Group Blog
 
<<
กันยายน 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
16 กันยายน 2552
 
All Blogs
 
อดทน…ไม่ตามใจกิเลส เพื่อละมิจฉาสมาธิ

อดทน…ไม่ตามใจกิเลส เพื่อละมิจฉาสมาธิ
วันนี้ มีข้อเขียนมาร่วมแบ่งปันกับท่านที่ฝึกฝนเรียนรู้กายใจ ประเด็นหลักๆ ของบทความนี้ยังวนเวียนอยู่กับเรื่องของมิจฉาสมาธิ

อย่างที่ว่าไว้ในบทความเรื่องยาแก้ง่วง คนเมืองที่มีวิถีชีวิตอยู่กับความวุ่นวายสับสน ไหนจะครอบครัว ลูกเมีย หน้าที่การงาน การดำเนินชีวิตในเมืองและการเป็นมนุษย์เงินเดือนเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติมาก โดยเฉพาะการนั่งสมาธิให้มีจิตใจตั้งมั่น มีอารมณ์เป็นหนึ่งเดียวกับอารมณ์กรรมฐานเป็นเรื่องยาก ไอ้ที่หวังจะฝึกนั่งจนได้ฌานแล้วมาเจริญวิปัสสนาต่อคงไม่มีหวัง

ในการนั่งสมาธิตามรูปแบบโดยทั่วๆ ไป จะสังเกตเห็นได้ว่า ความสงบที่ได้จากสมาธิมี 2 ชนิด เรียกง่ายๆ ว่าแบบที่ถูกต้องและแบบที่ผิดแล้วกัน ผมเคยฝึกแบบที่ผิด ซึ่งศัพท์ทางพุทธเรียกว่า มิจฉาสมาธิ สมาธิแบบนี้สามารถข่มจิตใจให้สงบได้ คล้ายๆ กับสัมมาสมาธิ แต่จิตมีธรรมชาติไม่อยู่นิ่ง ฟุ้งซ่าน ซัดส่ายไปมา ต้องคอยข่มให้มันนิ่งตลอด ข้อเสียมากๆ คือ สมาธิชนิดที่ผิด นำหน้าด้วยกิเลส ด้วยความโลภ อยากนิ่ง อยากสงบ เมื่อสงบได้ดั่งใจแล้ว ก็จะได้มานะอัตตาเป็นของแถม เพราะความคิดว่ากูเก่ง กูทำได้จะตามมาครอบงำ

ส่วนสมาธิที่ถูกต้อง ไม่กดข่มหรือเพ่งเอาตรงกลาง ต้องทำแบบสบายๆ ไม่เร่ง ไม่เพ่ง ไม่ต่อรอง ซึ่งมันตรงกันข้ามกับวิถีชีวิตคนเมือง ลองคิดตาม พวกเราทำงานใช้ความคิดกันตลอดเวลา ทุกๆ งานที่ทำออกไป ต้องได้รับความเห็นชอบ มีการวัดผล เช่น ขายของ 1 ชิ้น กำไรเท่าไร กี่เปอร์เซ็นต์ ทำงาน 1 ชิ้น ลดภาระค่าใช้จ่ายได้อย่างไร ผลงานเข้าเป้าหรือไม่ ดังนั้นมันเป็นธรรมชาติของจิตที่ต้องคิดก่อนเลยว่า นั่งสมาธิแล้วจะได้อะไร....ไม่ได้แล้วจะนั่งไปทำไม เห็นไหมครับ ว่ามันค่อนข้างจะขัดแย้งกัน

นอกจากนี้ ยังต้องข่มใจ เพราะเจอเรื่องยากๆ เรื่องกวนใจ ไม่ถูกใจตลอดวัน จนเราติดนิสัยกดข่มและ ติดนิสัยต่อรอง ท่านลองสังเกตดูตัวเองก็ได้ ว่าทำงานอะไรก็ตาม มักจะมีอ้อปชั่นเป็นทางเลือกสำรองไว้ในใจเสมอ จะเลือกซื้อสินค้าก็ต้องเปรียบเทียบและชอบต่อรองราคา ทำงานต้องมีแผนสำรองเสมอๆ บางคนเตรียมไว้หลายๆ แผนเสียด้วยซ้ำ

แบบแผนการใช้ชีวิตประจำวันแบบนี้นี่แหละ ที่ติดตัวกลายเป็นนิสัยแล้วเรามักจะเอามาใช้กับการฝึกภาวนาโดยไม่รู้ตัว ทีนี้พอจะปฏิบัติสมาธิในรูปแบบ จิตมันจะไหลลงช่องด้วยความเคยชิน ช่องที่ว่านี้ยกตัวอย่างเช่น นั่งดูลมหายใจแล้วไม่สงบ จิตมันจะเพ่งโดยอัตโนมัติ นั่งแล้วฟุ้งซ่าน จิตมันจะกดข่มเอาความฟุ้งที่กำลังเกิดอยู่ในใจให้สงบลง นั่งแล้วเคลิ้มจะหลับ ก็ต้องเพ่งอารมณ์เอาไว้ ไม่ให้หลับ

การฝึกสมาธิในเชิงของการวัดผล เพราะติดมาจากเวลาทำงานว่าฝึกแล้วต้องได้ผลอะไรสักอย่าง โดยไม่รู้ว่าพื้นฐานของการปฏิบัติคือ การฝึกเพื่อที่จะละ ไม่เอาอะไรเลย บางคนอาจวัดผลด้วยนิมิตว่าวันนี้เห็นภาพ เมื่อวานไม่เห็น วัดด้วยด้วยความนิ่งว่าวันนี้ นิ่งกว่าเมื่อวาน วัดด้วยปีติ ตัวเบาตัวลอย เหล่านี้เป็นมิจฉาสมาธิทั้งหมด

ลงถ้าเข้าใจผิด คิดแบบคนเมืองที่ทำอะไรแล้ว มักคิดถึงผลได้ ว่าจะได้อะไร แล้วมาลงมือปฏิบัติ แค่นี้ก็ผิดตั้งแต่เริ่มเดินแล้วครับ

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว หลายๆ ท่านคงสงสัยว่า แล้วจะทำอย่างไร ผมขอเสนอว่า คุณไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติม ปฏิบัติไปตามเดิมนั่นแหละ แต่ให้เพิ่มความสังเกตจิตใจของตัวเองและต้องมีความอดทน ทนต่อกิเลส ทนต่อจิตใจของตัวเอง ที่มันจะคอยเรียกร้องเอาผลงาน เอาความสำเร็จ เวลาไม่ได้ดั่งใจแล้วจิตใจมันดิ้นทุรนทุราย คอยสังเกตว่าตอนปฏิบัติ เราทำอะไรมากไปกว่าดูอารมณ์กรรมฐานหรือเปล่า ถ้าคุณสามารถผ่านตรงนี้ได้นะ จิตใจมันจะเรียนรู้แล้วปล่อยได้เอง เวลาที่กิเลสครอบงำ คิดขึ้นมาว่า เมื่อไรมันจะได้ (วะ) ถ้ารู้ไม่ทันเราก็จะคิดหาหนทางเพื่อทำให้ได้ซึ่งนั่นก็คือ ถูกโลภะเจตนาครอบงำจิตใจแล้ว แต่ถ้ารู้ทันนะ หลุดออกมาจากการถูกกิเลสครอบก็จะสามารถไปต่อได้ หรือจะพูดเป็นภาษาง่ายๆ ก็ได้ว่า

....แล้วแกจะรีบร้อนไปไหน (วะ)

ดังนั้น ขอเน้นว่า อดทน มีวินัย และรู้ทันจิตใจของตัวเอง ถ้าเดินมาถึงตรงนี้ได้ ก็มีโอกาสแล้วที่จะไปต่อได้ครับ

ขอให้เจริญในธรรม

นรภพ
16/9/52



Create Date : 16 กันยายน 2552
Last Update : 16 กันยายน 2552 16:00:31 น. 3 comments
Counter : 632 Pageviews.

 
เห็นด้วยอย่างมาก พอเรายิ่งเร่งยิ่งกดดัน สมาธิก็หายไป บ่อยเข้าก็ล้มเลิก นี่แหละยังปล่อยวางไม่เป็น


โดย: ชัย IP: 124.122.143.2 วันที่: 16 กันยายน 2552 เวลา:16:36:55 น.  

 
เข้ามาอ่านค่ะ

สาธุค่ะ


โดย: oDaineo IP: 124.120.79.178 วันที่: 16 กันยายน 2552 เวลา:19:49:54 น.  

 
[centre]ขอบคุณสำหรับบทความดีๆที่นำมาเผยแพร่เป็นประโยชน์นักแล สาธุ สาธุ สาธุ[centre]


โดย: ม้ง IP: 180.183.113.228 วันที่: 4 สิงหาคม 2553 เวลา:21:00:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

norapob
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




เกิด กทม.ใช้ชีวิตเสี้ยวหนึ่งในวัยเด็กอยู่กับอาม่าในตลาดหัวรอ จ.อยุธยา เรียนในกทม.ตลอด มีชีวิตที่ค่อนข่างเรียบง่าย ค่อนข้าง progressed conservative ออกกลางๆ แต่มองโลกเป็นสีเทาและไม่นิยมความรุนแรง ชอบเขียนหนังสือ

ตอนนี้รู้แล้วว่าเกิดมาก็เพื่อเรียนรู้กายใจของตัวเองและยอมรับแล้วว่าชีวิตนี้ไม่มีอะไรแน่นอน
Friends' blogs
[Add norapob's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.