ทางเลือกของเด็กที่มาจากความต้องการ
เปิดโอกาสให้เด็กมีทางเลือกนั้น สำคัญไฉน
เมื่อสัปดาห์ก่อนค่ะ ไปฟังสัมมนา เกี่ยวกับ Nonviolent Communication การสื่อสารอย่างสันติ สำหรับ parenting โดยคุณ Roxy Manning มา มีหลายอย่างน่าสนใจมากก (จนคิดว่า เขียนครั้งเดียวไม่จบ และต้องไปศึกษา ฝึกฝนเพิ่มเติมอีกมาก)
พบว่า การสื่อสาร เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่ยากมากกกกกกกที่สุดในบรรดาทั้งหลายทั้งปวง ยากรองลงมาจากการเอาชนะอัตตาในตัวเอง เพราะการสื่อสารที่เข้าถึงใจผู้ฟังนั้น เราต้องลดอัตตาตัวเองลงมา รู้จักแยกแยะ และไม่ตัดสิน
มีใครบ้างไม่เคยปริ๊ดดแตกใส่ลูก........ไม่มี
มีใครไม่เคยบังคับ หรือสั่งลูกให้ทำโน่นนี่นั่นบ้าง....ไม่มี แล้วเวลาลูกอิดออด ไม่ทำตามคำสั่ง เป็นไง......แม่รมณ์เสีย
มีใครบ้างไม๊ พอเห็นลูกทำพฤติกรรมอย่างนึง เราก็คิดไปล่วงหน้าแล้วว่า มันต้องเป็นแบบนี้ๆ แน่ๆ....ปากไว ดุไปก่อนเลย แล้วก็มานึกเสียใจทีหลัง
มีใครเป็นแบบเราบ้าง เหมือนจะให้ทางเลือกกับลูกแต่จริงๆแล้วตัวเองมีทางเลือกในใจไว้แล้ว ถึงจะให้ลูกเลือกระหว่าง A และ B แต่ถ้าลูกเลือก B เราก็จะตื้อลูก จนลูกเปลี่ยนใจ หลายครั้งที่เราถามมิวว่า..มิวมิว จะกินอะไร...กินอันนี้ หรืออันนั้น...พอมิวเลือก เราก็จะบอกว่า มิวกินอันนั้นบ่อยแล้วอะ กินอันนี้เถอะ นะ นะ นะ นะ แม่อยากกิน เธอก็จะยังคงยืนยันว่า เธอจะกินอันที่เธอเลือก สถาณการณ์พาไป ก็จะขึ้นกับว่า วันนั้นแม่รมณ์ดีหรือเปล่า
ใน NVC บอกว่า การให้ทางเลือกกับเด็ก เป็นการฝึกฝนให้เค้าเติบโต เป็นตัวของตัวเอง ถึงแม้บางครั้งทางเลือก อาจจะไมใช่สิ่งที่พ่อแม่ต้องการ แต่ พ่อแม่ ควรเรียนรู้ความต้องการของลูก และของตัวเอง จับความรู้สึกของตัวเอง และคาดเดาความรู้สึกและความต้องการของลูก และทบทวนความรู้สึกของลูก เพื่อที่จะหา "ข้อตกลง" ระหว่างกัน
ความสัมพันธ์ของเราจะเชื่อมโยงกันได้มากขึ้น ต่อเมื่อ เราสามารถสื่อสารถึงความรู้สึกและความต้องการของอีกฝ่ายได้ โดยที่ เราสร้างสมดุลของความต้องการ ไม่ใช่เป็นแค่เพียงการสอบสนองความต้องการของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพียงอย่างเดียว
ในที่นี้ เมื่อเราพูดถึงความต้องการ หรือ Needs และ ความรู้สึก Feelings เป็นเรื่องไม่ง่ายเลยทีเดียว เป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝนด้วย "สติ" ลองมองย้อนกลับไปถึงกระบวนการแสดงออกแบบง่ายๆ การกระทำ>ความรู้สึก>Needs (ลึกว่านั้น Needs ต่างๆ ที่ผลักดันให้คนแสดงความรู้สึกแบบไหนออกมา อันไหนจะส่งผลมากน้อย ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแต่ละบุคคล จิตใต้สำนึก และอื่นๆ)
Needs ในที่นี้ หมายถึง ความต้องการขึ้นพื้นฐานที่ มนุษย์"ทุกคน" ต้องการ เช่น ความรัก ความเอาใจใส่ ความปลอดภัย ความสนุกสนาน ความชัดเจน ความเห็นอกเห็นใจ การให้กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ความสงบสุข การเรียนรู้ อิสรภาพ การช่วยเหลือ ความซื่อสัตย์ ความไว้ใจ ความอบอุ่น การรับฟัง การพักผ่อน การแสดงความยินดี และอื่นๆ ความรู้สึก เช่น ระแวง ประหม่า ละอาย กังวล หงุดหงิดเป็นห่วง เซ็ง ผิดหวัง แปลกใจ ไม่มั่นคง ท้อแท้ สนุก ตลก ซาบซึ้ง สดชื่น พอใจ กระปรี้กระเปร่า มีกำลังใจ
ดังนั้น ก่อนที่เราจะออกคำสั่งใดๆ กับลูก แล้วถ้าเขาไม่ทำ แล้วเราหงุดหงิด โมโห เสียใจ ขัดใจ ให้ลองมองย้อนกลับไปว่า เรารู้สึกแบบนั้นๆ เพราะอะไร เรามี Needs อะไร เราจึงรู้สึกแบบนั้น แล้วในขณะเดียวกัน ลองคาดเดาดูว่า ลูกเรากำลังรู้สึกอะไร เขาต้องการอะไร หลีกเลี่ยงการตัดสินลงไปว่า...ที่มันเป็นแบบนี้ๆๆ เพราะอย่างนี้แน่เลย ใช่แล้ว มันต้องขี้เกียจแน่ๆ เลยไม่ยอมทำ มันต้องอยากยั่วโมโหเราแน่ๆ เลยทำแบบนี้
การคาดเดาความรู้สึกของลูก เริ่มจาก การเชื่อมโยงความรู้สึกกับลูก ค้นหาว่าน่าจะมาจากความต้องการอะไร โดยใช้บริบทรอบๆ "เดา" สิ่งที่เขาต้องการ แบบไม่ตัดสิน และ เช็คกับลูกว่า น่าจะใช่แบบนี้หรือเปล่า
Guess>Ask>Understand>Trust>Connect
การที่เราพยายามเข้าใจความต้องการของลูก และลองเช็คกับลูกดูว่า เขาต้องการอะไรนั้น จะเหมือนเป็นการสอนให้เด็กดูแลเอาใจใส่ความต้องการของตัวเอง รับรู้ว่าเขามีความต้องการเกิดขึ้นนะ แม่รับรู้ได้จากความรู้สึกและการกระทำที่หนูแสดงออกมา เพราะแม่ต้องการเชื่อมโยงกับหนู แล้วสอนให้เขาลองมองเข้าไปในจิตใจตัวเองค้นหามัน ว่าคืออะไร เพื่อตอกย้ำว่า เขายังมีทางเลือกอยู่เสมอนะ การกระทำเหล่านี้ เป็นการแสดงความรักและเมตตา ช่วยให้เรามีสติระลึกว่า ทั้งเราและลูกรู้สึกอะไร เพราะอะไร ต้องการอะไร จะช่วยชะลอ อาการปรี๊ดแตกได้ในเบื้องต้น ส่งผลถึงพฤติกรรมที่เราจะแสดงออกมา เมื่อเราเปลี่ยนท่าทีที่แสดงออก แน่นอนว่า ลูกเราก็จะเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน
แต่ก็ไม่เสมอไป ที่เวลาเราถามเด็กว่ารู้สุกอย่างไร เพราะอะไร แล้วคาดหวังว่าเขาจะตอบได้ในทันที เพราะมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องใช้เวลา และความเชื่อใจอย่างมาก...ลองคิดดู ผู้ใหญ่ด้วยกันเองเวลามีอะไรไม่พอใจกัน...พอถามว่า โกรธไม๊...ป๊าววว.... หรือว่า ทำอะไรให้ไม่พอใจกัน เขาก็ไม่เลือกวิธีที่จะแสดงความรู้สึกกันซึ่งๆ หน้า ไม่เอากุไปนินทา ก็ด่ากุลับหลังเนี่ยล่ะ อะไรประมาณนั้น
การให้ทางเลือกกับเด็ก โดยให้ทางเลือกนั้นเชื่อมโยงกับความต้องการของเด็กเอง โดยเค้าจะไม่รู้สึกว่าโดนออกคำสั่ง โดนบังคับ เป็นการกระทำที่เชื่อมโยงกับความรู้สึก ความต้องการตัวเองอย่างแท้จริง จะเป็นสิ่งที่ยั่งยืนมากที่สุด... ถ้าเราออกคำสั่งให้ลูกเป็นคนดี เพราะต้องเป็นคนดี เพราะสังคมต้องการคนดี เพราะคนอื่นจะได้มองว่าดี เพราะเราอยากให้ลูกเป็นคนดี เราออกคำสั่งให้ลูกทำแบบนี้ แบบนั้น เพื่อเป็นเด็กดี เป็นคนดี
ลองคิดดูว่า เราจะได้ เด็กดี ได้คนดี เพราะอะไร เพราะอยากให้พ่อแม่รัก ให้คนรอบข้างรัก...ลองคิดดูว่า ถ้าหากเมื่อไหร่ เขาไม่ได้ความรักตอบ เมื่อนั้น เขาจะสามารถดำรงความเป็นคนดีได้อยู่หรือไม่
ถ้าลูกเราอยากเป็นเด็กดี เพราะเค้าอยากเป็นเด็กดี จะต้องทำอย่างไร....
ยากใช่ไม๊ล่ะ
Create Date : 13 มีนาคม 2556 |
Last Update : 14 มีนาคม 2556 0:16:29 น. |
|
1 comments
|
Counter : 910 Pageviews. |
|
|
ชอบประโยคนี้ค่ะ
การให้ทางเลือกกับเด็ก โดยให้ทางเลือกนั้นเชื่อมโยงกับความต้องการของเด็กเอง โดยเค้าจะไม่รู้สึกว่าโดนออกคำสั่ง โดนบังคับ เป็นการกระทำที่เชื่อมโยงกับความรู้สึก ความต้องการตัวเองอย่างแท้จริง จะเป็นสิ่งที่ยั่งยืนมากที่สุด