อินทนนท์ทริปนี้ ยังไม่จบ 5555555
ทริปนี้เป็นทริปสั้นๆที่รูปเยอะมากกกกกกกกกกกกกค่ะ เลยต้องแบ่งเป็นหลายๆ Blog 55555555 เราจะเริ่มวันที่ 2 ของทริปนี้แล้วนะคะ ..... เรากับเพื่อนตื่นกันตั้งแต่ตี 5 ค่ะ แล้วก็นั่งรถขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ กม.41 หน้ากิ่วแม่ปานค่ะ ...ตรงจุดนั้นเป็นอีกจุดนึงขอดอยอินทนนท์ที่นักท่องเที่ยวนิยมมารอดูพระอาทิตย์ขึ้น และทะเลหมอก ด้านหน้าของเราก็คือดอยหัวเสือค่ะ...แต่เรามองกี่ทีเราว่าไม่เหมือนหัวเสือเลย......เราว่าเหมือนหัวปลาโลมามากกว่า 55555....อากาศหนาวมากกกกกกก..แล้วเราเป็นคนขี้หนาวมากๆด้วยถึงกับต้องใส่เฟอร์กันเลยนะคะ..55555555 ..... บรรยากาศดีมากๆค่ะ พระอาทิตย์ลอยพ้นขอบฟ้าทำให้เราเห็นทะเลหมอกได้ชัดขึ้น แต่ปีนี้(53)พี่ๆที่ดอยบอกว่ายังไม่หนาวเท่าไหร่ ทะเลหมอกมันเลยมีไม่เยอะ พอถ่ายรูปกับพระอาทิตย์เสร็จแล้ว ก็ไปต่อที่พระธาตุค่ะ พระมหาธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ เป็นพระธาตุที่ทางกองทัพอากาศร่วมกับพสกนิกรชาวไทยทั่วประเทศ ร่วมใจสร้างถวายแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา เมื่อปีพุทธศักราช 2530 และเทิดพระเกียรติแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในมหามงคลสมัยที่ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2535 โดยรอบบริเวณพระมหาธาตุเจดีย์ทั้ง 2 องค์ สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของดอยอินทนนท์โดยรอบได้อย่างชัดเจน พระมหาธาตุทั้ง 2 องค์นี้ มีรูปทรงคล้ายคลึงกัน คือ มีฐานเป็นรูป 12 เหลี่ยม มีระเบียงแก้วโดยรอบเป็น 2 ระดับ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธรูปบูชา(จากเว็บของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์) อากาศดีมากกกกกกกกกกกก แล้วก็สวยมากกกกด้วยค่ะ จำไม่ได้ว่าเก็บค่าขึ้นคนละเท่าไหร่ ถ้าขึ้นไปช่วงเช้าๆก็จะเห็นทะเลหมอกด้วยนะคะ เราสามารถมองเห็นดอยหัวเสือจากพระธาตุได้เหมือนกัน แต่เราไม่แน่ใจว่าเค้าให้ขึ้นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นที่นี่รึเปล่า ถ้าให้ขึ้นมาได้นี่ ..... น่าอิจฉามากกก ..... เสร็จจากพระธาตุ เราก็ย้อนขึ้นไปยอดดอยอินทนนท์ "สูงสุดแดนสยาม" แต่ว่าไม่ได้ไปถ่ายรูปหรอกค่ะ เห็นคนแล้วท้อ ....... คนเยอะมากกกกกกกกกกกกกก เราเคยไปอินทนนท์รอบแรกตอนปลายเดือนกันยายน .. ไม่มีคนเลยค่ะ !!!! ป้ายนั้นเป็นของเรา ,, แต่พอช่วงท่องเที่ยว โหหห คนมาจากไหนเยอะแยะ !!! เลยขี้เกียจเบียดคนเข้าไปถ่าย ก็เดินเล่นไปเรื่อยๆ ถ่ายรูปเหมยขาบ (น้ำค้างแข็ง) ถ่ายวิว นู่น นั่น นี่ สนุกดี !!! จากนั้น ซักประมาณ 8 โมงกว่าๆ เราก็ย้อนกลับไปที่ กม.41 อีกรอบ ไปนั่งกินข้าว แล้วไปก็เดินสำรวจธรรมชาติที่ "กิ่วแม่ปาน" .... กิ่วแม่ปานนี่เป็นไฮไลท์ของทริปเราเลยก็ว่าได้ ,,, กิ่วแม่ปานเป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะสั้น เป็นวงรอบระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ตลอดเส้นทางเดินที่ผ่านแบ่งออกได้เป็น 4 ระยะ ช่วงแรกเป็นป่าดิบชื้นมีมอส และเฟิร์นขึ้นอยู่อย่างหนาแน่นตามลำต้นของไม้ใหญ่ที่แข่งขันกันเติบโตเพื่อรับแสงอาทิตย์ หลังจากผ่านดงทึบของป่าดิบเขา จึงเข้าสู่ช่วงของทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ที่คอยเปลี่ยนสีจากสีเขียวขจึในช่วงฤดูฝนสลับกับสีน้ำตาลอ่อนอย่างพรั่งพร้อมในช่วงฤดูแล้ง เห็นไอหมอกเมฆไหลมาอยู่เบื้องหน้าซึ่งคาดไม่ถึงเลยว่าจะอยู่หลังม่านอันหนาทึบ หากสังเกตดีๆ ตามทางเดินจะพบมูลหรือรอยขุดคุ้ยหาอาหารของสัตว์ป่า เมื่อเราออกเดินทางต่อจะพบกับต้นกุหลาบพันปีแดงขึ้นอยู่ตามหน้าผาเป็นดงกว้างจำนวนมากและมีขนาดใหญ่ จะพากันผลิดอกเบ่งบานในช่วงเดือนมกราคม - มีนาคม พันธุ์ไม้ชนิดนี้ถือเป็นลักษณะเด่นของเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปานแห่งนี้ แล้วจึงวกกลับเข้าสู่ป่าดิบเขาอีกครั้งหนึ่ง เป็นการเดินช่วงสุดท้าย จะต้องเดินลงสู่ลำห้วยแม่ปาน ที่ไหลลดเลี้ยวมาจากบริเวณที่ข้ามมาในช่วงต้น เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน สามารถวนรอบไปกลับในวันเดียว ตามหนทางจะผ่านไปสู่ป่าดงดิบริมธารน้ำ ขึ้นเนินผ่านป่าที่ห้อยระย้าด้วยมอส ฝอยลม ในยามหน้าฝนจะถูกปกคลุมด้วยหมอกขาวและอากาศที่หนาวเย็น สุดปลายทางที่ทุ่งหญ้าบนเนินที่ดารดาษด้วยดอกไม้ตามพื้น เช่น หนาดเขาสีขาวเป็นตุ่ม ๆ ส้มแปะ และดอกไม้ป่าสีเหลือง ม่วง ขาว อีกหลายชนิด เช่น บัวทองอินทนนท์ ไวโอเล็ต เป็นต้น (จากเว็ปของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์) ช่วงแรกที่เดินจะเหนื่อยมากกกกกกกกกกกกกกกค่ะ ขอย้ำว่าเหนื่อยมากกกกกกกกกกกกกก เพราะทางเดินเป็นทางชันตลอด เดินขึ้นเขาอ่ะค่ะ แล้วก็เป็นป่ามืดๆ ไม่โปร่ง ไม่โล่ง ...ใจจะขาด ... แต่พอเดินไปได้ซักพัก เหมือนหลุดมาอยู่อีกโลกนึงเลยค่ะ จากป่าทึบๆเมื่อกี้นี้ ออกมาเจอกับทิวเขา หน้าผา โปร่ง โล่ง ..... บอกตรงๆ โคตรงง !! อยู่ดีดีก็หลุดมาเจอหน้าผาเฉยเลย ! สวยมากค่ะ แลนด์มาร์คของกิ่วแม่ปานก็คือต้นไม้ที่ยืนต้นอยู่ต้นเดียว ... ตรงทางเชื่อมระหว่างป่าทึบกับหน้าผา .... ถ้าเห็นต้นนี้รู้เลยค่ะว่าคือ "กิ่วแม่ปาน" ช่วงที่เป็นหน้าผานี่ เวลาเดินหัวใจจะหล่นไปอยู่ตาตุ่ม !!!! ฝั่งซ้ายมือเป็นภูเข้า เป็นป่า แต่ฝั่งขวามือหน้าผาเปิดโล่ง !!!! ลองนึกภาพตามนะคะ ทางเดินแคบๆ ประมานฟุตกว่าๆ หันไปทางขวาเป็นหนาผาที่ไม่มีที่จับ ..... แม่เจ้า !! แทบตาย !!! เราถามพี่ที่เป็นไกด์ว่าทำไมถึงไม่ทำที่จับ มันอันตรายนะ พี่เค้าบอกมาว่าตั้งแต่เดินมาก็ยังไมใ่มีใครตกไปตายนะ -- ,,, ยังจะตลก !!! 555555 .. จริงๆคือเค้าไม่ต้องการให้มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปรบกวนธรรมชาติน่ะค่ะ ให้ทุกอย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด แต่ยอมรับว่าสวยมากจริงๆค่ะ เหมือนเราลอยได้เลย 5555555 ต้องลองนะคะ ... เฟี้ยว !!! ใน 1 ปี ที่กิ่วแม่ปานจะเปิดให้เข้าแค่ไม่กี่เดือนค่ะ คือช่วงประมาณเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคม เค้าต้องการฟื้นฟูป่า ยิ่งนักท่องเที่ยวมามากเท่าไหร่ ป่ายิ่งช้ำมากเท่านั้น คือป่าส่วนอื่นๆของอินทนทท์น่ะค่ะ ตอนนี้เริ่มไม่อุดมสมบูรณ์เหมือนแต่ก่อนแล้ว เค้าเลยต้องการให้ที่กิ่วแม่ปานยังคงความอุดมสมบูรณ์ไว้ ถ้าใครโชคดี ก็จะเห็นดอกกุหลาบพันปีด้วยนะคะ ... ดอกกุหลาบพันปี ถือเป็นพืชประจำถิ่นของที่นี่เลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ ก็ยังมีโอกาสได้เห็นกวางผาด้วยค่ะ !!! เราเห็นด้วยนะ แต่ว่าเห็นระยะไกลมากกกกกกกกกกกกกกกกกก ....... กล้องส่องทางไกลซูมสุดอ่ะค่ะ 555555 แล้วเวลาไปเดินที่นี่ ถ้าเป็นไปได้ ไม่ควรสูบบุหรี่ (มีคนสูบจริงๆนะคะ เห็นก้นบุหรี่เต็มเลย) ไม่ควรส่งเสียงดัง แล้วก็ไม่ควรไปเด็ดดอกไม้ หรือทำลายต้นไม้นะคะ ^^ เราใช้เวลาอยู่ในกิ่วแม่ปานประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ ซักประมาณ 11 โมงครึ่ง ฏ้นั่งรถกลับลงไปที่พัก ไปกินข้าว แล้วก็ไปน้ำตก ^^ .... แต่น่าเสียดายตรงที่เราไม่มีขาตั้งกล้องน่ะคะ่ ..... คือเราเป็นคนสั่งเพื่อนเองว่าไม่ต้องเอามาหรอก เกะกะ >.< ... มันยังด่าเราจนถึงทุกวันนี้อ่ะค่ะ !!! พี่เค้าพาเราแวะที่ดอยผาตั้งก่อน เราเคยมาที่นี่แล้วคั้งนึง มาปลูกป่า ....... แต่ว่าดอยผาตั้งเค้ายังไม่เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวอ่ะค่ะ หนทางก็ลำบากพอตัว แล้วก็ที่ดอยผาตั้งก็มีพระตำหนักอยู่ด้วย เกรงว่าจะไม่เหมาะสม เราก็ได้แ่ต่เลียบๆเคียงๆเมียงๆมองๆ 55555 วิวสวยดีค่ะ แล้วเราก็แวะไปต่อที่น้ำตกวชิรธาร .... อย่างที่บอกอ่ะค่ะว่าไม่มีขาตั้งกล้อง เลยโดนบ่นซะหูชาเลย !!! น้ำตกมันไม่ฟุ้ง ! เพื่อนเราบอกแบบนี้ -"- ... เสร็จจากน้ำตกวชิรธาร ก็ย้อนไปที่น้ำตกสิริธาร น้ำตกสิริธารอยู่ก่อนถึงทางเข้าน้ำตกวชิรธารนะคะ ไม่ไกลกันเท่าไหร่ แต่น้ำตกสิริธารจะไม่เปิดให้คนเล่น ให้เข้าไปดูเฉยๆ เพราะน้ำแรงมากแล้วก็เชี่ยวมาก .... แต่สวยมากกกกค่ะ ,,, น้ำตกสิริธารแห่งนี้ สมเด็จพระนางจ้าสิริกิตติ์พระบรมราชินีนาถ เป็นผู้พระราชทานนามให้ พระองค์เสด็จมาที่น้ำตก แล้วทรงพอพระทัย พระองค์เลยโปรดให้ใช้ชื่อว่าน้ำตก "สิริธาร" ..... สวยมากจริงๆนะคะ ^^ "เเดิมน้ำตกแห่งนี้มีชื่อว่า "น้ำตกป่าคา" ซึ่งเป็นน้ำตกที่ไหลมาจากลำน้ำแม่กลาง บริเวณเทือกเขาดอยอินทนนท์ และไหลลงสู่น้ำแม่ปิงที่อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2545 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เสด็จมาทอดพระเนตร ทรงพระราชทานนามน้ำตกว่า "น้ำตกสิริธาร" น้ำตกนี้อยู่ประมาณกิโลเมตรที่ 22 เป็นน้ำตกที่ไหลลงมาจากผาหินขนาดใหญ่มีความสูงของน้ำตกประมาณ 50 เมตรจากฐานไหลลดหลั่นกันลงมาเป็น 2 ชั้นต่อกันอย่างสวยงามมาก และมีปริมาณน้ำมากและไหลแรงตลอดทั้งปี สามารถได้ยินเสียงของน้ำตกในระยะไกล ความสูงจากระดับน้ำทะเลที่ประมาณ 870 เมตร และเปิดเป็นนักท่องเที่ยวใหม่เมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2545เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศนิยมมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เพื่อชมความสวยงามของน้ำตกที่ไหลลงมาจากผาหินขนาดใหญ่แล้ว ลำน้ำสายนี้ยังเป็นประโยชน์ต่อประชาชนที่อยู่บริเวณลุ่มน้ำแม่กลางและอำเภอจอมทอง ที่ใช้น้ำในการอุปโภค บริโภค และการเกษตร และยังเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำหลายชนิดเช่น กบ เขียด ปลาหลายชนิดและปลาที่หายาก เช่นปลาค้างคาว ซึ่งเป็นปลาที่ได้ชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Oreoglanis siamensis อันเป็นเกียรติ์แก่ประเทศไทยและคนไทยทุกคน" (จากเว็บของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์) จากนั้นก็ไปเที่ยวชมวิวต่างๆของดอยอินทนนท์อีกนิดหน่อยค่ะ แล้วก็กลับมาเก็บของ เตรียมตัวกลับบ้าน ............ เฮ้ออออออออออ เวลาความสุขหมดไปเร็วมากกกกกกกกกกกก เสียดายค่ะ ที่มีเวลาแค่ 2 วัน ..... ยังเที่ยวไม่ทั่วดอยเลย .... ประทับใจมาก ประทับใจทุกอย่าง ,, พี่ๆเจ้าหน้าที่ทุกคน ชาวบ้านบนดอย อากาศก็ดี บรรยากาศก็สวย ขอบคุณทุกๆคนมากๆนะคะที่ทำให้ทริปสั้นๆของ "ตาล" กับ "โบ้ท" จบลงด้วยความประทับใจและความสุขแบบนี้ ... ขอบคุณจริงๆค่ะ ........... เราสองคนสัญญาค่ะ ว่าจะกลับไปแน่นอน ไว้เจอกันโอกาสหน้านะคะ ,,, The Roof Of Siam +++++++ บรรยากาศตอนเช้ามืดของร้านค้าบริเวณ กม.41 หน้ากิ่วแม่ปาน พระอาทิตย์กำลังจะขึ้น ^^ .... ขอบอกว่าหนาวมากกกกกกกกกกกกก นักท่องเที่ยวที่มารอถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นเหมือนกับเรา ดอยหัวเสือที่เรามองยังงัยมันก็คือหัวปลาโลมา ^^ พระอาทิตย์กำลังจะขึ้นแล้วววววววววววววว >///< พระอาทิตย์ที่มาพร้อมกับทะเลหมอกกกกกกกกกกกกกกกกก !!!! เหมยขาบ (น้ำค้างแข็ง) บริเวณยอดดอยอินทนนท์ พระมหาธาตุค่ะ พระอาทิตย์ขึ้นเร็วมากกกกกกกก ..... ระยะเวลาห่างกันแค่แป้บเดียวเองงงงงง พระมหาธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ เดี๋ยวมาต่อตอนจบนะคะ ................
Free TextEditor
Create Date : 28 มกราคม 2554 |
Last Update : 28 มีนาคม 2554 19:19:06 น. |
|
8 comments
|
Counter : 853 Pageviews. |
|
|