จำ...ใจ...พราก
ระหว่างที่นั่งทำงานอยู่เพลิน ๆ เมื่อวานนี้ ก็ได้รับโทรศัพท์จากที่วัดโทรมาบอกว่า "แม่น้ำพุเสียแล้ว" บอกน้ำพุกับต่ายด้วยนะ เราก็สอบถามเรื่องการเผา และโน่นนี่ อีกนิดหน่อย ตอนนั้นสมองคิดแค่ว่า เราจะบอกเด็ก ๆ ยังไงดี สำหรับน้ำพุเราไม่ห่วง เพราะ้ด้วยวัยที่ยังไม่ถึงสามขวบ ไม่น่าจะเข้าใจเกี่ยวความพลัดพรากจากความตายได้มากนัก แต่สำหรับต่ายนี่สิ อายุ 15 แล้ว เราจะทำยังไงดี
คิดไปคิดมาก็เลยตัดสินใจว่ายังไม่บอกดีกว่า ให้รู้วันที่จะเผาก่อนค่อยบอก พอสรุปวันเผาได้ว่าเป็นวันนี้ เพราะว่าพระอาจารย์ท่านว่า่งวันนี้ เช้าขึ้นมาเราวุ่นวายนิดหน่อย เพราะต้องโทรยกเลิกครูสอนดนตรี และนัดรถที่จะมารับเด็กไปวัด อีกทั้งยังต้องคิดว่าจะทำยังไงให้เด็กทุกคนไม่รู้ว่าต้องไปวัดทำไม
โชคดีที่ว่าปกติเสื้อที่เด็กใส่เป็นทีม จะมีสีขาวกับสีดำอยู่แล้ว วันนี้เลยบอกเด็กให้ใส่เสื้อดำ เด็ก ๆ ก็ถามว่าไปวัดทำไม เพราะไม่มีการบอกล่วงหน้า เลยบอกเด็กไปวา ป๊ะป๋าคิดถึง ก็ยกโขยงกันไปวัดด้วยรถสองคัน
เมื่อคืนนี้ อยู่ดี ๆ น้ำพุก็ร้องตามมานอนกับเราซึ่งน้ำพุไม่เคยมานอนด้วยเลยตั้งแต่เราเลี้ยงน้ำพุมาเกือบสองปี เราก็เอามานอนด้วย แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น น้ำพุเล่นกับตุ๊กตาบนเตียงแล้วเรียกชื่อตุ๊กตาว่า "น้องสมศรี" เราเป็นอันตกใจเพราะว่าสมศรีคือแม่น้ำพุ น้ำพุบอกว่าน้องชื่อสมศรี สมศรีมาเล่นกับน้ำพุ หุหุ หลอน
ตอนออกเิดินทางไปที่วัด ต่ายมานั่งอยู่กับเรา บอกตรง ๆ เราเครียดมากกับการหาจังหวะจะบอกต่ายก่อนถึงวัด เพราะตอนเช้าวันนี้ต่ายมาถามเราว่าถ้ามีรถไปวัดหนูขอไปเยี่ยมแม่ได้มั้ย ไม่รู้ทำไมหนูคิดถึงแม่จัง เรากลัวว่าถ้าเราบอกช้า พอต่ายไปถึงที่วัดแล้วจะมุ่งตรงไปหาแม่ก่อนอันดับแรก เราเลยต้องบอกก่อนที่จะถึงวัด
แล้วเราก็ตัดสินใจบอกต่ายทั้งน้ำตา เป็นน้ำตาที่ไหลออกมาก่อนที่จะได้บอก มันบอกไม่ถูกว่าทำไม เรานั่งนึกไปถึงว่า ถ้าเราอายุ 15 เราไม่มีทั้งพ่อทั้งแม่และญาติ แถมมีน้องอายุไม่ถึง 3 ขวบอยู่อีกคน เราจะทำยังไงกับชีวิตมันคิดไม่ออกจริง ๆ ณ ตอนที่พิมพ์เอนทรีนี้ก็ยังคิดไม่ออก
ต่ายร้องไห้เยอะมาก แต่ก็ยังน้อยกว่าที่เราคิดไว้เยอะ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะว่าต่ายเตรียมใจมาโดยตลอดหรือเปล่า เพราะแม่ต่ายทรง ๆ ทรุด ๆ ให้เราลุ้นมาหลายรอบแล้ว
ทุกวันนี้เวลามองหน้าเด็ก ๆ เราคิดว่าเราโชคดีกว่าเค้าอีกมากมาย เรากำพร้าพ่อตอนอายุขวบกว่า ๆ แต่เรายังมีแม่ เรายังมีญาติพี่น้อง แต่เด็ก ๆ พวกนี้ล่ะ เค้าเหลือใคร แต่เราก็คิดต่อไปอีกว่า ก็ยังดีที่เค้ามาเจอพระอาจารย์ มาเจอพวกเรา มาเจอเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ที่เป็นเหมือนเค้า มันมักจะมีความโชคดีในความโชคร้ายเสมอ
หลาย ๆ ครั้ง ที่เราสังเกตเด็ก ๆ ที่ไปงานศพ สิ่งที่เราได้พบก็คือแทบจะไม่มีน้ำตาไหลออกมาจากเด็กคนไหนเลย พูดง่าย ๆ ว่าเด็กพวกนี้ชินกับความตาย ชินกับการพลัดพราก แต่ทำไม กี่ครั้งเราก็ยังไม่ชิน...สักที
ผู้ป่วยที่วัดซึ่งเป็นเพื่อนสมศรี มาร่วมงานศพกันหลายคน มาส่งเพื่อนร่วมชะตากรรมซึ่งวันนึ ทั้งพวกเค้า และพวกเราทุกคนก็ต้องเดินทางไปสู่ความตายเหมือน ๆ กันผู้ป่วยที่วัดเรี่ยไรเงินใส่ซองมาให้ต่ายกับน้ำพุ บอกว่าเอาไว้ใช้ ไม่มีแม่แล้วนะลูก เราก็น้ำตาตกอีกรอบ นี่คือน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ในสังคมของวัดพระบาทน้ำพุความเห็นอกเห็นใจ การช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ยังมีให้เห็นในสังคมนี้
น้ำพุ ไม่รู้อะไรเลย เดินไปเจอใครเค้าถามว่าน้ำพุรู้มั้ยแม่ไปไหน น้ำพุจะตอบว่า แม่ไม่สบาย แม่นอนอยู่ในโน้น แล้วชี้มาทางโลง แล้วก็มีคนสอนว่าแม่ไปสวรรค์ พุก็ท่องว่า แม่ศรีไปสวรรค์ ๆ แต่ในขณะเดียวกันต่ายก็น้ำตาไหล ต่ายไม่ฟูมฟายเลย ต่ายปล่อยให้น้ำตาไหล แล้วก็เช็ด ไหลแล้วก็เช็ด เป็นอัตโนมัติ
น้ำพุเห็นเราถ่ายรูปก็เรียก หม่ามี๊ ๆ ถ่ายพุ พุสวย ชุดที่น้ำพุใส่ไปเป็นแบบนี้เพราะว่าเราไม่กล้าจับพุแต่งชุดดำ กลัวต่ายจะรู้ กลัวต่ายจะสงสัย เลยต้องปล่อยเลยตามเลย
ไม่มีใครฝืนความตายได้ และน้อยคนจริง ๆ ที่เต็มใจพราก
จดจำไว้ในชีวิตใจจะขาดเมื่อพรากจากกัน
Create Date : 23 พฤษภาคม 2553 |
Last Update : 23 พฤษภาคม 2553 23:31:11 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1012 Pageviews. |
|
|