แนวต้านแนวรับแต่ละคนไม่เท่ากัน การดูกราฟจึงไม่ใช่คำตอบสุดท้าย
ข้อผิดพลาดใหญ่หลวงของชาวหุ้นที่ใช้กราฟภาพรวมในการตัดสินใจเข้าซื้อหรือขาย คือการตั้งพารามิเตอร์ ตามมาตรฐานของตำรา หรือ กราฟที่ตั้งพารามิเตอร์ สำเร็จ กลายเป็นสูตร ฆาตกรรมราคาหมู่ แล้วก็เล่นตามกราฟที่บอก ว่าตัดขึ้นซื้อ ตัดลงขาย โดยที่ตัวเองมีสไตล์เล่นแบบสั้น หรือ แบบยาว แต่ไม่ยอมตั้งพารามิเตอร์(เวลา)ให้สวมกับสไตล์ตนเอง บางคนก็คิดว่า แค่ตั้งเป็น day เป็น 30 นาที 120 นาที ก็พอ แต่ในสูตรกราฟยังตั้ง พารามิเตอร์ที่ set ตายตัวมาให้ มิน่าเล่า คนเล่นส่วนใหญ่(บางท่านผ่านการเสียค่าเรียนกราฟมาเป็นหลักหมื่นบาท) ก็ยังเล่นไม่ได้กำไร สุดท้ายก็เปลี่ยนวิถีตนเองคือเล่นแบบตามอารมณ์
แนวรับแนวต้านของกราฟคือ ค่าเฉลี่ยภาครวมของทั้งตลาด ต่อหุ้นตัวนั้น ๆ หรือต่อดัชนี การดูหุ้นเป็นรายตัวจึงต้องให้ความสำคัญมาก ๆ ต่อการตัดสินใจ เพราะหมายถึงขาดทุนทั้งที่กราฟบอกขึ้นต่อ แต่ทำไมมีแรงขายเท ออกมาที่ ณ ราคาแนวรับสำคัญ จนกลายเป็นแนวต้านรวมในที่สุด อย่าลืมว่า ทุกราคาจะมีจำนวน deals ที่แตกต่าง คนเราจะยอม cutloss ณ ราคาที่ตนเองรับได้ เมื่อdeals ณ ราคาใดมาก หากราคาต่ำกว่า ก็เกิดการคิดตัดขายในใจ และ timing ก็เกิดในใจพร้อมกัน เมื่อทุกอย่างตามนั้น การขายก็เกิด กราฟก็ซื่อบื้อลง โดยไม่สนใจที่เราคิดว่า นั่นคือแนวรับสำคัญ กว่าจะคิดได้ ราคาก็ตกลงไป -5 ถึง - 8 ช่องราคาจากตำแหน่งตัดขาย
มีวิธีแก้ ปัญหานี้ คือ การใช้ช่องราคา fibonacci มาช่วย จะบรรเทาปัญหานี้ได้บ้าง และอีกตามเคย การนั่งคำนวณย่อมเสียเวลามาก จึงต้องใช้โปรแกรมสำเร็จรูปมาช่วย โปรแกรม Nowya method ก็จะมีช่องให้จินตนาการ เอามาวางแผนล่วงหน้าได้ หรือคนที่ไม่มี ก็ลองตั้งซื้อ ตั้งขาย จากช่องราคา fibonacci ดู + 1 + 2 + 3 + 5 +8 +13 หรือ - 1 -2 -3 -5 -8 -13 ผสมกับการตั้งพรามิเตอร์ กราฟให้เหมาะกับสไตล์ตนเองดู จะทำให้การเล่นหุ้นง่าย กำไรมากกว่าขาดทุน และเมื่อตลาดขาลง ก็ขาดทุนน้อยหรือมีกำไรบ้าง ไม่เจ๊งบ้ง เหมือนเมื่อก่อน
Free TextEditor