ขอต้อนรับสู่โลกของนิยายยูริ เรื่องจากประสบการณ์ และทำนายดวงชะตา โดย นิ้วนาง-เดียนา-ลำดวนพยากรณ์
<<
กุมภาพันธ์ 2561
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728 
 
2 กุมภาพันธ์ 2561
 
 

หัวใจว้าวุ่น! It's complicated! ตอนที่ ๑๖ (Yuri)



๑๖

ให้คนตามมาเหรอเนี่ย...โง่ชะมัด!
ตะวันนาหัวเราะเยาะในใจ ขณะบิดสองล้อคันโปรดออกจากบ้านของโยธินหลังส่งหล่อนเรียบร้อยแล้ว เดาว่าบารมีคงโมโหจัด จึงส่งสมุนตามมาหมายเล่นงานกันกลางวันแสกๆ
...แต่มีหรือที่คนอย่างเธอจะยอมให้ง่ายๆ
องครักษ์สาวอาศัยความได้เปรียบของพาหนะ ขับซอกแซกไปในซอยเล็กแคบที่เปลี่ยวจากสายตาของผู้คน เนื่องจากเป็นเขตโรงงานร้างที่เพิ่งปิดตัวไปไม่นานจากพิษเศรษฐกิจตกต่ำ เธอวนรถกลับลำมารอรถเก๋งของฝ่ายติดตามที่บรรทุกชายร่างล่ำปึ้กมาสี่คน
ชาติหยุดรถห่างจากมอเตอร์ไซด์ตะวันนาหลายเมตร ก่อนหันไปกำชับลูกน้องอีกครั้งไม่ให้ทำเกินคำสั่ง
“นายสั่งให้เอาแค่เบาะๆ อย่าหนักมือนักนะ”
“ครับลูกพี่ ไปโว้ย!” หนึ่งรับคำแข็งขัน นำน้องชายสองคนคว้าไม้พอเหมาะมือติดมือลงไป เพื่อทำร้ายหญิงสาวตามคำสั่งอย่างไม่ลังเลที่จะทำผิดกฎหมาย ในสมองของพวกมันดีดลูกคิดรางแก้วคิดถึงแต่เงินที่จะได้รับหลังเสร็จงานหาลำไพ่ โดยประมาทว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นเพศแม่ แต่ลืมไปว่าเธอมีมือมีเท้าเท่ากัน
ชาติลงไปยืนข้างรถ หยิบบุหรี่ออกมาจุดสูบ เพื่อรอชื่นชมผลงานของเหล่าลูกจ๊อก โดยไม่คิดจะลงมือให้เสียแรง
กะอีแค่ผู้หญิงคนเดียว เล่นงานไม่ได้ก็ให้รู้กันไป
สามโฉดย่างสามขุมไปหาเป้าหมาย แสยะยิ้มดีใจที่จะได้ลงไม้ลงมือทำร้ายคนตามประสาอันธพาล
นานๆ ได้ยืดเส้นยืดสายสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน
บอดี้การ์ดสาวนึกสนุก ดับเครื่องยนต์ ก้าวลงจากพาหนะคู่ใจ เตะขาตั้ง ถอดหมวกกันน็อกออกวางบนเบาะ ไม่อยากให้หมวกใบสวยต้องมีริ้วรอยบอบช้ำ ก่อนกดปุ่มแดงที่เข็มขัดส่งสัญญาณไปที่ Special Guard ให้รู้ว่า ‘เธอกำลังมีปัญหา’ เยื้องย่างช้าๆ ไปเผชิญหน้ากับสามหนุ่มของบารมีแบบไม่เกรงกลัว
หญิงสาวประเมินฝ่ายตรงข้ามด้วยการมองผ่านๆ ก่อนปรายตามองไปยังชาติ...คนสนิทของบารมีที่ยืนคุมเชิงอยู่ข้างรถยนต์
สามตัวนี้ไม่น่าเท่าไหร่...หมอนั่นต่างหาก
“ว้าว! หน้าตาดีซะด้วย แต่เสียดายที่วันนี้ไม่ได้มาจีบ” หนึ่งเอ่ยอย่างทะลึ่งตึงตัง หลังเห็นใบหน้าสวยคมชัดๆ ประกอบกับเธอมีรูปร่างสูงเพรียวอ้อนแอ้น ดูเผินๆ ไม่น่าจะมีฝีมือเก่งกาจอะไร
“อัดก่อน ค่อยจีบทีหลังก็ยังไม่สายมั้ง” สองพูดหน้าตาย ก่อนแสยะยิ้มร้ายกาจออกมา
“ข้าว่าอัดให้น่วม แล้วรีบไปกินเหล้าดีที่สุด” สามแสดงความเห็นออกมาบ้าง
“เออ ข้าก็ว่างั้น” หนึ่งเห็นด้วยกับน้องชายคนเล็ก
ป่าเถื่อนจริงๆ ให้ตายสิ!
ตะวันนาส่ายหน้า กับพฤติกรรมนิยมความรุนแรงของสามหนุ่ม
“ออมมือให้หน่อยนะหนุ่มๆ ยังไงฉันก็เป็นผู้หญิงบอบบางจะตายไป”
“ไม่มีปัญหา รับรองไม่ถึงตายแน่ๆ” หนึ่งหัวเราะหึหึ ดูชั่วร้ายไม่ต่างจากคนร้ายในละคร เหวี่ยงท่อนไม้ในมือเมื่อเดินเข้ามาใกล้การ์ดสาว
หญิงสาวหลบพ้นได้ทุกครั้ง ก่อนจู่โจมกลับในจังหวะที่เขาพุ่งไม้มาหมายแทง เธอฉวยโอกาสนั้นฟาดมือไปอย่างแรงบนข้อมืออีกฝ่าย จนอาวุธนั้นหลุดมือไป
“อ่อนหัดไปนะ” สาวเพรียวแกล้งพูดยั่วโทสะ
“บ้าเอ๊ย!” เขาสบถออกมาอย่างหัวเสียที่พลาดท่าเสียที
“ฝีมือตกหรือไงวะ ถอยไปเลย” สองร้องบอกพี่ชาย ก่อนโดดลงมาร่วมวงต่อยตีแบบไม่ได้รับเชิญ ทำให้หนึ่งล่าถอยออกไป
เธอหลบการจู่โจมได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว แม้ดูหวาดเสียวไปบ้างก็ตาม ตะวันนากำลังรอจังหวะที่จะเล่นงานกลับ และแล้วผลลัพธ์ก็ไม่ต่างจากคนแรก เมื่อท่อนไม้กระเด็นหลุดมือไป
“ไวหยั่งกะลิง” สองประชด หน้าแตกไม่น้อยที่พ่ายให้ผู้หญิงเอวบางตรงหน้า
“พวกนายช้าเองต่างหาก ช่วยไม่ได้” สาวเพรียวยักไหล่พูดย้อนแบบกวนประสาท “ฉันยังไม่ทันเหนื่อยเลยนะเนี่ย”
“รุมเลยแล้วกัน จะได้จบๆ” สามชักชวนพี่ชาย
“ดีเหมือนกัน” สองคนผงกหัวเห็นพ้องด้วย แล้วการตะลุมบอนสามต่อหนึ่งก็เริ่มต้นขึ้น
“โอ๊ย!” เสียงทุ้มต่ำร้องโอดโอยออกมา หลังเปิดฉากสู้ไม่ถึงนาที หนึ่งโดนต่อยหน้า และเตะตัดขาจนล้มก้นจ้ำเบ้า พยายามคลานหนีจากวงต่อสู้
ตะวันนาเต้นฟุตเวิร์คหลบไม้ที่เหวี่ยงมาจากด้านข้าง ทำให้ฟาดไปโดนคู่ต่อสู้อีกคน
“โอ๊ย! แกตีข้าทำไม” สองโดนไม้ฟาดเข้าเต็มๆ โวยวายชี้นิ้วใส่คนตีด้วยความไม่พอใจ
“ก็แกอยากไม่หลบเองนี่ โทษฉันได้ไงวะ” สามไม่ยอมรับผิด
“ไอ้บ้าเอ๊ย!” คนเจ็บสบถออกมา อยากตะบันหน้าอีกคนเต็มแก่
“อ้าว! อย่าเพิ่งกัดกันเองสิ” ตะวันนาเอ่ยแทรกขึ้น ก่อนที่ชายสองคนจะหันหน้าไปเล่นงานพวกเดียวกัน ทำให้พวกมันหันขวับมาจ้องเธอตาเขียว หญิงสาวกระดิกนิ้วเรียก “เข้ามาพร้อมกันเลย”
พวกมันสบตากันแวบหนึ่งอย่างรู้กัน ก่อนกระโจนไปหาองครักษ์สาวซ้ายขวาพร้อมเพรียง คนหนึ่งออกหมัด อีกคนเหวี่ยงไม้ยาว หญิงสาวขยับตัวหลบการจู่โจมแบบฉิวเฉียด แต่ไม่พ้นปลายไม้ที่เกี่ยวเสื้อตัวนอกขาดเป็นทางยาว
แคว๊ก!
เสื้อตัวโปรดฉัน!
เธอครางในใจเสียดายอย่างสุดซึ้ง ก่อนจะเอาคืนหมอนั่นทันควันด้วยการสะบัดขาขวาถีบเข้าที่ชายโครงของเขาเต็มแรง
“โอ๊ย!” สามร้องลั่น กระเด็นลงไปนอนเกลือกกลิ้งกับพื้น ปล่อยท่อนไม้หล่นจากมือ นอนจุกจนตัวงอไม่มีแรงลุกมาสู้อีก
“สมน้ำหน้า อยากทำเสื้อฉันขาดทำไม” หญิงสาวยกมือขวาปัดจมูกตัวเองอย่างสะใจที่แก้แค้นได้สำเร็จ ก้มมองรอยขาดของเสื้อก็ยิ่งทำให้หงุดหงิด
เกือบสิบเซนฯ เลยนะเนี่ย
“ดุฉิบหาย” ชายโฉดที่เหลือสบถ หันรีหันขวาง ใจฝ่อปอดแหก ลังเลว่าจะสู้ต่อหรือถอยดี?
เอาไงดีวะ?
“ถ้าอยากเจ็บตัวก็บุกเข้ามา” ตะวันนาท้าทายคนที่เหลือ ก่อนบุ้ยใบ้ไปยังอีกคน ที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ข้างรถเก๋ง “ถ้าสู้ไม่ไหว ก็ไสหัวไปเรียกหัวหน้ามา”
ขืนเรียก...ฉันโดนกระทืบแน่ ไม่เอาหรอก
หนุ่มใจปลาซิวกลืนน้ำลายลงลำคออย่างยากเย็น ไม่กล้าเอ่ยขอความช่วยเหลือจากลูกพี่ ได้แต่ยืนละล้าละลังอยู่แบบนั้น
วอนเองนะ
ชาติคิดในใจ โยนบุหรี่ที่ยังสูบไม่ถึงครึ่งมวนทิ้งลงพื้น ก่อนยกเท้าขยี้ให้ดับ ก้าวเท้ายาวๆ ไปหาสาวปากกล้าที่ตะโกนท้าทายเขา
ทั้งคู่ยืนจังก้าเว้นระยะห่างกันไม่มาก สายตาจับจ้องอีกฝ่ายเขม็ง ยกสองมือตั้งการ์ดพร้อมแลกกำปั้น โดยไม่จำเป็นต้องพูดพล่ามให้เปลืองน้ำลาย
สามโฉดคอยดูการประลองอยู่ห่างๆ ไม่กล้าสอดเข้าไป กลัวชาติจะมาหักคอ ด้วยเคยเตือนเอาไว้แล้วว่า...เวลาเขาสู้ ห้ามใครเสือก
เอาเลยแล้วกัน
ตะวันนาขยับเท้า แล้วตัดสินใจออกหมัดก่อน โดยเลือกใช้หมัดที่เร็วที่สุดคือหมัดตรง ซึ่งอีกคนก็ออกหมัดสวนมาพอดี ด้วยความเร็วที่ไม่แตกต่างกันนัก ผลคือ สองฝ่ายต่างโดนกำปั้นฝ่ายตรงข้ามแบบเฉียดๆ ฝากรอยไว้บนหน้าคนละแผล
อ่า...ทั้งเร็วทั้งแรงดีจริงๆ
เธอนึกชมคู่ต่อสู้ นานๆ ทีถึงจะเจอคนที่มีฝีมือทัดเทียมกัน
ไม่เลวเลยสำหรับผู้หญิง หุหุ
ชาติแสยะยิ้มอย่างพอใจที่น้อยครั้งใครจะได้เห็น
ทั้งคู่จับจ้องอีกฝ่าย แล้วฉวยจังหวะบุกผลัดกันออกหมัด หากแต่คราวนี้มีทั้งพลาดและโดน มีรอยช้ำเป็นที่ระลึกคนละสามสี่แห่ง โดยรวมนับว่าฝีมือพอฟัดพอเหวี่ยงกัน

ไม่ทันที่จะรู้ผลแพ้ชนะ พลันได้ยินเสียงรถยนต์วิ่งเข้ามา ทำให้การต่อสู้ต้องยุติลงโดยปริยาย
“ไว้คราวหน้าค่อยเล่นกันใหม่นะสาวน้อย ฉันชื่อชาติ” เสียงห้าวของคู่ต่อสู้เอ่ยขึ้นเป็นครั้งแรก
“ตะวัน” เธอแนะนำตัวออกไปบ้าง
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ” ชาติยิ้มมุมปากประทับใจที่เจอผู้หญิงแตกต่าง โบกมือให้บอดี้การ์ดสาว หมุนตัวก้าวยาวๆ ไปขึ้นรถ โดยไม่ลืมเรียกลูกกะจ๊อกสามคน แล้วขับรถจากไปโดยเร็ว
มีฝีมือน่ากลัวทีเดียว
เธอยืนมองรถคันนั้นหายไป แล้วเก๋งอีกคันก็วิ่งเข้ามาจากอีกทาง ปฏิคมกับฝ้ายรีบก้าวลงมาจากรถ
“เป็นอะไรหรือเปล่าตะวัน?” บอสใหญ่ถามอย่างเป็นห่วง ทันทีที่มาถึงตัวองครักษ์สาว สายตาสำรวจร่างคนตรงหน้าด้วยเกรงว่าจะได้รับบาดเจ็บไม่มากก็น้อย บ่อยครั้งที่ใจหายใจคว่ำกับลูกน้องคนนี้
“ไม่ค่ะ แค่ช้ำๆ นิดหน่อย” บอดี้การ์ดสาวตอบตามตรง คืนนี้เธอคงต้องเปิดขวดน้ำมันมวยนวดตัวหลายแห่ง ข้างแก้มและมุมปากมีรอยแตกเล็กน้อย...แต่แผลแค่นี้ไกลหัวใจ
“ค่อยยังชั่ว” ปฏิคมถอนหายใจอย่างโล่งออก
“ใครกันกล้าตามเล่นงานพี่ตะวัน?” ฝ้ายอดที่จะถามขึ้นไม่ได้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ไม่ค่อยเห็นเธอคนนี้ต้องออกแรงสู้กับใครจนเหงื่อแตกพลั่กแบบนี้ แถมยังมีรอยเสื้อคลุมขาดเป็นทางยาว แสดงว่าคู่ต่อสู้มีฝีมือไม่ธรรมดาแน่
“ลูกน้องของนายบารมี ชื่อชาติ” เธอตอบรุ่นน้องตามตรง
น่าสนใจจริงๆ
ฝ้ายอดที่จะคิดแบบนั้นไม่ได้ อยากประลองกับคนเก่งๆ บ้าง แต่เธอรู้สึกว่า ปฏิคมไม่ค่อยเปิดโอกาสให้รับงานยากๆ หรือฉายเดี่ยวบ่อยนัก ผิดกับตะวันนา...จึงอดที่จะน้อยใจไม่ได้ แต่ไม่กล้าแสดงออกมา
“บารมีเจ้าของบริษัทยาที่ให้บอยเช็คใช่ไหม?” บอสของ Special Guard ซักต่อเพื่อความแน่ใจ
“ใช่ค่ะพี่คม”
เรื่องนี้อาจจะยุ่งยากกว่าที่คิด
ปฏิคมทำหน้าขรึม คิดถึงข้อมูลที่ได้รับล่าสุดจากสายคนหนึ่ง ซึ่งมีความน่าเชื่อถือไม่น้อย
“ได้ข่าวว่า หมอนี่อาจจะเกี่ยวข้องกับยาบ้าตัวใหม่ ที่แพร่ระบาดอยู่ตอนนี้” เขาเอ่ยเสียงเรียบแฝงความกังวลแบบไม่ปิดบัง ด้วยไม่แน่ใจว่า หญิงสาวต้องเจอกับอะไรบ้าง “ยังไงตะวันก็ระวังตัวด้วยนะ มีอะไรผิดปกติ หรือต้องการความช่วยเหลือก็บอกพี่นะ”
“ค่ะ”
“จะแวะไปทำแผลที่คลินิกไหม หรือจะกลับบ้านเลย?”
“กลับบ้านดีกว่าค่ะ” สาวหน้านิ่งตอบ ไม่คิดว่าบาดเจ็บแค่นี้เป็นเรื่องใหญ่ “ขอบคุณที่มานะคะ”
“พวกเราทำงานเป็นทีมนะ อย่าลืม” ปฏิคมย้ำเสียงเข้ม ไม่อยากให้คนของตัวเองต้องเสี่ยงหรือบาดเจ็บโดยไม่จำเป็น พร้อมจะยื่นมือเข้ามาช่วยเสมอ หากลูกน้องต้องการ
“ค่ะพี่คม” ตะวันนาส่งยิ้มให้เขา ก่อนก้าวไปสวมหมวกใบโต ขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซด์แล้วขับออกไปก่อน
หนึ่งหนุ่มหนึ่งสาวก้าวขึ้นรถ แล้วขับตามออกไป ก่อนแยกกันคนละทางที่ถนนใหญ่

“เธอเอาหน้าไปทำอะไรมา ล้มฟาดพื้นเหรอ?” รมยากรเปรยขึ้นลอยๆ ขณะนั่งทานข้าวต้มเครื่องร่วมโต๊ะกันแค่สองคนในเช้าวันอาทิตย์ ส่วนสองหนุ่มสองวัยต้องออกไปทำงานด้วยมีคดีด่วน หล่อนสังเกตเห็นใบหน้าสวยคมขององครักษ์สาวมีแผลที่แก้มและรอยแตกที่มุมปาก ทั้งที่เมื่อวานไม่มี
ตาดีอีกต่างหาก
นึกชมอีกฝ่ายในใจ ด้วยไม่คิดว่าจะช่างสังเกตขนาดนี้ ทั้งที่เธอทารองพื้นกลบเกลื่อนไปบ้างแล้วก็ตาม
“โดนมดกัดค่ะ” บอดี้การ์ดสาวตอบแบบกวนๆ ออกไป ไม่อยากให้อีกคนต้องรับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ด้วยเกรงหล่อนจะตื่นตกใจเกินกว่าเหตุ
“บ้า! ใครจะไปเชื่อ” นางแบบสาวส่งค้อนวงโตให้เป็นรางวัล “จะโกหกก็หัดพูดให้มันเนียนๆ หน่อยได้ไหม”
ฉันโกหกเก่งที่ไหนกัน!
องครักษ์สาวนึกขำกับคำต่อว่ากึ่งประชดของคนตรงหน้า หากวันไหนไม่ได้ชวนทะเลาะคงเหงาปากแย่ จึงแสร้งปั้นหน้าจริงจัง
“ได้ค่ะ ฉันจะพยายามมากๆ”
“พยายามอะไร?” สาวสวยหรี่ตาถามอย่างจับผิด
“โกหกให้เนียนๆ ไงคะ” ตะวันนาตอบหน้าตายทำหน้าซื่อเหมือนแมวนอนหวด ก่อนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ตักข้าวต้มเข้าปากอย่างระวัง ไม่ให้โดนบาดแผล
มันน่านัก ขอให้ได้กวนเถอะ...อยู่ใกล้มือหน่อยไม่ได้
หล่อนนึกหมั่นไส้มากมาย ถ้าอีกคนนั่งใกล้ๆ คงไม่พ้นโดนหยิกสักทีสองที เสียดายที่นั่งตรงข้าม จึงจำไว้ในสมอง ค่อยคิดบัญชีทบต้นทบดอกทีหลัง
หลังทานอาหารเสร็จ รมยากรสั่งให้สาวใช้เอากล่องปฐมพยาบาลมาให้ที่ห้องรับแขก
เอามาทำไม?
บอดี้การ์ดสาวขมวดคิ้วอย่างสงสัย แต่ไม่พูดอะไร แล้วก็รู้เฉลยหลังหล่อนเรียกให้ไปนั่งที่โซฟาตัวยาว เธอจึงทรุดตัวนั่งข้างอีกฝ่ายอย่างว่าง่าย
“นั่งนิ่งๆ ฉันจะทำแผลให้” หล่อนสั่งเสียงเรียบ ขณะเปิดกล่องยาเพื่อหาขวดยากับผ้ากอซ
“เอ๋ วันนี้คุณรมใจดีจัง สงสัยพายุจะเข้า”
พูดชวนฟังมากคนเรา
“ปากเจ็บยังพูดมากอีก พูดน้อยๆ สักวันได้ไหม” นางแบบสาวตีหน้ายักษ์ให้คนช่างพูด เอาสำลีที่ชุ่มแอลกอฮอล์แต้มที่แผลใกล้ริมฝีปากของอีกฝ่ายและข้างแก้มนุ่ม
“โอ๊ย! แสบค่ะ” บอดี้การ์ดสาวสะดุ้ง โวยวายออกมา พยายามเบนหน้าหนีมือบางของอีกฝ่าย
“อยู่นิ่งๆ สิ” หล่อนเอ็ดเบาๆ วางสำลีนั้นแล้วเอาแผ่นใหม่ใส่ยาสีออกเหลือง ใช้มืออีกข้างช้อนคางมนของเธอให้เงยขึ้น เพื่อจะได้ใส่ยาได้ถนัด “ทนอีกนิดนึงนะ”
ดูเหมือนร้าย แต่จริงๆ เป็นคนใจดีมากเลยนะเนี่ย
เธอนึกชมหล่อน หลับตาแน่น เพื่อข่มความเจ็บเอาไว้ขณะอีกคนกำลังใส่ยาที่ริมฝีปากให้ สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นที่รดรินข้างแก้ม เผลอสูดกลิ่นหอมชื่นใจที่โชยออกมาจากตัวหล่อน เป็นความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักสำหรับบอดี้การ์ดสาว
โดยปกติตะวันนาจะเว้นระยะกับคนอื่น...มากกว่านี้
“เสร็จแล้ว” สาวสวยบอกเบาๆ หลังทายาจนทั่ว บาดแผลไม่ใหญ่แค่ตื้นๆ มีรอยช้ำคาดว่าคงเกิดจากการกระแทกอย่างแรง ดูแล้วไม่ใช่มดกัดแน่ๆ แต่ไม่คิดจะซักไซ้อะไร
คงไม่ได้ไปต่อยกับใครมาหรอกนะ
หล่อนไม่ค่อยเข้าใจตัวเองนัก ว่าทำไมถึงได้อยากทำแผลให้ ทั้งที่อีกคนไม่ได้ขอร้องสักคำ อาจเพราะต้องการตอบแทนความอ่อนโยนที่สาวเพรียวคอยดูแลและปกป้องตนมาหลายต่อหลายหน...ก็เท่านั้น
“ขอบคุณค่ะ” ตะวันนาเอ่ยเสียงนุ่ม ซาบซึ้งกับความอ่อนโยนของนางแบบสาว ที่แม้จะชอบโต้เถียงขัดคอกับเธอเป็นประจำก็ตาม
“ฉันก็แค่อยากตอบแทนเธอบ้าง ฉันไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใคร” รมยากรพูดแก้ขวย ที่จู่ๆ ใบหน้าร้อนผะผ่าวหลังได้รับคำชม จึงทำทีเป็นเก็บขวดและซองสำลีในกล่องยา
น่ารักชะมัด!
องครักษ์สาวคิดในใจ อยากให้หันมาสนใจเธอ จึงเรียกชื่ออีกคนเสียงอ่อนโยนนุ่มนวล
“คุณรมคะ”
“อะไรเหรอ?” นางแบบสาวทำหน้าประหลาดใจ
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” เธอเอนตัวเข้าไปกระซิบข้างใบหูอีกฝ่ายเบาๆ ฉวยโอกาสกดปลายจมูกที่แก้มเนียนหนึ่งฟอด สองแขนสวมกอดหล่อนเอาไว้หลวมๆ
บอดี้การ์ดสาวไม่ได้คิดอยากล่วงเกินอะไร แค่เกิดอาการโหยหาไออุ่นของสาวสวยขึ้นมาเฉยๆ
อุ๊ย!
รมยากรแตกตื่นตกใจ พยายามยกแขนดันไหล่คนตรงหน้าไม่ให้เอาเปรียบไปมากกว่านี้ ไม่ได้กลัวจะถูกปล้ำ
แต่หล่อนกำลังกลัวหัวใจตัวเองมากกว่า ช่างเป็นเรื่องที่หักห้ามได้ยากเย็นเหลือเกิน
“ยะ อย่าค่ะ” เสียงห้ามที่หลุดออกมาเบากว่าที่ตั้งใจ
“ทำไมล่ะ?” เธอกระซิบถามเสียงแผ่ว พอรู้อยู่ว่าอีกฝ่ายมีใจให้ตนไม่น้อย แต่ไม่เข้าใจว่าอะไรคือปัญหาที่หล่อนต้องปฏิเสธหัวใจตัวเอง?
“เพราะพี่ชัชชอบเธอ...รู้หรือเปล่า?”
ตะวันนาทำหน้าสับสนงุนงง ขยับตัวถอยห่างมาสบตากับคนพูด
“แล้วยังไง?”
“เธอกำลังจะเป็นพี่สะใภ้ฉัน...เราไม่ควรทำแบบนี้”
อะไรนะ!
องครักษ์สาวทำหน้าแตกตื่นกว่าเดิม พยายามทำความเข้าใจสิ่งที่หล่อนพูด ก่อนหลุดหัวเราะออกมา
“คุณรมเอาอะไรมาพูดเนี่ย?”
“ก็เธอบอกเองว่าชอบพี่ชัช-” นางแบบสาวยกเหตุผลที่ครั้งหนึ่งอีกฝ่ายเคยพูดไว้
สาวแกร่งเอาปลายนิ้วชี้แตะเรียวปากอิ่มตรงหน้า เพื่อให้หยุดพูด ก่อนสารภาพความในใจออกมา
“ฉันชอบคุณชัชแบบเพื่อน แต่ฉันรักคุณนะคะ รักมากเหลือเกิน”
ฉันเหรอ!
รมยากรอึ้งไปหลายวินาที ก่อนหลุดเรียกชื่อของอีกคนออกมา
“ตะวัน...”
“ในที่สุดคุณก็ยอมเรียกชื่อฉันเสียที คุณรมที่รัก” บอดี้การ์ดสาวเอ่ยเสียงแผ่วเบา โน้มตัวมาครอบครองเรียวปากแสนเย้ายวนอย่างอดใจไว้ไม่ไหวอีกต่อไป
ร่างบางชะงักในตอนแรก แล้วหลับตาพริ้มรับจูบนั้นโดยดี ไม่คิดจะฝืนใจตัวเองอีก ในเมื่อหัวใจของหล่อนเต้นจังหวะเดียวกันกับตะวันนา เผยอริมฝีปากเปิดทางให้ลิ้นอุ่นๆ ได้ทักทายใกล้ชิดกันแทบเป็นหนึ่ง
ช่างหวานหอมเสียเหลือเกิน...หวานกว่าครั้งก่อนเสียอีก
สาวเพรียวเป็นฝ่ายผละออกห่างก่อน หลังจูบกันดูดดื่มจนแทบลืมหายใจ เธอจ้องใบหน้าสวยที่ยามนี้ขึ้นสีแดงเข้ม ชวนมองกว่าทุกครั้ง จนเผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ก่อนตัดสินใจถามคำถามที่อยากได้คำตอบอย่างที่สุดออกมา
“คุณรมรักตะวันบ้างไหมคะ?”

หัวใจว้าวุ่น
หัว มีแต่ภาพหล่อนคอยหลอกหลอน
ใจ แคลนคลอนหวั่นไหวแลสับสน
ว้า เหว่เยือกเย็นหนาวพิการพิกล
วุ่น อารมณ์รักหลงไม่รู้ตัว

OoXoO
ขอบคุณที่กรุณาติดตาม
นาง
OoXoO




 

Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2561
0 comments
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2561 15:06:06 น.
Counter : 1528 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

 

นิ้วนาง-เดียนา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




งานเขียนทั้งหมดใน blog นี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย พระราชบัญญัติ พ.ศ.2537 ห้ามนำไปพิมพ์ เผยแพร่ หรือลอกไปกระทำการใดๆ ก็ตาม หากผู้ใดกระทำการผิด เจ้าของ blog จะเอาผิดท่านตามกฏหมาย ได้ทุกกรณี


[Add นิ้วนาง-เดียนา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com