มีนาคม 2556

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
จดหมายจากนักเขียนคนโปรด
สุดยอดนักเขียนโรแมนติก จามรี พรรณชมพู และวลัยนวาระ NO 1<<>> จดหมายจากนักเขียนคนโปรด..สิ่งดีๆที่เรียกว่าความประทับใจ

Website counter


สุดยอดนักเขียนโรแมนติก จามรี พรรณชมพู และวลัยนวาระ NO 1<<>> จดหมายจากนักเขียนคนโปรด..สิ่งดีๆที่เรียกว่าความประทับใจ


สิ่งดีๆที่เรียกว่า “ความประทับใจ”
**********************
เจ๊เพิ่งจะรู้ว่าสมัยที่เจ๊บ้าบออยู่ในถนนนักเขียนเจ๊เขียนความเรียงเยอะมาก แถมไม่เก็บ55 ที่เก็บได้นี่ก็เยอะอยู่ คนที่เก็บไม่ใช่เจ๊แต่เป็นป้าหนอน555 ฮามาก อุตส่าห์ไปเก็บกระทู้เก่าไว้ให้ ทำบล๊อคแก๊งส์ให้ด้วย ไม่รักก็บ้าแล้ว หหหุหุ เจ๊มีแฟนเพจคุณป้าศรีอันหนึ่งสำหรับแฟนหนังสือ ปล่อยปะละเลยมาก ตะกี้ไป่อาน โอ๊ย แฟนคุณป้าน่ารักโฮก พอดีค้นเจออันนี้ อ่านแล้วฮาดี แปะไว้ก่อน พร่งนีจะไปแปะบล๊อค ดูพ.ศ.แล้วตกใจ.. ปี 2547 การเขียนเจ๊ไม่พัฒนานาเลยค้า....

***************************
คุณมีนักเขียนในดวงใจไหม?
คุณชอบลีลาของนักเขียนคนไหนมากเป็นพิเศษ จนขนาดปวารณาตัวว่าจะเป็น “แฟนพันธ์แท้” บ้าง?
แล้วที่หนึ่งในดวงใจคนนั้นของคุณน่ะใคร?

ใครคนหนึ่งกล่าวว่า “หนังสือเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์”
เจ๊เห็นจริงด้วยทุกคำ
อย่างที่เรารู้ๆกัน หนังสือนอกจากให้ความรู้ ให้ความเพลินเพลิน ยังก่อให้เกิดจินตนาการกว้างไกล โอว์..ทุกคนทึ่ง เจ๊มันเขียนมีสาระอย่างนี้ได้อย่างไรว่ะ
สารภาพก็ได้ว่า ลอกเขามา อิอิอิ
เจ๊ไม่ใช่หนอนหนังสือที่อ่านหนังสือ แต่เจ๊เลือกอ่านค่ะ เลือกตามความสนใจ หนังสือบางเล่มที่เขาว่าดี เจ๊ก็เฉยๆ แต่จริงๆมาถึงวันนี้เริ่มรู้ตัวว่าผิด เพราะพอมาได้ลองอ่านหลายนักเขียน หลายลีลา เริ่มมีรู้สึกเปลี่ยนไป
เฮ้ย เรื่องนี้มันสนุกดีน่ะ
คนนี้เขียนพล๊อตแปลกจัง โอ้โฮ้..ทึ่ง
ถึงอย่างไรก็ดี หนังสือที่โปรดที่สุดของเจ๊ ยังเป็นนวนิยายโมรันติก เอ๊ย โรแมนติก หวาน อ่านแล้วสะเทิ้นนนนนนน ขนาดเก็บไปฝันว่าเป็นนางเอก โอว์..
จริงๆสเป็คเจ๊นี่เป็นนางเอกได้น่ะ แสนสวย(ไม่เสร็จ) แสนดี( ดีแตก) แสนน่ารัก(ลักเอาไปทิ้งน้ำ) เห็นม่ะ ไม่มีใครค้านสักคน..ฉนั้นก็ขึ้นทำเนียบนางเอกกับเขาได้
เจ๊มีนักเขียนนิยายสุดโปรดอยู่สองคน เรื่องนี้พูดบ๊อยบ่อย จนคนแถวนี้เบื่อกันไปหมดแล้ว
แต่วันนี้ขอพูดอีกสักครั้งเถิ้ดดดดด
เจ๊ขอมอบปากกาทอง(ม้วน) จากรางวัลนักเขียนในดวงใจของเจ๊
แต่น แตน แต๊นนนนนนน
นัมเบอร์ทู ที่สองครองดวงใจ ไม่ใช่ใครอื่น คุณพี่อาริตา นั่นเอ๊ง..
อ่านหนังสือของคุณอาริตา กันยามาส ดาริกา มาหลายปีดีดัก(จากร้านเช่า) ไม่ยักรู้ว่าเป็นคนเดียวกัน พอช่วงปีหลังๆ วงการหนังสือนิยายพัฒนา ลงรูปคนเขียนแปะไว้หลังปกด้วย พร้อมประวัติพอสังเขป
นั่นทำให้เจ๊รู้จักคุณอาริตามากขึ้น ติดตามงานของเธอเรื่อยๆมา ตามกำลังเงินในกระเป๋า แต่ซื้องานของเธอน้อย เพราะหวังของฟรีล่ะมากกว่า..อ๊าว ผิดๆๆค่ะ อิอิอิ
อาจเป็นเพราะงานของเธอพิมพ์สำนักพิมพ์หรูสักนิ๊ด รูปเล่มเนี้ยบ ราคาจึงออกจะสูงหน่อย เพราะเป็นกระดาษปอนด์อย่างดี
หนังสือเธอที่เจ๊โปรดที่สุด อ่านหลายรอบ มีหลายเรื่องน่ะค่ะ แต่เรื่องที่ชอบที่สุด อ่านบ่อยที่สุด คือ เรื่อง ความรักเรียกหา ของคุณกันยามาส
อูย..เรื่องนี้นะคะสุดแสนจะโรแมนติก หวานแหว๋ว พระเอกเป็นปลัดค้า ส่วนนางเอกเป็นคุณหนู๊คุณหนู ร่ำรวย สวยงาม เกิดบนกองเงินกองทอง เฮ้อ อ่านแล้ว เหมือนพี่หนูนาเอาชีวิตเจ๊มาเขียนไงงั้นเลยค่ะ อิอิอิ
อ๊าวววว อย่าเพิ่งอ๊วกๆกันค่ะ คุณขา เจ๊ก็เกิดบนกองเงินกองทองนะคะจะบอกให้ กองทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ทองม้วน ไงคะ ฮี่ๆๆ
อีกเรื่องหนึ่งคือ “วันหวาน” อันนี้เป็นแนวครอบครัวใสๆที่เจ๊โปรดปราน อ่านบ่อยมาก เรื่องนี้
แล้วก็ติดตามงานของเธอเรื่อยๆ เธอมีงานลงสม่ำเสมอในนิตยสารชั้นนำต่างๆ
วุ้ย เมื่อก่อนเจ๊อ่านทุกเรื่อง ทุกเล่ม ทุกวันในหนึ่งอาทิตย์ เพราะซี้กับเจ้าของร้านแผงหนังสือ ตอนหลังเกิดแตกคอกัน มีตบตีกันระนาว
สาเหตุเหรอคะ ?
หนอย มันมาว่าน้องกบของเจ๊ไม่สวยค่ะ อย่างนี้เอาไว้ได้เหรอคะ ต้องชงแล้วตบ
นอกเรื่องไปเสียไกล กลับเข้ามาในเรื่องดีกว่า
งานใหม่ของคุณอาริตาที่เจ๊ชอบมีหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อจอมซ่าส์ สาวน้อยคาเฟ่ ลับแลใจ(อิอิอิ เรื่องนี้นางเอกเพอร์เฟ๊คเอ๊กซติงค์ ) และล่าสุด คุณแม่รับฝาก โอ๊ย ติดหนึบค่ะเรื่องนี้ ได้ข่าวว่าเรื่องของ ยัยเรียมจันทร์จะมาโลดแล่นบนจอทีวี ดังอีกแล้วคุณกันยามาส
แต่ฮื่อๆๆๆ ธัญเรศเป็นเรียมจันทร์(อันนี้พอทน) แต่คุณพล ตัณฑเสถียร มาเป็นสิบพันนี่สิคะ คุณขา ดิฉันรับไม่ได้จริงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ โอว์..สิบพันที่แสนจะแมนแสนจะบิ๊กบึน มีเคราครึ้มใฟัดูเซ็กซี่ กลายเป็นคุณพล ฮื่อๆๆ
เอาเถิดค่ะ ถึงอย่างไรก็ตามแต่ เราต้องช่วยกันเชียร์นักเขียนในดวงใจกันให้ละครเรตติ้งพุ่งกระฉูด คุณอาริตา จะได้มีกำลังใจเขียนนิยายมาให้แฟนๆได้อ่านกันต่อไป
และวันหนึ่ง เจ๊ไปเตร็ดเตร่ร้านหนังสือเจ้าประจำ(ไม่ใช่ร้านนังตาถั่วนั่นหรอกค่ะ) พร้อมกันนั้นได้เม้มตังค์แม่จ๋าไปตุงกระเป๋า
บังเอิญอีกค่ะ พี่เฮี้ยะเจ้าของร้านกำลังสาละวนเช็คหนังสือที่เข้ามาใหม่ เตรียมเรียงเชลฟ์ เอ๊ยชั้น เจ๊ก็ไปช่วย(ยุ่ง) ตามประสาลูกค้าที่ดีแหละค่ะ เรียงมั่งรื้อมั่ง พี่เขาไม่ว่าเลย แต่แอบมีค้อนเล็กๆ
เจ๊เห็นหนังสือคุณอาริตา วิวาห์พาวุ่นออกใหม่ สนใจค่ะ เพราะเรื่องนี้น่ารักดี นางเอก กะพี่ชาย น่ารัก พระเอกก็แสนดี อ่านแล้วฝันหวานไปนาน เลยซื้อกลับบ้าน
ธ่อ ก็บอกแล้วเงินเต็มกระเป๋า หาทางใช้จ่ายอยู่แล้ว..
และเล่มนี้ก็พิเศษกว่าเล่มอื่นๆ เพราะคุณอาริตาลงเบอร์อีเมล์และเบอร์ไอซีคิวหราเชียวฮ่ะ เอาแล้ว อย่างนี้เจ๊จะพลาดได้อย่างไร ต้องแอดไปคุยกันหน่อยแล้ว แฮ่ม..
จากวันนั้น วันที่คุยกัน มีสิ่งดีๆที่เรียกว่าความประทับใจเกิดขึ้นมากมาย
คุณอาริตา น่ารักมาก มากจริง
เธอคุยสนุก อ่อนหวาน และมีคำแนะนำดีให้ตลอด
และคิดว่าเธอคงน่ารักกับทุกคนๆแบบที่แสดงออกกับเจ๊เหมือนกันนะคะ เธอไม่ลำเอียงหรอกค่ะ น่ารักสมกับเป็นคนของประชาชนจริงๆ
คนเราพอได้คุย ย่อมอยากจะเจอใช่มั้ยคะ
เจ๊จึงได้เจอกับเธอครั้งแรก ที่งานหนังสือแห่งชาติค่ะ เมื่อสองปีก่อนโน้น
จำได้ว่าลากนังมิ้นท์ เอ่อ..แฮ่ะๆ ลืมตัว ชวนคุณบุษบามินตราไปด้วย เลยตื่นเต้นกิ้วก้าวเป็นการใหญ่กันทั้งคู่ อิอิอิ ขอลายซงลายเซ็นต์กันวุ่นวายไปโม๊ดดดดดดด
จบลงด้วยดีและมีความสุขไปอีกหนึ่งวัน เป็นวันที่ต้องเรียกว่าจำแม่นไปอีกหนึ่งวันเทียว..
พูดถึงที่สองครองใจกันไปแล้ว
แฮ่ม ขอพูดนักเขียนดวงใจอันดับหนึ่งของเจ๊มั่งล่ะน้า..
ไม่ใช่ คุณวลัย นวาระ ค้า..
วลัย นวาระ หรือ คุณป้าศรีเฉลิม สุขประยูร นักเขียนนวนิยายชวนฝันที่หลายๆคนรู้จักกันดี แต่มีบางคนที่ไม่เค้ยอ่าน(จริงๆไม่อยากเชื่อ แต่คุณพี่เธอพูดเองว่าไม่เคยอ่าน เจ๊เลยต้องเชื่อ)
เจ๊อ่านหนังสือป้าเค้าตั้งแต่เรียน ม.หนึ่งได้มั่งค่ะ
ตอนนั้นรู้จักกับพี่เฮี้ยะเจ้าของร้านพันทางเป็นครั้งแรก พี่เขาเพิ่งมาเปิดร้านขายหนังสือและร้านเช่าหนังสือเหมือนกัน เป็นร้านใหญ่ที่สุดของเมืองกาญจน์ตอนนั้นเลย มีหนังสือเยอะแยะ อื้อฮื้อ เข้าไปแล้วเพลินค่ะ เปิดดูกันแบบไม่เสียตังค์ อิอิอิ
เจ๊รู้จัก วลัย นวาระ นลิน บุษกร และ จามรี พรรณชมพู จากที่นั่นแหละค่ะ
จากนั้นก็เช่าอ่าน เท่าที่มีโอกาสและกำลังเงิน แหม..ก็ตอนนั้นเป็นนักเรียนอยุ่นี่คะ จะมาอ่านนิยายทั้งวันทั้งคืนได้ไง แม่จ๋าตีตายกันพอดี
อ่านกันเรื่อยๆมา จนโตนี่แหละค่ะ
ความที่คุณป้าเขียนหนังสือเยอะแยะไปหมด เจ๊จำได้มั่งไม่ได้มั่งว่าเคยอ่านเรื่องไหนแล้วมั่ง แต่อ่านเยอะเลย
แน่นอนต้องมีเรื่องโปรด..
ฟันธงตอบเลยค่ะ คุณชายธมกานต์
โอว์..สเป็คเจ๊เลยน่ะ คุณชายเนี้ย พระเอกในฝัน
หล่อ รวย สมาร์ท เอาใจเก่ง ดื้อ เอาแต่ใจ
อูย….อยากเป็นนันทนิจ ฮี่ๆๆ เอาแล้วอาการเริ่มออก บ้าๆๆ
เปล่าหรอกค่ะ โดยส่วนตัวชอบอ่านนิยายชุดๆ แบบเรื่องที่ต่อๆกันมีการเท้าความถึงตัวละครต่อไปๆว่า เออ คนนั้นแต่งงานแล้วเป็นอย่างไรบ้าง มีลูกกี่คน อะไรแบบนี้แหละค้า..
นิยายชุดนี้มีสี่เล่ม คือ หม่อมเจ้าสุริยกานต์ คุณชายธมกานต์ พธูเทพกานต์ และเพชรเทพกานต์
นวนิยายอีกชุดหนึ่งของป้าวลัยที่เป็นตอนต่อ ที่เจ๊ชอบอีกเหมือนกัน ตัวละครจะเป็นชุดเดียวกัน เพียงแต่ว่าเรื่องไหนใครจะเด่นได้เป็นพระนาง ชุดนี้มีเรื่อง
ทายาทแป๋งแป๋ง ผู้หมวยป๊อกแป๊ก ราชันย์ ธนายุ และ รักไกลบ้าน
หลายปีต่อมา เจ๊โตแล้ว(แน่สิย่ะ ไม่ใช่เด็กแคระนิน่า) ทำงาน พอมีเงินซื้อสิ่งบันเทิงเริงใจบ้าง จึงเริ่มสะสมหนังสือป้า..แต่ซื้อได้ไม่มากนัก เพราะหนังสือนิยายปกแข็งราคาแพงมาก ซื้อไม่ไหว ปีหนึ่งต้องรอไปงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติเพื่อรอเขาลดราคา..
วันหนึ่ง เจ๊ได้รู้จักน้องคนหนึ่ง ทางไอซีคิว ชื่อยัยเหมียว ณ ขอนแก่น ยัยคนนี้น่ารัก เป็นแฟนป้าวลัยสุดขั้วเหมือนกัน วันๆคุยทางไอซีคิวคุยกันแต่เรื่องนิยาย ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ แต่ยัยคนนี้มาแปลกแหวกแนว ชอบมาถามว่า เจ๊เรื่องนั้นเป็นไง สนุกไหม..เนื้อเรื่องเป็นไง…?? โอ๊ย..ใครจะไปจำไหวว่ะ ป้าเขียนนิยายมาล้านเจ็ดสิบเอ็ดแสนเล่ม อิอิ จำได้ก็ต้องเป็นสารานุกรมเคลื่อนที่แล้วเว้ย…
และยัยเหมียวนี่แหละค่ะ ที่วันหนึ่งมาถามว่า
“เจ๊ เคยเขียนจดหมายไปหาป้าไหม?”
“หา มีที่อยู่ด้วยเหรอ ไม่เคยเลย เหมียวเคยเหรอ?”
“อืมม์..เหมียวเขียนไปแล้ว ป้าเค้าตอบเหมียวมาด้วยน่ะ “
“จริงเหรอ?? เอาๆๆ เอาที่อยู่มาเร้ววววว เจ๊จะเขียนไปมั่งงงงง”
พอได้ที่อยู่แล้ว คิดว่าเจ๊จะอยู่เฉยๆเหรอ เจ๊เขียนจดหมายไปหามั่ง แถมแนบซองเขียนชื่อที่อยู่ตัวเองพร้อมติดแสตมป์ไปพร้อมเสร็จสรรพ
ใจจริงก็ไม่ได้หวังอะไรมากมาย คิดว่าถ้าโชคดี ป้าเค้าคงตอบมา จะช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร ให้ป้าตอบก็แล้วกัน..
แต่อาทิตย์ต่อมา..
เจ๊ได้รับจดหมายตอบค่ะ
โอ๊ยยยยยยยยยย
กรื้ดดดดดดดดด
ดีใจๆๆๆๆๆๆๆๆที่สุดเลย
ตอนคลำซองจดหมาย รู้สึกใจตุ๋มต๋อม
เอ..ทำไมซองมันหนางี้หนา..
เจ๊ค่อยๆเปิดๆซองอย่างทะนุถนอมที่สุด ค่อยเปิดเหมือนกับจะให้ความรู้สึกตื่นเต้นแผ่ซ่านไปให้ทั่วร่างกายเสียก่อน..
ป้าตอบจดหมายเจ๊อย่างตั้งใจน่ะเจ๊ว่า..
ข้อความทั้งหมดเขียนด้วยลายมือสองแผ่น สี่หน้ากระดาษฟุตแก๊ปส์เต็มๆ
โอ้โฮ้..ปลื้มมมมมม มากค่ะ
นี่เป็นความประทับใจที่สุดอีกครั้งหนึ่งในชีวิตของเจ๊เลย
ต่อไปนี้เป็นข้อความในจดหมายน่ะคะ จดหมายเขียนเรื่องทั่วๆไป ไม่ได้มีส่วนตัวที่น่าเสียหาย เจ๊เลยลอกมาให้อ่านกัน..เอ่อ เจ๊อยากอวดด้วยล่ะค่ะ อิอิอิ

สวัสดีค่ะหนูแอน
ได้จดหมายแล้วค่ะ เห็นมีกระดาษเล็กๆหลายแผ่น ตกใจ ไม่รู้ว่ากระดาษอะไร อ่านได้ความแล้วก็เซ็น(ไม่มีต์)นามปากกาส่งมาให้ค่ะ
(((เจ๊ขอเสริม---คือว่าเจ๊ขอลายเซ็นต์ป้าเค้าค่ะ ฮ่ะๆๆ ส่งกระดาษแผ่นเล็กๆไปขายลายเซ็นทุกนามปากกาของป้าเลย เห็นที่ป้าเค้าเขียนเซ็น(ไม่มีต์) กำกับมานั่นไหมคะ เจ๊เขียนจดหมายเขียนผิด เซ็นต์ ไป ป้าเค้าอุตส่าห์แก้มาให้ด้วย น่ารักจริงๆเลยค่ะ)))
ป้าเป็นคนไม่มีลายเซ็น เขียนเฉยๆ สาเหตุเพราะเห็นคนเขาเซ็นชื่อกันให้อ่านไม่ออกบ่อยๆ มีอยู่คนหนึ่งที่ธนาคารกรุงเทพ เขาเซ็นชื่อไว้ให้เป็นตัวอย่างในสมุดรายชื่อผู้มีอำนาจอนุมัติ(Authorized signatureฉ เขาเซ็นอย่างนี้คะ / / / ป้าลืมแล้วว่าเขาชื่อและนามสกุลอะไร
ลายเซ็น(ลายมือธรรมดาแหล่ะ)ที่ให้มามีดังนี้
วลัย นวาระ นามปากกาแรกที่ใช้เขียนนิยาย
นลิน บุษกร นามปากกาที่สอง เขียน “กำไลนางฟ้า” ก่อนจะเริ่ม “ทายาทป๋องแป๋ง”
จามรี พรรณชมพู นามปากกาที่สาม เริ่มด้วย “เพลิงน้ำผึ้ง
วชิรา วัชรวัลลภ นามปากกาแรกเลย เขียนเรื่องดาราหนังลงในนิตยสาร “ตุ๊กตาทอง” ตอนอายุ ๑๘–๑๙ ยังใช้ทำเรื่องแปล..
วสี เสาวรสเอาไว้แปลเรื่องโรแมนติก
รวินทร์ เวโรจน์ เอาไว้เขียนเรื่องแปลกออกไป อย่างเรื่องเกย์ (“เทพบุตรประเภทสอง”) เรื่องออกจะพิศดาร(“แค้นข้ามชาติ”)
วิวัน เวโรจน์ เดิมจะเขียน”เทพบุตรประเภทสอง” เคยออกมาแล้วในนิตยสาร”ฟ้านารี สองสามบท แต่มาเปลี่ยนใช้ รวินทร์ เมื่อลงใน “สาวสยาม” วิวันตั้งใจจะเขียนเรื่องลึกลับแบบผู้หญิงเขียนยังตั้งใจว่าสักวันจะเขียน ก็เลยเซ็นเผื่อมาด้วย
รอม วิศรุต นามปากกานี้เกิดมาเพราะ คุณชิต กันภัยจะให้เขียนเรื่องบู๊ บอกว่าเขียนไม่เป็นก็ไม่ยอม เลยอาศัยเขียนเรื่องอิงฝรั่งโบราณ คุณชิตบอกว่า บู๊โบราณ ตอนลงใน”ดรุณี” ก็มีคนติดกัน คิดว่าผู้ชายลูกนักการทูตเขียน(คิดว่าเหมือนพระเอก)(((เจ๊ขอเสริม---เรื่องนี้พระเอกเท่ห์โคต ชอบๆๆ เรื่องนี้คือสิลาไฟและปาริชาตไฟ ))) แต่พิมพ์เล่มแล้วขายไม่ค่อยออก เรื่องที่ผู้ชายชอบพิมพ์เล่มแล้วมักขายไม่ค่อยดี(((เจ๊ขอเสริม---คุณป้าขาา..ผู้ชายส่วนมากไม่ค่อยลงทุนค้า อิอิอิ)))
นล นวชาต แปลเรื่องเดียวคือ “ทางร้อยแพร่ง” เป็นเรื่องกลับชาติเกิด นายคนนี้ทำบาปกรรมไว้แปดร้อยแล้ว มาเกิดสมัยปัจจุบันก็ยังใช้ไม่หมด มีคนมาขอรวมเล่มแล้วเงียบหาย เขาหวังจะได้”วลัย”น่ะค่ะ เกิดสำนักพิมพ์ล้มก็เลยไม่ได้พิมพ์ ป้ายังมีต้นฉบับอยู่ในกุลสตรี” แต่จะต้องเอาไปถ่ายสำเนาตั้งสามสิบบท(ราวๆนั้น) ก้เลยเพลีย ทิ้งไว้ก่อน ความจริงเป็นเรื่องดีมาก
ศรีเฉลิม สุขประยูร แปลเรื่องเดียวใน”ฟ้าเมืองไทย” คือ”ห้องเรียนเขียนเรื่อง” ขายไม่ดี เพราะไม่ใช่นวนิยาย
ป้าไม่มี E-mail address เลยค่ะ ไม่ได้เล่มคอมพิวเตอร์และไม่สนใจ Internet Fax ยังไม่มีเลย ว่างๆมีโทรศัพท์เข้ามา บอกว่าจะส่ง Fax ป้าก็บอกว่าไม่มีนะคะ เขาก็ย้ำว่าจะส่ง Fax นะคะ ป้าบอกว่าส่งไม่ได้หรอกค่ะเพราะไม่มี เขาก็ถามเบอร์โทรศัพท์ซึ่งถูกต้อง แต่ป้าบอกว่ายังไงก็ไม่มี Fax ถ้าอยากคุยกันก็ต้องคุยทางจดหมาย ฉบับแรกป้ามักตอบเร็วหน่อย เห็นว่าอุตส่าห์เขียนมาทั้งที แต่เวลาป้าไม่ว่างก็อาจต้องรอกันหลายวัน ช่วงจากนี้จนถึงปลายปีป้าจะไม่ค่อยว่าง ต้องเร่งเขียนหนังสือเล่มส่งเขา เรื่องของชมนาด ชวัลนุชยังไม่ได้ออกใหม่เลยตั้งแต่ต้นปี มัวมาเขียนให้คลังวิทยา
Internet นี่มาแรงจัง หนูคนหนึ่งเขียนไปทางกุลสตรี อยากทราบว่ามีเรื่องชุด พินท์เทพ และทิพย์พธูต่อจากรักไกลบ้าน” หรือเปล่า ตอบว่าไม่มี ((( เจ๊ขอเสริม---รักไกลบ้าน ตอนสุดท้ายของตระกูลธนายุ)))อีกเดียวเดี๋ยวได้จดหมายจากหนูเหมียวจากขอนแก่นถามว่าตอนต่อของ “เมียพยศ” หรือเปล่า แล้วก็มาเจอจดหมายหนูแอนมาจากกาญจนบุรี ทราบที่อยู่ของป้าก็บอกกันเป็นทอดๆ ป้าอาจเขียนตอบไม่ทันถ้ามีมาอย่างนี้อีก สมัยก่อนป้าเขียนหนังสือมาก เขียนแต่เช้าจนค่ำก็ยังส่งต้นฉบับไม่ทัน จดหมายเข้ามาไม่มีเวลาตอบ บางทีก็ไม่มีเวลาอ่าน มีอยู่คนหนึ่งที่ป้าพอว่างก็หยิบมาตอบ เขาตอบมาว่ากว่าจะได้รับตอบจากป้าตั้งปี เวลานี้เขาก็เลิกชอบป้าแล้ว ยังอุตส่าห์ตอบมานะคะเพื่อบอกว่าไม่ชอบ ก็เป็นสิทธิของเขา
ชื่อ…..เพียงสะดุดนิดๆ ไม่มาก ที่สะดุดมาก คือ ผู้จัดการของ Asia Books เขาส่งรายชื่อหนังสือมาเสมอ มีจดหมายแนบมาสองภาษา อังกฤษกับไทย เขาชื่อธนัญชนกมาเชียว แต่ได้เป็นหม่อมเจ้า เป็นนายเฉยๆ ชื่อต่างๆนี้ป้ามักจะเอามาจากหนังสือ “ชื่อดีของคุณบรรจบ พันธุเมธา “ ท่านตั้งชื่อตามวันและเวลาให้เป็นสิริมงคลแก่เด็กเกิดใหม่ บางทีก็ตั้งเองบ้าง เช่นนางเอกเรื่อง “ระบำดาว” ชื่อ ดาราลิล ก็มาจากดาราลีลาศ มีคนบอกป้าบ่อยๆว่าเอาชื่อจากนิยายป้าไปตั้งให้ลูกหลานของเขา คือเขาอ่านแล้วเขาชอบ และป้าก็มักจะแปลให้ด้วย
นานมาแล้ว ป้าไปเลือกหนังสือที่เซ็นทรัลชิดลม ก็มีหนูๆวัยรุ่นเข้าทัก ถามว่า “วลัยใช่ไหม?” ป้าออกจะเขิน เพราะนักเขียนไม่ใช่ดารา เขาไม่น่าจะจำได้ เดี๋ยวนี้ไปไหนคนมักจะจำได้ ถ้าเขาไม่ทักก็เฉยเสีย(เข้าใจว่าตั้งแต่ชมนาด ชวัลนุชพิมพ์ออกมา หรรษาเขาเอารูปใหม่ไปพิมพ์ คนเลยจำได้เพราะรูปใหม่นั้นแก่เท่าตัวจริง) ที่พูดมายืดยาดนี้ตั้งใจจะบอกนิดเดียวว่า หนูๆวัยรุ่นนั้นถามป้าว่า ชอบชื่อกานต์ๆหรือ มีทั้งชื่อสุริยกานต์ ธมกานต์ และก็ยังโดดไปมีกานต์ชนกใน”ผัวเชลย” อีก ป้าก็ต้องยอมรับว่า อาจมีอีกหลายกานต์ เฉพาะชุดเทพกานต์นั้นเขาก็กานต์กันแทบทุกคนอยู่แล้ว (((เจ๊ขอเสริม--- คุณป้าขา ไอ้ชื่อที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ถ้าหากหนูมีโอกาสมีลูกเป็นของตัวเองน่ะค่ะ ขอบอกว่าเสร็จหนูหมดแหละค่ะ ฮี่ๆๆ)))
เรื่องแต่งต่อนี้ ป้าว่าสี่เรื่องก็พอแล้วค่ะ เคยพูดกับหนูเหมียวเหมือนกันว่า ไม่อยากให้พระเอกคนแรกแก่มากไปหรือถึงตาย อย่างชุด”ป๋องแป๋ง” นั้นก็ต้องบวกอายุทินนาถหลายปี เพราะทิพย์พธูยังเด็ก ยังไม่สาว ทินนาถอาจเป็นผู้บังคับบัญชาการทหารบก หรือ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ชักเขียนไม่ออก ก็แย้มๆไว้งั้นเองว่า พินทุ์เทพมีทางลงเอยกับทิพย์พธู เคยแย้มๆวไว่า ม.จ.ธนัญชนกก็คงจะลงเอยกับคุณหญิงพราว(((เจ๊ขอเสริม----จากเรื่อง พธูเทพกานต์))) ซึ่งตอนนั้นยังเด็ก ป้าก็เกิดความคิดว่าเขียนเรื่องหนุ่มสาวมาเจอกันแล้วรักกันเสมอๆ คราวนี้ให้รักกันและหมั้นกันแล้ว เลิกกันแล้ว ป้าเลยเกือบตายกว่าจะดึงเขามาตกลงกันได้ เข็ดไปเลยค่ะ
มีนักเขียนฝรั่งคนหนึ่ง ชื่ออะไรป้าออกจะเลือนๆ แต่เขาแต่งชุด “Daughters” เป็นเรื่องคล้ายๆ”Daughters of The mists “ “ Daughter of Isles” อะไรงั้นนะคะ แต่ป้าไม่ได้อ่านละเอียด เพราะมันขาดๆอยู่ ไม่มีหนังสือครบ ๑-๒-๓ อะไรแบบนั้น มีตั้งสิบเล่ม(ดูรายชื่อที่เขาโฆษณาในเล่มที่มี) คนเขียนเขาบอกว่า ชุดนี้ของเขาคนชอบ เขาจะเขียน ๑๐๐ เล่มก็คงมีคนตามอ่านอยูเรื่องๆ ตัวละครหลักเขามีสามคนเดิม ก็ไม่เห็นจะแก่กันเลย หรือเขาเขียนปีเล่มก็เลยแก่ทีละปีก็ไม่ทราบ
ป้านึกได้ว่า ลืมเขียนชื่อ ชมนาด ซึ่งมีผลงานอยู่แล้ว ก็เลยไปเขียนไว้ควบกับวิวัน ซึ่งยังไม่มี มีผู้อ่านคนหนึ่งโทรศัพท์มาถามว่า มีรวมพิมพ์เรื่องของ พร่างเพชร พินทุสรบ้างไหม ป้าตอบว่าไม่มี เขาบอกว่าเขาอยากได้ ป้าก็ว่าคงต้องผิดหวัง เพราะนามปากกานี้ไม่เคยเขียนเรื่องด้วยซ้ำ เคยแต่แปล ป้าเคยเขียนเรื่องดาราระยะหลัง แถมด้วยสารคดีใน Bangkok Digest ของสำนักพิมพ์ก้าวหน้า เขียนไปเขียนมา คนเดียวเล่นเสียหลายเรื่อง บางที บ.ก.ก็เลยใช้ชื่อเปลี่ยนๆไป พอป้ามาแต่เรื่องก็คัดออกมาตอนที่ชอบๆ มาใช้เป็นนามปากกา ส่วนมากเป็นชื่อแปลว่าดอกไม้ และจะมีนามสกุล แต่ตอนเขียนเรื่องดารา ก็ใช้นามปากกาเล่นๆคำเดียว เช่น ช่อกุหาบ หรือจันทน์กะพ้อ ตอนเขียนใน”ฟ้าเมืองไทย” เป็นคอลัมน์เล็กๆน้อยๆ คุณอาจินต์ ปัญจพรรค์ ตั้งชื่อให้ว่า “แหวนทอง”” ทีหลังก็เลยมีพวก “สร้อยมุก” หรือ “กำไลเพชร” ตามมาอีก เป็นนามปากกาเฉพาะกิจ ไม่คิดจะใช้ถาวร ถ้าใช้จริงๆ ต้องมีนามสกุลด้วย
หนูแอนชอบ วสี เสาวรส ไม่ทราบว่ามี “สายเลือดสายรัก” หรือยัง(((เจ๊เสริม--- มีแล้วค่ะคุณป้าขาาาาาา))) ป้าเลือกแปลเพราะพระเอก (ทอม วินเชสเตอร์) เป็นทหารผ่านศึกเวียดนาม ซึ่งพวกนี้มีชีวิตไม่ดีเลย เขากลับมาแล้วปรับตัวไม่ได้ บางคนก็ขี้เหล้าเมายาไปเลย แต่ทอมแค่ซวดเซนิดหน่อย(เหมือนขาเขาที่เจ็บเพราะถูกสะเก็ดระเบิด) แล้วเขาก็กู้ชีวิตคืนมาได้เพราะนางเอก(เคอรี่) ช่วยเขา ป้าชอบบทรักเรื่องนีเพราะส่วนมากจะมีต้นไม้ใบหญ้าและดอกไม้ป่าเข้ามาแซม((( เจ๊ขอเสริม---โห..โมรันติกนะฮ่ะ ฮ่ะๆๆ รักกลางแมกไม้อ่ะ))) ทอมกับเคอรี่นั้น นอกจากจะรักกันแล้วก็ยังมีความเป็นเพื่อนชนิดไม่ทิ้งกันอยู่ด้วย ถ้าหนูอ่านของหรรษา อีกหน่อยก็คงได้อ่านเรื่อง “ หนุ่มสำอางค์กับสาวตาสวย” ความจริงเป็น สาวขี้เหร่(Plain Jane)ค่ะ แต่ป้าเปลี่ยนเป็นสาวตาสวย ป้าชอบตอนที่เพื่อนพระเอกออกปากกว่าแย่ มางานบ้านนี้ทั้งที่ แทนที่จะได้คุยกับคนสวย(พี่สาวนางเอก (ต้องมาอ่ะนั่งคุยกับยัยคนน้องซึ่งไม่สวย พระเอกย้อนหน้าตาเฉยว่า งั้นหรือ ไม่ทันสังเกต) (((เจ๊ขอเสริม--- โห..คุณป้าขา พล๊อตนี้เหมือนชีวิตจริงหนูเล้ยฮ่ะๆๆ คล้ายๆคนมาจีบยัยมานี(ในกระทุ้) แทนที่จะได้คุยกับยัยมานี ดันเจอยัยเจ๊แทน ฮ่ะฮ่ะ )))
สำนักพิมพ์เก่าแก่ที่พิมพ์งานของป้ามา คือ คลังวิทยา เขาพิมพ์เรื่อยๆ มีบรรณาคารอีกแห่งหนึ่ง อยู่ๆ หรรษาเขาก็มา เขามากันเองเลย พี่ชาย(พันตำรวจเอก…(ขอสงวนชื่อฮ่ะ)) และน้องชาย(คณ..เป็นทนายความ) ป้าไม่มีหนังสือใหม่ให้เขา เขาก็ขอหนังสือเก่า เอาอย่างเล่มเล็กสิบบทก่อน ต่อมาก็พิมพ์จำพวก ๒๕–๓๐ บาท คลังวิทยาไม่ชอบใจมาก เขาไม่คิดว่าจะมีคนมาขอหนังสือเก่าของป้าไปพิมพ์ เขาก็มาต่อว่าต่างๆ แต่ป้าก็ตอบว่าป้าไม่ได้ทำผิดอะไร ที่ขายเขาก็หมดสัญญาทุกที เขาไม่พอใจ แต่ป้าก็ขายหรรษาไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ต้นก็มีจุดประสงค์ว่าอยากให้หนังสือกระจายไปมากๆ ป้ามีแฟนตามอ่านมาก และไม่ใช่ว่าจะร่ำรวยกันทุกคน(((เจ๊ขอเสริม---จริงค่ะคุณป้า หนูก็ไม่รวยอ่ะ แต่อยากซื้อหนังสือคุณป้า))) ป้าอยากให้เขาได้ซื้อหนังสือของป้าได้(((เจ๊ขอเสริม---อยากให้นักเขียนทุกคนคิดเหมือนคุณป้าค่ะ คนรักหนังสือจะได้ซื้อหนังสือได้มากๆ))) ตอนนั้นคลังวิทยาเขาขายราวเล่มล่ะ ๓๓๐ บาท แพงค่ะ(ตอนนี้เขาเลิกทำปกแข็งเพราะหาร้านทำไม่ค่อยได้ พิมพ์อย่างปกอ่อนก็ราว ๑๙๐ บาทหรือไง เฉียด ๒๐๐ ค่ะ ผดุงศักษาก็พิมพ์หนังสือเก่าของป้า พิมพ์สวยอย่างคลังวิทยา ขาย ๑๘๐ บาท ซึ่งเขาต้องเลือกความยาวของเรื่องให้พอเหมาะที่จะขายราคานี้ เพราะกระดาษขึ้นราคาอีกแล้ว) หรรษาอาจใช้กระดาษถูกหน่อย แต่เขาขายในระยะหลังนี้ก็พยายามจำกัดไว้ที่ ๕๐ บาท มี ๗๐ หรือ ๙๐ บ้าง มีคนเขียนจดหมายถึงป้าอย่างหนูหลายคนว่า ได้อาศัยซื้อหนังสือของป้าจากหรรษา (((เจ๊ขอเสริม---หนูยกมือด้วยคนค่ะป้า))) ป้าก็ดีใจว่าตัดสินไม่ผิด นักเขียนบางคนเขาคิดว่าป้าให้หรรษามาพิมพ์นี้ เท่ากับลดตัวมาตลาดล่าง แต่ป้าก็มีตลาดบนอยู่แล้วคือ คลังวิทยา ข้อสำคํย ตั้งแต่หรรษามาพิมพ์นี้ หนังสือป้าไม่มีมี Out Of Print สักเล่มม อะไรจะหมดเขาก็พิมพ์ใหม่
หนูแอนเป็นคนมีอารมณ์ขันมากนะคะ ชอบวงเล็กมาว่า อิอิอิ หรือ คิกคิกคิก ยังกับการ์ตูนพวกขายหัวเราะแน่ะค่ะ
จบเท่านี้ก่อนค่ะ

ศรีเฉลิม สุขประยูร



จดหมายฉบับนี้ เจ๊เก็บรักษาเป็นอย่างดี เอาไปเคลือบพลาสติกเอาไว้เป็นที่ระลึก วันดีคืนดีก็หยิบเอาออกมาอ่านด้วยความชื่นมื่นหัวใจ..
จำได้ว่าวันแรกที่ได้รับจดหมาย ก็กรื้ดซ่ะลั่นบ้าน(((โชคดีที่ตอนนั้นอยู่บ้านคนเดียว ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ)พออ่านได้ครบจบกระบวนความแล้ว ยิ้มจนแก้มแทบแตก พอมาที่ร้าน ก็รีบเล่าให้แม่จ๋าฟังละล่ำละลัก แบบว่ามันปลื้ม ตอนนั้นแม่ของดิฉันทำหน้างงๆๆ
“เหรอๆๆ เออ ดีใจด้วย”
และวันนั้นเจอใครในไอซีคิว เจ๊ก็เล่าให้ฟัง..โม๊ดดดดดดดดด ด้วยความยินดี คือวันนั้นบ้าไปแล้วเจ้าค่ะ อิอิอิ

นี่เป็นตัวอย่างความประทับใจของเจ๊..ที่เรียกว่าชาตินี้คงจะลืมกันยากสักหน่อย
คุณอาริตา นั้นเคยพบเจอตัวจริงกันหลายครั้งหลายคราวแล้ว ทุกๆครั้งเธอก็จะให้ความเป็นกันเองกับเจ๊เป็นอย่างมาก แถมบางทีมีแจกหนังสือ ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ จริงๆอันนี้ชอบนะคะ แต่บางทีแบมือรับบ่อยๆมันก็กระดาก
ส่วนคุณป้าศรีเฉลิมนั้น เป็นนักเขียนที่ค่อนข้างเก็บตัวน่าดู
คุณป้าไม่ชอบไปแจกลายเซ็นที่งานหนังสือ เฮ้อ..
เจ๊เลยไม่เคยพบพานตัวจริงเสียงจริงของคุณป้าเลย ย้ากอยากเจอ คนที่จุดประกายว่าเจ๊น่าจะมีโอกาสได้เจอป้าสักครั้งคือ น้องมาจิ
ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ เออ เธอนั่นแหละน้องมาจิ
เพราะวันนั้นๆคุยๆกัน น้องมาจิบอกว่า
“ป้าศรีเฉลิม บ้านอยู่แถวๆที่ทำงานน้องมาจิ น้องมาจิเคยเห็นป้าเค้าออกมาซื้อหนังสือพิมพ์ตอนเช้าๆ”
กรื้ดดดดดดดดดด จริงหรือคะเนี้ย..
โอว์…ฝัน(ที่อาจจะ)เป็นจริง โอว์..
เจ๊ก็คาดคั้นเลย
“น้องมาจิ ไว้พาเจ๊ไปหน่อยน่ะ เจ๊จะไปเยี่ยมคุณป้าศรีเฉลิมที่บ้าน ถ้าเจ๊ได้ไปเจอเธอเจ๊จะได้นอนตายตาหลับ อิอิ “
แต่น้องมาจิดันหัวเราะเสียนิ
“อิอิอิ เจ๊ตลกดี”
ขนาดน้องมาจิพูดงี้น่ะ เจ๊ยังอย่างโน้นอย่างนี้ พ่นซ่ะ น้องมาจิ คงรำคาญ เธอก็ได้แต่ เออๆค่ะๆ ไปตามเรื่องด้วยกลัวว่าถ้าขัดคอเจ๊แล้วจะมีรายการตบแถมท้าย อิอิอิ
จากนั้น มีเรื่องโน้น เรื่องนี้ผ่านมา เจ๊ก็ลืมเรื่องนี้ไป
จนกระทั้งวันหนึ่ง เจ๊นอนคิดไปคิดมา เรื่องนี้ก็โผล่ขึ้นมาตามร่องสมองของรอยหยักที่สามสิบหก(ขนาดเอวของเจ๊เอง ฮี่ๆๆ)
เจ๊พูดเรื่องนี้กับพี่หนูนา
พี่หนูนาก็น่ารักที่สุด..ให้ความเห็นมากมาย บอกว่าจะไปสืบให้ ว่าบ้านป้าอยู่ที่ไหนอย่างไร จะติดต่อได้อย่างไร
ในที่สุดพี่หนูนาเธอก็ให้เบอร์โทรศัพท์ของป้าศรีเฉลิมมา
จริงๆคือ รู้ว่าคุณป้าน่ะ บ้านอยู่ไหนอย่างไร แต่คุณๆขา อยู่ดีๆ จะให้เจ๊ไปกดออด ขอไปเข้าเยี่ยมโดยบอกว่า
“คุณป้าขาาาาา หนูเป็นแควนหนังสือค้าาา”
เฮ้อ..ทำอย่างนั้นก็กลุ้มใจ กลัวว่าคุณป้าเขามองดูรูปร่างหน้าตาเจ๊แล้ว เค้าจะไม่ไว้ใจ ก็ เออ ก็เจ๊น่ะ หน้าตาคล้ายพวกสิบแปดไงก็ไม่รุ้ เฮ้อ ต้องยอมรับความจริง เพราะส่องกระจกอยู่ทู๊กเมื่อเชื่อวัน..
ไอ้จะโทรศัพท์ไปจู่โจมรึ..
เกรงว่าจะเป็นการรบกวน เพราะว่าคุณป้านั้นเขียนหนังสือทุกวัน ไม่รุ้ว่าช่วงไหนจะพัก ช่วงไหนจะเขียน
แล้วไอ้งานเขียนหนังสือนี้ มันใช้อารมณ์ต่อเนื่องเสียด้วยนะคะ ขืนโทรไปรู้จักเวล่ำเวลา คุณป้าเค้าจะมู๊ดดี้เอาง่ายๆ
แต่เจ๊คิดไว้แล้วค่ะ ว่าจะเขียนจดหมายไปลองเชิงก่อน แต่ยังนึกถ้อยคำไม่ออกว่าควรจะเขียนอย่างไร ให้คุณป้าอ่าน สงสาร เห็นใจ เซย์เยส ไม่เซย์โน..
เรื่องนี้เจ๊คิดคนเดียวไม่ได้หรอกค่ะ
อิอิอิ เจ๊มีที่ปรึกษา ลองทายสิใครเอ่ย ติ๊กต๊อกๆๆๆ
ป้าหนอนไงคะ
พอเจ๊นำความไปปรึกษา ท่านป้าก็ให้คำแนะนำดีจริงๆค่ะ แต่เจ๊ไม่กล้าปฏิบัติตาม
ป้าหนอนว่า
“แกก็ปลอมตัวไปเป็นคนใช้สิว่ะ แล้วก็แอบล้วงความลับ วิธีเขียนนิยาย ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ”
ธ่อ..ของแบบนี้มันเป็นครูพักลักจำได้ก็ดีน่ะสิ ป้า..
เจ๊ก็ตอบป้าไปว่า
“หนูไม่ต้องล้วงความลับหรอกป้า ถ้างั้นหนู”ลอก”เรื่องของคุณป้าเลยดีกว่า
ป้าหนอนด่ากลับมาทันควัน
“แก เลวมากกกก”
อิอิอิ คือป้าจะแอนตี้มากค่ะ เรื่อง”ลอก” และเรื่อง เขียนอะไรที่ไม่จริง รู้ไม่จริง
“มันเป็นการไม่รับผิดชอบต่อคนอ่านน่ะแก”
คำนี้ป้าเคยพูดไว้นานแล้ว
จริงๆ มีคำพูดมากมายของป้าหนอน ที่ดีและมีประโยชน์ ช่วยตักเตือนโน่นนี่ อิอิอิ ไม่เอาๆๆ พูดเรื่องป้าหนอน เดี๋ยวจะยาวเกินไป กลับไปพูดถึงเรื่องคุณป้าศรีเฉลิมกันต่อดีกว่า
ป้าหนอนว่าต่อว่า

“งั้นแกก็ปลอมตัวไปเป็นคนใช้เขา เพราะหน้าแกให้(ดู๊ ไม่รักษาน้ำใจเจ๊เลย ฮื่อๆๆ) พอสักพัก แกก็สารภาพป้าเค้าว่า “คุณนายข่าาาาาาาาาา(ไม่ต้องดัด เพราะเจ๊เสียงเหน่อยอยู่แล้ว) หนูเป็นแฟนหนั่งสื่อคุณนายค้าาา ปลอมตัวมา ช่วยแจกหนังสือฟรีพร้อมลายเซ็นให้หนู่ซักสามสี่ลังนะคะ…”
ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ
จำได้ว่าเจ๊หัวเราะจนปวดท้อง พิมพ์เลขห้ายาวเหยียดไปสักสองสามบันทัดได้
“ขอให้เลขห้าแกเสีย”
แน่ะ..ป้ามาแช่งอีกแน่ะ
“หนูไม่อยากได้หนังสือฟรีนี่ป้า เพราะหนังสือป้าวลัยหนูก็ตามซื้อมาได้เป็นร้อยๆเล่มเล่ม อีกอย่างไม่มีเวลานานๆไปรับใช้ใครหรอก”
“งั้นแกก็ปลอมตัวเป็นคนดูดส้วม หรือ เก็บขยะก็ได้เอ้า”
“ม่ายอาววว “
“เรื่องมากจริงๆเลยวุ้ย”
ป้าหนอนแอบบ่น แต่เจ๊น่ะค้อนหน้าจอขวับๆเลยค่ะ มีอย่างเหรอคะ สวยๆอย่างเจ๊เนี้ยจะให้ไปรับดูดส้วม ธ่อ..เสียพะยี่ห้อนางเอกโม๊ดดดด
อย่างไรก็ดี ป้าน่ารักมาก หาวิธีโน้นวิธีนี่มาให้ แผนป้าน่ะ ทำได้ไม่รุ้ แต่ขำ
เจ๊ขอบคุณป้าอย่างกระตือรือล้น
“อย่าเพิ่งขอบคุณว้อย ไม่รู้ทำได้ป่าว”
“ทำได้ไม่ได้ไม่สำคัญหรอกป้า แค่ป้ามีน้ำใจ หนูก็ซึ้งแล้วล่ะ”
“อ๋อ แกซึ้งแผนปลอมตัวเป็นคนใช้เรอะ อือ ชั้นแค่หวังว่า แกจะตายตาหลับ ใช่ม่ะฮ่ะอ่ะฮ่ะ แล้วพอแกเจอเขาแล้ว แกก็จะหม่องไปเลย หมดเคราะห์หมดโศกแกซะที อิอิ”
“แว๊ก ธ่อป้า หนูยังตายไม่ด้ายยยย หนูยังไม่มี ผ.ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ(ยังฝักใฝ่อยู่ค่ะ) นี่ป้ารู้มั้ย นี่ขนาดยังไม่ได้ไปเจอตัวจริงน่ะ แค่หนูคิดเฉยๆ หนูก็ตื่นเต้นแล้ว..วุ้ย”
“ ทำไม พอแกเจอเขา แกจะโดดกอด จุ๊บๆๆๆ เอาข้าวเหนียวมาเป็นกะมังปอกมะม่วงให้ กวาดบ้านถูบ้านให้....”
“แหม ป้าก็ ใครจะไปทำงั้นล่ะ ก็แค่มองเฉยๆ”
“แกรู้ตัวมั้ย เวลาแกมองน่ะ ตาแกขวาง ยิ่งตอนแกกระโดดมาเกาะแขนเหมือนพวกเมายาบ้าเลย น่ะ”
“ว้ายป้า กล่าวหาจริง”
พูดถึงเรื่องนี้ คงจริงนะคะ เจ๊ยังจำได้เลย ตอนเจอป้าหนอนครั้งแรก พวกเรา สี่ห้าคนกระโดดเข้าไปรุมป้า ป้าก็จะเริ่มทาย คนนั้นคือใคร คนนี้คือใคร เพราะว่ายังไม่เคยเจอใครเลยในกลุ่ม แต่เจ๊น่ะดันไปเขย่าแขนป้า แล้วถามว่า
“ป้าๆๆ หนูเป็นใครๆๆ”
ป้ามาเขียนลงกระทู้ที่เจ๊ไปอ่านแล้วขำกลิ้งว่า เจ๊หน้าตาเหมือนพวกสิบแปดมงกุฏ ป้าเริ่มระวังกระเป๋า แล้วตัวมันเป็นใครยังไม่รู้ มาถามว่า หนูเป็นใครๆ
สงสัยป้าจะจำติดตาถึงการพบกันครั้งโน้น..
เจ๊นำความเรื่องที่ป้าแนะนำนี้มาเล่าให้พี่หนูนาฟัง เธอหัวเราะคิกคิก ตามประสาคนอารมณ์ดี และเมื่อเจ๊รำพันขึ้นมาว่า
“เสียดายจริงๆ ที่ป้าศรีเฉลิมไม่ยอมไปแจกลายเซ็นที่งานหนังสือ ไม่งั้นหนูคงไม่ได้อยากเจอมากขนาดนี้”

“ป้าเขาไม่ค่อยไปงานไหนหรอกค่ะ แต่มีงานหนึ่ง ที่งานนักเขียนหญิงไทย(หรือฟ้าเมืองไทย หรือกุลสตรีนี่แหละคะ เจ๊จำไม่ได้ ไม่ได้เปิดฮิสทอรี่ดู) ป้าเขาต้องไป ถ้าเขาจัด พี่จะพาหนูไปด้วย”
ฮื่อ ฮื่อ ฮื่อ
ซึ้งอีกแล้วค่ะท่านผู้ชม นี่ขนาดยังไม่เจอป้าวลัย นวาระเลย เจ๊เกือบจะนอนตายตาหลับแล้ว มีแต่คนช่วยแนะนำ ช่วยเหลือทั้งน้านเลย..
เหลืออีกเพียงอย่างเดียวที่จะทำให้ตาหลับอย่างสมบูรณ์ คือได้เจอป้าวลัย ตัวเป็นๆ เอาใจช่วยเจ๊ด้วยนะคะ…

ที่เอาเรื่องนี้มาเล่าให้ฟัง เพราะเป็นความประทับใจที่เจ๊อดไม่ได้ที่จะต้องมาเขียนเป็นตัวอักษรเอาไว้อ่านค่ะ
ประทับใจความเป็นกันเองกับผู้อ่านของคุณอาริตา
ประทับใจจดหมายแสนยาวเต็มไปด้วยสาระของคุณป้าศรีเฉลิม สุขประยูร
ประทับใจป้าหนอนและน้องมาจิ ที่ไม่เคยถือสาความบ้าของเจ๊ ก๊ากๆ
ประทับใจพี่หนูนาที่พยายามช่วยสานฝันของเจ๊ให้เป็นความจริง..
ดีใจที่ได้รู้จัก และรักพวกคุณค่ะ
ฮื่ออออออ ขอเวลาไปซึ่งก่อนน่ะค่ะ.




Create Date : 30 กรกฎาคม 2554
Last Update : 30 กรกฎาคม 2554 15:54:47 น.



Create Date : 08 มีนาคม 2556
Last Update : 8 มีนาคม 2556 15:36:27 น.
Counter : 695 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คงยุ่ง
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



Flag Counter
New Comments