ขอต้อนรับสู่โลกของนิยายยูริ เรื่องจากประสบการณ์ และทำนายดวงชะตา โดย นิ้วนาง-เดียนา-ลำดวนพยากรณ์
<<
พฤษภาคม 2561
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
24 พฤษภาคม 2561
 
 
Million Reasons บทที่ ๑๗ (Yuri)



๑๗

บ้าจริง!

มินตราสบถในใจอย่างหงุดหงิดหลังเพื่อนมาหาที่ทำงาน พร้อมแจ้งข่าวร้ายว่า ห้าชุดใหม่ที่กำลังทำโปรโมทเพื่อวางจำหน่ายเร็วๆนี้ ถูกราตรีบูติกซึ่งคันธรสไปร่วมหุ้น ชิงเปิดตัวตัดหน้าไปก่อน

“ฉันขอโทษที่มีลูกน้องไม่ดี”ปิ่นสุดาก้มหัวรับผิด ไม่นึกว่าอดีตลูกน้องของตนเห็นแก่เงิน จนก็อปปี้งานออกไปขายให้บริษัทอื่นซึ่งเป็นเรื่องที่มืออาชีพไม่สมควรทำอย่างยิ่ง

เฮ้อ!

สาวเท่ถอนหายใจยาวเหยียดส่ายหน้าไปมา

“ไม่ใช่ความผิดของแกนะปิ่น”พูดเสียงเรียบ ไม่คิดตำหนิเพื่อนซี้ในเรื่องนี้ ด้วยจิตสำนึกดีชั่วไม่ใช่ว่าทุกคนจะเข้าใจเท่ากัน

“แล้วจะทำยังไงต่อ?”

เจ้าของแบรนด์ MinTra ยักไหล่ แล้วพูดแบบไม่ยี่หระออกมา

“ก็ยกเลิกห้าชุดนั้นแล้วออกแบบใหม่”

“หา!” ปิ่นสุดาทำตาโต “แล้วมันจะทันเหรอ?”

มินตรายกมือตบไหล่คนตรงหน้าอย่างเป็นกันเอง

“ไม่ทันก็เลื่อนออกไปแค่แกกับฉันช่วยกัน แป๊บเดียวก็เสร็จ”

โห! พูดง่ายจัง

สาวร่างเล็กนึกประชดในใจไม่มั่นใจเลยว่าจะได้ผลลัพธ์ตามที่อีกคนบอก

ก๊อก! ก๊อก!

เสียงเคาะประตูดังขึ้น

“เชิญค่ะ”มินตราเอ่ยอนุญาต เงยหน้ามองมาที่ประตู นึกอยากให้ผู้มาใหม่คือคนที่เธอรออยู่

น้อยเลขาฯ สาวเปิดประตูเข้ามาคนแรกพร้อมรายงาน

“คุณน้ำกับชามามาค่ะ”

“แม่มิน”เสียงใสๆ ของเด็กน้อยที่วิ่งเข้ามาหาเจ้าของห้อง

สาวร่างสูงยิ้มกว้างเต็มหน้าย่อตัวอุ้มชามาขึ้นกอดรัดฟัดเหวี่ยงอย่างคิดถึง การเจอใบหน้ากลมๆ ที่ยิ้มร่ามาพลันทำให้ความเครียดขึ้งที่มีอยู่หายวับไปทันที

“ว่าไงคะเด็กน้อยคิดถึงแม่มินไหม?”

“คิดถึงค่ะ”

“แม่มินก็คิดถึงชามาม๊ากมาก”

เด็กหญิงหัวเราะคิกคักจั๊กจี้หลังโดนอีกคนพรมจูบ

โห! ผ่านไปแค่ไม่กี่สัปดาห์ กลายเป็นแม่ลูกไปเสียแล้ว

เลขาฯสาวทำหน้าฉงนฉงาย กับความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เกินคาด เธอไม่เคยเห็นเจ้านายสนิทสนมกับใครแบบนี้นอกจากปิ่นสุดา

“สวัสดีค่ะพี่มินพี่ปิ่น” ชาลิสาทักสองคนที่อาวุโสกว่า

“คุณน้ำ”มินตราหันมองคนสวย ทั้งที่อุ้มลูกสาวหล่อนเอาไว้ “นั่งก่อนค่ะ”

“รับอะไรดีคะ?”น้อยถามแขกสาว หลังอีกฝ่ายทรุดตัวนั่งที่โซฟาข้างปิ่นสุดา

“น้ำเปล่าดีกว่าค่ะขอบคุณค่ะ” หล่อนบอก

“พี่น้อยคะ ขอคุกกี้ให้เจ้าหญิงน้อยด้วยนะคะ”เจ้าของห้องพูดกับเลขาฯ ของตน

“ได้ค่ะ” เลขาฯสาวยิ้ม

หลังน้อยออกไปปิ่นสุดาก็นึกอะไรขึ้นมาได้

“น้ำ”

“คะ?”

“พอจะรู้เรื่องการออกแบบเสื้อไหม?”

สาวสวยทำหน้าเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม

“ออกแบบเสื้อ?”

“พี่คิดว่าสามหัวน่าจะดีกว่าสองหัวน่ะ เรื่องนี้สำคัญมากนะ” สาวร่างเล็กพูดจริงจัง

มินตราหันมองเพื่อนรักที่พยักเพยิดหน้าเธอจึงวางชามาที่เก้าอี้ว่างข้างๆ ก่อนทรุดนั่งตรงข้ามหล่อน นึกรวบรวมคำพูด พลางประสานสองมือบนเข่า

“คือแบบนี้ค่ะคุณน้ำตอนนี้บริษัท MinTra กำลังเจอเรื่องยุ่งยากอยู่ค่ะ เรื่องแบบเสื้อ...” เล่าถึงปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นกับบริษัทออกมาแบบสั้นกระชับ โดยไม่เอ่ยชื่อบริษัทที่ซื้อตัวลูกน้องปิ่นสุดาไป

“ตรีบูติก”ชาลิสากล่าวชื่อแบรนด์คู่แข่งออกมา ด้วยเห็นข่าววันก่อนว่า คันธรสลูกสาวนักการเมืองใหญ่อดีตรัฐมนตรีร่วมทุนกับบริษัทนี้ ตรีบูติก เป็นบริษัทเสื้อผ้าสตรีของราตรี สาวนักธุรกิจวัยสามสิบปลายๆที่ก่อตั้งมาสิบกว่าปี แต่โดน MinTra แซงหน้าจนยอดขายร่วงไป

หืม!

เธอทำหน้าแปลกใจที่อีกคนทราบทั้งที่ไม่ได้เอ่ยชื่อสักคำ ไม่ต่างกับปิ่นสุดานัก

“คุณน้ำทราบ?”

“พอทราบค่ะ”หล่อนพูดยิ้มๆ “อย่าลืมสิคะว่าน้ำเคยทำงานที่ไหนมาก่อน”

“ลืมไปค่ะ”มินตราทำหน้าเจื่อน ลืมไปสนิทว่า หล่อนเคยอยู่ฝ่ายการตลาดของศูนย์การค้ามาก่อน ต้องชอบติดตามข่าวสารเป็นปกติ

น้อยก้าวเข้ามาเสิร์ฟน้ำและขนมทั้งสามจึงเงียบไปครู่หนึ่ง รอจนเลขาฯ สาวออกไปจึงคุยต่อ

“โดนก๊อปไปทั้งหมดเลยเหรอคะ?”ชาลิสาซัก

“ดัดแปลงจากต้นฉบับนิดหน่อยแต่ดูยังไงก็รู้ว่าเหมือนกัน” สาวรุ่นพี่ตอบแบบเนือยๆ ทำหน้าเหมือนคนเบื่อโลก

แย่จัง!

สาวหวานบ่นในใจประเมินว่าความเสียหายที่เกิดขึ้น อาจจะถึงหลักสิบล้าน เพราะทำโปรโมทแล้ว รวมถึงตัดเย็บออกมาบ้างแล้ว

แม้ว่ามินตราจะดูสบายๆเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่โต แต่ชาลิสาเดาว่า อีกฝ่ายคงหนักอกหนักใจและเจ็บใจไม่น้อย ในฐานะเพื่อนที่ดีน้องที่ดี หล่อนจึงพร้อมยื่นมือเข้าช่วย

“แล้วพี่ปิ่นอยากให้น้ำช่วยอะไรคะ?”

ปิ่นสุดาวางภาพถ่ายชุดทั้งห้าชุดที่นุ่นนางแบบของ VKModels ใส่ วันเดียวกับที่ชาลิสาแวะมาที่บริษัท ทว่าหล่อนเห็นไม่ครบทั้งหมด

“น้ำช่วยดูแบบเสื้อพวกนี้หน่อยสิพี่อยากฟังความเห็น” ต้องการฟังคำวิจารณ์ในฐานะอดีตฝ่ายการตลาดที่น่าจะเข้าถึงหัวใจของผู้บริโภค

“ได้ค่ะ”สาวหวานพยักหน้า มองภาพถ่ายเหล่านั้นอย่างละเอียดจนครบทุกภาพ ซึ่งมีทั้งมุมตรงด้านข้าง และด้านหลัง

สาวร่างเล็กสบสายตากับเพื่อนสนิทเป็นเชิงบอกให้ ‘รอฟัง’ คำวิจารณ์ของหล่อน

สาวเพรียวพยักหน้ายกจานคุ้กกี้ยื่นตรงหน้าให้ชามา เด็กน้อยหยิบทานอย่างเอร็ดอร่อย บรรยากาศในห้องเงียบงันมีเพียงเสียงเคี้ยวขนมของชามาเท่านั้น

ผ่านไปหลายนาที

“ก็สวยดีนะคะ” ชาลิสาเอ่ยชมออกมาเป็นคำแรก“แต่...”

“แต่อะไรคะ?” มินตราอดถามไม่ได้

“เหมือนจะไม่ค่อยใช่แบรนด์MinTra นัก” หล่อนตอบตามที่รู้สึก

อีกสองคนทำหน้ายุ่ง

“ไม่ค่อยใช่...แปลว่าอะไร?”ปิ่นสุดาถามออกมาเป็นคนแรก

“ที่น้ำเข้าใจ แบรนด์MinTra เน้นแนวสวยหรูดูดี เรียบง่ายใส่ได้บ่อย สีสันเน้นโทนขาวดำ หรือโทนสีสุภาพเป็นทางการใช่ไหมคะ?”

“ใช่ค่ะ”เจ้าของแบรนด์พยักหน้า

“แบบเสื้อสามในห้าไม่เรียบง่าย ไม่หรูหรา” หล่อนหยิบภาพถ่ายสามแบบมาประกอบคำอธิบาย“ส่วนสีสันคงไม่ต้องพูดถึง ไม่ใช่แนวของ MinTra เลยสักนิด” พูดพร้อมวางรูปถ่ายสองใบที่เสื้อผ้าเป็นสีโทนหวาน

ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณน้ำจะมองแบรนด์ฉันทะลุได้ถึงขนาดนี้

ร่างสูงอดทึ่งไม่ได้ราวกับกำลังนั่งฟังผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์สินค้าของตนเลยทีเดียว

“จริงด้วย!” ร่างเล็กอุทานออกมา หลังเห็นประเด็นสำคัญที่หล่อนชี้อันเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยคิดมาก่อน

เมืองไทยไม่ใช่เมืองหนาวไม่มีหิมะตก สีสันอันเป็นเทรนด์หลักของต่างประเทศจึงอาจไม่ใช่เรื่องสำคัญนัก หากเทียบกับเอกลักษณ์อันเป็นคุณค่าหลักของแบรนด์ MinTra

“ถ้ามองโลกในแง่ดีว่านี่เป็นโอกาสแก้ตัวครั้งที่สอง ก็ถือว่าคุ้มค่ามาก” มินตรากล่าวสรุปเสียงสดใสกว่าเดิมความกังวลหดหู่ที่มีก่อนหน้าหายไปเกือบหมด

...แค่เพียงเปลี่ยนวิธีคิดใหม่เท่านั้นเอง

ฉันคงขบปัญหานี้ไม่แตก...ถ้าไม่ได้คุณน้ำบอก

“อื้อ”ปิ่นสุดาขานรับเสียงต่ำในลำคอ “เดี๋ยวฉันจะออกแบบให้แกใหม่เองรับรองต้องดีกว่าห้าชุดนั้นแน่”

“ขอบใจนะเพื่อน”สาวเท่ยิ้มกว้างออกมาได้ ก่อนหันไปขอบคุณสาวสวย “ขอบคุณค่ะคุณน้ำที่ช่วยชี้ให้มินเห็นทางสว่าง”

“พูดเกินไปแล้วค่ะพี่มินน้ำก็พูดไปเรื่อยเปื่อย” ชาลิสายิ้มบางๆ

ถ่อมตัวจริงๆ

สาวผมสั้นนึกชื่นชมอีกฝ่ายมากขึ้นเรื่อยๆก้มมองเวลาที่สมควรจะไปหาอะไรใส่กระเพาะได้แล้ว

“ไปทานราดหน้ากันก่อนแล้วค่อยมาทำงาน เดี๋ยวชามาจะหิว”

“ไปสิ” / “ค่ะ”ปิ่นสุดากับหล่อนตอบรับแทบจะพร้อมๆ กัน

มินตราอุ้มชามาเดินไปพร้อมหล่อนกับพื่อนรักใช้รถคันงามของตนเป็นพาหนะ โดยไม่สนใจสายตาของลูกน้องที่จับตามองแบบแปลกๆ

“ฉันกำลังสงสัยว่าคุณมินกำลังมีความรัก” เสียงคนแรกเอ่ยขึ้นแทบจะทันทีที่เจ้านายขับรถออกไป

“ฉันก็ว่างั้น”เสียงคนที่สองเห็นด้วย

“ใคร?”เสียงที่สามซึ่งตกข่าวถามอย่างสงสัย

“แม่ของเด็กที่คุณมินอุ้มอยู่นั่นไง”เสียงคนแรกเฉลย

“แม่เจ้า! แต่หล่อนสวยมากเลยนะนั่น เป็นฉันก็โอว่ะ” เสียงคนที่สองเอ่ยชื่นชมออกมา

“บ้าสิ! คุณมินต้องเป็นของฉันต่างหาก” เสียงคนที่สามค้านอย่างไม่พอใจด้วยแอบเล็งเจ้านายมานาน

“ตื่นได้แล้วแกถ้าคุณมินเลือกแก คงเลือกไปนานแล้ว” คนที่หนึ่งเอ่ยอย่างสมเพช

“นั่นสิ”อีกคนเห็นด้วย แม้จะสงสารเพื่อนแต่เข้าใจดีว่าความรักเป็นเรื่องที่บังคับฝืนใจกันไม่ได้

หลังทานมื้อกลางวันเสร็จมินตราชวนหล่อนให้เข้าประชุมในช่วงบ่าย เพื่อช่วยแสดงความเห็นเรื่องแบบเสื้อผ้าชุดใหม่ด้วยซึ่งชาลิสาก็ไม่ปฏิเสธ ในที่ประชุมนอกจากมินตรา ชาลิสา ปิ่นสุดา ก็มีน้อยเลขาฯ ตาลผู้ช่วยตุ้มหัวหน้าแผนกการตลาด ส่วนตัวแถมแบบชามานั่งเล่นตุ๊กตาอยู่มุมห้องประชุมโดยมีขนมนมเนยและเครื่องดื่มตั้งอยู่ใกล้ๆ

ลูกน้องทุกคนทำหน้าเครียดขรึมหลังทราบว่า สินค้าฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะออกจำหน่ายถูกคู่แข่งก็อปปี้ ทว่าสาวเพรียวอธิบายจนลูกน้องสบายใจขึ้น โดยมองว่าเรื่องนี้เป็นโอกาสทองของบริษัทมากกว่าวิกฤต

...แม้สบายใจขึ้นทว่าปัญหาก็ยังไม่หมดไปเสียทีเดียว

“แล้วคราวนี้เราจะออกเสื้อผ้าแบบไหนคะ?”ตุ้มถามโพล่งออกมา ด้วยวงจรชีวิตสินค้าแฟชั่นอายุค่อนข้างสั้น ถ้าไม่ออกสินค้าใหม่กำไรของบริษัทต้องลดฮวบแน่หรืออีกนัยหมายถึงโบนัสต้องลดลงด้วย ซึ่งเรื่องนี้จะส่งผลลบต่อขวัญกำลังใจของลูกน้องอย่างมาก

“เรื่องชุดใหม่ขอให้เป็นหน้าที่ของปิ่นปิ่นจะออกแบบชุดล็อตใหม่ให้เสร็จภายในห้าวัน” นักออกแบบสาวพูดรับผิดชอบอย่างกล้าหาญเพื่อแก้ไขความผิดพลาดที่โดนลูกน้องทรยศ เอางานไปขายให้คู่แข่งอย่างไร้จรรยาบรรณ ซึ่งเธอจะไล่บี้เอาคืนทีหลังแน่

“คุณมินสั่งยกเลิกไปทางโรงงานแล้วเหรอคะ?”น้อยอดถามอย่างเป็นห่วงไม่ได้ ไม่อยากให้บริษัทสูญเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์ เธอถือว่าการเป็นพนักงานที่ดีต้องรักษาผลประโยชน์ให้บริษัทเท่าที่จะทำได้

“เรียบร้อยแล้วค่ะ”

มินตรารายงานปัญหานี้ให้พ่อรับทราบตั้งแต่รู้เรื่องนี้ มนต์ชัยไม่ว่าอะไร แต่โมกข์บ่นเป็นหมีกินผึ้ง เธอรับฟังแล้วปล่อยให้ผ่านไปไม่มีประโยชน์ที่จะกลุ้มใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว สู้เอาสมองมาคิดอ่านหาทางแก้ ปัญหาจะดีกว่า

“เรื่องนี้ น่าจะเป็นฝีมือของยายคุณคันแน่เลย”ตาลพึมพำออกมา แต่ดังพอที่คนในห้องจะได้ยิน

คุณคัน?คงหมายถึง คันธรส

ชาลิสาที่นั่งฟังเงียบๆนึกเดาในใจ แต่ยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุที่ตาลพูดออกมา ก่อนหน้าเคยเห็นข่าวว่าลูกสาวนักการเมืองใหญ่ตามตื้อมินตรามาระยะหนึ่ง แต่ไม่ทราบต้นสายปลายเหตุว่า ทำไมถึงแตกหักกันถ้าถึงขั้นคิดทำลายธุรกิจกันแบบนี้ เธอคนนั้นน่าจะแค้นเคืองอาฆาตสาวเท่ไม่น้อย

ตกลงพี่มินไปทำอะไรมากันแน่?

เท่าที่เห็นดูเหมือนว่ามินตราเองก็ไม่ได้ใส่ใจกับคันธรสนัก ไม่เคยเอ่ยชื่อผู้หญิงคนนั้นเลยสักคำ หากเคยเป็นคนรักกันอย่างน้อยก็ควรแสดงเยื่อใยอาลัยอาวรณ์ เซื่องซึม หรือโมโหออกมาบ้าง

ทว่าหล่อนไม่เห็นเจ้าของบริษัทมีอะไรผิดปกตินอกจากท่าทางประหลาดใจเล็กน้อย

แสดงว่าพี่มินไม่ได้คบกับคันธรส

ชาลิสายักริมฝีปากบางขึ้นบอกไม่ถูกว่า ทำไมตนถึงได้โล่งใจนักกับเรื่องนี้ ทั้งที่ไม่ใช่ธุระของตนสักหน่อย

จะไปยุ่งอะไรกับเรื่องคนอื่นเขา...ชาลิสา

หล่อนนึกเตือนตัวเองในใจ

“เราไม่มีหลักฐานนะตาลจะพูดอะไรต้องระวังด้วย” สาวเพรียวดุลูกน้อง ไม่อยากให้ใครได้ยิน...เรื่องเล็กอาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้

‘คนมีเงินไม่พอใจอะไรก็หาเรื่องฟ้องดะไปหมด ทำประหนึ่งอยู่เหนือกฎหมายเลยด้วยซ้ำ…ดีแค่ไหนไม่ฟ้องหมาแมวด้วย ฐานที่มายืนเกะกะลูกตา’เป็นคำพูดกระแหนะกระแหนที่ไม่ผิดไปจากความเป็นจริงในสังคมปัจจุบันนัก

“ขอโทษค่ะ” ตาลก้มหน้าพูดออกมาเข้าใจเจตนาดีของเจ้านายที่ไม่อยากให้มีปัญหากับความปากไวของตนหลายครั้งที่เธอสื่อสารได้ไม่ดีพอ จนเป็นเหตุให้เข้าใจผิดกับเพื่อนร่วมงานในช่วงแรกจนมินตราต้องออกหน้าประสานรอยร้าวให้

แม้จะพยายามปรับปรุงนิสัยเถรตรงปากไวแต่ก็ไม่อาจละเลิกได้ทั้งหมด ถ้าเจ้านายไม่ใช่มินตรา เธอคงโดนไล่ออกไปนานแล้ว

“ขอสถิติที่ฝ่ายการตลาดสำรวจมาอีกทีสิคะ?”สาวหน้าคมหันไปขอข้อมูลกับตุ้ม

“นี่ค่ะ” หัวหน้าแผนกการตลาดยื่นเอกสารที่เตรียมมาให้เจ้านายทันที พลางส่งเอกสารที่เหลือไปให้ชาลิสา ปิ่นสุดา และคนอื่นๆที่นั่งอยู่จนครบ

ทุกคนพลิกดูเอกสารทันทีโดยไม่จำเป็นต้องมีใครสั่งข้อมูลสรุปในรูปตาราง ความต้องการของผู้หญิงพันคนเศษซึ่งอายุในช่วงวัยรุ่นไปจนถึงสี่สิบ ส่วนใหญ่ต้องการชุดทำงานรองลงมาก็คือชุดไปรเวทหรือชุดลำลอง โดยมีการสำรวจงบประมาณด้วยว่า ลูกค้าใช้จ่ายกับเสื้อผ้าเดือนละประมาณเท่าไหร่

“ปกติ MinTra ออกไตรมาสละกี่ชุดคะ?” หล่อนถาม หลังพลิกอ่านข้อมูลในกระดาษจนครบทั้งหมด

“ห้าถึงสิบค่ะปีที่แล้วเฉลี่ยเจ็ดค่ะ”ตาลตอบอย่างคล่องแคล่ว “เราจะเน้นออกชุดทำงาน ชุดเดรสกับชุดแซกอย่างละหนึ่งถึงสองชุดส่วนชุดไปรเวทก็แล้วแต่ค่ะ...มีแต่คราวนี้ที่ชุดลำลองเยอะกว่าแบบอื่น”

“ใช่” ปิ่นสุดาพูดกับผู้ช่วยสาว“คือคราวนี้มินให้เน้นที่ชุดไปรเวท ก็เลยออกแบบมากกว่าทุกครั้ง”

“อ๋อ...” ชาลิสาพยักหน้า

ถ้าจะสู้กันจริงๆก็ยังพอมีทางอยู่เหมือนกัน

สาวสวยคิดในใจ กลอกตาคู่สวยไปมาหลังคิดถึงจุดอ่อนจุดแข็งของคู่แข่งกับ MinTra อย่างละเอียด

“ถ้างั้นเอาแบบนี้ดีไหมคะ...”เสียงหวานแจกแจงความคิด ซึ่งผุดออกมาเป็นฉากๆ

ทุกคนในห้องประชุมตั้งใจฟังส่วนคนที่ถนัดจดก็ขยับมือบันทึก

มินตราจ้องหน้าสวยของผู้พูดเกือบตลอดซึ่งดูเอาจริงเอาจังต่างจากเวอร์ชั่นปกติที่เคยเจอ แล้วยิ้มออกมา หลังได้ยินแผนการไม่ธรรมดาจากริมฝีปากบางคู่นั้นแจกแจงทุกรายละเอียดอย่างคล่องแคล่ว รวมถึงไขทุกคำถามของผู้ร่วมฟังได้อย่างไม่ติดขัด

...รอบรู้เรื่องแฟชั่นเสียยิ่งกว่าพนักงานของMinTra เองเสียอีก

สาวเท่พลันนึกไปถึงณรงค์สามีผู้ล่วงลับของชาลิสา

นอกจากความสวยแล้วคุณยังฉลาดเป็นกรด มิน่าคุณอาณรงค์ถึงเลือกคุณ

พอคิดแบบนั้นเธอก็อดอิจฉาคนตายไม่ได้

อาภัพ

เธอทอดถอนหายใจอีกคำรบ

ไม่อาจจบเรื่องว้าวุ่นในสมอง

คิดถึงหล่อนค่ำเช้าเฝ้าใฝ่ปอง

ไม่อาจครองเคียงคู่...อาภัพนัก.

OoXoO

ขอบคุณที่กรุณาติดตาม

ถ้าชอบก็อุดหนุนหนังสือ หรือ E-book กันด้วยนะคะ

นาง ^^

OoXoO




Create Date : 24 พฤษภาคม 2561
Last Update : 24 พฤษภาคม 2561 19:53:23 น. 0 comments
Counter : 619 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 

นิ้วนาง-เดียนา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




งานเขียนทั้งหมดใน blog นี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย พระราชบัญญัติ พ.ศ.2537 ห้ามนำไปพิมพ์ เผยแพร่ หรือลอกไปกระทำการใดๆ ก็ตาม หากผู้ใดกระทำการผิด เจ้าของ blog จะเอาผิดท่านตามกฏหมาย ได้ทุกกรณี


[Add นิ้วนาง-เดียนา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com