|
ตอนที่ ๓ ความเป็นอยู่และการปกครอง
ตำนานพญานาคสองฝั่งโขง ตอนที่ ๓ ความเป็นอยู่และการปกครอง
พวกกำเนิดแบบโอปปะติกะนั้น เป็นพญานาคชั้นปกครอง ปกครองประชากรนาคด้วยระบอบบุญญาธิปไตย โดยถือหลักผู้มีบุญมาก ปกครองผู้มีบุญน้อย
ความเป็นอยู่และการปกครองของนาคราชในอาณาจักรต่างๆ ของภพบาดาลใต้แม่น้ำโขง ครอบคลุมมาถึงใต้แผ่นดินที่เป็นปริมณฑลกว้างใหญ่ ทั้งฝั่งไทยและลาว ยาวตลอดลำน้ำโขง บริเวณสะดือแม่น้ำโขงซึ่งอยู่ตรงกับอำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ถือว่าเป็นศูนย์กลางการปกครองของภพบาดาล ทั้งใต้น้ำและใต้ดิน
การปกครองของพญานาค พญานาคมีการปกครองด้วยระบอบบุญญาธิปไตย คือ ผู้มีบุญมากปกครองผู้มีบุญน้อย ลำดับชั้นปกครอง ได้แก่ พวกกำเนิดแบบโอปปาติกะ ปกครองพวกกำเนิดแบบสังเสทชะ พวกกำเนิดแบบสังเสทชะ ปกครองพวกกำเนิดแบบชลาพุชะ พวกกำเนิดแบบชลาพุชะ ปกครองพวกกำเนิดแบบอัณฑชะ เป็นไปตามลำดับ
ลักษณะของพญานาคแต่ละกำเนิด *พวกกำเนิดแบบอัณฑชะ คือ เกิดในฟองไข่ ส่วนใหญ่เป็นงูชั้นล่าง เช่น งูเหลือม งูเห่า งูจงอาง เป็นต้น *พวกกำเนิดแบบชลาพุชะ ดีขึ้นมาหน่อย คือ เกิดในครรภ์ เป็นงูขนาดใหญ่มาก ขนาดท่อนซุงหลายสิบต้นต่อกันยาวเป็นร้อยเมตร อยู่ใต้น้ำลึก คนมักจะเรียกว่า งูเทพเจ้า *พวกกำเนิดแบบสังเสทชะ ก็ดีขึ้นมาอีก พวกนี้จะเป็นกึ่งสัตว์เดรัจฉาน และกึ่งทิพย์ เมื่ออยู่ในเมืองบาดาลสามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้โดยจะทำหน้าที่เป็นบริวารรับใช้อยู่ในวิมานที่ภพบาดาลของพวกโอปปาติกะ *ส่วนพวกกำเนิดแบบโอปปาติกะ นั้นเป็นพญานาคชั้นปกครอง ปกครองประชากรนาคด้วยระบอบบุญญาธิปไตย โดยถือหลักผู้มีบุญมาก ปกครองผู้มีบุญน้อย
อายุขัยของพญานาค พญานาคใต้แม่น้ำโขง เป็นพญานาคระดับภุมเทวาประเภทหนึ่ง ซึ่งมีอายุแตกต่างกันตามกำลังบุญ พวกกำเนิดแบบโอปปาติกะ จะมีอายุประมาณ ๕,๐๐๐ ๑๐,๐๐๐ ปี พวกกำเนิดแบบสังเสทชะ เกิดจากเหงื่อไคล ในน้ำที่หมักหมม จะมีอายุประมาณ ๑,๐๐๐ ๕,๐๐๐ ปี พวกกำเนิดแบบชลาพุชะ เกิดในครรภ์ หรือประเภทงูเทพเจ้า จะมีอายุประมาณ ๑๐๐ ๕๐๐ ปี พวกกำเนิดแบบอัณฑชะ เกิดในไข่ เป็นงูสามัญ จะมีอายุ ๑๐ ปี บ้าง ๒๐ ปีบ้าง ๓๐ ปีบ้าง
การแปลงกายเป็นมนุษย์ พวกกำเนิดแบบโอปปาติกะ สามารถแปลงกายได้ทั้งขณะอยู่บนบกและอยู่ในน้ำ พวกกำเนิดแบบสังเสทชะ ซึ่งเกิดในเมืองบาดาล แปลงกายได้เฉพาะขณะอยู่ในเมืองบาดาล ถ้าหากออกพ้นเมืองบาดาลก็จะกลายร่างเป็นนาคเหมือนเดิม พวกกำเนิดแบบชลาพุชะ และอัณฑชะ ล้วนแปลงกายไม่ได้ เพราะบุญน้อย ฤทธิ์ก็น้อยตาม จึงอยู่ในสภาวะของงูตลอดไป
อาหารของพญานาค พวกกำเนิดแบบอัณฑชะ หรืองูทั่วๆไป จะกินพวกกบเขียดปลาเล็กๆ เป็นอาหาร พวกกำเนิดแบบชลาพุชะ หรืองูเทพเจ้า จะกินปลาใหญ่เป็นอาหาร พวกกำเนิดแบบสังเสทชะ และโอปปาติกะ จะกินอาหารทิพย์ที่เกิดจากบุญภายในวิมานตนเองใต้ภพบาดาล
วิมานในภพบาดาล เป็นทองคำ พื้นรอบนอกวิมานจะเป็นทรายเงิน ทรายทอง ทรายแก้ว ตามกำลังบุญของเจ้าของวิมาน ภายในวิมานจะมีคลังเก็บสมบัติ ทั้งที่เป็นหีบแก้วแหวนเงินทอง และรัตนชาติ บางส่วนก็เป็นสมบัติโบราณ ที่ตนเองมีหน้าที่เก็บรักษา เช่น พระพุทธรูปโบราณที่จมลงไปในดิน หรือสิ่งก่อสร้างสำคัญของวัดวาอารามที่ปรักหักพัง หรือเทวรูปต่างๆ
มีเรื่องเล่าในพระไตรปิฎก เกี่ยวกับอดีตชาติของพระรัฐปาล ซึ่งคัดย่อเฉพาะเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับพญานาคว่า มีพระดาบสองค์หนึ่งได้เห็นสมบัติอันอลังการของพญานาค ก็กลับไปเล่าให้โยมอุปัฎฐากฟัง โยมอุปัฎฐากก็เชื่อพระดาบสนั้น จึงปรารถนาสมบัติพญานาค เมื่อทำบุญก็จะอธิษฐานให้ไปเกิดในภพพญานาค เมื่อตายแล้วก็ได้ไปเกิดเป็นพญานาคสมดังใจที่ได้อธิษฐานไว้
หน้าที่ของพญานาค นาคพวกกำเนิดแบบอัณฑชะ มีความเป็นอยู่เหมือนงูทั่วไป * พวกกำเนิดแบบชลาพุชะ เป็นงูเทพเจ้ามีหน้าที่เฝ้าสถานที่สำคัญ เช่น วัดวาอารามเก่าๆ หรือเฝ้าสมบัติโบราณ นักขุดสมบัติมักจะเจองูใหญ่ประเภทนี้ไล่ขบกัด ต้องวิ่งเผ่นหนีกันกระเจิดกระเจิง บางทีก็มาเข้าฝันเจ้าของสมบัติว่า อยากจะไปเกิดแล้ว ให้มาขุดเอาสมบัติไปก็มี เช่นสั่งว่า ให้ไปคนเดียว ห้ามชวนคนอื่นไปด้วย เพราะไม่ใช่เจ้าของ ตอนตี ๒ ก็ไปขุดตามที่ฝัน แล้วเจอไหสมบัติพร้อมกับงูตัวโตมหึมา แต่งูก็ไม่ทำร้าย ยินดียกสมบัติให้ * พวกกำเนิดแบบสังเสทชะและโอปปาติกะ มีชีวิตประจำวันเสวยสุขอยู่ในวิมานใต้ภพบาดาล รายล้อมไปด้วยนางนาคมาณวิกา สาวสวยวัยกำดัดคอยฟ้อนรำปรนเปรอไม่ห่างกาย * พวกกำเนิดแบบโอปปาติกะ เป็นนาคชั้นผู้ปกครอง มีหน้าที่เป็นผู้พิพากษา คอยตัดสินคดีความต่างๆ ในสายการปกครองของตนไปด้วยในตัว ดังเช่น คดีตัวอย่างต่อไปนี้
ครั้งหนึ่งมีนาคบริวารออกไปว่ายน้ำที่ลำน้ำโขง ได้พบหญิงสาวผู้หนึ่งกำลังว่ายน้ำเล่นอยู่ ก็เกิดหลงรัก แต่เธอเป็นมนุษย์อยู่ร่วมกันไม่ได้ จึงเข้ารัดร่างแล้วดึงลงไปใต้น้ำ ทำให้เธอจมน้ำตาย แล้วร่ายมนต์บังคับ ฉุดเอาวิญญาณมาโดยเจ้าของร่างไม่ยินยอมพร้อมใจ เพราะอยู่ๆ ก็จะเอาไปเป็นเจ้าสาว อย่างนี้ยอมรับไม่ได้ แต่กายละเอียดของเธอถูกมนต์บังคับไว้ ไม่สามารถดิ้นหนีไปไหน ฝ่ายญาติของหญิงสาวที่อยู่เมืองมนุษย์ก็ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ บุญนั้นมากพอที่จะส่งผลให้วิญญาณของหญิงสาวผู้นั้นให้ได้ไปเกิดในภพภูมิที่ดีกว่านาค แต่นาคหนุ่มไม่ยอม ได้ดึงรั้งวิญญาณของเธอไว้ ทำให้เธอไปไม่ได้ การที่นาคหนุ่มดึงรั้งเธอเอาไว้ ถือว่าเป็นความผิดขั้นร้ายแรงของนาคหนุ่ม เหตุการณ์นี้ร้อนถึงเจ้าหน้าที่เขตที่เป็นกุมภัณฑ์ (ยักษ์ประเภทหนึ่ง) ต้องลงมาร้องเรียนพญานาคผู้ปกครอง พญานาคผู้ปกครองจึงต้องตัดสินให้นาคหนุ่มปล่อยวิญญาณหญิงผู้นั้นไป และทำโทษด้วยการกักบริเวณ โดยให้นาคหนุ่มไปอารักขาพระพุทธรูปโบราณ หรือเจดีย์โบราณที่จมอยู่ใต้ดินเป็นเวลาร้อยๆ ปี การลงโทษทำนองนี้ก็แล้วแต่ว่าจะไปอยู่นานแค่ไหน พิจารณาตามความหนักเบาของพฤติกรรมในแต่ละรายๆ ไป
อีกคดีหนึ่ง พญานาคหนุ่มบริวารของเมืองหนึ่ง ไปหลงรักนางนาคมาณวิกาซึ่งเป็นบริวารของพญานาคอีกเมืองหนึ่ง เหตุเกิดขณะที่นางนาคออกจากเมืองบาดาลของตนมาว่ายน้ำเล่น นาคหนุ่มบังเอิญออกมาว่ายน้ำเล่นอยู่ตรงนั้นพอดี เมื่อพบนาคสาวเข้าก็เกิดความรักขึ้นมาท่วมท้นหัวใจใคร่จะร่วมอภิรมย์สมสู่กับนางขึ้นมาทันที จึงจู่โจมเข้ารัดร่างนาคสาวที่กำลังเล่นน้ำเพลินอยู่ไม่ทันระวังตัว นางนาคตกใจดิ้นสุดแรง สะบัดตัวเพื่อให้หลุดจากการรัดนั้น ในที่สุดก็หลุดรอดออกมาได้ พุ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว แต่นาคหนุ่มไม่ยอมเลิกรา ไล่กวดตามไปไม่ลดละ พยายามตีคู่ และเบียดตัวเข้าชิดร่างของนาคสาว จนผิวเนื้อสัมผัสกัน เธอเบี่ยงตัวหลบหลีก แต่ไม่พ้นหนุ่มนาคจอมเจ้าชู้ แล้วนาคหนุ่มก็ใช้คำหวานป้อยอจนเธอใจอ่อน ว่าพลางเจ้านาคหนุ่มก็ว่ายคลอเคลียไม่ยอมห่าง ออดอ้อนจนสาวนาคยอมตกลงปลงใจรับรักเจ้านาคหนุ่ม แล้วก็แอบมาพลอดรักกันนอกเมืองบาดาลบ่อยๆ อยู่มาวันหนึ่งมีนางนาคบริวารตนหนึ่งมาเจอเข้าความลับก็แตก รู้ไปถึงสามีของนางนาค จึงมีการไปร้องเรียนกับหัวหน้าของตน แต่หัวหน้าเขตไม่สามารถตัดสินลงโทษได้ เพราะคู่กรณีเป็นพลเมืองของอีกเมืองหนึ่ง ต้องไปร้องเรียนกับผู้ปกครองใหญ่ คือ สุวรรณมธุรนาคราช
สุวรรณมธุรนาคราช จึงสั่งให้นาคทั้งสองซึ่งกระทำผิดศีลข้อ ๓ คือ กาเมฯ ให้เลิกกัน อย่าได้ประพฤติผิดเยี่ยงนี้อีก แต่ทั้งสองไม่อาจทำใจให้เลิกรากันได้ เพราะเกิดรักฝังใจเสียแล้ว สุวรรณมธุรนาคราชจึงต้องสั่งลงโทษทั้งสอง โดยให้แยกกันกักบริเวณ ตนหนึ่งให้ไปเฝ้าพระพุทธรูปโบราณอยู่ใต้ดิน อีกตนหนึ่งเฝ้าสถูปโบราณที่ปรักหักพัง ห้ามฝ่าฝืน หรือหนีมาพบกันเด็ดขาด หากฝ่าฝืนจะมีบทลงโทษอย่างหนัก โดยจะให้หัวหน้าเขตที่เป็นกุมภัณฑ์ควบคุมไปรับโทษที่ยมโลก บังคับให้ปีนต้นงิ้วได้รับทุกข์ทรมานอย่างยิ่ง
อ่านตอนต่อไปคลิกที่ all blog ซ้ายมือค่ะ
Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2553 |
|
11 comments |
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2553 21:46:10 น. |
Counter : 482 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ก้อนหิน (cator ) 22 กุมภาพันธ์ 2553 1:10:26 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 22 กุมภาพันธ์ 2553 6:38:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: sawkitty 22 กุมภาพันธ์ 2553 13:09:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: โซดาบ๊วย 22 กุมภาพันธ์ 2553 14:42:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: nutangmo 22 กุมภาพันธ์ 2553 20:12:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: หมึกสีดำ 22 กุมภาพันธ์ 2553 21:45:18 น. |
|
|
|
|
|
|
|
เป็นเรื่องที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งเลยครับ...ชอบสุดๆ ไง...จะขออนุญาต copy เก็บไว้อ่านนะครับ....