คนที่เกิดมาพร้อมกับการคาบช้อนแพลตทินัมฝังเพชรนั้นช่างสุขใจเสียจริงๆ
มีพร้อมทุกอย่าง เกิดมาบนกระเป๋าแอร์เมส เบอร์กิ้น หลากสีกองโต
กินหูฉลามแทนข้าวเปล่า ทานไข่ปลาคาเวียร์เหมือนทานไข่ดาว
จิบน้ำแร่วันละ 6-8 แก้วแทนน้ำเปล่า
มีคนรับใช้ล้อมหน้าล้อมหลังเต็มไปหมด จะหยิบจะจับอะไรก็มีทาสรับใช้
มาคลานต่ำเข้ามาเทคแคร์
จะไปเที่ยวรอบโลกก็ First Class สถานเดียว
ล่าสุดก็จองตั๋วไปเที่ยวจกรวาลกับริชาร์ด เบ็นสัน
เรียกได้ว่าอยากได้อะไร สมความปรารถนาทั้งหมด ยกเว้นแค่เดือนกับดาว
ครั้งที่แล้วแอนพูดถึงคนบ้า Shopping ไปแล้ว
รอบนี้ขอ ขบกัด คนบ้าแบรนด์บ้างนะคะ
แอนจะค่อยๆขบไปทีละแบรนด์แล้วกันนะคะ วันนี้ขอเกริ่นก่อน
คนบ้าแบรนด์ อย่าเรียกว่าคนบ้าชอปปิ้งนะคะ 2 กลุ่มนี้ไม่เหมือนกัน
เพราะคนบ้าชอปปิ้งจะซื้อแหลก ซื้อทุกอย่างที่ขวางหน้า
แต่คนบ้าแบรนด์จะซื้อเฉพาะแบรนด์ที่เจ๋งเท่านั้นไม่ซื้อมั่วๆ
โรคนี้มักเกิดในผู้ชายได้เหมือนกัน
แต่ทั้ง2แบบคงมีผลกับตัวเลขเงินเก็บในบัญชีไม่แพ้กัน...
เคยสังเกตไหมคะ ว่าเวลาไปเดินห้างหรูพารากอนมักจะมีร้านอาหารที่เปิดโล่ง
มีโซฟาเก๋ๆให้นั่งแบบอยู่บ้าน เวลาสั่งอาหารอิตาเลียนมาก็กินโชว์ลูกค้า
ที่เดินผ่านไปผ่านมา แอนดูแล้วไม่เห็นมีความเป็นส่วนตัวเลย
แต่ลูกค้าบางคนชอบโชว์ ซื้อนาฬิการุ่นท๊อป ก็ใส่มาอวด
ซื้อแอร์เมส เบอร์กิ้นใหม่ก็หิ้วเดินโชว์ทั่วห้าง
ซื้อรถใหม่แมร่งก็ไม่ยอมถอดป้ายแดงออกเป็นเวลานาน เพื่อโชว์ว่าเป็นมือหนึ่ง
เป็นลักษณะปมด้อยทางจิตใจของเศรษฐีใหม่ที่เมื่อก่อนไม่มี
ลองสังเกตดูคนรวยมากๆหรือเศรษฐีเก่าแก่ มักจะใช้เงินอย่างประหยัด
และใช้เงินเป็น แต่เงินในบัญชีมีเงินเป็นร้อยล้านผิดกับเศรษฐีใหม่บางคน
ที่ไม่มีเงินเก็บเลย ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้มีเยอะมากในสังคมไทยและทั่วโลก
ใครใช้ Paul Smith , louisvuitton , Prada ....
(แค่ Paul Smith อย่างเดียวก็แบ่งออกเป็น 12 สายงานแล้ว)
แอนจะแวะมาขบเป็นระยะๆนะคะ
เล่ายังไงก็ไม่มีวันจบสิ้น เสมือน Apple หรือ สามก๊กยังไง ยังงั้น
ปล.แอนไปกระทบโดนใครเข้า ต้องกราบขออภัยไว้ณ ที่แห่งนี้ด้วยนะคะ
สำหรับวันนี้กราบสวัสดีค่ะ ^^