการขยายพันธุ์ : ตอนกิ่ง ขอบคุณข้อมูลจาก ThaiTreeFlowers.com เอื้องกุหลาบกระเป๋าเปิด ปีนี้ทั้งบ้านป่าของเรามีข่อของต้นนี้ออกพร้อมกัน 165 ช่อ นี่เป็นจำนวน ที่นับได้จากที่มองเห็น พวกอยู่สูงมากหรือในกอรกๆนั้นถือเป็นส่วนเกิน พ่อเดินนับเองเลย แบบว่า เป็นปลื้มขนาด เสียดายที่บางกอมีถึง เกือบสามสิบช่อแต่อยู่ในมุมที่ถ่ายภาพไม่ได้และรกมากเอื้องกุหลาบกระเป๋าเปิด ชื่อวิทยาศาสตร์ Aerides falcata Lindl. ชื่ออื่น / ชื่อท้องถิ่น เอื้องกุหลาบพวง เอื้องกุหลาบป่า เอื้องคำสบนก เอื้องด้ามข้าว เอื้องปากเป็ด ลักษณะทั่วไป กล้วยไม้อิงอาศัย ลำต้น ต้นตั้งตรงหรือเอน ห้อยลง ยาวได้ถึง 1 เมตร ใบ รูปแถบขนาด กว้าง 3 ซม. ยาว 20 ซม. เรียงห่างกัน ปลายใบเว้า แผ่นใบค่อนข้างบาง บิดพลิ้วเล็กน้อย ดอก ออกเป็นช่อ ห้อยลง มีมากกว่า 1 ช่อ จำนวน 30 ดอก ขนาด 2.5 ซม. กลีบเลี้ยงรูปรี ปลายกลีบแหลม กลีบดอกรูปรี ปลายกลีบมน กลีบเลี้ยงและกลีบดอกสีขาวหรือสีม่วงอมขาว แหล่งที่พบ ตามป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ป่าดิบเขา และป่าดิบแล้ง ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเล 750-1,300 เมตร ตามที่โล่งแจ้งแสงแดดจัดและแสงแดดรำไร ฤดูออกดอก เดือนเมษายน-พฤษภาคม ขอบคุณโครงการรวบรวมข้อมูลพันธุ์กล้วยไม้พื้นเมืองฯ เอื้องกุหลาบกระเป๋าปิด ชนิดนี้มีไม่มากจากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรีกุหลาบกระเป๋าปิด หรือ เอื้องกุหลาบกระเป๋าปิดเป็นกล้วยไม้ที่มีลำต้นเจริญทางปลายยอด ช่อดอกแบบกระจะ สีขาวหรือสีขาวแกมม่วงอ่อน ดอกมีกลิ่นหอมมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Aerides odoratum Lour. ฤดูกาลออกดอกในเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม ในประเทศไทย พบที่ เชียงใหม่ ตาก เลย สกลนคร มุกดาหาร ชัยภูมิ กาญจนบุรี นครศรีธรรมราช ภูเก็ต กระบี่ ดอกดาหลาสีแดง เราพยายามปลูกดาหลาทุกสี แต่ก็ได้ผลแต่สีแดง มีหลายกอ แต่ที่จะเอามาวันนี้เป็นกอที่ไปโผล่ในดงไม้แห้งๆขอบเขื่อนริมบึงที่แห้งจนหญ้าขึ้นเต็ม สภาพน่าสะเทือนใจมาก จะมีน้ำมาเต็มบึงเมื่อไรก็สุดจะหยั่งรู้ แต่เจ้าดาหลาก็ยังชูช่อสวยงามพอดูได้ ข้อมูลน่าสนใจจากคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลหากเป็นคนที่มีพื้นเพอยู่ในจังหวัดทางภาคใต้ น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักพืชชนิดนี้ ด้วยรูปทรงและสีสันที่สวยงาม บวกกับความทนทานของดอกดาหลา จึงทำให้มันถูกจำหน่ายเป็นไม้ตัดดอกที่ทำกำไรให้กับผู้ปลูกเป็นจำนวนมาก ซึ่งไม่เพียงแค่การใช้เป็นไม้ประดับ แต่ดอกดาหลายังสามารถนำมาทำเป็นอาหารได้หลากหลาย ทั้งต้มจิ้มน้ำพริก ทำแกงส้ม แกงจืด แกงเผ็ด แกงกะทิ และผสมในข้าวยำที่เป็นอาหารเอกลักษณ์ประจำท้องถิ่นของชาวปักษ์ใต้บ้านเรา หรือบางแห่งก็นำดอกดาหลาไปแปรรูปเป็นน้ำสมุนไพร ไวน์สมุนไพร น้ำส้ม น้ำยาทำความสะอาด หรือแม้แต่นำไปทำเป็นน้ำหมักชีวภาพ ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตทางการเกษตรได้เป็นอย่างดี ดาหลา (Torch ginger) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Etlingera elatior [Jack] R. M. Smith. เป็นพืชในวงศ์ ZINGIBERACEAE เช่นเดียวกับขิง ข่า ชื่ออื่นๆ คือ กาหลา จินตะหลา กะลา ดาหลาเป็นไม้ล้มลุก มีลำต้นเป็นเหง้าอยู่ใต้ดิน ส่วนลำต้นเหนือดินเป็นกาบใบที่โอบซ้อนกันแน่นเช่นเดียวกับพืชจำพวกกล้วย ส่วนนี้คือลำต้นเทียม ใบเป็นรูปหอกยาวเรียว ปลายใบแหลม สีเขียวเข้ม ดอกออกเป็นช่อ แทงก้านดอกจากเหง้าใต้ดิน กลีบประดับซ้อนกันหลายชั้น มีสีชมพูถึงแดงเข้ม นอกจากใช้เป็นไม้ดอกไม้ประดับและนำมารับประทานแล้ว ดอกดาหลายังมีสรรพคุณทางยาในการช่วยขับลมและแก้ท้องอืดท้องเฟ้อได้ เนื่องจากมีรสเผ็ดร้อน อีกทั้งยังใช้แก้โรคลมพิษและโรคผิวหนังได้อีกด้วย การศึกษาทางด้านสารเคมีของดาหลาพบสารสำคัญในกลุ่ม phenolics และ flavonoids ทั้งในส่วนของใบ ดอก และเหง้า ซึ่งล้วนแต่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่โดดเด่น โดยมีลำดับความแรงดังนี้ สารสกัดจากส่วนใบ > สารสกัดจากส่วนดอก > สารสกัดจากส่วนเหง้า นอกจากนี้ยังพบฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย (จากน้ำมันหอมระเหยและใบ) ฤทธิ์ต้านความเป็นพิษต่อตับ (จากช่อดอก) ฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ tyrosinase (จากใบ) และฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็ง (จากเหง้า) แต่ทั้งหมดยังเป็นเพียงการศึกษาในระดับเซลล์ หลอดทดลอง และสัตว์ทดลองเท่านั้น สำหรับการศึกษาความเป็นพิษ ยังไม่มีการรายงานความเป็นพิษของพืชชนิดนี้ อีกทั้งการรับประทานในรูปแบบของอาหารก็มีความปลอดภัยสูง แต่สำหรับผู้ที่มีประวัติการแพ้ ขิง ข่า ไพล หรือพืชในวงศ์ ZINGIBERACEAE ควรเพิ่มความระมัดระวังในการรับประทานดาหลา เนื่องจากเป็นพืชวงศ์เดียวกัน อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้... เป็นอันว่าได้สลายสต๊อกภาพไปพอสมควร ฝนที่ต้องติ๊งต่างเอาตั้งแต่ต้นเริ่มตั้งเค้า มามืดๆแล้ว ขอลาไปด้วยภาพสุดท้าย ก่อนไปเตรียมผ้าซิ่นไว้กระโจมเล่นน้ำฝน เด้อค่ะเด้อ...เหอๆ ไม่เจียมบอดี้นะเนี่ยbg music:Garden of Dreams and Poeme GIOVANNI MARRADI Special thanks to uploader: Music For Your Soul ขอบคุณผู้เขียนโค้ดแต่งบล็อกไว้เป็นวิทยาทานในอินเทอร์เน็ต ขอบคุณของแต่งบล็อกจาก Google และคุณเนยสีฟ้า ขอให้มีความสุขทุกท่านนะคะ เอนทรี่นี้อยู่ในหมวด HOME & GARDEN
Create Date : 01 กรกฎาคม 2558
47 comments
Last Update : 27 ตุลาคม 2558 12:16:16 น.
Counter : 2504 Pageviews.
หลงรักเอื้องกุหลาบกระเป๋าเปิดค่ะ
อะไรจะออกช่อมากมายขนาดนั้น
165 ช่อเฉพาะที่นับได้ แค่อ่านก็อิจฉาตาร้อนผ่าว
ใครเป็นเจ้าของก็ต้องปลื้มแน่นอนค่ะ
ไว้มาหยอดกระปุกอีกทีนะคะ