จากนางงามมิตรภาพ กลายเป็นนางเอกเจ้าน้ำตา
ช่วงนี้อากาศเริ่มร้อนนนนนนน...แม่ก็หงุดหงิดง่าย ลูกก็งี่เง่า....เหอะๆๆๆๆ
ตั้งแต่ไปบ้านครูบัวมา ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2
ครั้งแรก กลับมา อย่างที่บอกว่าเจ้ามิวมิว มีอาการ กลัวแม่หาย ติดแม่เวอร์มากกก..ชนิดว่าเดินไปไหน จะต้องเดินตามเป็นเงา หันหลังให้แทบจะไม่ได้เลย ถ้าซนๆเพลินๆ อยู่ แล้วเราบอก เลิกซนได้แล้วแม่จะไปแล้วนะ..เจ้านี่จะรีบแจ้นมา อ้าแขนชูให้อุ้มเลย
ล่าสุด...วันเสาร์ที่ผ่านมา เอาไปปล่อยไว้ 2 ชม. แบบไม่ได้เตรียมพร้อมเท่าไหร่ เพราะทีแรกคิดว่า จะให้แม่เข้าไปเรียนด้วยได้ แต่แล้ว คุณครูให้แม่ๆ ออกมารอด้านนอก...เจ้ามิวมิววันนี้ นอนน้อยอีกตามเคย เพราะตื่นเช้า แถมขับรถมากะแม่สองคนไม่ได้กินนมหลังจากตื่นนอนเลย รับรอง หงิกกกก......
เราเลยเอาไปปล่อยไว้หลังบ้านกะข้าวสวย ให้เล่นตรงสนามหญ้าหลอกล่อด้วยกระต่ายแล้วรีบเผ่นแน่บออกมา เห็นได้ชัดว่ามีอาการหวาดระแวง ไม่มั่นตงในสายตา มีแม่ขวัญคอยเป็นสปายให้เป็นระยะๆ ก็ไม่แคล้วร้องไห้ไม่เป็นอันได้ทำอะไรอีกเหมือนเดิม แถมสปายบอกว่า ต้องให้คุณพ่อน้องพู่ไหม(คนไหนกันล่ะนี่) อุ้มอยู่ตลอดเวลาถึงจะหยุดร้อง เหอะๆๆ แต่ถึงอย่างงั้นแล้ว คุณครูบอกว่า เด็กๆต้องเรียนรู้ที่จะห่างแม่ รู่ว่าแม่ไม่ได้ทิ้ง เดี๋ยวก็กลับมารับ และไว้ใจคนอื่นบ้าง เช่นคุณครู และเรียนรู้ที่จะฟังคำสั่ง
กลับมาบ้าน......คุณลูกก็เลยนอยด์ กลัวแม่หาย เหมือนจะหนักกว่าเก่า ไม่รู้ลูกใครเป็นบ้าง เวลาโดนเอาไปปล่อยไว้แบบนี้ ติดแม่มากกกขึ้น ไม่เอาใครเลย แม้แต่ยาย จากที่แต่ก่อนเคยฝากยายไว้ได้ทั้งวัน หรือสักแป๊บ อุ้มพาไปเล่นห้องยายแล้วแม่ได้มาอาบน้ำทำโน่นนี่..พอหายเหนื่อยก็ไปรับกลับมา
เวลาทำอะไรอยู่ ใกล้ๆ แม่ พอแม่เดินหันหลังออกมา ก็แหกปากร้องไห้เป็นวักเป็นเวร ไม่ว่าจะเล่นอะไรอยู่ ก็ทะลึ่งพรวดเลยถ้าเห็นแม่ลุก หรือหันหลัง รีบมานัวเนียเกาะขา เหมือนแมว
สถาณการณ์ปวดกะบาลที่บ้านจะประมาณนี้(นอกจากปวดหัวกับลูกแล้ว บุคคลที่ 3 เช่นคุณยายก็ทำให้ปวดหนักขึ้นทวีคูณ)
แม่พามิวมิวไปเล่นห้องยาย กะจะฝากสักแผบ ถ้าเป็นแต่ก่อนเจ้ามิวมิวจะชอบเพราะได้รื้อได้ค้นโน่นนี่นั่น แต่แค่เราหันหลังก้าวขาเดินออกมาจากห้องยาย...เจ้ามิวมิวรีบเดินตามมา..พลางแหกปากร้องไห้...อ้าแขนให้อุ้ม แต่เรา ไม่อยากอุ้ม..เพราะ เดินไปใกล้ๆนี่เอง ห้องเรากะห้องยายตรงข้ามกัน ห่างกันสัก 4-5 เมตรได้ เราเลยบอกมิวมิวว่า..ให้เดินตามแม่มานะ..ไม่ต้องร้องไห้ เดินมาเองนิดเดียว แล้วเดินนำมา ระยะห่าง 2 ก้าว มาหยุดรอครึ่งทาง
มิวมิวก็เดินมาเกาะขา..จะให้อุ้ม แต่เราไม่อุ้ม...เดินนำมาเปิดประตูห้อง แล้วบอก เดินมาหาแม่มามะ
มิวมิวทรุดตัวลงนั่งร้องไห้ ทำท่าเสียใจมากกกกกกก.........เอาหน้าฟุบไปกะพื้น
เราก็บอกว่า...ไม่เห็นเป็นไรเลย ใกล้แค่นี้เอง เดินมาเองก็ได้ ไม่ต้องอุ้มหรอก ลุกขึ้นแล้วเดินมาหาแม่มา..มานอนกินนมกัน (เหมือนจะใจร้ายปล่อยให้ลูกร้องไห้ แต่เราอยากรู้ว่าเค้าจะฟังไหม แกล้งร้องไหม แล้วมันจะอะไรกันนักกันหนา...เพราะมีบางที มิวมิวก็หยุดร้องและเดินตามมา ถ้าหากมีอะไรน่าสนุกรออยู่ เช่น แม่เรียกให้เดินตามมารื้อตู้เย็น จากที่นอนทำท่านางเอกอยู่ ก็หยุดร้องปลิดทิ้ง ลุกเดินจ้ำมา หม่ำ หม่ำ หม่ำ พลางป่วนสำรวจตู้เย็นแบบเมามันส์)
ปรากฎว่า นางเอกยังคงเสียใจมากกกกกกกกก....นั่งร้องไห้ ทรุดลงไปกองกับพื้น อาการเรียกร้องความสนใจแบบนี้เพิ่งเป็นมากๆ ช่วง 2 อาทิตย์นี้แหละ เฮ้ออออออออ
ยายได้ยิน เลยเปิดประตูมา...เนี่ยๆๆ อย่าปล่อยให้ลูกร้องไห้สิ เดี๋ยวกลายเป็นเด็กอารมณ์ไม่ดี..พูดครั้งที่ล้านแปด ทุกครั้งเวลาเห็นมิวมิวร้องไห้.(อิแม่จะบ้าตาย จะพูดอะไรกันบ่อยๆ จะไม่ให้ร้องไห้เลยหรือไง) ว่าแล้ว คุณยายก็ก้มลงไปโอ๋ อุ้มเจ้ามิวมิวขึ้นมา โอ๋อย่างงั้น อย่างนี้ พาเดินมา 3 ก้าว มาส่งไว้ในห้องเรา..(ซะงั้น)
เราเลยเดินนำมิวมิวมาที่เตียง ให้เดินตามมาอีก..มานอนกินนมกัน
นางเอกยังไม่เลิกเล่นบทโศกครับท่าน ไร้สาเหตุมาก ออกอาการงี่เง่า
เดินผ่านหน้าพ่อไป ตุ้มตะตุ้มตุ้ย หนีห่างเราไปอีกมุมนึงของห้อง ทรุดตัวลงไปนอนร้องไห้..กระซิกๆ เศร้ามากกกกกกกกกกกก ร้องไม่หยุด...ทำหน้าเศร้าที่สุด เราก็นั่งรอ และเรียกให้เดินมานอนบนเตียง เดินแค่นิดเดียวเอง มามะ บลาๆๆ เปิดนมโชว์ อะไรก็ว่ากันไป
จนเราปล่อยไว้นานสักพัก แต่ไม่นานมาก นางเอกยังคงเข้ามุมอยู่ นอนทิ้งตัวไร้กระดูก สุดท้าย แม่ยอมแพ้ ก็ต้องลุกเดินไปอุ้มมาอยู่ดี
1-2 วันนี้ อาการนางเอกกำเริบบ่อยมากก..ไม่พอใจอะไร แหกปากกกก....ร้องไห้ เศร้า..โซแซดดดด นี่มัน...เหมือนอาการเด็กสัก 2-3 ขวบที่ไม่พอใจอะไรลงไปดินกะแด่วๆ กะพื้นห้างนี่นา...เหวอออออ
สงสัย และมีคำถามในใจ แม่ที่ไม่เคยมีลูกงี่เง่า เอะอะๆ ก็แหกปากร้อง
อาการนี้...เข้าข่ายเรียกร้องความสนใจปะ...(สงสัยเพราะแม่เอาไปปล่อยไว้ เลยคิดว่าแม่ไม่รักอะไรแบบนี้ เลยต้องการชดเชยด้วยอะไรสักอย่าง)
การเอาเด็ก อายุ 1 ขวบครึ่งไปส่งไว้ในคลาสตามลำพัง 2 ชม. (โดยที่พ่อแม่ คุณครู ไม่สามารถรู้ได้ว่า เด็กแต่ละคนมีที่มาต่างๆ กันจะพร้อมที่จะรับมือสถารการณ์แบบนี้หรือไม่ พร้อมแค่ไหน ) จริงๆ แล้วเค้าโตพอที่จะพรากจากพ่อแม่เป็นระยะเวลาสั้นๆ หรือยัง ทีแรก เราคิดว่า ลูกเราน่าจะ handle อะไรแบบนี้ได้ เพราะเป็นเด็กอารมณ์ดีมาตลอดตั้งแต่เกิด น้อยมากกที่จะงอแง แต่ไปๆมาๆ ดันหนักกว่าชาวบ้านซะนี่
แล้วไอ่อาการเล่นบทโศกจนแม่ประสาทจะแดกนี่ จะหายไปเองหลังจากเค้าปรับตัวได้ หรือ...มันจะอยู่ไปเรื่อยๆ แล้วยิ่งถ้าเราตอบสนองเค้าผิดทาง คงจะยิ่งไปกันใหญ่
แล้ว....เวลาลูกเศร้าโศกเสียใจ เวลาแม่เดินหันหลังให้ หรือแม่ไม่อุ้ม แล้วลงไปนอนกองกะพื้นแบบนี้....เราควรจะแก้ไขสถาณการณ์ยังไง ก) เข้าไปอุ้ม โอ๋ ปลอบ รับรองแผบเดียว หยุดร้อง ข) พูดปลอบไปเรื่อยๆ แต่ยังยืนยันให้เค้าเดินเอง ทำอะไรเอง ไม่ใช่เกาะแม่เป็นลูกลิงแจ ค) พูดปลอบๆ ไป ถ้าไม่ได้ผลค่อยเข้าไปอุ้ม ง) แกล้งทำเป็นไม่สนใจซะเลย จะได้หยุดร้อง จ) แล้วถ้ามันไม่หยุดร้องล่ะ ฉ) อื่นๆ ช) ถูกทุกข้อ
พื้นฐานความมั่นคงทางอารมณ์และจิตใจของเด็กๆ อยู่ที่ไหน เกิดจากอะไร (คำตอบนางเอกว่าความรักจากพ่อแม่ไง ทำให้เด็กมีจิตใจที่มั่นคง ไม่เอา ใครๆ ก็รู้ บางคนปากบอกว่ารักลูก ใครๆ ก็รักลูก แต่รักด้วยวิธีไหน บางคนรักด้วยไม้เรียว รักด้วยการตามใจ รักด้วยการปรนเปรอวัตถุ)
การที่เด็กแต่ละคนจะไว้ใจใครอีกคนที่ไม่ใช่พ่อแม่ของเด็กแต่ละคน เค้าดูจากอะไร และใช้อะไรมาวัด ว่าคนนี้ไว้ใจได้ เด็กที่ปรับตัวยากๆ แบบนี้ ดี หรือไม่ดี ยังไง จะมีผลอะไรในอนาคต แล้วพ่อแม่จะฝึก-สอนเค้ายังไง
ยากวุ้ย........
เมื่อลูกท้าทายคุณเล่ม 1-2-3 ยังคงอยู่ในห่อพลาสติกอย่างงดงาม สงสัยต้องงัดออกมาอ่านซะแร้ว(มัวแต่ไปอ่านนิยาย การ์ตูน บ้าๆ บอๆ ซะนาน ฮิฮิฮิ)
เด็กไม่เหมือนคอมพิวเตอร์ที่เราจะโปรแกรมทุกอย่างลงไปอย่างที่เราต้องการ พื้นฐานนิสัยแต่ละคน คงถูกโปรแกรมล่วงหน้ามาตั้งแต่ก่อนจะเกิดมาบนโลกนี้ด้วยซ้ำ ต่อให้เราพร่ำสอน จะกระดานร้อยช่องหรือจะใช้ผ้าวิเศษมอนเตสเซอรี่ แต่ถ้าเรา react หรือสอนลูกผิดวิธีที่เค้าควรจะเป็น อะไรทั้งหลายที่สอนๆมา คงจะไม่ได้ผลอย่างที่เราอยากให้เป็น เด็กฉลาด เด็กเก่ง เด็กมีระเบียบ แต่....อยู่ร่วมกับใครก็ไม่ได้...ไม่มีใครรัก...
โง่ แต่มีความสุข มีคนรักเยอะๆ คงจะดีกว่า.....หรือเปล่า...
Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2552 |
|
16 comments |
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2552 2:46:30 น. |
Counter : 1399 Pageviews. |
|
|
|