Scorpions (สกอร์เปียนส์)


ข้อมูลพื้นฐาน

แหล่งกำเนิด Hannover, เยอรมนี
แนวเพลง ฮาร์ดร็อก, เฮฟวี่เมทัล
ปี 1969-ปัจจุบัน
ค่าย Rhino RCA Mercury EMI Atlantic WEA BMG
เว็บไซต์ //www.the-scorpions.com



สมาชิก

Klaus Meine
Matthias Jabs
Rudolf Schenker
James Kottak
Paweł Mąciwoda

อดีตสมาชิก

Michael Schenker
Ulrich Roth
Francis Buchholz
Jurgen Rosenthal
Herman Rarebell
Ralph Rieckermann



สกอร์เปียนส์ (อังกฤษ: Scorpions) หรือแมงป่องผยองเดชแห่งวงการเฮฟวี่เมทัลเยอรมัน อยู่ในวงการดนตรีโลกมากว่า 35 ปี เจ้าของบทเพลงคลาสสิกร็อก มากมายอาทิ เช่น “Wind Of Change”, “Still Loving You” “Holiday” และอีกมากมาย

สกอร์เปียนส์ตั้งวงเมื่อปี 1970 และอยู่มาอย่างยาวนานจนถึงยุค 2000 ตอนเริ่มต้นภาษาอังกฤษของพวกเขายังไม่ค่อยดีนัก แต่ก็พัฒนามาพร้อมกับสไตล์ดนตรี ยุค 1980 สกอร์เปียนส์เริ่มบุกอเมริกาได้ หลังประสบความสำเร็จในยุโรปและเอเชียเรียบร้อยแล้ว ในยุค 1990 ความร้อนแรงของพวกเขาก็เริ่มลดลง


บทสุดท้ายตำนานแมงป่องผยองเดช Scorpions ประกาศยุบวงหลังจบทัวร์คอนเสิร์ต

”Scorpions” สุดยอดวงฮาร์ดร็อคจากเยอรมัน ได้สร้างความฮือฮาในหมู่แฟนๆ หลังจากออกมาประกาศเป็นทางการว่า การออกผลงานเพลงชุดใหม่ในเดือน มี.ค. 2010 แล้วทัวร์คอนเสิร์ตเพื่อสนับนุนผลงานดังกล่าวแล้ว พวกเขาก็ขอยุติบทบาทของตัวเองเสียที หลังจากอยู่ในวงการ และประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนาน

เมื่อปลายปีก่อนในข่าวจาก มัทธีอัส ยาบส์ ถึงแฟนๆในเว็บไซต์ มีการเปิดเผยว่าผลงานเพลงชุดใหม่จะมีชื่อว่า Sting in the Tail ว่า “ตอนนี้เรากำลังทำงานชุดใหม่กันอยู่ มันจะมี 12 เพลง ที่เต็มไปด้วยความเป็น Scorpions ทั้งซาวด์ และเจตนารมย์ มันจะเป็นงานที่พวกเราจะย้อนกลับไปในเล่นดนตรีในแบบที่เคยเล่นมาในช่วงต้น 80” ซึ่งคงไม่มีใครคาดคิดว่ากำหนดการณ์อัลบั้มชุดใหม่ที่ประกาศออกมาเมื่อวันที่ 24 ม.ค. จะมาพร้อมกับ การแถลงยุติวง Scorpions หลังการทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลกเพื่อสนับสนุนอัลบั้มชุดดังกล่าว

Scorpions ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการออกมาว่า “มันเป็นความพอใจของพวกเรา, เป็นเป้าหมายในชีวิต เป็นความหลงใหล เราโชคดีกันมากที่ได้สร้างงานดนตรีให้พวกคุณ ไม่ว่าจะเป็นบนเวที หรือในสตูดิโอ ที่สร้างผลงานเพลงใหม่ๆ ออกมาขณะที่ทำงานชุดใหม่กันอยู่เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เราเริ่มคิดถึงว่า งานชิ้นนี้มีพลัง และความสร้างสรรค์แค่ไหน มันสนุกแค่ไหนที่ได้ทำมันออกมา แต่พวกเราก็เริ่มรู้สึกบางสิ่งบางอย่างด้วย”



สุด ยอดวงร็อคจากเยอรมันกล่าวถึงสาเหตุของการวางแผนยุติวงว่า ต้องการจบทุกอย่างขณะที่ยังอยู่บนจุดสูงสุด และยังคงรู้สึกสนุกกับการเล่นดนตรีอย่างที่เคยเป็นมาตั้งแต่เริ่มต้น “พวกเราจะจบอาชีพนักดนตรีด้วยอัลบั้มที่ คิดว่าดีที่สุดที่เคยทำมา ตามด้วยทัวร์คอนเสิร์ตที่จะเริ่มต้นที่เยอรมันบ้านของพวกเรา ก่อนที่พวกเราทั้ง 5 คน จะไปแสดงใน 5 ทวีปภายในสองปีข้างหน้า” โดยคาดการณ์กันว่าตำนานของ Scorpions น่าจะยุติลงในปี 2012 พร้อมกับการจบลงของการทัวร์คอนเสิร์ตครั้งสุดท้าย

Scorpions ในปี 1972 ที่ยังมี ไมเคิล เชงค์เกอร์ ซึ่งขณะนั้นอายุได้เพียง 16 ปีเป็นสมาชิกอยู่ด้วย

ย้อน กลับไปเมื่อปี 1965 ที่ฮันโนเวอร์ รูดอล์ฟ เชงเกอร์ ก็ไม่แตกต่างอะไรจากเด็กหนุ่มชาวเยอรมันจำนวนมาก ที่เกิดหลังสงครามโลกครั้งที่สอง และเติบโตมาภายใต้อิทธิพลของสหรัฐอเมริกาที่เข้ามาตั้งฐานทัพในเวลานั้น นำมาซึ่งอิทธิพลทางการเมือง, สังคม และวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ร็อคแอนด์โรลล์ และเอลวิส เพรสลีย์ ที่กลายเป็นวีระบุรุษของเยาชนรุ่นใหม่ เชงเกอร์ กลับกลุ่มเพื่อนๆ ตั้งวงดนตรีที่ชื่อว่า Scorpions ขึ้นมา โดยเขาเองเป็นทั้งมือกีตาร์ และยังควบตำแหน่งร้องนำไปด้วย เขียนเพลงขึ้นมา ที่ได้รับแรงบัลดาลใจจากวงอย่าง The Yardbirds, Pretty Things และ Spooky Tooth และออกแสดงสดตามเวทีเล็กๆ อย่างต่อเนื่อง

ซึ่งก็ต้องรอถึง 4 ปีกว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทาง เมื่อวงได้นักร้องนำคนใหม่ที่ชื่อว่า เคล้าส์ ไมน์ เข้ามา พร้อมกับน้องชายของ รูดอล์ฟ ที่ชื่อว่า ไมเคิล เชงเกอร์ กลายมาเป็นมือกีตาร์อีกคนของ Scorpions จนได้ออกผลงานเพลงชุดแรกในปี 1972 ที่ชื่อว่า Lonesome Crow และเริ่มต้นความยิ่งใหญ่ ณ จากบัดนั้น



ตั้งแต่ออกผลงานชุดแรก Scorpions แสดงออกถึงความแตกต่างจากวงร็อกเยอรมันวงอื่นๆ พวกเขาแสดงความทะเยอทะยานในการมุ่งไปสู่ตลาดเพลงนอกประเทศ เคล้าส์ ไมน์ เขียนเนื้อเพลงเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด โดยแชร์ไอเดียต่างๆ ร่วมกับ รูดอล์ฟ เชงเกอร์ เล่นเพลง ฮาร์ด ร็อค แบบเดียวกับ จิมมี่ เฮนดริกซ, Cream และ Led Zeppelin จนกระทั่งสามารถพัฒนามาเป็นแนวทางของตัวเองได้สำเร็จ โดยมีเอกลักษณ์ของตัวเองอยู่ที่ริฟฟ์อันทรงพลัง, การโซโล่กีตาร์คู่ที่เต็มไปด้วยความฉูดฉาด และเสียงร้องอันมีเอกลักษณ์ ของ เคล้าส์ ไมน์

ในปี 1973 Scorpions เริ่มสร้างชื่อ และเริ่มออกทัวร์ร่วมกับศิลปินดังๆ เช่น รอรี่ กัลลาเกอร์, Uriah Heep และ UFO ซึ่งเป็นวงหลังนี่เองที่ประทับใจในฝีมือกีตาร์ของ ไมเคิล เชงเกอร์ และชักชวนให้ไปร่วมวงด้วย เชงเกอร์ คนน้องตัดสินใจไม่นานก็ขอออกจาก Scorpions ไปชนิดปัจจุบันทันด่วน และไปสร้างตำนานของตัวเองกับ UFO กลายเป็นมือกีตาร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งแห่งวงการฮาร์ด ร็อคยุค 70 – 80 ส่วน Scorpions ก็ได้ ยูลิช รอธ เพื่อนของ รูดอล์ฟ เข้ามารับหน้าที่แทนอยู่พักใหญ่

Rock You Like A Hurricane ได้รับการจัดอันดับจาก VH1 ให้เป็นหนึ่งใน 100 สุดยอดเพลงฮาร์ดร็อคตลอดกาล



แต่ ดูเหมือนการเสียสมาชิกในวงไปจะไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับ Scorpions นัก ตลอดระยะเวลา 45 ปีของวง Scorpions มีสมาชิกเข้าออกเป็นหลักสิบคน โดยมี รูดอล์ฟ เชงเกอร์, ไมนส์ และมัทธีอัส ยาบส์ มือกีตาร์ที่เข้ามาเป็นสมาชิกของวงเมื่อปี 1978 เป็นแกนหลักมาโดยตลอด

Scorpions ก้าวไปเป็นวงดนตรีอันดับ 1 ของเยอรมัน และต่อมากลายเป็นสุดยอดฮาร์ดร็อคแถวหน้าของโลก, เล่นคอนเสิร์ตในสนามกีฬาขนาดยักษ์ และบุกไปสร้างความโด่งดังถึงอเมริกา ถึงตอนนี้พวกเขามียอดขายอัลบั้มกว่า 75 ล้านแผ่น ที่ไม่ใช่เพียงเพราะลีลาการเล่นดนตรี หรือความไพเราะของเสียงเพลงที่ผสมลีลาแบบร็อคเข้ากับท่วงทำนองติดหูแบบดนตรี ป๊อบ มากไปกว่านั้นแมงป่องผยองเดชยัง มีส่วนร่วมถึงการถ่ายทอดความรู้สึก แห่งความเป็นเยอรมัน หรืออาจจะเป็นคนภาคพื้นยุโรปด้วย

“เรามีบางเพลง เหมือนกันที่มีประเด็นเกี่ยวกับการเมือง แต่บางทีก็ต้องระวังเหมือนกัน เพราะเพลงทำนองนี้อาจทำให้เกิดอะไรขึ้นก็ได้ บางทีเราก็ต้องพยายามอยู่ให้ห่างเรื่องการเมืองเหมือนกัน แต่อย่างว่า บางทีมันก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นตลอด ไม่เช่นนั้นพวกเราคงมีเพลงรักเต็มไปหมด” มัทธีอัส ยาบส์ กล่าวถึงจุดยืนของวงในช่วงเวลา แห่งความเปราะบางและตึงเครียดทางการเมืองสืบเนื่องมาจาก ความขัดแย้งระดับโลกในสงครามเย็น การแบ่งแยกเยอรมันและนครเบอร์ลินออกเป็นตะวันออกตะวันตก เพลงการเมืองที่วงสร้างออกมาจึงอยู่ในลักษณะที่ Scorpions อธิบายว่า “เป็นงานที่สามารถเชื่อมโยงไปถึงทุกคนได้ เพราะฉะนั้นทำให้มันเป็นงาน ซึ่งเต็มไปด้วยความสดอยู่ตลอดเวลา”

Wind of Change กลายเป็นผลผลิตแห่งแนวคิดดังกล่าว เพลงบัลลาร์ดร็อคที่ออกจำหน่ายครั้งแรกในปี 1990 เป็นที่ 1 ในเยอรมันและอีกหลายประเทศในยุโรป, ขึ้นที่ 4 ในสหรัฐฯ และที่ 2 ในอังกฤษ เนื้อเพลงของ Wind of Change เป็นการเฉลิมฉลองความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในยุโรปในเวลาทั้ง ตั้งแต่การทลายกำแพงเบอร์ลิน, การทำสนธิสัญญาโต๊ะกลมในโปแลนด์ และการผ่อนคลายกฎระเบียบต่างๆ ใน สหภาพโซเวียต ที่มาถึงการล้มสลายไปในที่สุด อาจจะพูดได้ว่า Wind of Change ได้กลายเป็นดนตรีประกอบเหตุการณ์การยุติลงของของสงครามเย็น เหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดในยุค 80 – ต้น 90 ก็ว่าได้



หลังจากที่ เพลงของพวกเขาเคยขับกล่อม และร่วมบรรเลงในการปิดหน้าประวัติศาสตร์สำคัญของยุโรปและโลกมาแล้ว ตอนนี้มันจะทำหน้าที่เดียวกันอีกครั้งแต่เป็นการปิดฉากตำนานของ Scorpions เอง

อัลบั้ม

Lonesome Crow (1972)
Fly to the Rainbow (1974)
In Trance (1975)
Virgin Killer (1976)
Taken by Force (1977)
Tokyo Tapes (1978, live)
Lovedrive (1979)
Animal Magnetism (1980)
Blackout (1982)
Love at First Sting (1984)
World Wide Live (1985, live)
Savage Amusement (1988)
Crazy World (1990)
Face the Heat (1993)
Live Bites (1995, live)
Pure Instinct (1996)
Eye II Eye (1999)
Moment of Glory (with the Berlin Philarmoniker, 2000)
Acoustica (acoustic, 2001)
Unbreakable (2004)
Humanity - Hour 1 (2007)

ที่มา //news.thaipick.com/news/17614.html




Create Date : 26 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 26 พฤศจิกายน 2554 14:27:51 น.
Counter : 3798 Pageviews.

1 comments
  
กองกอยเคยไปดูที่อินดอร์ฯ บัตร 100 คุ้ม ปี 2525
โดย: กองกอย IP: 61.7.252.101 วันที่: 6 มกราคม 2555 เวลา:15:38:34 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

notbao
Location :
เชียงราย  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



พฤศจิกายน 2554

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
27
28
29
30