ขอต้อนรับสู่โลกของนิยายยูริ เรื่องจากประสบการณ์ และทำนายดวงชะตา โดย นิ้วนาง-เดียนา-ลำดวนพยากรณ์
 
ตุลาคม 2561
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
29 ตุลาคม 2561
 
 

รักเกินต้าน Can't Resist บทที่ ๔ (Yuri)



เปมิกากลับบ้านมาได้หลายวันแล้ว แต่คนอื่นที่อยู่บ้านติดกันยังไม่ทราบว่าหล่อนกลับมาแล้วจนกระทั่งมนตรีไปเยี่ยมสมรที่โรงพยาบาล ถึงได้ทราบว่าลูกสาวกลับมาจากอังกฤษ

“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คนเป็นพ่อถามอย่างไม่ค่อยพอใจนัก

“สองวันก่อนค่ะ” สาวหวานตอบเสียงเรียบ ยกมือทำความเคารพบิดาบังเกิดเกล้า

“ใจคอไม่คิดจะบอกพ่อเลยหรือไง”น้ำเสียงตัดพ้อ

ทำไมต้องใช้เสียงแบบนี้ด้วย?

เปมิกาขมวดคิ้วมุ่นหลังโดนต่อว่า ด้วยปกติเขาไม่ค่อยจะสนใจลูกสาวคนนี้นัก...สนใจแค่ลูกชายคนโตกับลูกสาวคนเล็กเท่านั้น

“ก็พ่อไม่เคยถามแปมนี่คะ”

เอ๊ย! พูดแบบนี้ออกมาได้ยังไงเดี๋ยวแม่ก็หาว่าฉันไม่สนใจลูกอีก

มนตรีหน้าชา ปั้นหน้าไม่ถูกที่โดนลูกสาวสวนกลับต่อหน้าคุณสมรกับชุติมา รู้สึกเสียหน้าไม่น้อย

“ยังไงฉันก็เป็นพ่อแกนะ” เอ่ยเตือนเสียงเข้ม ให้รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่

“แปมจำได้ค่ะ ไม่เคยลืม” สาวสวยพูดหน้าตาเฉย ทำไม่รู้ไม่ชี้ว่าเขาต้องการจะบอกอะไร

เจอหน้าก็กวนประสาทเลยเยี่ยมมาก

รองผอ.กัดฟันแน่น เพื่อข่มอารมณ์ขุ่นเคืองในใจไม่ชินกับการกวนโทสะของลูกสาวที่พัฒนาสูงขึ้น...สูงจนน่าหมั่นไส้

เจอหน้าก็ปะทะคารมกัน...นี่มันครอบครัวสุขสันต์ชัดๆ

สมรส่ายหน้า กับสองพ่อลูกที่รักกันมาก เหมือนขมิ้นกับปูนน้อยครั้งที่จะคุยกันรู้เรื่อง หากคนหนึ่งบอกซ้าย อีกคนจะหันขวับไปขวา เธอจึงต้องกลายเป็นกรรมการห้ามทัพอยู่บ่อยๆและครั้งนี้ก็ไม่ต่างกัน

“มนตรี”

“ครับ” เขาละสายตาจากลูกสาวมองไปยังมารดา

“แม่คุยกับแปมแล้ว แปมจะไปทำงานที่โรงเรียนนะ”

“เหรอครับ” รองผอ.ทำหน้าแปลกใจเล็กน้อยคาดไม่ถึงว่าลูกสาวจะมาช่วยงานธุรกิจของครอบครัว “ไม่ยักรู้ว่าอยากเป็นครูด้วย”

เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าคะคุณพ่อขา

หล่อนขมวดคิ้วแต่ไม่พูดอะไร

“ไม่ใช่ครู แม่จะให้แปมเป็นผู้ช่วยผอ.ต่างหาก”สมรตอบแทน

“หา!” เขาหลุดอุทานออกมากลอกตาไปมา คิดชักแม่น้ำทั้งห้าทั้งสิบมาอ้าง เพื่อให้มารดาเปลี่ยนใจ “จะไหวเหรอครับ? ตำแหน่งผู้ช่วยผอ.ต้องการคนมีประสบการณ์ไม่ใช่เด็กจบใหม่ถอดด้าม พวกผู้ปกครองกับพวกครู คงไม่เชื่อถือฝีมือแปมเท่าไหร่ชื่อเสียงโรงเรียนเราก็จะแย่ลงไปอีกนะครับ”

ว่าแล้วเชียว

ผอ.สูงวัยถอนใจ ปฏิกิริยาของมนตรีไม่ต่างจากที่คาดไว้นักรู้ว่าลูกชายไม่ต้องการให้หล่อนมาเกี่ยวข้องกับโรงเรียนประถม ด้วยอยากจะขายทิ้งมากกว่าเก็บไว้

“ไหวไม่ไหวก็ต้องลองดูก่อน” เธอพูดยิ้ม หันหน้ามองหลานสาว “ใช่ไหมแปม

“ค่ะคุณย่า” หล่อนตอบหนักแน่นนัยน์ตาคู่สวยเป็นประกายแน่วแน่ เปมิกาได้ฟังเรื่องของโรงเรียนจากคุณสมรในช่วงที่นอนเฝ้ารวมถึงเรื่องที่บิดากับพี่ชายต้องการขายธุรกิจนี้ แลกกับเงินก้อนโต ยิ่งทำให้สาวสวยต้องการจะรักษาโรงเรียนแห่งนี้เอาไว้ให้ได้

หล่อนถูกสอนมาว่า ‘การรักษามรดกของบรรพบุรุษเอาไว้และพัฒนาให้เจริญก้าวหน้า เป็นหน้าที่ของลูกหลานที่กตัญญู ไม่ใช่คิดแต่จะขายสมบัติที่พวกท่านทำงานเหนื่อยยากหามา’

“แม่ให้แปมคิดวิธีปรับปรุงมาตรฐานของโรงเรียนเราให้ดีขึ้นหากทำแบบนั้นได้ โรงเรียนเราก็จะอยู่ได้แบบสบายๆ ไปอีกนาน” ผอ.สูงวัยเล่าจุดประสงค์ที่ให้หลานสาวคนโปรดเข้ามาช่วยงาน “ลูกคงไม่มีปัญหาใช่ไหม

“มะ ไม่มีครับ” เขากลั้นใจตอบออกไป

บ้าจริง!

สบถในใจ ไม่สบอารมณ์ที่เปมิกากลายเป็นพวกมารดาแทนที่จะเข้าข้างพ่อแท้ๆ หญิงสาวกลายเป็นอุปสรรคชิ้นโต ต่อการขายโรงเรียนของเขาด้วย...แต่ไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมาขัดขวาง

“ก็ดี” สมรยกยิ้มในหน้าแต่ไม่ได้เชื่อทุกคำพูดของลูกชาย เธอรู้จักเขาดีว่าเป็นคนอย่างไร...รู้ลึกเข้าไปถึง DNA เลยด้วยซ้ำ

ใจเย็นไว้ก่อนนี่อาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้

เขาบอกกับตัวเอง ไม่คิดจะวางมือเรื่องขายโรงเรียนวันนี้ยังคิดแผนไม่ได้ แต่พรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ อาจจะคิดวิธีที่ดีออกก็ได้

“แล้วหมอจะให้แม่กลับบ้านได้เมื่อไหร่ครับเปลี่ยนไปถามเรื่องสุขภาพของสมรแทน ในฐานะลูกก็รักและห่วงแม่เสมอ

...หากไม่มีแม่ เขาก็คงไม่มีวันนี้

“ถ้าวันนี้ตรวจแล้วไม่มีอะไรผิดปกติพรุ่งนี้คงกลับได้” หญิงสูงวัยตอบ ใจจริงอยากกลับบ้านมากกว่าอย่างน้อยก็จะได้ทำงาน ไม่ใช่นอนเรื่อยเปื่อยทิ้งลมหายใจไปวันๆ แบบนี้

“ดีจัง” มนตรียิ้มออกมา“แบบนี้ต้องเลี้ยงฉลอง ดีไหมครับ

“แม่อยากจัดงานเลี้ยงต้อนรับแปม ที่เรียนจบมากกว่า”คนเป็นย่ามองไปทางหลานสาวคนโปรดพร้อมยิ้มอย่างเอ็นดู

คำก็แปมสองคำก็แปม...เห็นฉันเป็นอะไร

ลูกชายสะอึก ทำหน้าเจื่อนอีกครั้งที่สมรให้ความสนใจกับเปมิกามากเหลือเกิน...มากกว่าทุกคนแม้กระทั่งลูกชายคนเดียวอย่างเขา ก็สู้หลานสาวไม่ได้ จึงยอมเออออห่อหมก

“ก็ได้ครับ”

“เอาเป็นอีกสองวัน ขอเป็นงานเลี้ยงมื้อค่ำภายในครอบครัวก็แล้วกันเดี๋ยวฉันให้ชุจัดการเอง” สมรหันไปทางเลขาฯ ของตน “จัดอาหารเผื่อทุกคนในบ้านด้วยนะ สั่งร้านประจำดีกว่า แช่มจะได้ไม่ต้องเหนื่อย...อย่าลืมโทรชวนชนินทร์กับชนเทพแล้วก็อินด้วยนะ”

“ค่ะคุณท่าน” ชุติมารับคำ รีบจดคำสั่งในสมุดทันที ไม่ให้มีอะไรตกหล่นบกพร่อง

นัยน์ตาคู่สวยของเปมิกาเป็นประกายวูบหนึ่งหลังได้ยินชื่อ ‘ใครคนนั้น’ที่ยังคงมีอิทธิพลกับหัวใจไม่เสื่อมคลายแต่ว่ายังไม่มีโอกาสได้คุยกันตามลำพังเลยตั้งแต่กลับมา

เขาคงไม่อยากคุยกับฉันหรอก...ฉันมันคนไม่สำคัญ

หญิงสาวเข้าใจไปอย่างนั้น

บ่ายวันนั้น อินทุอรทำหน้าเคร่งขรึมกว่าปกติแล้วกลับไปโดยไม่พูดไม่จาอะไรกับตน นอกจากประโยคอำลา สาวหวานรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจทุกครั้งยามคิดถึงเวลาถูกผู้ที่เราแคร์มองข้าม แม้จะพยายามจะตัดใจมานาน...แต่ไม่ใกล้เคียงคำว่าสำเร็จแม้เศษเสี้ยว

“วันที่แม่จะออกจากโรงพยาบาล ให้ชุบอกผมด้วยนะครับผมจะมารับ” มนตรีอาสา

“ไม่ต้องหรอก แม่กลับกับแปมได้”สมรปฏิเสธเสียงเย็น “เราน่ะเข้าไปดูงานที่โรงเรียนบ้างเถอะอย่ามัวแต่สนใจบริษัทของตัวเอง ถ้าไม่อยากเป็นรองผอ.ก็บอกมา แม่จะให้คนอื่นเป็นแทน”

เธอไม่อยากจะโยนความผิดพลาดของธุรกิจให้กับลูกชาย แต่เขาไม่สนใจใยดีกับธุรกิจครอบครัวแม้แต่น้อยเมื่อมีเปมิกามาแบ่งเบา จึงไม่จำเป็นต้องเก็บมนตรีเอาไว้ให้เกะกะ

รับเงินเดือนตั้งแพงแต่ทำงานไม่คุ้มค่า...ตัวอย่างไม่ดีแบบนี้ ไม่รู้จะเก็บไว้ทำไม

ฉึก!

มนตรีสะอึกอีกรอบ เฉลี่ยในหนึ่งเดือน เขาเข้าไปในโรงเรียนนับแล้วไม่ถึงห้าวันด้วยซ้ำแวะเข้าไปเซ็นชื่อไม่ถึงชั่วโมงก็ออกไปทำธุระต่อ เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับบริษัทส่วนตัว

...หากลูกน้องคนอื่นทำเลียนแบบเขา เขาคงแจกซองขาวให้นานแล้ว

“แม่อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ”มนตรีปฏิเสธลนลาน รายได้ตำแหน่งรองผอ. เป็นรายได้หลักของเขาไม่ต่างจากเงินกงสีที่ได้รับสม่ำเสมอหากไม่มีรายได้ส่วนนี้ คงไม่มีปัญญาเลี้ยงลูกเมียตัวเองให้สะดวกสบาย

แม้อรนภาจะทำงานนอกบ้าน แต่เป็นพนักงานแบงค์ธรรมดามีเงินแต่ละเดือนแค่พอกินพอใช้ ช่วงลูกสาวยังเล็กเงินเดือนคนเดียวแทบไม่พอซื้อนมเลยด้วยซ้ำ

ขืนลาออกจะเอาเงินที่ไหนกิน...ตายแน่!

“ถ้าไม่คิดลาออก ก็ตั้งใจทำงานหน่อย”หญิงสูงวัยเอ่ยเสียงเย็น

คนเป็นแม่นึกระอาใจกับพฤติกรรมของลูกชายที่ไม่เคยหลาบจำ เรียนรู้จากความผิดพลาด เปิดกี่บริษัทก็โดนหุ้นส่วนฉ้อฉล

เจ๊งมากี่บริษัทยังไม่รู้ตัวอีกต้องให้หมดตัวก่อนหรือไง...ไอ้ลูกโง่

“เข้าใจแล้วครับ ไม่มีอะไรงั้นผมกลับก่อนนะครับ”มนตรีรู้สึกเสียหน้าเหลือเกินที่โดนต่อว่าต่อหน้าเปมิกากับชุติมายกสองมือขึ้นทำความเคารพมารดา ก่อนออกจากห้องไปอย่างเร็วราวกับติดปีก

ทำไมต้องหักหน้ากันแบบนี้ด้วยบ้าเอ๊ย!

นึกคลั่งแค้นใจไม่น้อย ที่ทำอะไรก็ไม่เคยถูกใจแม่สักอย่างในสายตาของสมร เขาเป็นคนล้มเหลวคนไม่เอาไหน จึงต้องการทำทุกอย่างเพื่อพิสูจน์ว่า...สิ่งที่แม่คิดนั้นมันไม่ใช่ความจริง

เฮ้อ!โตมาจนป่านนี้ยังคิดไม่เป็นอีก ฉันผิดเองที่เลี้ยงลูกไม่ดี

สมรนึกโทษตัวเอง ถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยๆ กลัวเหลือเกินว่าเขาจะทำลายรากฐานของธุรกิจครอบครัว เพียงเพราะเห็นแก่เศษเงินเล็กๆ น้อยๆ

ผอ.สูงวัยจะพูดเตือนอะไรมากก็ไม่ได้ ด้วยความที่ลูกชายเป็นคนหัวดื้อมีทิฐิมานะสูง ไม่เคยยอมรับฟังใคร เธอจึงได้แต่ปล่อยให้ไปเรียนรู้ด้วยตนเอง มนตรีล้มลุกคลุกคลานกับบริษัทกว่าสิบครั้งแต่ดูเหมือนว่า ก็ยังไม่ต่างจากเดิมนัก เข้าทำนอง ‘โง่จนเกินเยียวยา’

เธอในฐานะแม่จึงต้องปล่อยไปตามเวรตามกรรม

“คราวนี้เปิดบริษัทอะไรอีกล่ะสมรเปรยขึ้นลอยๆ

“พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ค่ะ” ชุติมาตอบ เธอรู้ทุกเรื่องที่ควรรู้ของสมาชิกในครอบครัวนี้

หา!

คนเจ็บหันขวับจ้องหน้าคนพูด ยกมือขึ้นนวดขมับเกิดอาการมึนหัวขึ้นมากะทันหัน พอเดาว่า ลูกชายคิดวางแผนจะทำอะไรต่อไป หากได้รับมรดกจากตน

ไม่ขาย แต่ตั้งใจจะเปลี่ยนโรงเรียนเป็นอย่างอื่นฉันจะมีหน้าไปเจอกับคุณปู่คุณย่าในปรโลกได้ยังไงกัน...ไอ้ลูกชั่ว

“นี่มันบ้าหรือเปล่าหญิงสูงวัยพึมพำเหมือนพูดกับตัวเอง

“ไม่ทราบค่ะ” สาวแว่นตอบเบาๆ

การสนทนาจบลงอย่างเงียบงัน สาวสวยซึ่งนั่งฟังอยู่ด้วยทำหน้าสับสนกวาดตามองผู้หญิงสองคนสลับไปมา ไม่เข้าใจความนัยที่คุณสมรพูดกับชุติมาแม้แต่น้อย

แปลว่าอะไร?

สองวันต่อมา งานเลี้ยงต้อนรับเปมิกา ถูกจัดขึ้นที่คฤหาสน์หลังใหญ่ของสมรเป็นงานเลี้ยงบุฟเฟ่ต์ในครอบครัว ซึ่งมีสองครอบครัวได้รับเชิญ หนึ่งของมนตรีและอีกครอบครัวคือชนินทร์ หลานชายของสมร ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่ของมนตรีกับลูกชายชื่อชนเทพ ซึ่งอยู่ในวัยเกือบสามสิบ

“ยินดีด้วยนะแปม ที่เรียนจบ”ชนินทร์กล่าวทักทายอย่างคุ้นเคย ทันทีที่เห็นหญิงสาวสองพ่อลูกมาถึงก่อนเวลาเล็กน้อย ด้วยบ้านของเขาอยู่ห่างออกไปพอสมควร

“ขอบคุณค่ะลุงนิน” หล่อนยกมือขึ้นไหว้ชายทั้งสอง

“ไม่เจอกันตั้งนานสวยขึ้นมากเลยนะเนี่ย”

“อย่าล้อแปมสิคะ” คนถูกชมยิ้มหวาน

ชนินทร์หันมาบอกกับลูกชาย

“เอาของขวัญให้น้องสิลูก”

“โอ้ เกือบลืมแล้วครับ” ชนเทพทำหน้านึกขึ้นได้ ยื่นซองสีขาวปิดผนึกให้กับเปมิกา “นี่ของขวัญสำหรับแปมครับ”

หล่อนรับซองมาถือไว้ พลิกดูอย่างละเอียดแต่ไม่มีอะไรเขียนไว้ จึงอดถามไม่ได้

“อะไรคะพี่เทพ

“เซอร์ไพรส์ครับ ไว้ค่อยแกะดูนะพี่ว่าแปมน่าจะชอบ”เขาหลิ่วตาให้อย่างอารมณ์ดี

“ขอบคุณค่ะ”

“ว่าแต่จบแล้วจะทำงานเลยหรือเรียนต่อล่ะชนินทร์ถาม

“แปมขอทำงานที่โรงเรียนกับคุณย่าค่ะ”

ชายสูงวัยทำหน้าแปลกใจ แล้วพยักหน้า

“ก็ดีนะ คุณอาท่านก็เหนื่อยมากแล้วถ้ามีแปมไปช่วยแบ่งเบาก็คงวางใจขึ้น” พูดเสียงอ่อนโยน

“หวังว่าแปมคงจะช่วยอะไรคุณย่าได้บ้าง”พูดไม่เต็มเสียงนัก ไม่ค่อยมั่นใจในความสามารถของตัวเองเท่าไหร่

“ลุงเชื่อในตัวหลานนะ” เขากล่าวให้กำลังใจ

“ขอบคุณค่ะ” เปมิกาพยักหน้าก่อนเหลือบมองมายังชนเทพ ที่กวาดตาไปมาเหมือนมองหาใครอยู่ “พี่เทพมองหาใครคะ

“อ๋อ คุณอินน่ะไม่รู้ว่าวันนี้จะมาหรือเปล่า

หืม?

“ไม่ทราบค่ะ แปมยังไม่เห็น ทราบแต่คุณย่าเชิญค่ะ”

หญิงสาวอยากเจออินทุอรเหมือนกัน จึงเดินทำทีออกมาต้อนรับแขกแต่พลันสงสัยที่เห็นชายหนุ่มดูกระวนกระวายใจ

ชนเทพยิ้มร่าเริงดีใจจนออกนอกหน้า

“จริงเหรอดีจัง”

ทำไมพี่เทพต้องดีใจขนาดนั้นด้วย?

สาวสวยขมวดคิ้ว แล้วคำตอบที่อยากรู้ก็มาจากปากของชนินทร์

“นายเทพเขาสนใจคุณอินน่ะแต่ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงต่อ ตามจีบมาตั้งนาน แต่หนูอินเธอเฉยมาก สงสัยจะกินแห้ว”

พี่เทพจีบอาอิน!

สาวสวยแตกตื่นตกใจอย่างบอกไม่ถูกหัวใจหล่นไปกองที่ตาตุ่มที่มีคู่แข่งเพิ่มขึ้น แบบไม่ทันตั้งตัว

“พ่อครับอย่าพูดให้ใจเสียได้ไหมครับ คุณอินอาจจะขี้อายมากก็ได้” เขาพูดปลอบใจตัวเอง

อยากให้หนูอินปฏิเสธตรงๆไอ้เทพจะได้เลิกบ้าซะที

คนเป็นพ่อไม่อยากพูดขัด ส่ายหัวกับความหวังริบหรี่ของอีกฝ่ายชนินทร์เชื่อว่า ลูกชายเขาไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรแต่เป็นเพราะอินทุอรไม่มีใจให้ต่างหาก ขืนชนเทพดันทุรังต่อไป ก็มีแต่จะเจ็บมากขึ้นเขาในฐานะพ่อจึงอยากให้เรื่องนี้ยุติโดยเร็ว

พูดเองเออเองก็ได้ด้วย

เปมิกาประชดพี่ชายในใจอย่างหมั่นไส้ ร้อนใจอยากรู้ว่าเธอคนนั้นคิดอย่างไรกับชนเทพขึ้นมาทันที

อาอินคงไม่ได้ชอบพี่เทพหรอกนะ

ชายหนุ่มชะเง้อชะแง้ แล้วยิ้มกว้างแก้มแทบฉีกเมื่อเห็นครูสาวจอดรถ แล้วเดินตรงมา

“นั่นไงคุณอินมาแล้ว”

“สวัสดีค่ะ คุณอา คุณเทพ และก็น้องแปม” สาวหน้าคมทำความเคารพสองพ่อลูกอย่างสุภาพหันไปรับไหว้เปมิกา

สองสาวสบตากันเนิ่นนานกว่าปกติก่อนมนตร์สะกดจะหายไป โดยเสียงของใครบางคน

“ดีใจจังที่หนูอินมานายเทพบ่นหาอยู่เลย” ชนินทร์กล่าวปูพรมไว้ให้ลูกชาย

“เหรอคะ” อินทุอรยิ้มบางๆพอเข้าใจจุดมุ่งหมายของอีกฝ่าย แต่เธอไม่ได้คิดอะไรกับชนเทพเกินเพื่อนจึงวางตัวเว้นระยะห่างพอสมควร โดยหวังว่าสักวันเขาจะพบคนที่เหมาะสม

...ซึ่งคงไม่ใช่ตนแน่

“เสาร์หน้าว่างไหมครับผมได้บัตรดูคอนเสิร์ตของ xxx มา ว่าจะชวนคุณอินไปดูเห็นคุณอินบอกว่าชอบวงนี้มาก” ชนเทพออกปากชวนครูสาวไปเดทกลายๆ

เอ่อ...ปฏิเสธยังไงดี?

คนถูกชวนทำหน้าลำบากใจ แม้ว่าใจหนึ่งอยากจะไปดูแต่อีกใจไม่อยากให้ความหวังลมๆ แล้งๆ กับเขา ใช้เวลาแค่อึดใจก็ตัดสินใจได้

เห็นเงียบๆแต่เสน่ห์แรงชะมัด

เปมิกาแอบค้อนอย่างหมั่นไส้แอบลุ้นว่าครูสาวจะตอบอย่างไร

...ลึกๆ อยากให้ตอบ No มากกว่า

เจอหน้าก็ค้อน...ฉันทำอะไรผิดอีกล่ะเนี่ย

ครูสาวทันเห็นจึงนึกสงสัย แต่ไม่สะดวกที่จะถามออกไป

“คือบังเอิญว่าอินมีนัดกับเพื่อนน่ะค่ะคงไปด้วยไม่ได้”

ชนเทพหน้าเสีย ผิดหวังไม่น้อยที่โดนปฏิเสธคนตรงหน้าไม่รู้หรอกว่า เขาทุ่มเทแค่ไหนกับตั๋วสองใบนี้

“แย่จังเลย”

“ขอโทษจริงๆ ค่ะ” เธอพูดเสียงอ่อย รู้สึกผิดนิดๆ ที่โกหกเขา

ค่อยยังชั่วหน่อย

หล่อนนึกโล่งอกเหลือเกินไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายกับผู้หญิงคนนี้ โดยเฉพาะเรื่องเชิงชู้สาว

ผู้หญิงเขาปฏิเสธชัดแบบนี้...หาใหม่ง่ายกว่านะลูก

ชนินทร์คิดในใจ แอบสงสัยว่าครูสาวน่าจะมีคนรักอยู่แล้ว ถึงได้ใจแข็งกับลูกชายของเขาขนาดนี้ หลังชนเทพตามจีบเธอมาเป็นปีแต่ความสัมพันธ์ไม่คืบหน้าแม้แต่น้อย ทั้งที่ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเป็นพระเอกหนังได้สบายด้วยซ้ำ

“ไม่เป็นไรครับ” เขาพูดเสียงเศร้า ฝืนยิ้ม

ทำไมต้องทำหน้าเศร้าขนาดนี้ด้วย

อินทุอรนึกสงสารไม่น้อย

แต่ก่อนที่ทั้งสี่คนจะคุยอะไรกันต่อ แจ่มแม่บ้านสูงวัยเดินออกมา

“คุณท่านให้มาเชิญเข้าไปด้านในค่ะ”

“ครับ” ชนินทร์รับคำหันมาพยักหน้ากับลูกชาย แล้วเดินตามแจ่มเข้าไปทันที

อินทุอรสบโอกาสจึงเรียกเปมิกาที่กำลังจะก้าวเท้า

“เดี๋ยวค่ะน้องแปม”

หืม?

สาวสวยหันกลับมามองอย่างสงสัย ยกสองแขนขึ้นกอดอก จ้องคนตรงหน้า

“มีอะไรคะน้ำเสียงเรียบเย็นดูไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่

จะเย็นชาเกินไปหรือเปล่าคะ?

ครูสาวนึกบ่นในใจ

“อาอยากทราบว่า น้องแปมโกรธอะไรอาคะ?เขียนอะไรไป อ่านแต่ก็ไม่ยอมตอบสักคำ”

“อาอินสนใจเรื่องแปมด้วยเหรอคะหล่อนย้อนถามเสียงขุ่นๆ

งอนเรื่องอะไรกันเนี่ย?

“อาสนใจทุกเรื่องของน้องแปมนะคะ”อินทุอรกล่าวเสียงนุ่มนวลขยับตัวเข้าไปใกล้อีกฝ่ายจนเหลือระยะห่างไม่ถึงคืบ

“แต่อาอินก็ผิดสัญญาที่ให้กับแปม”สาวสวยต่อว่า ใบหน้าแสดงความโกรธชัดเจน

ผิดสัญญา?

อินทุอรทำหน้าประหลาดใจ หัวคิ้วขมวดมุ่น ถามต่ออย่างเร็ว

“อาผิดสัญญาเรื่องไหน

“ถ้าอาอินจำไม่ได้ก็ช่างมันเถอะค่ะแค่สัญญาของเด็ก ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร” พูดจบ เปมิกาหมุนตัวเดินเข้าบ้านไป

สาวหน้าคมยืนงงเป็นไก่ตาแตก ยกมือขึ้นเกาหัว

โอ๊ย! ถามก็ไม่ตอบ ฉันจะรู้ไหมเนี่ย

ไปไม่เป็น

ทำไมเงียบหายไปนานไม่ส่งข่าว

ใจอาร้าวรวดคิดถึงเจ้าเสมอ

เฝ้าถามไถ่หลายคนด้วยอยากเจอ

ทำหน้าเก้อเจ้าไม่สน...ไปไม่เป็น.

OoXoO

ขอบคุณที่กรุณาติดตามค่ะ ความสนุกกำลังเพิ่มขึ้นตามลำดับ มาลุ้นกันว่าอาอินจะรับมือเด็กดื้ออย่างไร?

พบกันตอนหน้าค่ะ

นาง ^^

OoXoO




 

Create Date : 29 ตุลาคม 2561
0 comments
Last Update : 29 ตุลาคม 2561 16:32:16 น.
Counter : 637 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

 

นิ้วนาง-เดียนา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




งานเขียนทั้งหมดใน blog นี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย พระราชบัญญัติ พ.ศ.2537 ห้ามนำไปพิมพ์ เผยแพร่ หรือลอกไปกระทำการใดๆ ก็ตาม หากผู้ใดกระทำการผิด เจ้าของ blog จะเอาผิดท่านตามกฏหมาย ได้ทุกกรณี


[Add นิ้วนาง-เดียนา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com