สวัสดีปีใหม่ 2008 เริ่มต้นปีใหม่ด้วยความหลากหลาย ทั้งโศกเศร้า ทั้งตื้นตัน
ไม่ได้อัพบล็อกนานมากค่ะ เกือบเดือนแล้วมั้งเนี่ย ก็ขอสวัสดีปีใหม่เพื่อนๆ ทุกคนนะคะ ขอให้ทุกท่านมีความสุขมากๆ นะคะ มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ทั้งกายและใจ มีชีวิตที่ราบรื่นและมีความสุขนะคะ ความสุขไม่ได้เกิดขึ้นได้จากเงินอย่างเดียว แต่เกิดขึ้นจากสุขภาพกายที่แข็งแรง สุขภาพใจที่มั่นคง ไม่มีทุกข์โศกโรคภัยมาเบียดเบียน แต่หากใครที่เงินก็ยังเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดสุขก็ขอให้ร่ำรวย มีเงินมีทองเยอะๆ นะคะ(ซ้าธุ ขอรับไว้ก่อนเลยนะคะ ฮ่าๆ)
เกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมา มีอะไรเกิดขึ้นมากมายค่ะ ทั้งย่าทวดของสาวไหมที่อาการโคม่า ตอนนี้ทางบ้านก็ทำใจเตรียมตัวรับสถานการณ์ไว้แล้ว แต่ย่าทวดก็ยังฮึดสู้นะ แม้ว่าจะไม่รู้สึกตัวแล้ว ไม่ได้ข้าวได้น้ำ ก็ยังนอนอยู่บนเตียงอยู่เลย ทุกคนก็ตกลงกันว่าจะไม่ช่วยชีวิต(แต่ทำให้ท่านทรมาน)แล้ว ก็จะให้ท่านจากไปตามสภาพร่างกายที่หยุดทำงานไปเอง
ก่อนสิ้นปี ที่โรงเรียนของสาวไหมก็มีงานปิดก้าวย่าง แม่แมว ครูใหญ่ของโรงเรียนก็ได้มาพูดคุยกับผู้ปกครอง มาเปิดใจคุยกันเรื่องแนวทางการสอน การอบรมลูกๆ ของเราให้ไปในทิศทางเดียวกัน ฟังแล้วก็ดีใจที่การตัดสินใจในชั่วข้ามคืนนั้นของเรามันถูกต้อง เลยทำให้ตัดสินใจพาสาวไหมมาเรียนที่นี่
ถ้าใครที่ไม่ได้อ่านตอนเก่าๆ ที่เคยพูดถึงเรื่องเรียนของสาวไหมก็จะเล่าให้ฟังแบบย่อความโดยละเอียดค่ะ อิอิ
เรื่องของเรื่องคือ สาวไหมอยู่เนิสเซอรี่ครูแอนมาปีกว่า ที่เนิสฯ นี่ก็ดีมากๆ เพราะเขารับเด็กน้อย แต่ช่วงหนึ่ง เด็กก็มีน้อยมาก จนทางเนิสจะอยู่ไม่ได้ ก็ต้องหาทางออกโดยให้พี่เลี้ยงสองคนออกจากงาน และตั้งข้อตกลงว่าจะรับเด็กไม่เกิน 5 คน แต่ต่อมาเด็กใหม่เริ่มมาเยอะขึ้น และส่วนใหญ่ก็เป็นเด็กเล็กๆ ไม่ถึงขวบ เป็นเด็กวัยคลานทั้งนั้น มีสาวไหมกับน้องนัทสองคนที่อายุสองขวบกว่า
ต้นเดือนตุลา น้องนัทก็ไปเข้าโรงเรียนแบบไม่ทันตั้งตัวเลย ตอนนั้นเราก็ยังไม่คิดอะไร เพราะตั้งใจจะเอาสาวไหมไปเข้าโรงเรียนดาราอยู่แล้ว แต่เย็นวันพฤหัสปลายเดือนตุลา ตอนที่ไปรับสาวไหม ก็เห็นสาวไหมนั่งอยู่คนเดียว ก็ถามน้องผึ้ง พี่เลี้ยงที่ดูแลว่า สาวไหมเล่นกับน้องๆ ไหม พี่เลี้ยงบอกว่า สาวไหมจะเล่นคนเดียว น้องๆ มาเล่นด้วยก็จะไล่น้องๆไป ไม่ก็เดินหนี
ฟังแล้วก็รู้สึกว่า แย่แล้ว ที่เนิสนี่คงให้ในสิ่งที่วัยสาวไหมต้องการไม่ได้เสียแล้ว จริงๆ แล้วสาวไหมก็คงจะส่งสัญญาณให้แม่รู้หลายอาทิตย์แล้วล่ะ เช่นเวลาไปส่งตอนเช้าก็จะร้องไห้ตามแม่ ซึ่งปกติไม่เคยเป็นเลย แต่เราก็ไม่รู้เรื่อง จนมาถึงวันนั้นถึงได้กลับไปคิดหนักมาก
คืนวันพฤหัสนั้น ก็นอนคิดว่าจะทำยังไงดี กลางเดือนพฤศจิกายน โรงเรียนดาราก็จะเปิดขายใบสมัครแล้ว แต่กว่าจะได้เรียนก็เป็นเดือนเมษา เราจะปล่อยให้สาวไหมเหงาอยู่เนิสอีก 5-6 เดือนเพื่อรอเข้าดาราดีหรือเปล่า แต่ถ้าทนไม่ได้ จะเอาไปเข้าโรงเรียนที่ไหนดี เพราะมันมีค่าแรกเข้าทั้งนั้น ถ้าเอาไปเรียนแก้ขัดแค่ 6 เดือน ก็เสียดายค่าแรกเข้า
เย็นวันนั้นก็โทรหาปุ๊ก แม่น้องริว จิแม่น้องไพ-น้องมิว เพื่อถามรายละเอียดเกี่ยวกับโรงเรียนต่างๆ คิดถึงแอนแม่น้องชะเอมและกอว่านด้วย เพราะชะเอมเรียนดารา แต่ในมือถือไม่มีเบอร์แอน คืนนั้น ราวกับมีพลังจิตแน่ะ แอนโทรมาหาตอนสองสามทุ่ม บอกว่าเมื่อกี้รู้สึกอะไรไม่รู้ รู้สึกว่าอยากคุยกับพี่นัดเหลือเกิน เหมือนกับว่ามีเรื่องอะไรที่จะต้องคุยกัน โอ้โห ดีใจสุดๆ
แอนก็ให้คำแนะนำดีมาก ชี้ทางสว่างให้กับแม่ที่ไม่เคยสนใจหาข้อมูลโรงเรียนอย่างเรามาก่อนว่า ถ้าพี่นัดอยากจะให้เรียนดารา พี่ก็เอาไปเข้าโรงเรียนอื่นๆ ก่อนจนถึงอนุบาล 2 สิ พอจะขึ้นอนุบาล 3 ก็ค่อยมาเรียนดารา จะได้ไม่เสียดายค่าแรกเข้าโรงเรียนใหม่นี่ด้วย
เออ แฮะ.... เรื่องง่ายๆ แค่นี้ทำไมคิดไม่ได้หว่า คืนนั้นก็เลยคิดถึงโรงเรียนใกล้ๆ ที่ทำงาน ซึ่งก็ต้องตัดไปทั้งสองที่ ด้วยเหตุผลของสถานที่และการจราจร
แต่แว๊บหนึ่งตอนนั้น ก็นึกถึงคำพูดของพี่ปอง "คุณเรืองศักดิ์ ปิ่นประทีป" ขอเขียนชื่อพี่ปองไว้ตรงนี้เลยเพื่อขอบคุณ พี่ปองก็คือน้าตุ๊บปอง คนเขียนหนังสือเด็กหลายๆ เรื่องที่แปลนฟอร์คิดส์พิมพ์นั่นแหละค่ะ พี่ปองเคยบอกเราเมื่อหลายเดือนก่อนตอนที่คุยกันเรื่องทำหนังสือว่า "ไปประเมินโรงเรียนทางคันคลองมา โรงเรียนดีมากเลย ถ้าจะเอาสาวไหมไปเรียนอนุบาล อยากจะแนะนำโรงเรียนนี้นะ"
บรรยากาศที่โรงเรียนของสาวไหม
ชื่อโรงเรียนบ้านคุณแม่ก็เลยแว๊บเข้ามาในหัว ก็เลย search ในเน็ทคืนนั้น เจอเว็บโรงเรียนก็เข้าไปดู เห็นปุ๊บก็คิดว่า ตายแล้ว แพงแน่ๆ เลยว่ะ เลยไม่สนใจเลย
แต่พอถึงเช้าวันศุกร์ ก็คิดว่าไม่ลองไม่รู้ ก็เลยเปิดเว็บโรงเรียน โทรไปถามให้รู้แน่ ปรากฏว่าค่าเรียนของเตรียมอนุบาลคิดเป็นเดือน และถูกกว่าที่เนิสเสียด้วยซ้ำไป เลยลางานพาสาวไหมไปดูโรงเรียนตอนเกือบเที่ยงของวันศุกร์นั่นเลย
พอไปถึงโรงเรียน ได้คุยกับครู ได้รู้นโยบายโรงเรียนก็ชอบมาก จ่ายเงินเลยทันที แต่พอเล่าให้ตายายสาวไหมฟั้ง ตายายก็บอกว่าคิดดีๆ นะ ให้ลูกไปเรียนโรงเรียนแปลกมาก มันจะอยู่ในสังคมได้ยังไง จะเอาไปเข้าโรงเรียนไฮโซทำไม ให้มันติดดินบ้าง
แต่......
พอเข้าไปเรียนแล้ว ฮ่าๆๆๆๆๆ เด็กๆ ทุกคนตั้งแต่เตรียมอนุบาลได้ปลูกผักเลี้ยงปลา ได้ไปดูชาวนาเกี่ยวข้าว ได้ไปย่ำดินเพื่อจะเอาไปทำอิฐสำหรับสร้างบ้านดิน ถ้าเป็นไฮโซสงสัยจะเป็นไฮโซบ้านนอก ฮ่าๆ
เล่นกับพี่มิ่ง
แปลงผักบุ้งของกลุ่มสาวไหม มีแต่บรรดาแสบซ่าขาโจ๋
สาวไหมนุ่งซิ่นตีนจกไปโรงเรียนวันศุกร์ ป้าลีที่ทอและเย็บให้เป็นชาวลัวะบ้านแม่แจ่ม เย็บซิ่นให้สาวไหมเหมือนเย็บกระโปรงตุ๊กตาเลย แบบว่าเย็บเป็นสี่เหลี่ยมขึ้นไปตรงๆ เลย ไม่มีเผื่อสะโพก เผื่อพุงเลย เลยเดินลำบากนิดหน่อย แต่ยังมีแหวกหลังให้ด้วยนะ 55
สาวไหมพาทัวร์แปลงผักและบ่อปลา
วันศุกร์ที่ผ่านมา (จริงๆ แล้วเริ่มเขียนบล็อกหน้านี้ก็วันศุกร์นั่นแหละ) ตอนเช้าไปส่งสาวไหมไปโรงเรียน ก็เลยไปนั่งคุยกับแม่แมว เจ้าของโรงเรียน ที่ห้องกลางบ้านมีคุณย่าของน้องดนย์นั่งอยู่ด้วย น้องดนย์เพิ่งย้ายมาจากอังกฤษได้สิบกว่าวัน คุณย่าเพิ่งตัดสินใจพามาเรียนที่นี่ จะเริ่มเรียนวันจันทร์ที่จะถึงนี้
เราคุยกันเรื่องเด็กๆ เรื่องการเรียน เรื่องการใช้ชีวิตของเด็กๆ ในวันข้างหน้า ยิ่งคุยก็ยิ่งรู้สึกดีที่ได้เจอโรงเรียนที่มีแนวคิดไปในทิศทางเดียวกันอย่างนี้
บางครั้งก็รู้ตัวเองว่าเป็นแม่ที่ใจร้อนมาก บางทีแปรงฟันให้สาวไหมแล้วสาวไหมชอบกลืนยาสีฟัน ห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง ยังกลืนยาสีฟันต่อไปด้วยดวงตาใสซื่อ แต่ยิ่งเห็นยิ่งโมโห บางทียั้งมือไม่ทันก็บีบแก้มมั่ง ตบแก้ม(เบาๆ)มั่ง พอสาวไหมร้องไห้ก็สงสาร เลยขอโทษ แต่พอรู้ว่าแม่ขอโทษอย่างนี้ คราวต่อๆ มา พอดุสาวไหม สาวไหมก็จะบอกว่า
"แม่ขอโทษไหมก่อน"
บางครั้งถ้าเราเป็นคนผิดจริงๆ ก็จะขอโทษสาวไหม แต่หลายครั้งที่สาวไหมเป็นฝ่ายผิด ก็ต้องมานั่งคุยกันว่า เมื่อกี้สาวไหมทำอะไร มันดีไหม ถ้าไม่ดีแล้วใครผิด สาวไหมผิดใช่ไหม ต้องถูกลงโทษใช่ไหม ถ้าสาวไหมถูกลงโทษ แม่ก็ไม่ผิด ดังนั้นแม่ไม่ต้องขอโทษหนู แต่หนูนั่นแหละต้องขอโทษแม่ เข้าใจไหม
บางครั้งเทวดาเข้าสิงเธอก็จะบอกว่า สาวไหมผิด สาวไหมขอโทษ แต่ถ้าบางครั้งผีเข้า(บ่อยเสียด้วย) ต่อให้อธิบายแทบตายยังไง เธอก็ยืนยันว่า "แม่ผิด!"
ชิ...
มีหนหนึ่ง ขับรถกลับบ้านกันตอนเย็น สาวไหมกินนมหมดก็บอกว่า
"แม่ สาวไหมเก่งมาก สาวไหมเก่งที่สุด"
เราขับรถไปก็พยักหน้าเออออตาม แต่สาวไหมก็ย้ำอยู่นั่นแหละ สาวไหมเก่งที่สุด เฮ้ย ต้องเช็คความคิดดูก่อน เลยถามไปว่า
แม่ : สาวไหม พี่โดมินิกเก่งไหมลูก สาวไหม : ไม่พี่โดมินิกเก่ง (แปลว่า พี่โดมินิกไม่เก่ง) แม่ : น้องหยกเก่งไหมลูก สาวไหม : ไม่น้องหยกเก่ง แม่ : น้องนิวตั้นเก่งไหมลูก สาวไหม : ไม่นิวตั้นเก่ง
เฮ้ย ไม่ได้การแล้ว รีเช็คยังไงเธอก็ยืนยันว่าทุกคนไม่เก่ง เธอเก่งที่สุดคนเดียว เลยต้องอบรมกันใหม่บนรถนั่นแหละ
แม่ : สาวไหม สาวไหมพี่โดมินิกกินนมเยอะไหม สาวไหม : พี่โดมินิกกินนมเยอะ แม่ : แล้วพี่โดมินิกกินนมเก่งไหม สาวไหม : ไม่พี่โดมินิกกินนมเก่ง (ฟังไปฟังมาก็แอบคิดว่า นี่ลูกตูเป็นเอล์ฟประจำบ้านของแฮรี่ พอตเตอร์เปล่าฟะเนี่ย) แม่ : เอ๊ แต่แม่ว่าพี่โดมินิกกินนมเก่งมากๆ เลยนะ กินเยอะกว่าสาวไหมอีก แม่ว่าพี่โดมินิกเก่งนะ สาวไหม : พี่โดมินิกเก่ง (ชักเอนเอียงตามแม่) แม่ : แล้วหนูว่าน้องหยกพูดเก่งไหมลูก สาวไหม : น้องหยกพูดเก่ง แม่ : แล้วน้องอิมเรียบร้อยไหมลูก สาวไหม : ไม่น้องอิมเรียบร้อย แม่ : แต่แม่ว่าน้องอิมเรียบร้อยที่สุดเลย น้องอิมน่ารักจัง แม่ช้อบ ชอบ สาวไหม : น้องอิมเรียบร้อย แม่ : งั้นน้องอิมเก่งใช่ไหมลูก สาวไหม : น้องอิมเก่ง แม่ : แล้วสาวไหมวาดรูปเก่งไหมลูก สาวไหม : สาวไหมวาดเก่ง แม่ : (กว่าจะได้สรุปเกือบจะขับรถถึงบ้านแระ) เห็นไหม แต่ละคนก็เก่งเหมือนกันเลย พี่โดมินิกกินนมเก่ง น้องหยกพูดเก่ง น้องอิมเรียบร้อย ทุกคนเก่งทุกคนเลย สาวไหมจำไว้นะว่าทุกคนเก่งเหมือนกัน ทุกคนเป็นคนดีเหมือนกัน ดังนั้น ไม่ได้มีแค่หนูคนเดียวที่เก่งที่สุดนะคะ ทุกคนก็เก่งที่สุด เป็นคนดีที่สุดเหมือนกัน สาวไหมเข้าใจไหมลูก สาวไหม : เข้าใจ
เฮ้อออ กว่าจะสอนได้ก็ถึงบ้านพอดี แต่ขอโทษ คืนนั้น เธอวาดรูปเสร็จ เธอก็วิ่งเอาไปให้พ่อเธอดูแล้วบอกว่า
"พ่อๆๆ ดูรูปฉิ สาวไหมเก่งที่สุดเลย" พ่อมันก็ตอบว่า "โอ้โห สาวไหมเก่งที่สุดเลย"
แด่ววววว คืนนั้นเลยต้องจับมาอบรมใหม่ทั้งพ่อทั้งลูกเลย
เฮ้ออ เลี้ยงลูกหนึ่งคนให้เป็นคนดี เป็นคนรู้จักคิด รู้จักเห็นคุณค่าของตนเองและผู้อื่นนี่ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ
วันหยุดสิ้นปี ไม่ได้ไปไหนไกล วันที่ 1 ก็เลยพาสาวไหมไปเที่ยวน้ำพุร้อนสันกำแพง แต่ใช้เส้นทางดอยสะเก็ด ไปเจอน้ำพุร้อนดอยสะเก็ดก่อน แล้วก็จะไปน้ำพุร้อนสันกำแพง ผ่านบ้านห้วยแก้ว กิ่งอำเภอแม่ออน ผ่านโฮมสเตย์แม่กำปอง เส้นทางสวยดี จนไปถึงน้ำพุร้อนสันกำแพง ผู้คนประมาณแสนห้าหมื่นคนมาเที่ยวกันที่นี่ หาที่จอดรถแทบไม่เจอ เลยเปลี่ยนไปน้ำพุร้อนรุ่งอรุณแทน เสียเงินคนละ 20 บาท สาวไหมไม่เสีย เข้าฟรี แต่สบายใจกว่ากันเยอะม้ากกกกกก
พอกินข้าวเสร็จ ก็ชวนสาวไหมถ่ายรูป เธอก็โพสต์ท่าดังต่อไปนี้
เสาร์อาทิตย์นี้ สาวไหมมาอยู่บ้านคุณยายค่ะ เพราะยายทวดของสาวไหมเสียเมื่อเช้าตรู่วันเสาร์ คงต้องอยู่ที่นี่ถึงวันอังคาร วันที่เผาศพแม่หม่อน
แม่หม่อนของสาวไหมก็ไปสบายแล้วค่ะ เพราะไม่สบายมานานหลายเดือน ละแวกแถวๆบ้านก็มีศพหลายศพเลยค่ะ คนแก่ทั้งนั้น เริ่มต้นปีด้วยข่าวสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนาฯ เราได้ข่าวตอนแปดโมงแล้ว ตอนที่ขับรถไปส่งสาวไหมที่โรงเรียน ฟังข่าวไปน้ำตาก็ไหลพราก สำหรับตัวเองแล้วรุ้สึกว่า ช่วงนี้มีแต่การสูญเสีย เพราะรู้ว่าย่าจะอยู่อีกไม่นาน และก็ไม่นานจริงๆ
แต่ยังไงก็ตาม ก็ขอสวัสดีปีใหม่เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกคนนะคะ มีความสุขกายสุขใจ สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์กันทุกๆคนค่ะ
จริงๆ ก็ยุ่งๆ กันอยู่ แต่รีบมาอัพบล็อกก่อนที่จะไม่ได้อัพยาวค่ะ
Create Date : 04 มกราคม 2551 |
|
22 comments |
Last Update : 6 มกราคม 2551 15:40:10 น. |
Counter : 3486 Pageviews. |
|
|
|