หลักการที่โรงเรียนใช้เป็นหลักคือ จิตวิทยามนุษย์แนวใหม่ Neo Humanism ฉลาด เก่ง ดี มีความสุข โดยแนวคิดนี้ ถูกหยิบยกขึ้นมา โดย P.R. Sarkar ชาวอินเดีย ผู้ชายคนนี้เป็นใคร เก๊าะ ยืมนิยามสั้นๆ มา ณ ที่นี้
P.R. Sarkar was one of the greatest modern philosophers of India. Giani Zail Singh, former President of India
ดังนั้น แนวคิดที่ รร. นำมาใช้ เป็นแนวคิดทางจิตวิทยา ไม่ใช่ลัทธิ อะไรที่แปลกประหลาด (ถึงจะมีกิจกรรม โยคะ เพลง บาบานัม ที่คนทั่วไปอาจจะไม่คุ้นเคย ก็แค่ไม่เคยเจอ ชิมิ) แค่เราอาจจะไม่คุ้น แนวคิดของ P.R. Sarkar บางมุม ก็จะคล้ายๆ กับ Maslow ซึ่ง มองลึกถึงความต้องการของมนุษย์ ในแง่ของ ร่างกาย จิตใจ จิตวิญญาณ และสติปัญญา มีการพูดถึง Self Relization /Self Concept เชื่อมโยงกับความเป็นมนุษย์ ของคนอยู่มากกว่าแนวคิดจิตวิทยาอื่นๆ
ทำไมถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาลึกขนาดนี้ นั่นก็เพราะว่า จากการเรียนรู้กับครูขวัญ ทำให้เห็นว่า เรื่องเหล่านี้ สำคัญมาก กับการเติบโตของเด็ก ช่วยสร้างคนให้เป็นมนุษย์ ไม่ว่าคุณจะ รวยล้นฟ้า ประสบความสำเร็จมากแค่ไหน ตราบเท่าที่ state of mind คุณอยู่ใน เลเวลล่างๆ คุณจะใช้ชีวิตอยู่ยาก
นักการเมืองที่คดโกง บางคน รวยมากแล้ว สภาวะการรับรู้ อยู่ในเลเวลล่างสุด รู้สึกขาดแคลนตลอดเวลา จนต้อง ฉกฉวยโอกาส หาผลประโยชน์ ความรวยไม่ได้ช่วยให้จิตใจสูงส่งขึ้นมา
คนบางคน ทำทุกวิถีทาง เพื่อประสบความสำเร็จ และให้ได้รับการยอมรับ คุณอยู่เลเวล love and belonging
ถามว่า โรงเรียนทั่วไป สอนเด็กด้วยวิธีไหน เรากำลังสอนให้คนคนนึงเติบโตมา อยู่ในเลเวลไหนของกราฟนี้ แข่งขัน เอาชนะ ตามโลกให้ทัน ก้าวล่ำนำคนอื่น เพื่อที่จะได้ไม่ลำบาก เพื่อที่จะเป็นคนดี เป็นคนดีแล้วไง? เพื่อที่จะเอาตัวรอด เพื่อที่จะมีความสุข แค่ตัวเองมีความสุขเท่านั้นหรือ เกิดมาเพื่อที่จะตายจากโลกนี้ไป เรียนๆให้จบๆ ทำงาน แต่งงาน มีลูก เลี้ยงลูก แก่ เจ็บ ตาย จบ (ใช่ บางทีชีวิตมันก็มีแค่นี้แหละ!)
ส่วนตัวคิดว่า อยากให้ลูกเติบโตมาในแบบที่ มีความมั่นใจ ยอมรับนับถือตัวเองและผู้อื่น แบ่งปัน เมตตา มองเห็นความแตกต่างหลากหลายในมนุษย์ คือ แม่งยากมากค่ะ บ่องตง เพราะ ลูกจะเป็นแบบที่คุณเป็น ไม่ใช่แบบที่คุณสอน ดังนั้น พ่อแม่ สิ่งแวดล้อม จะต้องเกื้อหนุนทั้งหมด
การเป็นเช่นนี้ ถึงแม้ไม่ได้การันตีว่าเขาจะประสบความสำเร็จแบบที่โลกให้นิยามความสำเร็จ ว่าคือ เกียรติยศ ชื่อเสียงเสมอไป แต่ มันบ่งบอกถึงความสุข ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ การใช้ชีวิตแบบมีแรงบันดาลใจ สร้างคุณค่าให้ผู้คนอีกมากมาย (ดิชั้นหวังสูงไปไม๊....ไม่อะ คิดว่า ทำได้)
การให้คุณค่ากับจิตใจ จึงมีส่วนสำคัญ โครงสร้างทางจิตใจที่ P.R Sarkar ว่าไว้นั้น (อ้างอิงจากบทความของ ร.ศ.ด.ร.เกียรติวรรณ) คือ จิต ประกอบด้วย จิตสำนึก จิตใต้สำนึก จิตเหนือสำนึก
จิตที่ทรงพลัง และสร้างสรรค์ คือ จิตเหนือสำนึก ซึ่ง จะทำงานที่สภาวะคลื่นสมองต่ำ (คลื่นอัลฟา)
การที่เราความเชื่อแบบนี้ แล้ว โรงเรียนก็เชื่อแบบนี้ สอดคล้องกัน
มาดูกัน ว่ารร. จะดูแล ร่างกาย จิตสำนึก จิตใต้สำนึก แะจิตเหนือสำนึกเด็กๆ ยังไง
สิ่งสำคัญที่มองเห็น และปลื้มโรงเรียนนี้ คือ เป็นโรงเรียนที่มีความหวัง ลงมือทำมายี่สิบกว่าปี แม้เป็นเพียงจุดเล็กๆ สร้างคนเล็กๆ แต่ก็ยังทำด้วยความหวัง หวังว่าคนเหล่านี้ จะออกไปขับเคลื่อนและสร้างการเปลี่ยนแปลงให้ครอบครัว ชุมชน และประเทศชาติ
เป้าหมายของโรงเรียน เอาจริงๆ นะ พอได้อ่านปุ๊บ รู้สึกว่า นี่ มันสัมผัสได้ ถึงบางสิ่งบางอย่างที่มาจากแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ล้วนๆ
เช่น มุ่งการสร้างคนในทุกด้านนอกจากวิชาการ สร้างนักกีฬา เพราะเชื่อว่ากีฬาเป็นพื้นฐานนำไปสู่การพัฒนาในทุกด้าน และนำไปสู่การเป็นคนที่สมบูรณ์ มุ่งสร้าง"ผู้บริหารประเทศ" รุ่นใหม่ ที่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม มากกว่าส่วนตัว ซื้อสัตย์
ชอบอะ statement ที่บอกผลลัพธ์และเป้าหมายชัดเจน มันเขียนมาจากความต้องการจริงๆ ในการขับเคลื่อนองค์กร ที่จะนำไปสู่วิธีการ (อย่างไรบ้างเดี๋ยวเรามาดูกันต่อๆ ไปนะฮะ)
มันไม่ใช่ statement เลิศหรู ของโรงเรียน(รัฐบาล) ที่ทำมาสวยๆ แปะข้างฝา
มันไม่ใช่เป้าหมายที่ใช้คำเลือนลอย เปิดกว้าง ไม่เห็นผล และวัดผลไม่ได้ เช่น มีคณธรรม(แค่ไหน) มีระเบียบมีความรับผิดชอบ ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตามเกณฑ์มาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน
มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์(แค่ไหนเรียกว่าพึงประสงค์ พึงประสงค์ของใคร ครู นักเรียน พ่อแม่ สังคม) ตามสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน(จริงหรอ แล้วมีเกรด จัดห้องเด็กเก่งไม่เก่งทำไมอะ จัดลำดับเด็กทำไม )
เป็นผู้นำด้านความรู้และดำรงชีวิตตามแนวปรัชญา
เศรษฐกิจพอเพียง
ได้อย่างเป็นสุข
(แค่ไหนเรียกสุข สุขแล้วไงต่อ เป็นผู้นำ นำใคร นำไปทำไม)
นี่คือ ความแตกต่าง
แนวคิดของโรงเรียน คือ เน้นพลังด้านบวก โยคะ ทำสมาธิ สร้างความภาคภูมิใจในตัวเอง ทำวิชาการเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย
พลังด้านบวก จะช่วยป้อนสิ่งดีๆ ลงไปที่จิตใต้สำนึก สร้างความภาภูมิใจในตัวเอง ผ่านการใช้ภาษาเชิงบวกของครู ซึ่งสำคัญมากๆ "ใช้หลักมนุษยนิยมซึ่งยกย่องมนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกัน คุณครูจึงไม่ได้มองว่านักเรียนเป็นเพียงเด็กตัวเล็กๆ ที่ไม่มีความหมาย เรายึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง มีหน้าที่ทำการเรียนการสอนที่ยากให้ง่าย รวบรัด และสนุก เพราะถ้าสอนแล้วเด็กไม่เข้าใจ ถือเป็นความผิดของผู้สอน" อ.เกียรติวรรณ ว่าไว้
โยคะ ช่วยสมดุลร่างกาย และฝึกสมาธิ และเล่นเทนนิส ฝึกกล้ามเนื้อ การเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่ว รวดเร็วว่องไว
อาหาร การกิน รร. มีแนวทางชัดเจน เรื่องการดูแลสุขภาพและความปลอดภัยเด็กๆ กินอาหารจากโรงครัว ไม่ได้มีร้านค้ามาขายใน รร. วัตถุดิบมาจากไร่อมาตยกุล ที่วังน้อย อ.ตั๋ง ปฏิบัติตัวตามแนวที่สอนเด็กๆ และผู้ปกครอง เช่น การกิน raw food ไม่กินสัตว์ใหญ่ (หรือถ้าเป็นไปได้ แกจะแนะนำให้กินสัตว์ที่ สปีชีส์ ห่างไกลจากคนมากที่สุด เช่น ปลา สัตว์ใหญ่ที่กิน ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ ไก่ เนื้อหมู เนื้อวัว สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ไม่ควรกิน)
การทำสมาธิ ช่วยสมดุลจิตใจ เมื่อคลื่นสมองต่ำ จิตเหนือสำนึกจะทำงานได้ดี
สิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งที่ รร.อมาตกุล ให้ความสำคัญมาก คือบุคลากร
ครูกบบอกว่า ครูที่ดี มีคุณภาพหายากมาก ปีนึง มีคนมาสมัครครูเป็นพันคน มีเพียง 20 คนเท่านั้น ที่ทำเลขป.6 ได้ถูกต้องหมด มีเพียง 20 คนเท่านั้น ที่เขียนภาษาอังกฤษระดับ ป.6 ไม่ผิดเลย
การทำให้บุคคลากรเข้าใจวิธีการ และปรับตัว จึงเป็นเรื่องไม่ง่ายอีกเช่นกัน
หลักปฏิบัติของคุณครู รร.นี้ น่ายกย่องมาก คือ ไม่จำเป็นต้องเป็นครู เป็นใครๆ ลองเปลี่ยนบริบท เป็นพ่อแม่ เจ้านาย ดู ถ้าคุณทำแบบนี้ได้ ยอดเยี่ยมที่สุด ดิชั้นถือว่า เป็นภาวะผู้นำ ขั้นสูงมาก ตามแบบอย่างในหลวงไม่มีผิด แล้วถ้าเด็กๆ มีครูที่เป็นตัวอย่างให้นักเรียนในทุกด้านได้แบบนี้ จะดีสักแค่ไหนอะ???
ครูใจดี แต่ เด็กเชื่อฟัง
ครูยิ้มเป็นกันเอง แต่ เด็กเกรงใจ
ครูเก่ง แต่ อัตตาต่ำ
เก็บค่าเทอมถูก แต่ เป็นโรงเรียนที่ดีที่สุด
มาทำงานน้อย แต่ ประสิทธิภาพสูง
ซื้อน้อย แต่ มีของใช้เพียงพอ
สอบแบบง่ายๆ แต่ เด็กเก่ง
ประชุมภาษาง่ายๆ แต่ ได้เรื่องราว
เรียนสบายๆ แต่ เข้ามหาวิทยาลัยได้ทุกคน
วางกฏระเบียบน้อย แต่ เด็กมีระเบียบดี
แปลสิ่งที่เป็นเป้าหมายออกมาเป็นรูปธรรมง่ายๆ ว่า คนเก่ง ดี และมีความสุข แบบอมาตยกุล เป็นยังไง
เช่น เรียนรู้ได้ด้วยตนเอง
พูดจาดี ชื่นชมผู้อื่น ปฏิเสธเป็น << ชอบมากอะ
ประหยัดพอเพียง รักษาของใช้
ให้อภัย ให้ความร่วมมือ
อ่านข่าว ติดตามเรื่องราวรอบตัว ขับรถในเลน ข้ามถนนจอดรถ ถูกที่
วิชาการยอดเยี่ยม
ความร่วมมือจากผู้ปกครอง
ถ้ามีเหตุการณ์ปะทะกัน คุณครูจะจัดการด้วยวิธีการเฉพาะ พ่อแม่ที่จะเข้ากับ nature รร. แบบนี้ ได้ อย่างน้อยๆ ก็ ต้องไม่นอยด์เวอร์ ไม่หลับหูหลับตาเข้าข้างลูกตัวเอง ลูกฉันถูกเสมอ
สกปรกไม่ได้ อดทนไม่ได้ เก๊าะ สวนทางกะ รร.
การให้ความร่วมมือกับโรงเรียน คุณครูจะเน้นย้ำ เรื่อง ระเบียบวินัย ของพ่อแม่และการอบรมสั่งสอนจากที่บ้าน พอๆ กับเด็ก เช่น การมาโรงเรียนให้ตรงเวลา การทำการบ้าน การสอนให้เด็กระมัดระวังตนเอง ปีนป่าย วิ่ง ควรระวังตัวเอง เนื่องจาก รร.มีบุคลากรจำนวนจำกัด ถึงแม้จะพยายามอย่างที่สุด เพื่อระมัดระวังสวัสดิภาพของเด็กๆ แต่อุบัติเหตุ มีโอกาสเกิดขึ้นได้เสมอ เราต้องสอนลูกให้ดูแลตัวเอง
ประหยัดพอเพียง ยกตัวอย่าง คุณครูบอกว่า ค่าเทอมรวมสมุดหนังสือแล้ว 1 ชุด ถ้าสมุดยังไม่หมด คุณครูจะยังไม่อนุญาตให้ซื้อใหม่ ต้องเอาสมุดเก่ามาโชว์ให้ดู ว่าเหลือกี่หน้าจึงจะอนุญาตให้ซื้อใหม่ได้
ในแง่ของสังคม อย่างที่บอก เป็น รร. ที่คิดค่าเทอมต่ำมาก เพื่อช่วยสนุบสนุนสังคม ผูกมิตรกับชุมชนรอบข้าง ช่วยเหลือเด็กในชุมชนแวดล้อม
ในเชิง มหภาคระดับ ประเทศ สิ่งที่โรงเรียนทำ (จากที่ครูกบ อ.ตั๋งเล่า)
คืนเงินค่าหนังสือที่ปีๆ นึงจะได้รับจากกระทรวง เพื่อให้รัฐนำไปใช้ประโยชน์ ส่งต่อให้กับโรงเรียนที่มีความจำเป็นมากกว่า
Tablet ที่รับมาร้อยกว่าเครื่อง เป็นภาระที่ต้องดูแล ซ่อมบำรุง เพราะเสีย ใช้การไม่ได้ ส่งซ่อมกว่า 95% โรงเรียนจึงขอผู้ปกครองว่า ขอไม่รับ tablet เนื่องจากเป็น ภาระ มากกว่าจะได้ใช้ประโยชน์
ด้วยเหตุทั้งหมดทั้งมวลแล้ว เลยคิดว่า รร.นี้ คิดนอกกรอบ ทำนอกกรอบ และทำจริงจัง บริหารจัดการครบทุกมิติ ในแง่ของการผลิตบุคคลากรที่มีคุณภาพให้ประเทศ ในแง่ของการส่งเสริมสังคม และการปฏิรูปการศึกษาให้ประเทศไทย
เชื่อในสิ่งเดียวกับที่เราเชื่อ ไม่มีข้อโต้แย้งในทางทฤษฎี ทางปฏิบัติ เก๊าะ รอดูกันต่อไป พุ่งนี้เปิดเทอมแล่วววววว....
เด็กมิวจะเป็นยังไง จะมารายงานให้แซ่บบบ