ขอต้อนรับสู่โลกของนิยายยูริ เรื่องจากประสบการณ์ และทำนายดวงชะตา โดย นิ้วนาง-เดียนา-ลำดวนพยากรณ์
<<
มีนาคม 2558
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
24 มีนาคม 2558
 
 

ปรารถนารัก...อีกสักครั้ง? Believe...Again? (Yuri) ตอนที่ 16

 -๑๖-

หลังจากกลับมาที่เรือนสีรุ้งหล่อนยังคงตกใจกับ ‘จุมพิต’ ของเมธาวี ความรู้สึกแปลกๆ ยังคงตราตรึงอยู่ในความรู้สึก สัมผัสแผ่วเบาซาบซ่านนั้นยังคงติดตรึงอยู่ที่ริมฝีปากบาง

ร่างบางก้าวไปหยุดอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ ยกปลายนิ้วชี้เรียวขึ้นลูบไล้ซ้ำที่ริมฝีปากบางรูปกระจับของตนอย่างช้าๆ โดยรอบ มีรู้สึกวูบวาบแปลกๆ บ้าง แต่ไม่มากมายเท่ากับสัมผัสที่ได้รับจากเชฟสาว สร้างความสับสนเกิดขึ้นในใจ

“นี่ฉันเป็นอะไรไปแล้ว?” เอ่ยถามคนในกระจกเหมือนขอคำตอบ

นึกสงสัยตนเองว่า เหตุใดถึงได้เกิด ‘วูบวาบ’ ในรสจูบจากผู้หญิงขึ้นมา ทั้งที่ก่อนหน้า ไม่เคยมีความคิดอะไรเลยเถิดกับเพศเดียวกันเลยสักนิด แค่ชื่นชมความสวยงามภายนอกเท่านั้น ไม่ได้เกิดความรู้สึกรัก หรืออยากเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ

หากจะให้คิดลงเอยกับใคร แบบเดียวกับนงราม...คงเป็นไปไม่ได้

ร่างบางเคยคิดว่าความรักแบบเกย์นั้นไม่จริงจังถาวร เดี๋ยวรักเดี๋ยวเลิก ไม่ต่างจาก Puppy Love นัก ภาวินีอยากแต่งงานกับผู้ชายสักคนที่รักหล่อน มีสามี มีลูก สร้างครอบครัวเหมือนคนปกติทั่วไป

หล่อนคิดถึงพีระ แล้วดวงหน้าหวานของเมธาวีก็ผุดขึ้นมาในสมอง...แบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทาบทับไปบนใบหน้าอดีตคู่หมั้นจนจางหายไป เหลือแค่วงหน้าของเชฟสาวลอยอยู่โดดเด่น

'ไม่นะ...'

ภาวินีฝืนไม่ยอมรับกับจิตใต้สำนึกของตนเอง หลับตาหมายสงบสติอารมณ์ที่กระเจิดกระเจิงให้กลับสู่ปกติ แต่กลายเป็นซ้ำเติมความฟุ้งซ่านให้เพิ่มพูนขึ้นไปอีก เมื่อคิดถึงรสจูบของสาวร่างสูง

หากเปรียบเทียบจุมพิตอ่อนโยนที่เพิ่งได้รับจากเชฟสาว กับสัมผัสก่อนหน้าจากเหล่า ‘คนเคยคบ’ รวมถึงอดีตคู่หมั้น หล่อนตอบได้โดยไม่ต้องเสียเวลาขบคิดให้เปลืองสมอง

...จูบของเมธาวีกินขาด

'อ๊าย! กินยามากจนเพี้ยนไปแล้วใช่ไหม คุณภาวินี?'

ต่อว่าตนเองในใจนึกอับอายที่ยอมรับแบบนั้น แม้จะรู้เพียงคนเดียวก็เถอะ

หญิงสาวพยายามสลัดความฟุ้งซ่าน ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าในชุดนอนบางเบาสีอ่อน โดยไม่ลืมนั่งทาครีมบำรุงผิวก่อนนอนหน้ากระจกบานใหญ่ จ้องมองเงาสะท้อนของตนเองที่ยังคงมีรอยยิ้มน้อยๆ เปื้อนหน้าอยู่ ดวงตาคู่คมที่เห็นแจ่มใสไม่หมองเศร้า ต่างจากหลายวันก่อนลิบลับ...วันที่หัวใจแตกเป็นเสี่ยงๆ

หากถามว่า ตอนนี้หล่อนมีความสุขหรือไม่? ก็คงตอบว่า ‘ใช่’ แต่ภาวินีบอกไม่ได้ว่า ‘อะไร’ ทำให้มีความสุข?

ทั้งที่บอกเลิกกับคู่หมั้นได้ไม่ถึงสามอาทิตย์ กับผู้ชายที่เคยเชื่อมั่นนักหนาว่าเป็นคู่แท้ของตน ผู้ชายที่คิดว่าจะเป็น ‘รักสุดท้าย’ ของชีวิต

'ในใจยังคิดถึงพีระอยู่ไหม?'

หล่อนนึกถามคนในกระจก แล้วก็ได้คำตอบว่า ‘คิดถึงสิ’ แต่ไม่เยอะมากมายเหมือนตอนนั้น ความเจ็บปวดทรมานนั้นจางหายลงไปกว่าครึ่ง ถ้าไม่ฟุ้งซ่านคิดอะไรตอกย้ำแผลเก่า ก็จะลืมเลือนเรื่องของเขาไป ประหนึ่งว่ามีอะไรที่น่าสนใจมากกว่า

...แต่อะไรล่ะ ที่น่าสนใจกว่าเขา?

ภาวินีตอบไม่ได้ หรืออาจจะไม่กล้าตอบตอนนี้

ก่อนที่จะมีคำถาม ‘ทำไม?’ มากมายล้นทะลักให้ปวดศีรษะ ร่างบางเหลือบมองนาฬิกาก็คิดว่าสมควรที่จะพักผ่อนได้แล้ว หากนอนดึกเกินไปจะทำให้ใบหน้าเหี่ยวย่นก่อนวัยและเสียสุขภาพ

สาวสวยปิดไฟเหลือแค่แสงสลัวๆ ทิ้งไว้หนึ่งดวง แล้วสอดตัวเข้าใต้ผ้าห่ม เอนตัวหนุนหมอนใบใหญ่ สายตาเหลือบมองเตียงว่างเปล่าที่เคยมีใครคนหนึ่งนอนมากกว่าอาทิตย์

“ราตรีสวัสดิ์นะน้องเม” เผลอกล่าวออกมาอย่างคุ้นชิน แล้วนึกขึ้นได้ว่านอนอยู่ลำพังในห้อง ก่อนหลับตาลงโดยมีรอยยิ้มเกลื่อนหน้า


รุ่งเช้าในวันสำคัญของตนเอง ภาวินีงัวเงียตื่นสายกว่าปกติ เหตุผลเพราะนอนไม่หลับ มีเรื่องฟุ้งซ่านในหัวเยอะแยะ ซึ่งล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับเชฟสาว

เสียงโทรเข้ามือถือดังขึ้นขัดจังหวะความคิด

หล่อนขยับตัว เอื้อมมือไปคว้าอุปกรณ์สื่อสารมาอ่านว่า ใครโทรมา? แล้วก็ยิ้มกว้างหน้าบาน กดปุ่มรับทันที

“สวัสดีค่ะพ่อ”

“สุขสันต์วันเกิดนะลูก ขอให้ลูกสาวคนเก่งของพ่อโชคดี มีความสุขมากๆ ทำอะไรก็พบแต่ความสำเร็จ พบเจอแต่เรื่องดีๆ ทุกวัน” เสียงตามสายให้พรยาวเหยียด ดังเช่นทุกปี

“ขอบคุณค่ะ” รับพรของบิดาบังเกิดเกล้า...ผู้ชายที่รักหล่อนและเป็นห่วงหล่อนมากกว่าชีวิตของเขา

“แล้วภาหายดีหรือยังลูก?” เขาไถ่ถามอาการป่วยของลูกสาวแบบนี้เกือบทุกวันด้วยความเป็นห่วง แต่ที่ไม่เอาตัวลูกสาวกลับบ้านตั้งแต่ทราบข่าว เป็นเพราะนงรามสัญญาเป็นมั่นเหมาะว่าจะดูแลภาวินีเป็นอย่างดี ทำให้เขาวางใจ

หลายวันก่อน เขาส่งคืนของหมั้นทั้งหมดให้พีระตามที่หญิงสาวขอ แม้จะได้รับโทรศัพท์ต่อว่าจากบิดาของฝ่ายชาย แต่ภูวดลไม่ใส่ใจ พูดสวนกลับไปว่า

“เรื่องนี้ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ภานะครับ คุณควรจะไปถามพีระมากกว่าว่าทำไมถึงได้เลวแบบนี้” แล้ววางสาย

แม้ทางโน้นจะโทรมาอีก เขาก็ไม่สนใจจะสนทนาด้วย ภูวดลรู้ว่า บิดาของพีระคงไม่ยอมจบเรื่องง่ายๆ แต่ในฐานะพ่อ เขาก็ไม่ยินยอมให้ใครมารังแกลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตนแน่

“ภาสบายดีแล้วค่ะ พ่อไม่ต้องเป็นห่วง”

“งั้นเหรอ พ่อจะได้วางใจ” ผู้เป็นพ่อพูดอย่างยินดี “แล้วลูกจะกลับกรุงเทพฯ เมื่อไหร่?”

“ถ้าที่ร้านไม่มีอะไร ภายังอยากอยู่ต่ออีกสักอาทิตย์ค่ะ” หล่อนตอบ ยังไม่อยากกลับไปวุ่นวายกับโลกภายนอก อยู่สงบๆ แบบนี้มีความสุขกว่าเยอะ

“ตามใจลูกแล้วกัน” เขาตอบอย่างตามใจ

“ขอบคุณค่ะพ่อ”

“งั้นแค่นี้นะ แล้วค่อยคุยกันใหม่ พ่อรักลูกนะ” บอกรักลูกสาวอย่างอ่อนโยนและอบอุ่น

“หนูก็รักพ่อค่ะ” แล้วกดปุ่มเลิกสนทนา ใบหน้าหวานยังคงมีรอยยิ้มเกลื่อนหน้า

ทุกปีในวันเกิดของหล่อน...๑๔ กันยายน ไม่ว่าหล่อนจะอยู่ที่ไหน ก็จะได้รับโทรศัพท์จากพ่อ เขาไม่เคยลืมหรือทอดทิ้งหล่อน พร้อมจะอยู่เคียงข้าง ปลอบโยน และให้กำลังใจเสมอ

หล่อนโทรสั่งอาหารเช้ามาทานที่ห้อง โดยตั้งใจว่าช่วงสายๆ จะไปอาบแดด แล้วจู่ๆ นงรามก็โทรศัพท์เข้ามา

“วันนี้ภาจะไปไหนรึเปล่าลูก?” เสียงถามสายถาม

“เอ่อ ภาขออยู่ที่รีสอร์ตดีกว่าค่ะ ว่าจะไปอาบแดดสักหน่อย”

“แล้วเช้านี้ภาทานอะไรรึยัง? จะให้น้าแวะไปทานด้วยไหม?” ญาติผู้ใหญ่เอ่ยถามอย่างเอาใจใส่

“โทรสั่งแล้วค่ะ น้านงไม่ต้องเป็นห่วงภาหรอกค่ะ”

“อยากได้อะไรก็บอกพนักงานนะ วันนี้น้าคงยุ่งๆ ไว้ตอนค่ำสักทุ่มเจอกันที่ห้องอาหารนะ”

“ค่ะน้านง” นักออกแบบสาวรับคำ


หลังทานอาหารเสร็จ หล่อนเปลี่ยนชุดเป็นชุดว่ายน้ำสีดำทูพีช แล้วสวมเสื้อคลุมสีขาวทับ ก่อนออกไปอาบแดดที่ริมสระว่ายน้ำ ที่ตั้งอยู่ใกล้ กับห้องอาหาร ภาวินีถือว่า มาถึงทะเลทั้งที ถึงไม่ได้ลงเล่นน้ำ แต่ก็ควรจะมีผิวสีแทนกลับไปกรุงเทพฯ ด้วย

สระว่ายน้ำของที่นี่มีสองขนาด คือขนาดปานกลาง และขนาดเล็กที่ตื้นเหมาะสำหรับเด็ก ไว้ให้บริการลูกค้าได้พร้อมกันประมาณสักห้าสิบคน ซึ่งตอนนี้มีลูกค้ามาใช้บริการเยอะพอสมควร เก้าอี้นอนชายหาดที่เรียงรายรอบสระจำนวนมากถูกจองไว้เกือบหมด

หล่อนจึงเดินไปยังเก้าอี้ว่างที่ตั้งอยู่เกือบมุมด้านในสุดของสระ ถอดเสื้อคลุมออก แล้วทรุดตัวนั่งทาครีมกันแดด แบบเดียวกับฝรั่งหลายคนทำกัน ทาครีมกันแดดทั้งตัว เท่าที่มือจะเอื้อมถึง...ได้แค่ไหนแค่นั้น

หญิงสาวไม่สนใจสายตาหลายสิบคู่ ที่จับจ้องมายังเรือนร่างสะโอด สะองของตน โดยเฉพาะที่ทรวงอกอวบอูม หล่อนเฉยชากับสายตาแทะโลมเหล่านั้น เห็นจนชินชาตอนทำงานออกแบบแฟชั่นโชว์ในต่างประเทศ

'ก็แค่คนหื่น...พวกโรคจิต'

สาวสวยหยิบแว่นกันแดดสีเข้มอันโตมาสวม แล้วนอนคว่ำไม่สนใจกับสิ่งรอบตัว โชว์แผ่นหลังเนียนเรียบน่าลูบไล้ โดยไม่หวั่นเกรงจะยั่วเย้าให้หลายคนต้องกลืนน้ำลายขนาดไหน

“คุณภาหุ่นเหลือเกินเลยนะแก” พนักงานชายคนแรกหันไปกระซิบกับเพื่อนร่วมงานของตน

“เออ...หุ่นแบบนี้ ประกวดนางงามสบายเลยว่ะ” ชายอีกคนเสริม

“ถ้าข้าได้แฟนแบบนี้สักคน...ชาตินี้ข้านอนตายตาหลับแล้วจริงๆ”

“ตายไปคนเดียวเถอะ” ไม่เห็นด้วยกับความเห็นของเพื่อน

คนแรกหันขวับกลับไปย้อนถามเพื่อน

“หรือแกไม่อยากได้?”

“อยากได้...แต่ข้ายังไม่อยากตาย”

“โธ่! ไอ้บ้า ข้าแค่เปรียบเทียบเฉยๆ” นึกอยากจะทุบหัวเพื่อนซักเปรี้ยงที่ซื่อบื้อเกิน

“เฮ้ย! ไอ้หมอนั่นมันกล้าว่ะ” พนักงานคนที่สองชี้นิ้วไปยังฝรั่งวัยสี่สิบเศษคนหนึ่งที่ตรงรี่หาร่างบาง แล้วไปชวนคุยด้วยเจตนาที่คาดเดาได้ไม่ยาก

“กะจีบคุณภาชัวร์” คนแรกพูดสิ่งที่คิดออกมา ซึ่งคนฟังก็ผงกหัว

สาวสวยที่กำลังอาบแดด กลายเป็นเป้าหมายหลักของชายเกือบทุกวัย ที่วนเวียนมาแจกขนมจีบด้วยกลวิธีต่างๆ แต่พวกเขาก็โดนปฏิเสธหมดอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่กล้าตามตื้อตอแยมากนัก เพราะเกรงสายตาคมกริบราวเลเซอร์ของเจ้าหล่อน

ไม่ถึงชั่วโมง ภาวินีนึกรำคาญจึงลุกขึ้น หยิบเสื้อคลุมมาสวม แล้วออกจากบริเวณนั้น ขณะลงบันไดเล็กๆ ก็สวนทางกับนงรามที่แวะมาแถวนั้นพอดี

“อ้าวภา จะกลับแล้วเหรอ?”

“ค่ะน้านง ภารำคาญน่ะ”

เจ้าของรีสอร์ตทำหน้าประหลาดใจกับคำตอบ

“มีอะไรเหรอลูก?”

ภาวินีเลยเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบย่อๆ ทำเอาน้าสาวต้องฉีกยิ้มกว้างออกมา

“ก็หลานสาวน้าสวยนี่คะ มีคนมารุมจีบ ก็เป็นเรื่องปกติ”

“แต่ภาอยากอยู่เงียบๆ มากกว่า” หล่อนพึมพำเสียงแผ่ว ไม่รู้สึกสนุกที่มีคนเข้ามาวุ่นวายแบบไม่ได้รับเชิญ

...หากคิดจะจีบผู้หญิง ก็ควรจะรู้กาลเทศะ มีศิลปะสักหน่อย ไม่ใช่เดินดุ่มเข้ามาแบบทื่อๆ ไม่รู้เลยรึไงว่า ผู้หญิงเขารำคาญ

นงรามนิ่งคิดว่า ควรหากิจกรรมอะไรถึงจะเหมาะกับคนตรงหน้า?

“ภาอยากแวะไปเที่ยวหาซื้อของฝากของที่ระลึกไหม? เดี๋ยวน้าบอกให้เขาเอารถออกไปก็ได้นะ แต่ลูกคงต้องออกไปคนเดียว เพราะตอนนี้น้องเมกำลังยุ่งหัวปั่นในครัวกับคุณรส”

ใช้เวลาขบคิดไม่นาน หล่อนก็ผงกศีรษะ

“ก็ดีค่ะ งั้นภาขอไปเปลี่ยนชุดก่อน”

นึกดีใจที่เมธาวีไม่ว่าง หล่อนยังนึกไม่ออกว่า หากจ๊ะเอ๋กับเชฟสาวตอนนี้จะทำหน้าอย่างไรดี?...โมโห โกรธ หรืองอน?

นงรามพยักหน้าอนุญาต ก่อนยกมือถือโทรสั่งคนขับรถ

คนขับรถหน้าเดิมพาภาวินีในชุดลำลองเสื้อเชิ้ตกางเกงยีน แวะไปแหล่งสินค้าพื้นเมืองที่น่าสนใจหลายแห่ง

ร่างบางอดใจไม่ไหวควักกระเป๋าขนซื้อมาหลายถุง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นขนมกับอาหารแห้งไว้ฝากบิดา พี่ชาย เพื่อน และลูกน้องหลายชีวิตที่ห้องเสื้อ รวมถึงได้เครื่องประดับไว้สวมใส่เองอีกหลายชิ้น

ตลอดวันหล่อนเผลอนึกถึง ‘เมธาวี’ หลายหน รวมถึงหลุดปากเรียก “น้องเม” ออกมาหลายครั้งอย่างลืมตัว...ด้วยนึกว่าอีกคนมาด้วย

ร่างบางไม่เข้าใจตนเองเลยว่า ทำไมถึงได้ใจจดใจจ่ออยู่กับเชฟสาวนัก? แม้พยายามเตือนตัวเองในใจหลายครั้ง แต่ก็ไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่

'...ตั้งสติหน่อยได้ไหม คุณภาวินี?'

OoXoO




 

Create Date : 24 มีนาคม 2558
0 comments
Last Update : 24 มีนาคม 2558 11:14:54 น.
Counter : 948 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

 

นิ้วนาง-เดียนา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




งานเขียนทั้งหมดใน blog นี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย พระราชบัญญัติ พ.ศ.2537 ห้ามนำไปพิมพ์ เผยแพร่ หรือลอกไปกระทำการใดๆ ก็ตาม หากผู้ใดกระทำการผิด เจ้าของ blog จะเอาผิดท่านตามกฏหมาย ได้ทุกกรณี


[Add นิ้วนาง-เดียนา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com