ขอต้อนรับสู่โลกของนิยายยูริ เรื่องจากประสบการณ์ และทำนายดวงชะตา โดย นิ้วนาง-เดียนา-ลำดวนพยากรณ์
<<
พฤศจิกายน 2561
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
29 พฤศจิกายน 2561
 
 

รักเกินต้าน Can't Resist บทที่ ๑๔ (Yuri)



๑๔

หมายความว่าอะไร?

อินทุอรอึ้งงัน เหลียวมองคนพูดอย่างสงสัยสายตาคู่คมจับจ้องใบหน้าสวย เหมือนจะตีความนัยที่แฝงมากับคำถามนั้น

ทั้งสองเงียบงันไป กับบรรยากาศโดยรอบอึดอัดขึ้น

“แปมพูดเล่นค่ะ” เปมิกาชิงพูดกลบเกลื่อนขึ้น

ฉันคงคิดมากเกินไป

เจ้าของบ้านทำหน้าผ่อนคลายลง

“อาก็ว่าอย่างนั้นแหละ สวยๆแบบน้องแปม ไม่นานก็คงมีแฟน แต่งงานมีครอบครัว คุณย่าคงดีใจจะได้เหลนเร็วๆ”เธอพูดตามหลักการ ผู้คนส่วนใหญ่หลังเรียนจบ ทำงาน แต่งงาน มีลูกแล้วก็ดูทายาทเติบโตขึ้น ไม่นานก็จากโลกนี้ไป

เธอเป็นคนส่วนน้อยที่ยังโสด ไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักคนทั้งที่โลกนี้มีประชากรหลายพันล้าน ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ พลันนึกสงสัยว่าทำไมถึงไม่เจอคนที่ใช่สักที ทั้งที่ผ่านมาหลายเดือน

สงสัยฉันต้องไปคุยกับพี่นางหน่อยแล้วตกลงว่าแฟนอนาคตของฉันเกิดหรือยัง?

แปมไม่ได้อยากได้คนอื่นสักหน่อย...แปมอยากได้แต่อาอิน

ครางตอบในใจ แต่ขยับปากพูดไปอีกอย่าง

“เรื่องแฟนแปมไม่รีบค่ะอยากทำงานให้ดีเสียก่อน” เอ่ยปัดอย่างนุ่มนวล ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบเพื่อไม่ให้อาหารฝืดคอเกินไป

คนอายุมากกว่ายิ้มละไม แล้วพูดล้อๆ ออกมา

“ตอนนี้ก็บอกแบบนี้แต่พอโดนรักปักอก คงเร่งวันเร่งคืนจะออกเรือน”

ถ้าคนที่แปมชอบใจตรงกัน...แปมก็คงไม่รอเหมือนกันค่ะ

หล่อนคิดน้อยใจ ที่อีกฝ่ายไม่รู้ใจกันบ้างเลยว่าเด็กน้อยคนนี้คิดไปไกลขนาดไหน ก่อนย้อนถาม

“พูดแบบนี้ แปลว่าอาอินเจอแล้ว”

หืม?

สาวหน้าคมทำหน้าสับสน

“หมายถึงเจอคนที่ใช่แล้ว

“ค่ะ”

“เอาที่ไหนมาพูด อาโสดมาตลอดหมอดูเคยทักว่าจะเจอเร็วๆ นี้ แต่ก็ไม่เห็นเจอสักที...สงสัยชาตินี้จะเกาะคานทอง”

ไม่จริงก็แปมเห็นเต็มสองตา

“แปมเคยเห็นอาอินสนิทกับผู้ชายคนนึงมาก”

หัวคิ้วคนฟังขมวดมุ่นไม่เข้าใจว่าหล่อนกำลังพูดเรื่องอะไร

“สนิทแบบไหน

“ผู้ชายคนนั้น เขาจูบหน้าผากอาอิน”

เฮ้ย! เคยด้วยเหรอ

อินทุอรทำหน้าแตกตื่น เหมือนไม่เคยมีเรื่องนี้อยู่ในความทรงจำแม้แต่น้อย จึงรีบซักต่อ

“ตอนไหน

“สี่ปีก่อนที่บ้านนี่แหละวันนั้นบังเอิญแปมตั้งใจมาหาอาอิน ก็เลยเห็นเข้า…”

สี่ปีก่อนเหรอ อืม...

ครูสาวพยายามย้อนคิดและเหมือนจะมีอะไรบางอย่างผุดขึ้นมา

“เดี๋ยวนะ” เธอเม้นริมฝีปากแล้วฝืนยิ้มบางๆ คิดเรียงลำดับก่อนจะเล่า “อาจำได้แล้ว ผู้ชายคนนั้นไม่ได้เป็นแฟนอาหรอกเขาเป็นรุ่นพี่ เป็นรักแรกของอาต่างหาก”

รักแรก!

คนฟังแทบหยุดหายใจ เหมือนหัวใจหล่นไปกองกับพื้น ไม่เคยระแคะระคายเรื่องนี้มาก่อน

“วันนั้นเขามาบอกลาอา เพื่อไปแต่งงานจูบนั้นอาเป็นคนขอเอง” น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความเศร้าหวนคิดถึงความรู้สึกวันนั้น ทั้งที่ลืมเลือนไปนานแล้ว

ฉันไม่น่ารื้อฟื้นเรื่องนี้เลยจริงๆ

เปมิกานึกต่อว่าตัวเองที่ไปสะกิดแผลเก่าของอีกฝ่ายทว่าความอยากรู้ทำให้ถามต่อ

“แล้วตอนนี้ อาอินยัง ยังรักเขาอยู่หรือเปล่าคะกลั้นใจถาม นึกลุ้นกับคำตอบเหลือเกินอยากได้ยินคำว่า ‘ไม่’ ที่สุด

รักเหรอ?

ครูดนตรีนิ่วหน้า ย้อนถามตัวเอง เป็นคำถามที่ไม่เคยคิดมาก่อน

“รักสิ”

อะไรนะ!

หล่อนชักสีหน้า ปวดแปลบใจ เผลอกำมือที่วางบนโต๊ะแน่น

อินทุอรจิบไวน์ไปเกือบหมดเหลือติดก้นแก้วเล็กน้อย แต่ยังคงหมุนแก้วในมือเล่น เหมือนมีเรื่องคิดในใจก่อนพูดออกมา

“แต่มันไม่ใช่ความรักแบบที่อยากครอบครองหรอกนะ คิดกับเขาแค่พี่ชายคนหนึ่งมากกว่าอาไม่ได้ข่าวเขาอีกเลย รู้แต่ว่าหลังแต่งงานไม่นานเขาก็ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ”

พี่ชาย...ค่อยยังชั่วหน่อย

ความขุ่นเคืองคับข้องหลายปีของสาวสวยมลายหายไปสิ้น ลอบถอนใจโล่งอก ก่อนถามอย่างเอาใจ

“เติมไวน์หน่อยนะคะ?”

“ก็ดี ยี่ห้อนี้อร่อยนะ”

ครูดนตรียื่นแก้วให้อีกฝ่ายเติม แล้วจิบอีกอึกหวังใช้น้ำเมาทำให้ลืมเลือนอะไรบางอย่าง ใบหน้าเริ่มขึ้นสีแดงเรื่อ ด้วยไม่ใช่สายแข็งแต่อาศัยที่ดื่มอยู่ในบ้าน...ถ้าเมาก็เข้านอน

สาวหวานรินของเหลวสีสวยให้เธอ ทว่าไม่รินให้ตัวเองด้วยเกรงจะเกินลิมิต หากเมากลัวหลุดทำอะไรรุ่มร่ามออกมา ไม่อยากแสดงความไม่ดีให้อีกฝ่ายเห็น...อย่างน้อยก็ตอนนี้

“รุ่นพี่คนนั้นต้องตาไม่ดีแน่ๆ เลย ที่ทิ้งอาอินไปเลือกคนอื่น”

อินทุอรหลุดขำออกมา จนน้ำตาเล็ด

“แปมพูดอะไรผิดคะ?” หล่อนถามอย่างไม่เข้าใจที่อีกคนหัวเราะมากมายผิดปกติ

“เชื่อเถอะว่า เขาตาดีมากหากเทียบกันแล้วอาสู้ภรรยาเขาไม่ได้เลยสักอย่าง นี่อาพูดจากใจเลยนะ” เธอกล่าวเสียงจริงจัง

ฉันก็แค่คนธรรมดาจะไปสู้อะไรกับลูกสาวเศรษฐี

แปมไม่เชื่อเด็ดขาด

“อย่าดูถูกตัวเองนักสิคะ แปมรู้จักอาอินมานานรู้ดีว่าอาอินนิสัยเป็นยังไง” คนอายุน้อยพูดค้านหัวชนฝา เงยหน้าสบตาฝ่ายตรงข้าม“อาอินในสายตาแปม เป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดไม่แพ้ใครในโลกนี้เลยจริงๆ นะคะเขาไม่เลือกแสดงว่าตาไม่ถึง ไม่มีวาสนา ไม่ใช่ความผิดของอาอินสักนิด”

คนฟังนึกตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก

“แปม...”

หล่อนเอื้อมมือไปกุมมืออีกฝ่ายที่วางบนโต๊ะอย่างนุ่มนวล พร้อมบีบเบาๆแบบให้กำลังใจ

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แปมจะอยู่ใกล้ๆ อาอินจะคอยเป็นกำลังใจให้อาอินเสมอค่ะ”

“ขอบใจนะ”

“ไม่ต้องขอบใจหรอกค่ะ อาอินช่วยเหลือแปมตั้งหลายเรื่องถ้าไม่มีอาอิน แปมคงไม่มีวันนี้” เปมิกายิ้มบางๆ หากไม่มีเธอคนนี้ ในวัยเยาว์หล่อนอาจจะตายไปแล้ว

...อินทุอรจึงถือเป็นผู้มีพระคุณคนหนึ่ง

“ไม่หรอกอาไม่ได้ช่วยอะไร แค่ทำสิ่งที่ควรจะทำเท่านั้น” น้ำเสียงเริ่มอู้อี้หลังดื่มหมดไปหลายแก้ว

“อาอินเมาแล้วพอเถอะ” สาวสวยเอ่ยห้ามอย่างเป็นห่วง กลัวเธอจะปวดหัวในวันพรุ่งนี้

“ยังค่ะยังไม่เมา เติมอีกสิน้องแปม”

หล่อนไม่อยากขัดใจ จึงต่อรองออกไป

“แก้วสุดท้ายนะคะ”

“อือ...” ขานรับเสียงต่ำในลำคอ เหลือบมองนาฬิกาเกือบสองทุ่มครึ่ง“ให้รถมารับกี่โมงคะ?” ครูดนตรีถาม รู้ว่าเปมิกาขับรถยนต์ไม่ค่อยแข็ง ไปไหนมาไหนจึงต้องให้คนรถที่บ้านคอยรับส่ง

“สามทุ่มค่ะ” สาวหวานตอบมองจานอาหารของอีกฝ่ายที่มีเหลือเล็กน้อย ก่อนเอ่ยอาสาในฐานะแขกที่ดี“อาอินอิ่มหรือยังคะ เดี๋ยวแปมล้างจานให้เอง”

“อิ่มแล้วล่ะ อยากดื่มมากกว่า”

“อาอินย้ายไปนั่งที่โซฟาดีกว่าไหม เผื่อง่วงจะได้นอนพัก” หญิงสาวเสนอขึ้น

“ขอหมดแก้วนี้ก่อนนะ” เจ้าของบ้านจิบอีกสองสามอึก พอน้ำเมาหมดจึงวางแก้วแล้วลุกเดินไป

“เดินดีๆ ค่ะ” เปมิกาเตือน มองตามหลังอย่างไม่ค่อยไว้ใจกลัวอีกคนจะตะครุบกบ

“สะ สบายมาก ดื่มแค่นี้ไม่เมาหรอก”

เธอเดินโซเซ ไปห้องรับแขกทิ้งตัวนั่งเอียงๆ ที่โซฟาตัวยาวกดรีโมทเปิดโทรทัศน์ เพื่อดูละครเหมือนทุกวัน

ไม่เมาเลย...แต่เดินเป๋ซะขนาดนั้น

นึกอ่อนใจกับคนปากแข็ง ก่อนหยิบจานที่ทานแล้วเข้าไปในครัวเพื่อทำความสะอาดให้เรียบร้อย

อีกสิบนาทีต่อมา เปมิกาเดินออกมายังห้องรับแขกนึกขำกับคนไม่เมาที่นอนเอกเขนกหลับใหลไปเสียแล้ว ปล่อยให้โทรทัศน์ดูแทนจึงทรุดนั่งกับพื้นข้างโซฟา จ้องใบหน้าคมสวยใกล้ๆยกมือขึ้นปัดปอยผมที่หล่นมาบังออกอย่างเบามือ สายตาคู่สวยจับจ้องเรียวปากอย่างหลงใหลเหมือนมีพลังอะไรบางอย่างดึงดูด โน้มหน้าต่ำลงจุมพิตเบาๆ ที่หน้าผากมนหนึ่งครั้ง

...แม้ใจจริงอยากได้ริมฝีปากมากกว่า แต่ไม่กล้าเกรงจะทำให้เธอรู้สึกตัว

“แปมรักอาอินนะคะ” สาวสวยเผยคำรักออกมาเบาๆ นั่งชื่นชมใบหน้าคมหลายนาทีจนใกล้เวลานัดจึงลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินไปปิดโทรทัศน์ เปิดพัดลมปิดไฟเหลือแค่ดวงเดียว หันมาบอกลาเจ้าของบ้านที่หลับสนิท “ฝันดีค่ะอาอิน”

เมื่อเห็นรถที่บ้านมาจอดเทียบ เปมิกาจึงออกไปแบบเงียบๆ โดยไม่ลืมกดล็อกประตูและรั้วบ้านเพื่อความปลอดภัยขึ้นรถกลับบ้านอย่างมีความสุข

ดีใจจริงๆ ที่หัวใจอาอินว่างแม้จะเคยมีคนอื่น แต่ฉันจะลบเขาออกจากหัวใจให้หมด จนอาอินมีฉันแค่คนเดียว คอยดูสิ

หล่อนตั้งใจจะชนะใจเธอให้ได้ ไม่ว่าจะยากขนาดไหนก็ตาม

เปมิกาหารู้ไม่ว่า คนนอนไม่ได้หลับจริงแถมยังมีสติและได้ยินทุกคำพูดของหล่อนชัดเต็มสองหู

หลังสาวหวานออกไปจากบ้าน สาวหน้าคมเผยเปลือกตาขึ้นช้าๆพร้อมกับความฉงนฉงายที่ชวนหัวใจสับสน ยกมือขึ้นสัมผัสหน้าผากมนที่เพิ่งโดนหล่อนประทับรอยเอาไว้

น้องแปมรักฉัน?...รักแบบไหนกัน

ครูดนตรีคิดหนัก ยกมือก่ายหน้าผาก ก่อนผล็อยหลับไปทั้งอย่างนั้นโดยไม่ได้ลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า

ช่วงเย็นวันหยุดอรนภาจะพาแก้มลูกสาวตัวน้อยไปหาคุณสมร แล้วนั่งสนทนาทานข้าวเย็นแทบทุกอาทิตย์เป็นปกติในฐานะลูกสะใภ้ที่ดี

แก้มยิ้มร่าวิ่งถลาไปหาญาติผู้ใหญ่แล้วทำความเคารพใกล้ๆ

“สวัสดีค่ะคุณย่า แก้มมาแล้วค่ะ”

สมรวางหนังสือพิมพ์ที่กำลังอ่านลูบหัวหลานสาวอย่างเอ็นดู

“ว่าไงเจ้าตัวซน”

เด็กน้อยทำแก้มป่องอย่างงอนๆ

“แก้มไม่ซนสักหน่อย”

“ไม่ซนก็ไม่ซน มาให้ย่าหอมก่อน”

แก้มเอียงหน้าให้หอมโดยดีก่อนปีนขึ้นนั่งโซฟาข้างเจ้าของบ้านอย่างเป็นกันเอง

“สวัสดีค่ะคุณแม่” อรนภายกมือทำความเคารพแม่สามี

“ไหว้พระเถอะอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันนะ” หญิงสูงวัยชวน

“ค่ะ อรเอาทุเรียนกวนมาฝาก ของโปรดน้องแปม”ลูกสะใภ้วางถุงใส่ของฝากให้กับลูกเลี้ยงบนโต๊ะรับแขก

“ขอบใจแทนแปมด้วยนะ ถ้าเห็นเข้าคงชอบใจ”สมรกล่าวอย่างอารมณ์ดี นึกขำกับความตะกละของหลานสาวในวัยเยาว์ ที่ทานทุเรียนหมอนทองทั้งลูกคนเดียวจนปวดท้องเดือดร้อนจนต้องพาไปหาหมอและแอดมิทที่โรงพยาบาล

...แต่กระนั้นหล่อนก็ยังชอบทุเรียนมากกว่าผลไม้ชนิดอื่น

“แล้วน้องแปมไม่อยู่หรือคะแม่เลี้ยงถามถึงลูกเลี้ยงที่ไม่ได้เห็นหน้าค่าตาอีกเลย หลังงานเลี้ยงคราวก่อน

“ไปทานข้าวกับอินน่ะบอกว่าจะกลับมาก่อนสี่ทุ่ม”  

“สองคนนี้สนิทกันจริงๆ” อรนภาอมยิ้ม เมื่อคิดถึงสมัยก่อนที่ในวันหยุด เปมิกาแทบจะตัวติดกับน้องสาวของเธอขลุกอยู่ด้วยกันเหมือนเป็นเงาตามตัว ให้น้องสาวเธอพาหล่อนไปบ้านสวน ไปว่ายน้ำแม้กระทั่งพาไปทะเล

...จนหลายคนเข้าใจว่า สองคนนี้เป็นอาหลานกันจริงๆ

“ดีแล้วล่ะที่สนิทกันต่อไปจะได้ช่วยกันทำงานที่โรงเรียน” ผอ.สูงวัยพูดเสียงเรียบโล่งใจที่สองสาวปรับความเข้าใจกันได้เร็วกว่าที่คาดไม่เหินห่างเหมือนช่วงที่เปมิกาเรียนอยู่เมืองนอก

“ค่ะ”

สมรก้มหน้าลงถามเด็กน้อยที่นั่งข้างๆ ซึ่งกำลังจะเข้าชั้นอนุบาลหนึ่ง

“อีกสองวันจะเปิดเรียนแก้มตื่นเต้นไหมลูก

“ตื่นเต้นค่ะ”

“ต่อไปแก้มจะได้มีเพื่อนเยอะๆดีไหมคะ

แก้มพยักหน้าหงึกๆ ไม่เข้าใจคำพูดของผู้ใหญ่นัก

หญิงสูงวัยนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงหันไปถามลูกสะใภ้

“แล้วนี่มนต์ธรกลับมาบ้านบ้างหรือเปล่า?หรือเอาแต่หมกตัวอยู่ที่คอนโด”

จะพูดยังไงดี?

อรนภาทำหน้าอึกอัก สมองทำงานหนักเพื่อหาคำตอบแต่คิดอะไรไม่ออก ด้วยไม่ใช่พวกชอบพูดปดโกหกมดเท็จ

“เอ่อ…”

สมรจ้องหน้าเขม็งเหมือนคาดคั้นมองปราดเดียวก็เดาคำตอบได้ไม่ยากเหมือนเขียนไว้บนหน้าอีกฝ่าย

อรนภากับอินทุอรสองพี่น้องเป็นพวกคนซื่อ โกหกไม่เก่งตบตาคนไม่เป็น และนี่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผอ.อาวุโส ชอบสองสาวนี้มากเป็นพิเศษ

...คนเก่งหาง่าย แต่คนดีหายากยิ่ง

เป็นคนกลางคงลำบากใจสินะ...เฮ้อ!

“ลำบากนักก็ไม่ต้องพูด ฉันเข้าใจ”เจ้าของบ้านตัดบท ก่อนหันไปหาแม่บ้านเก่าแก่ “อาหารพร้อมหรือยัง

“พร้อมค่ะวันนี้มีแกงเลียงของโปรดคุณท่านกับผัดฟักทอง” แจ่มพูดรายการอาหารประจำวันเหลือบมองไปทางหลานสาวตัวน้อย “จะให้ทอดไข่เจียวฟูเผื่อน้องแก้มไหมคะ

เจ้าของบ้านก้มหน้าลงถามเด็กน้อย

“แก้มอยากทานไข่เจียวฟูไหมคะ?ฝีมือป้าแจ่มอร่อยมากนะ”

“อยากค่ะ” แก้มพยักหน้าอาหารบ้านนี้อร่อยกว่าบ้านตัวเอง จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เธอชอบแวะมา

“งั้นแจ่มขอไปทำให้ก่อนรอแป๊บนึงนะคะ”แม่บ้านพูดตอบอย่างรู้งาน แล้วออกไปจากที่ตรงนั้นทันที

หลังเหลือนั่งกันอยู่ในห้องรับแขกแค่สามคนสมรจึงถามขึ้นเสียงเครียดกว่าเดิม

“แล้วช่วงนี้มนตรีไปทำอะไร โรงเรียนก็ไม่ค่อยเข้า?”

แม้เธอจะอายุมาก แต่ไม่ได้ทำให้รู้เรื่องต่างๆ น้อยลง ด้วยมีหูมีตาคอยรายงานอยู่เต็มไปหมด

“เอ่อ คือคุณมนตรีไปที่บริษัทค่ะเห็นบอกว่ากำลังเร่งปิดการขายให้จบเร็วๆ” อรนภาตอบเสียงแผ่ว เธอไม่ค่อยรู้เรื่องงานของสามีมากนักไม่เคยย่างเท้าไปยังบริษัทของเขา ด้วยเหน็ดเหนื่อยจากงานประจำไหนจะรีบกลับมาดูลูกสาวอีก

คนฟังถอนใจยาว จ้องหน้าลูกสะใภ้

“เธอรู้ไหมว่า มนตรีกำลังช๊อตเรื่องเงินอยู่บริษัทนั่นไม่มีกระทั่งเงินจะจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ด้วยซ้ำ”

หา!

อรนภาทำตาโตกว้าง หลังแต่งงานเธอไม่เคยขอเงินจากเขาด้วยมีเงินเดือนของตัวเอง มนตรีรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในบ้านทุกเดือน เธอจึงไม่เคยระแคะระคายเรื่องนี้มาก่อน

“อะไรนะคะ!”

“ฉันกำลังดูอยู่เนี่ยว่า ลูกฉันจะแก้ปัญหานี้อย่างไร”สมรเอ่ยเสียงเนือย ไม่เชื่อมั่นในความสามารถของลูกชายของตนนัก

แต่จะให้เธอเชื่อใจเขาได้ยังไง เมื่อมนตรีล้มเหลวมากกว่าสำเร็จไม่รู้ว่าหมดเงินไปแล้วเท่าไหร่กับธุรกิจส่วนตัว เดาว่าเงินมรดกที่แบ่งให้ไปคงเหลืออีกไม่มากจนแอบกลัวเหลือเกินว่า เขาจะคิดหาเงินด้วยวิธีบ้องตื้น

หวังว่าแกจะไม่ทำให้แม่ผิดหวังหรอกนะ 

OoXoO

ขอบคุณที่กรุณาติดตาม

หนังสือปิดจอง 2 ธันวาคมนะคะ สนใจดูลิงค์หน้า 'สินค้า' ค่ะ

E-book ของนิ้วนางทุกเรื่อง โหลดซื้อได้ที่ MEB นะคะ

นาง ^^

OoXoO




 

Create Date : 29 พฤศจิกายน 2561
0 comments
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2561 17:49:22 น.
Counter : 684 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

 

นิ้วนาง-เดียนา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




งานเขียนทั้งหมดใน blog นี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย พระราชบัญญัติ พ.ศ.2537 ห้ามนำไปพิมพ์ เผยแพร่ หรือลอกไปกระทำการใดๆ ก็ตาม หากผู้ใดกระทำการผิด เจ้าของ blog จะเอาผิดท่านตามกฏหมาย ได้ทุกกรณี


[Add นิ้วนาง-เดียนา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com