กุ๊ดจัง
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]




ไม่มีสาระ...จริงๆ นะ..

แต่ถ้าหลวมตัวมาแล้ว จะแอบอ่านก้อไม่ว่ากัน ถ้ารับแนวเถื่อนนิดๆ ถ่อยหน่อยๆ แต่จริงใจได้ ^_^

คิดถึง ถูกใจ ก้อเจิมกันสักนิดนุง แต่ถ้าไม่ถูกใจ มาทางไหนเชิญกลับไปทางนั้น ไม่ต้องเม้นไว้ให้เปลืองมือนะ ฮ่าๆๆ
HighStudio

สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์
บทความ โดย littlemiumiu.com อนุญาตให้ใช้ได้ตาม สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ต้นฉบับ.
อยู่บนพื้นฐานของงานที่ www.littlemiumiu.com.
การอนุญาตนอกเหนือจากที่ระบุไว้ในสัญญาอนุญาตนี้ อาจมีอยู่ที่ www.littlemiumiu.com
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2558
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
1 สิงหาคม 2558
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add กุ๊ดจัง's blog to your web]
Links
 

 

5 สิ่งที่ได้เรียนรู้จาก Startup Weekend

แรกเริ่มเดิมที่ ต้องบอกว่า ไม่ได้มีความสนใจ เรื่อง  startup สักเท่าไหร่นัก.....(ถึงจะทำงานมาสาย ดิจิตอลจ๋าก็ตาม) 

หลังจากได้ลองทำ Backpackbuddy ขึ้นมาจากช่องว่างทางการตลาด จากทีแรกมองเห็นว่า มันมีทางเป็นไปได้ ลองทำดูสนุกๆ ผลปรากฏว่า ตลาดตอบรับดีพอสมควร  

วันนึงก็มองเห็นทาง scale จนทะลุปรุโปร่งว่า เฮ้ย...ถ้า Scale แบบนี้ มันน่าเป็นไปได้ว่ะ แต่คือ ใช้เงินมหาศาล + ทีม dev + business partner มากมาย.... ก็เก็บไอเดียเอาไว้ รอเนื้อคู่ แป่บ 

วันนึงเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน Event Startup Weekend Travel Edition ลอยเข้ามาบนไทม์ไลน์...คือ ไม่รู้อะไรเลย แต่อ่านดู เอ๊ะ มันน่าจะตรงกะเรานะ  แล้วเค้าทำไรกันฟะ...คือ ไม่รู้อะไรเลย.....ผ่านไปจนเค้าจะปิดรับสมัครนั่นแหละ เพิ่งจะ ดำริว่า...เอาวะ ลองไปดู 

ขั้นตอนเบื้องต้นที่ คุณมี่ Techsauce (ต้องขอบคุณมากๆ เลยฮับ) อธิบายให้ฟังคร่าวๆ ว่า น่าจะตรงกับสิ่งที่เรากำลังมองหาอยู่  ก่อนอื่น เสียเงินสมัคร จากนั้น ไปร่วม Event  ถ้าเรามาจากสาย business ก็ เอาไอเดียตัวเองไป pitch ถ้าหากไอเดียผ่านการโหวตจะมีการฟอร์มทีม ทำ prototype ในช่วง 3 วัน  แต่ถ้าตกกระป๋อง ก็ไปรวมกลุ่มกับคนอื่น ทำไอเดียคนอื่นแทน...
ตอนฟังก็ยังงงๆว่า... หืมม เสียเงิน เอาไอเดียไป pitch แต่ถ้าไอเดียไม่ผ่าน ต้องนั่งคิดงานให้คนอื่น 3 วันฟรีๆ แถมเสียเงินอีก คืออะรัยย.....(คือไม่ได้รู้อะไรมาก่อนล่วงหน้าอย่างแร๊ง...ฮ่า......แต่เอาวะ ลองดู)

อีกวัตถุประสงค์ที่ไปงานนี้ คือ สิ่งนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับคนทำงานภาคสังคม เพราะเกิดการ collaborate กันหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น developer / designer /business / expert ด้านนั้นๆ  ถ้าเอา หัวใจของ event  มาลองปรับกับงาน น่าจะดี 

เป็น 3 วัน (จริงๆ คือ คืนศุกร์ ส - อา ทั้งวันทั้งคืน) ที่ต้องบอกว่า คุ้มค่ามากกับเวลาที่ใช้ไป ถ้าจะให้พูด นี่เป็น การใช้เวลาเสาร์อาทิตย์ที่หักโหม แต่สนุก เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ความคิดสร้างสรรค์ การทำงานเป็นทีมที่สุดยอดมาก รองลงมาจาก Landmark forum 3 วันแล้ว อันนี้ เป็น memorable weekend หนึ่งที่เรียนรู้อะไรใหม่ๆ และ มองเห็นว่า หนทางข้างหน้าอีกยาวไกล  แต่มีทางไปถึงแน่ๆ 

แนะนำเลยค่ะ ถ้าใครว่างๆ มีไอเดียในการทำธุรกิจ (ถ้าหากมีหัวข้อที่จัดตรงกับหัวข้อที่เราสนใจ) ลองไปดู แต่ เมื่อคุณมาร่วมแล้ว เตรียมตัวให้พร้อมที่จะ contribute ให้กับทีมด้วย ไม่ใช่เข้าไปตักตวงอย่างเดียว
พี่ๆ น้องๆ  designer /developer จะมือเก่า มือใหม่ ถ้าอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศ สร้างสีสันให้ชีวิตตัวเอง ลองทำงานท้าทาย เจอคนใหม่ๆ ทำงานกับทีมที่ไม่คุ้น เพื่อพัฒนาทักษะด้านต่างๆ ไม่ว่าจะการสื่อสาร การแบ่งงาน การทำงานในระยะเวลาจำกัด มันทำให้เราพัฒนาฝีมือไปอีกขั้นเลยล่ะ ยังไม่นับว่า จะได้ทำงานร่วมกับคนภาค business ที่มีประสบการณ์ ณ วันนึงถ้าเราอยากผันตัวจาก designer/dev มาลอง startup ธุรกิจของตัวเอง สิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์กับคุณมากๆ 
คนที่เก่งแล้ว มีประสบการณ์เยอะแล้ว คุณก็จะได้ลองมาทำโจทย์ใหม่ๆ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ไปพร้อมกับเด็กๆ สอนน้องๆ ไปด้วย  
ใครที่รักดราม่า ไม่ชอบออกจาก comfort zone อาจจะไม่ค่อยปลื้ม เพราะการทำงานกับคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอ อาจจะเกิดการกระทบกระทั่งกันได้ 

เอ้า เข้าเรื่อง

5 สิ่งที่เราได้เรียนรู้จาก startup weekend 

1. [CONCEPT] รู้จัก Start up มากขึ้น

นิยามของ Startup มีหลายคนที่พยายามนิยามเอาไว้ มีความคล้ายกันบ้าง แตกต่างกันบ้าง ในบล็อคนี้ รวบรวมไว้หลายแนวพร้อมที่มาที่ไป ดีค่ะ 
https://rathpanyowat.wordpress.com/2013/09/09/proper-definition-of-a-startup/

Eric Ries - Lean Startup 

“A Startup is a human institution designed to create a new product or service under conditions of extreme uncertainty.”

อะไรที่ uncertainty มีความเสี่ยง ล้มลุกคลุกคลาน ไม่แน่นอน ไม่ได้มีระเบียบแบบแผนเป๊ะๆ แบบ ordinary บริษัททั่วไป  startup  มีการทำ  prototype, ทำ market validation สินค้า และวิธีการ monitize ไม่ได้มีรูปแบบที่ตายตัวเช่น ขายกาแฟ ขายครีมแก้ฝ้าหน้าขาว แบบนี้ ไม่จัดเป็น startup ในนิยามของ Eric Ries

Dave McClure จาก 500 Startups

A ‘startup’ is a company that is confused about —

What its product is,

Who its customers are.

How to make money.

As soon as it figures out all 3 things, it ceases to be a startup and then becomes a real business.

Steve Blank

A startup is a temporary organization used to search for a repeatable and scalable business model.

Thumbsup.in.th
"startup company หรือบริษัทเกิดใหม่ มักจะเป็นคำที่ใช้เรียกบริษัททางด้านเทคโนโลยีใน Silicon Valley ที่สหรัฐอเมริกา ที่ต่อมาก็มีคนเรียกบริษัทแนวนี้ไปทั่วโลก โดยนักลงทุนจะสนใจลงทุนในบริษัทเหล่านี้ด้วยการพิจารณาดูจากอัตราการเติบโตของบริษัท ประวัติการทำงาน ความเป็นไปได้ในการประสบความสำเร็จ ความสามารถในขยายให้เติบโตทำกำไรได้ "

ตามไปอ่านอื่นๆเพิ่มเติม ที่มีคนพูดถึงเอาไว้ มีฝรั่งถกเถียงกันว่า มันคืออะไร 

//wilas.chamlertwat.in.th/what-is-startup/

//www.quora.com/What-is-the-proper-definition-of-a-startup?srid=pz2z&share=1


พอฟังนิยามของ Startup จริงๆ แล้ว...ทำให้คิดว่า เอ๊ะ...Steve Blank พูดถึง "a repeatable and scalable business model"  นี่มันก็ เป็นส่วนหนึ่งของ Social Enterprise นี่นะ...ในขณะที่ ธุรกิจเพื่อสังคม ตั้งต้นจากความต้องการในการจะแก้ไขปัญหาสังคม   ถ้าเป็นไปได้ เราจะมองกันไปถึง การ Scale เพื่อขยายผล  
SE ในช่วงเริ่มต้น (เรียกว่า SE-Startup ละกัน)จะทำงานเพื่อ ระบุปัญหาสังคมที่ตัวเองกำลังจะทำอย่างลึกซึ้ง (ในขณะที่ Startup ทั่วไป ค้นหาความต้องการของลูกค้า หรือ pain point ใน business อย่างลึกซึ้งเช่นกัน ) และทำไปพร้อมๆ กับปั้น Business Model ค้นหาช่องทางของลูกค้า กลุ่มเป้าหมาย สินค้าและบริการ มองหาช่องทางที่จะขยายและทำซ้ำได้มาก  สำหรับ SE แล้ว ยิ่งเราขยายก็เท่ากับว่า เราแก้ไปปัญหาสังคมได้มากขึ้นๆ นั่นเอง 

แต่ถ้าเราแบ่ง startup กันด้วยคำว่า เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี หรือทำเทคโนโลยี เข้ามาใช้ SE ที่เพิ่งเริ่มต้น และไม่สามารถใช้เทคโนโลยี เข้ามาแก้ไขปัญหาสังคม ก็อาจจะไม่เข้าข่าย Startup นะ (เวทีประกวดทั้งหลาย ที่เปิดรับ เราก็อาจจะดูไม่เข้าข่ายกันไป) 

งั้น ถ้าจะเอาให้พอเห็นภาพ มันก็อาจจะเป็นอะไรประมาณนี้....(จากความเข้าใจตัวเองล้วนๆ ในความเป็นจริง นิยามมันก็ดิ้นไปมา และ มีความคาบเกี่ยว อย่าเสียเวลา กับนิยามให้มากเลย) 

ถ้ามะไหร่ที่องค์กร ขยับขึ้นมา ไม่ temporary แล้ว หาโมเดลชัดๆ เรื่องสินค้า และบริการ กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ได้แล้ว Steve/Dave ไม่ได้เรียกว่า startup น่ะ 

ในรูปนี้ บางคนอาจจะคิดว่า งั้น SE ที่เพิ่งเริ่มทำ (ในที่นี้ ไม่ได้พูดถึง SE ที่มีโมเดลชัดเจนแล้วนะฮะ) ก็เป็น startup ดิ...อาจจะใช่ หรือไม่ใช่ก็ได้ แล้วแต่ว่า นิยามใคร ยังไง...เอาเป็นว่า เราหยิบ วิธีการทำงานและแนวคิดแบบ Startup มาใช้กับ SE เราให้เป็นประโยชน์กันดีกว่า จะใช่หรือไม่ใช่ ช่างแม่มเถอะนะ เคร๊?? 

เครื่องมือและแนวคิด ของ Startup ฝั่ง Business มีเยอะแยะมากมายที่เป็นประโยชน์ เพราะทั้ง SE-Startup/Tech-Startup ทั่วไป ต่างก็ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน uncertainty มากมาย 

ไว้จะเขียนถึงเครื่องมือที่ได้มาจาก startup weekend อีกทีนะฮะ....จริงๆ ก็มี publish ทั่วไปแหละ แต่เดี๋ยวไว้รวบรวมอัพบล็อคไว้อีกที 

2. [IDEA STATE] ปัญหาเดียวกัน  วิธีการต่างกัน บางทีก็ใครทางมัน เพราะเป้าหมายเราต่างกัน

พบว่า ในตลาดจริงๆ แล้ว pain point นี้ของลูกค้า จุดนี้ที่เราเห็น ไม่ใช่มีเราที่เห็นคนเดียว ดังนั้น solution จึงมีออกมาล้านแปด... การได้ไปงาน SWBKK  ทำให้เห็นแนวคิดที่แตกต่างของหลายๆ คนในการพยายามจะแก้ไขปัญหา เรื่องเดียวกันกับเรา บางไอเดียคล้าย บางไอเดียต่าง 

การที่ คนชอบไปเที่ยวต้องมาเสียเวลานั่งทำ travel plan หรือการทำ itinerary มันมีทางออกใดบ้าง (คือ คิดว่า 30-40% ที่ pitch  play around idea เกี่ยวกับ travel plan ทั้งนั้น) 
หลายคน พยายามเอาไอเดียตัวเองไปขาย ให้คนที่ทำคล้ายๆ กัน เพื่อที่ จะได้รวมกลุ่มกันทำ
หรือ เราจะทำอะไรด้วยกันได้บ้าง..รวมกันยังไงได้บ้าง
แต่บางครั้งพบว่า มันรวมกันไม่ได้  อาจจะเพราะว่า....
ไอเดียแต่ละคนมันชัดเจนมากๆ จนยากจะรวมกัน
ไอเดียกูเจ๋งนะ ยังไงกูก็จะทำอันนี้แหละ 
มันยังไม่ใช่ซะทีเดียว 
หรืออีกที...มองเห็นจุดอ่อนของ วิธีการคนอื่น และคิดว่า รวมกัน กูก็ไม่รอด มึงก็ไม่รอดแน่ๆ ฮ่า......
และอื่นๆ อีกมากมาย...

ทำให้เราได้เห็น ว่า เป้าหมายที่อาจจะเหมือน หรือคล้ายกัน คลอดวิธีการออกมาหลายสิบวิธี  
แต่การจะรวมเป้าหมายกัน ปรับวิธีการ มันประกอบด้วยหลายปัจจัย สิ่งที่ทำให้เราตัดสินใจ จะเปลี่ยนปรับมันหรือไม่ โดยมาก จะเป็นเรื่อง Attitude และแนวคิดในการทำงานร่วมกัน

3. [PITCHING & CHOOSE TEAM] ถึงจะมั่นใจว่าไอเดียกูเจ๋งมาก และทำได้จริง....แต่ว่า.....
เข้าใจว่าหลายๆ คนที่เข้ามาในงานนี้ ก็คิดแบบนี้เหมือนกันแหละ.....แต่ว่า แล้วไง?? ถึงไอเดียจะเจ๋ง(คิดอยู่คนเดียว 5555)  ทำได้จริง แต่มันมีปัจจัยอื่นอีกล่ะ
- คนอื่น เค้าเอาด้วยป่าว
- มันทำได้ใน 3 วันไหม
- ไอเดียอื่น wow  กว่า และถึกน้อยกว่า คนที่เข้ามารวมถึงเราเอง ก็ตื่นเต้นไปกับไอเดียใหม่ๆ ยิ่งคนเก่งๆ ก็อยากจะได้ลองทำอะไรที่ท้าทาย ที่สำคัญคือ ไอเดียนั้นมันดู สนุก!! 
- personal skill ในการโน้มน้าวคน  , presentation skill 

ก่อนจะเริ่ม pitch จริง เราเอาไอเดียไปเล่าให้หลายๆๆ คนฟัง ก็มีคนเห็นด้วย มีคนเดินมาบอกว่า ขออยู่กลุ่มพี่ละกัน อยากทำด้วย ไอเดียเจ๋งดี...นับๆ แล้วรวมกันได้ 3-4 คน...อ๊ะ..ฟอร์มทีมได้แล้วนี่หว่า มีโอกาสจะได้ลองทำ prototye ดู  เอาเข้าจริง....ไอเดียที่เข้ามา pitch มีเยอะมากกกกก ผู้คนที่บอกว่าจะทำงานกับคุณ ถึงจะโหวตคุณกี่คะแนนก็ตาม แต่ตอนฟอร์มทีม เขาอาจจะเดินไปทำกับทีมอื่น จร้าาา....ชีวิตไม่มีไรแน่นอน

อย่างทีมเราเป็นต้น...(อิ  backpackbuddy นี่ ตกกระป๋องไปตั้งแต่ตอน pitch/vote รอบแรกละนะ) 
เราเลยเลือกอยู่ทีม  Homecook   ไอเดียนี้ เป็นไอเดียนี่คนโหวตเยอะมากๆ ได้คะแนนเยอะติด 1 ใน  3  คือดูแล้วยังไงก็น่าจะเข้ารอบ  รวมรวมอาหาร Homemade / Mom Cook / Authentic experience with locals.   ให้นักท่องเที่ยว จอง ผ่าน เว็บ / app  ลองคิดภาพว่า ถ้า scale ไปญี่ปุ่น ยุโรป ไรงี้ดิ ฟินน...

ตอนฟอร์มทีม ก็มีลังเลนิดนึง เพราะ ใจนึง อยากไปลองทำอันที่มีไอเดียคล้ายกับ Backpackbuddy แต่สุดท้ายคิดว่า ไอเดีย Backpackbuddy ที่เราอยากทำ มันชัดเจนมาก จนไม่อยากไปลองทำไอเดียอื่นที่คล้ายกัน  นึกออกมะ (จริงๆ อาจจะมีประโยชน์ก็ได้ แต่คือ อีโก้ล้วนๆ รอดูตอนจบดีกว่า ว่าจะออกมายังไง มันไม่ตื่นเต้น) โมเม้นต์นั้น ต้องการลองของใหม่  ตอนฟอร์มทีมจริงๆ เราเลย "เลือกคน มากกว่าไอเดีย"

4.[UNCERTAINTY] โลกแห่งความจริง สถาณการณ์พลิกผันได้เสมอ 

จากไอเดียที่คนโหวตเยอะๆ พอฟอร์มทีมจริงๆ เหลืออยู่ 4 คน..
เป็นทีมลูกเมียน้อยมั่กๆ ถึงจะมีคนโหวตให้เยอะ ไม่ได้แปลว่า คุณจะมีทีม!!  และถึงจะมีทีม ก็ไม่ได้แปลว่า คุณจะมีคนที่มีสกีลครบ

สมาชิกในทีม มี พี่อิง (จิงๆ เด็กกว่าเราแต่เนียนเรียกพี่..กร๊ากกก) UX designer ที่ลาออกมาจาก Amazon หมาดๆ
Paul - Business guy & angle investor 
Julien - เพิ่งลาออกจาก Seedstars บ. ที่ลงทุนในธุรกิจดาวรุ่งพุ่งแรง ของสวิสเซอร์แลนด์
ละก็ เรานี่แหละ 
ฮึ่ย โปรไฟล์แต่ละคน....แซ่บมะล่ะ 

 Homecook เป็นกลุ่มที่ มีคนน้อยที่สุด ทีมอื่นมีเกือบสิบ และ ทีมนี้ ขาด Developer จ้า...ชวนใครก็ไม่มีใครมา ในขณะที่หลายกลุ่ม มี Dev 2-4 คน T_T

ด้วยความอ่อนด้อยประสบการณ์ เราก็คิดว่า เอ้ย 4 คน ทำได้ มี Designer  แล้ว ทำ mockup ได้แล้วนี่...ส่วน web ก็ worst case  คือ เราทำ wordpress นี่แหละวะ (ไม่รู้ตัวสินะ ว่าทำ  4 คนที่มันหายนะมากๆ)  พี่อิงก็นึกได้ว่า..เอ้ย ลืมน้องเปิ้ล มะกี้มาขออยู่กลุ่มด้วย หายไปไหนละวะ...555555  พี่อิงเลยบอก เดี๋ยวพี่ไปตามหาน้องแผลบ....

ไปเจรจาพักนึก ปรากฏว่า น้องเปิ้ล ไปอยู่กลุ่มที่ทำ Flea market price check ไว้ให้ฝรั่งที่มาเที่ยว เช็คราคา กลุ่มนั้น มี 7 คน นำทีมโดย Nanah เจ้าของไอเดีย  แต่ ขาด Designer สถาณการณ์วิกฤตพอกัน  ฮ่า... 

พี่อิงเลยกลับมาปรึกษาทีท พร้อมกับขอความเห็นว่า เราจะเอายังไงดี ทีมนั้น อยาก trade resource แลก  desigher กับ dev. ให้ไปช่วยเค้าทำ เค้ามาช่วยเราทำ หรือว่า จะรวมกลุ่ม รวมไอเดียกันยังไงดี เราลองไปฟังไอเดียเค้าดูกันไหม ณ ตอนนั้น คือ พี่อิง ใจมาก....homecook เป็นไอเดีย ตัวเอง ที่ pitch มา ฟอร์มทีมแล้ว แต่ ก็ยัง ปรับตามสถาณการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ตอนนั้น แล้วเอาเข้าจริงๆ ตามรูปการณ์ ต่อให้โหวตทีมเราไป คนน้อยกว่า 4:6 ไงก็แพ้ปะ

แล้วสองทีมก็ใช้เวลา นั่งคุยกัน เอาไอเดีย ของทั้งสองทีม มาบอกเล่าสู่กันฟังใหม่อีกรอบ (เหมือน pitch กันเองเล็กๆ)  เพื่อจะโหวต ว่า เราจะเลือกไอเดียอันเดียว หรือจะยืนยันว่า จะทำของตัวเองต่อไป แบบขาดแคลนทรัพยากร 

paul ช่วยวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในการ ทำงานบนทั้ง 2 โจทย์ในระยะเวลา 3 วันว่า อันไหนมีความเป็นไปได้ที่จะออกมาเป็นรูปร่าง และ เมื่อเป็นธุรกิจ จะ monetize ได้เลย  invest  ทรัพยากรน้อยกว่า 

ซึ่งเอาจริงๆ คือ ใจเราอยากทำ ไอเดียที่เราเลือกมานี่แหละ ภาวนาว่า ไม่อยากรวมกลุ่ม ถึงรวมก็ไม่อยากทำไอเดีย เช็คราคาตลาดนัด ไม่ใช่เพราะไอเดียไม่ดีนะ แต่ส่วนตัวคือ เป็นคนไม่ชอบต่อราคาของ ถ้ามันไม่เหลือบ่ากว่าแรง เหมือนจะโดนหลอกอะไรแบบนั้น.... พอใจก็ซื้อ  ต่อราคามันน่าหงุดหงิด สงสารแม่ค้า เลยไม่อยากทำ

จากบทวิเคราะห์ของ  paul ก็จริง ตอนโหวต ทุกคนยังสามารถเลือกได้อย่างอิสระ...แน่นอนว่า ทีมเรา เลือก Homecook กันเหมือนเดิม  แต่ทีม Flea market น้องๆ หลายคน ยกมือให้ homecook ทำให้สถาณการณ์พลิกผัน  อีกรอบ .....ช่างเหมือนชีวิตจริงซะนี่กระไร  5555555  สรุปว่าสองทีมรวมกัน เป็น 10 คน เยอะสุดเลยจ้า.....(กรรมการก็คอมเม้นว่า กลุ่มนี้ ทำไมคนเยอะจัง เยอะไปไม๊...แต่คือ มันเยอะแบบไม่ได้ตั้งใจ......รวมกันเราอยู่ แยกกันเราตาย อะไรประมาณนี้ กร๊ากกก) 

Nanah เจ้าของไอเดีย Flea market ก็น่ารักดีงามมาก คือ เปิดรับฟังความคิดเห็นของทุกคนจริงๆ ทั้งๆที่ถ้าเป็นเรา คงอยากเห็นไอเดียตัวเองได้ลองทำเป็นรูปเป็นร่างออกมา 


5. [TEAMWORK is EVERYTHING]   ทีมดี มีชัยไปกว่าครึ่ง 
อย่างที่เล่าให้ฟังใน ข้อ 4. จะเห็นว่า เราเป็นทีมที่มารวมกันโดยบังเอิญ ไม่ได้ คิดเหมือนกันมาตั้งแต่แรก มีความแตกต่าง ทั้งภาษา อายุ ประสบการณ์ 
แต่ในระหว่างเวลาที่ทำงาน หามรุ่งหามค่ำ ทุกคนทำกันเต็ม 100..... (คือ ถึงไม่มีปัญญาจะช่วย แต่ก็ส่งใจให้คนนั่งทำเกิน 100 ใช่มะ....ฮ่า)

คืนวันศุกร์ เลิกประชุมแยกย้ายกันกลับบ้านนั่นก็ ตีสองกว่า หลังจากพวกเรา นั่งลงดีเทล Business Model Canvas  น้องๆ ก็แยกย้ายกันกลับ พอลนั่งหาข้อมูลตลาด  พี่อิง นั่งทำ design app ต่อ เพราะ จะได้เอา mockup ไป ทำ market validation ในวันรุ่งขึ้น 


เช้าวันเสาร์ Paul ช่วยล้างขี้ตาพวกเรา ด้วย ข้อมูลวิเคราะห์ตลาดที่หามาได้  TAM SAM SOM กันแต่เช้า และพบว่า...คู่แข่งเพียบเลยจ้า หลายสิบเจ้า เจ้าที่ใหญ่สุดนี่คือ กินอาณาบริเวณ ไป 450 cities  เหมือนเราเป๊ะ.... มีคนคิดล่วงหน้าไปเพียบบบบ.... กลางวัน วันเสาร์ ไปจนถึงตี 3 เป็นหนทางวิบาก ที่เราจะต้องหาทาง differentiate product/service เราในตลาดให้ได้....ถอยหลังไม่ได้ เพราะ mock up มาไกลเกินกว่าจะถอยละ....

เราแบ่งทีมกัน โดย paul+julien เอา mock-up ออกไปทำ market validation /survey  กลุ่มเป้าหมาย ที่เป็นชาวต่างชาติ มาเที่ยวเมืองไทย ไล่ถามคนที่เจอ เกี่ยวกับสินค้าและบริการของเรา

ทีมสาวๆ 4 คน ช่วยกัน survey บริษัททัวร์ Inbound ไล่โทรไปจนเกือบหมด เท่าที่จะโทรได้ เพื่อสอบถาม ข้อมูลและความสนใจผลิตภัณฑ์เรา

ทีม Designer+Dev นำทีมโดยพี่อิง 4 ชีวิต นั่งปั่น prototype กันไป

คืนวันเสาร์ เราเอาข้อมูลมารวมกัน และวิเคราะห์ ทำ STP + Stretegy กรุบกริบ ยันวันอาทิตย์นั่นแหละ ในระหว่างนี้ บทสนทนา brain storm + Tools ต่างๆที่ ยกมาใช้ customer aquisition /financial forcast ไม่ใช่แค่ ที่ อ.ในคลาส MBA สอน มันคือ เคสจริงๆ สถาณการณ์จริงๆ ปัญหาจริงๆ เป็นบทเรียนที่มีค่า และสนุกมาก(พร้อมกับความมึน เบลอ ง่วง ที่คอย distract ตลอดเวลา) 



แม้กระทั่ง การทำ powerpoint จะเอาแผ่นไหนเข้า แผ่นไหนออก พูดอะไรยังไง  เพื่อจะ pitch idea ใน 5 นาที อะไรเป็นสาระสำคัญ เราจะใส่อะไรลงไป  ก็ได้เรียนรู้มากมาย....

ทีมโคช มาแนะนำตัว ว่าใครถนัดด้านไหน เราสามารถไปลงเวลา เลือกว่า จะนัดหมายโคชคนไหน ที่ มีความสามารถตรงกับธุรกิจที่เรากำลังจะทำ เพื่อขอคำปรึกษา 


ตอนทีมเราเข้าไปปรึกษา คือ บุกขึ้นไปที่ห้อง coach (ทีมอื่นเค้าอยู่กันด้านล่าง)  มี staff นั่งในนั้นประมาณ 10 คนทุกคนหันมาฟัง และผลัดกันตั้งคำถาม ทำให้เรามองเห็น จุดต่างๆ ที่เป็นจุดบอด ของธุรกิจตัวเอง  กลับไปลองตั้งเป็นโจทย์และหาทางอุดรูรั่วให้ได้....ในห้องที่เราเข้าไป 1 ในนั้นมี กรรมการที่ตัดสิน นั่งอยู่ด้วย  ในคืนวันอาทิตย์...กรรมการจาก amadeus ไม่พูดอะไรมาก ชมอย่างเดียว เพราะจุดที่ทีม แก้ไข ตอบคำถาม ได้ปรับตามคำแนะนำของเค้านั่นเอง 

ณ จุดนี้ อีกสิ่งที่เราได้เรียนรู้คือ Coach แต่ละคน บางทีก็ให้คำแนะนำไม่เหมือนกัน ต่างกันไปคนละทาง จากประสบการณ์และมุมมองของเค้า รวมถึง ความตั้งใจของเราในการดำเนินธุรกิจด้วยว่าอยากไปทางไหน  เราเป็นคนเลือกเอง 

การรับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน เป็นอีกอย่างที่เราจะได้เรียนรู้ ทั้งวิธีการโน้มนาว ให้ทีมยอมรับความคิดเห็นเรา และ การรับฟัง ยอมรับความเห็นของคนอื่น หากไม่สามารถผ่านจุดนี้ไปได้ งานจะไม่สามารถออกมาได้ดีเลย มีแต่จะขุ่นข้องหมองใจกัน ทำงานติดๆขัดๆ 

ตอนนี้ เลยเข้าใจว่า สิ่งที่เราคาดหวังจาก SWBKK ไม่ใช่ แค่ การเอาไอเดียเรามา pitch แล้วได้เห็นมันขึ้นมาเป็น prototype เท่านั้น แต่ ถึงแม้คุณจะทำเป็นไอเดียอะไรก็ตาม....มันอยู่ที่ หนทาง และทีมที่คุณทำต่างหาก  การเรียนรู้ ในระหว่างทาง และการนำความรู้ที่มี มาใช้ให้เข้ากับสถาณการณ์ สำคัญมาก   ต่อให้ไอเดียดีมาก ทีมห่วย ก็ไปไม่รอด 

คือ รู้สึกโชคดีมาก ที่ได้อยู่กลุ่มนี้ 

ในขณะที่ทีมอื่น คร่ำเคร่งกัน...ทีมนี้ เริงร่า ขอถ่ายรูปหมู่แผบ 

สุดท้าย นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ของทุกคน บนเส้นทาง startup Good luck everyone  ^__^






 

Create Date : 01 สิงหาคม 2558
0 comments
Last Update : 3 สิงหาคม 2558 11:50:15 น.
Counter : 3166 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.