สาวไหมจะไปโรงเรียนแล้ว
สาวไหมจะไปโรงเรียนแล้ว วันจันทร์ที่จะถึงนี่แหละ เป็นการตัดสินใจที่รวดเร็วเกินคาดจริงๆ เพราะแม่ไม่เคยคิดเรื่องโรงเรียน ไม่เคยมองหาโรงเรียนให้หนูมาก่อนเลย คิดและมั่นใจเสมอมาว่าจะให้หนูเข้าอนุบาลหนึ่งที่ดารา แต่อาทิตย์ก่อน น้องนัท น้องที่เนิสเซอรี่ก็ไปเข้าโรงเรียนแล้ว ทำให้สาวไหมไม่มีเพื่อนวัยไล่เรี่ยกันเลย ที่เหลือก็เป็นน้องๆ อายุไม่ถึงขวบและขวบนิดๆ อีกหนึ่งคน
แม่กลัวว่าหนูจะเหงาจะไหมเนี่ย ก็ลองถามพี่เลี้ยงดูว่าหนูเล่นกับใครบ้าง ตอนนี้ พี่ผึ้งบอกว่าหนูเล่นคนเดียว ไม่เล่นกับน้องๆ มีน้องเอคนเดียวที่หนูจะเล่นด้วยเวลาอารมณ์ดี ถ้าอารมณ์ไม่ดีก็ไม่เอาใครเลย
แม่เลยรู้สึกว่าหนูขาดพัฒนาการการเข้าสังคมกับเพื่อนวัยเดียวกันแล้วล่ะ ก็คิดว่าจะเอาหนูไปเรียนที่ศูนย์พัฒนาการเด็กใกล้ที่ทำงานแม่ แต่ไปถามแล้วก็ปรากฏว่าเขาไม่รับแล้ว เต็มหมด และที่สำคัญรับถึงแค่ 3 ขวบเท่านั้น แต่ถ้าสาวไหมจะรอเข้าดาราก็จะอายุ 3 ขวบนิดๆ
ทีนี้จะไปเข้าที่ไหนล่ะ ที่ใกล้ๆ ที่ทำงานแม่ก็มีแต่สวนน้อยกับดรุณรักษ์ ซึ่งมีข้อที่ทำให้คิดหนักต่างกันไป ที่ดรุณรักษ์ก็ยุ่งยากเรื่องไปรับไปส่งแน่ๆ เพราะอยู่ละแวกสวนดอก ส่วนสวนน้อย เป็นทางผ่านที่ทำงานแม่ก็จริง แต่จะจอดรับส่งก็ยากเหมือนกัน เพราะไม่มีที่ ต้องจอดข้างทาง
อีกอย่างคือสวนน้อยเรียนห้องแอร์ นอนห้องแอร์ทั้งหมด มีสวนหย่อมเล็กๆ อยู่กลางโรงเรียน สำหรับสาวไหมที่เป็นหวัดบ่อยไม่น่าจะดี
แม่ก็คิดหนักทั้งคืนว่าเอาไงดี จะพาหนูไปเข้าเรียนที่ไหนดี หรือว่าอยู่เนิสไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเข้าดารา แล้วน้าแอนก็โทรมาหาแม่ราวกับว่าแม่มีพลังจิตแน่ะ เลยคุยกัน ก็ได้ไอเดียว่า แม่พาหนูไปเข้าที่ไหนจนถึงอนุบาลสองก่อนก็ได้ แล้วค่อยไปเข้าอนุบาล 3 หรือไม่ก็ ป.1 เพราะจะไม่ต้องเสียเวลากับค่าแรกเข้า แม่ก็ได้ไอเดียว่า เอาล่ะ ถ้าจะเอาเข้าโรงเรียนตอนนี้ก็เรียนถึงอนุบาล 2 หรือ อนุบาล 3 ก็ว่ากันอีกที แต่ก็น่าจะดีกว่าให้หนูไปเหงาอยู่ที่เนิส
วันนี้แม่ก็เลยเปิดเน็ท เพราะคิดถึงโรงเรียนชื่อบ้านคุณแม่ขึ้นมา เป็นโรงเรียนที่ลุงปองเคยบอกแม่ว่านักเรียนที่นี่ฉลาดคิด ฉลาดเรียนรู้มากๆ เป็นโรงเรียนที่เหมาะกับเด็กเล็กจริงๆ แม่ก็เลยเข้าเว็บไซต์ดู ก็โทรไปถาม ได้รายละเอียดนิดหน่อยแล้ว ก็อยากจะไปดูสถานที่ เลยพาสาวไหมไปดูด้วย
โรงเรียนอยู่ไกลจากที่ทำงานแม่ไปอีก 8-9 กิโล อยู่บนถนนเลียบคลองชลไปทางพืชสวนโลก นับว่าเป็นโรงเรียนที่ไกลมากกกกกกกกกกกกกก เกินกว่าที่เคยจะคิดจริงๆ เพราะแม่ไม่อยากให้หนูไปเรียนที่ไกล ขี้เกียจไปรับไปส่ง และค่าใช้จ่ายก็แพงกว่าที่คิดจะให้เรียนด้วย
แต่ที่นี่ก็ดีตรงที่เปิดรับนักเรียนตั้งแต่ 6.30 น. มีอาหารเช้าให้ อาหารกลางวัน และอาหารว่าง ตอนเย็นก็สามารถไปรับได้จนถึง 18.30 น. ก็นับว่าสะดวกดีสำหรับแม่ แต่ต้องปรับตัวกันยกใหญ่เลยทั้งแม่ทั้งสาวไหม
ไปฟังแนวทางการสอนแล้วแม่ก็ชอบนะ เพราะครูบอกว่าเด็กอนุบาลหลังจากเข้าแถวเคารพธงชาติแล้วจะมีชั่วโมงสงบคือสวดมนต์ไหว้พระ กิจกรรมส่งเทียนแล้วก็โยคะเด็ก จากนั้นก็เล่น ทำงานศิลปะ นอน กิน เล่น อะไรพวกนี้
แล้วที่นี่จะพานักเรียนไปวัดทุกๆ วันพระ แล้วก็ไปทัศนศึกษา เช่นไปเที่ยวบ้านดิน อะไรกันไป แล้วก็จะมีสอนความรู้รอบตัว สอนเรื่องของท้องถิ่น ก็ถูกใจแม่อยู่ เสียอย่างเดียว ดูท่าครูจะให้เด็กๆ พูดภาษาไทยกันทั้งหมด มีการบอกแม่ว่า คุณแม่ไม่ควรพูดคำเมืองกับสาวไหม ตรงนี้ไม่ชอบนะ แม่เชื่อเสมอว่าเด็กๆ ถ้าพูดหลายภาษาในชีวิตประจำวัน เขาก็จะสามารถใช้ภาษาเหล่านั้นได้ทั้งหมด เด็กๆ สวิตช์ภาษาเก่งจะตายไป และแม่ไม่มีวันจะไม่พูดเมืองกับสาวไหมเด็ดขาด
เดี๋ยวจะออกไปหาคุณตากันแล้ว แปะรูปให้พี่ป้าน้าอาได้ชมโรงเรียนสาวไหมก่อนดีกว่า ไว้วันจันทร์จะถ่ายรูปดีๆ มาฝาก วันนี้ใช้มือถือถ่ายมา รูปตุ่นๆ มืดมนชอบกล
Create Date : 02 พฤศจิกายน 2550 |
|
16 comments |
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2550 17:55:29 น. |
Counter : 817 Pageviews. |
|
|
|
ชอบ อากาศ แบบนี้ จริงๆ