dhamma- addict เสพย์ติดการทำความดี
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
31 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 

องค์บาก 3 : จักปราบอวิชชาด้วยศาสตราหรือแสงเทียนแห่งธรรมา

จากที่เคยเขียนลงในพันทิป ตั้งแต่เดือนที่แล้ว และ กระทู้ถูกลบไปยังไม่ได้ทันได้เซพ จึงไม่มีเวลามาอีดิทเพิ่มเติม แต่วันนี้ เหลือเวลาว่าง จึงแก้ไขและเอามาลง

----เนื้อหาส่วนข้างล่างนี้มิได้วิจารณ์ในตัวหนังเท่าไหร่นัก แค่เพียง อธิบาย และ บรรยายตัวหนัง ตามที่ จขบ. เข้าใจ และ ได้รับ มา เท่านั้น ที่ลงเพื่อต้องการให้ผู้อ่านบางคนที่ไม่เข้าใจในตัวหนัง เข้าใจในสารที่ผกก. ต้องการจะสื่อมากขึ้น ------


ในภาคนี้ถือว่ามีความครบถ้วนทั้งด้านบทหนังและความศิลป์ของภาพและตัวเรื่อง ซึ่งเราคิดว่าองค์บากภาคนี้มีความสมบูรณ์มากกว่าองค์บาก1 และ 2 ที่ เน้นแต่การต่อสู้แต่ไม่ทำให้เราได้เห็นความความสวยงามและความสำคัญของการต่อสู้ นอกเสียจาก เพื่อต้องการแก้แค้นศัตรูคู่อาฆาตเท่านั้น แต่ภาคนี้มีอะไรที่มากกว่านั้น ไม่เพียงแค่เราจะสนุกสนานไปกับความมันส์ในฉากบู๊แอ๊คชั่นของจา พนม แล้ว ภาคนี้ยังทำให้เราได้เข้าใจแก่นของการต่อสู้ที่แท้จริงว่าคืออะไร และ ความหมายของการต่อสู้ต่างจากการต่อสู้ที่ผ่านมาอย่างไร



เมื่อภาคที่แล้ว เทียนได้พ่ายแพ้ให้กับ ภูติสางกา ที่เป็นทูตสังหารของพระยาราชเสนา และถูกจับมาทรมานอย่างหนักเพื่อให้สาแก่ใจของพระยาราชเสนา โดยเทียนได้ถูกทำทรมานโดยการป่นกระดูก ทั้งร่างกาย ทำให้มิอาจแม้แต่จะเดินหรือหยิบจับอะไรได้ มีอาการสาหัสปางตาย และ ก่อนที่เทียนจะถูกปลิดชีพ-ประหารชีวิตนั้น ได้มีพระราชโองการจากเมืองอโยธยา เพื่อขอตัวเทียน ทำให้พระยาราชเสนาขัดใจเป็นอย่างมาก แต่กระนั้นก็มิได้ทำให้พระยาราชเสนาหักใจต่อการปลิดชีพเทียนได้ พระยาราชเสนาจึงได้ส่งทหารของตนเอง ตามไปเด็ดหัวเทียนถึงหมู่บ้านอโรคยา ซึ่งเป็นหมู่บ้านปราศจากโรคภัย มีผู้คนมากมายหลั่งไหลมาให้หมอยารักษาที่นี่เป็นจำนวนมาก แม้ขุนศึกทหารกล้าของพระยาราชเสนาจะพยายามสังหารเทียนอย่างไรแต่ก็มิสำเร็จ เพราะ ผู้คนในหมู่บ้านอโรคยาต่างก็ช่วยกันปกป้องเทียนให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของผู้ที่คิดร้าย และ ที่นี่เองที่ทำให้เทียนได้พบกับ “ครูบัว”หรือ พระบัว ที่ได้นั่งธรรมะ จนรู้แจ้งถึงความเป็นไปของทุกสรรพสิ่ง จึงได้ออกผนวชเป็นพระภิกษุและได้พบด้วยญานของตนเองว่า ในกาลเวลาต่อไปนั้น เทียนจะเป็นผู้ที่กอบกู้ประเทศชาติให้พ้นจากเงื้อมมือของผู้คิดคดทรยศต่อชาติและเหล่าอวิชชาทั้งหลาย และครานี้ เทียนก็ยังได้พบกับ “พิม” เพื่อนเล่นสมัยเด็กของเทียน ทุกคนในหมู่บ้านได้ร่วมแรงร่วมใจกันสละทองของตนเองเพื่อหล่อองค์พระพุทธรูปขึ้นตามความเชื่อโบราณ ส่วนพิมก็ได้ร่ายรำโขนนาฏศิลป์ต่อหน้าโบสถ์วิหารเพื่อเป็นการขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายช่วยให้เทียนได้ฟื้นสติกลับคืนขึ้นมาดังเดิม ซึ่งสังเกตุท่วงท่าในการรำของพิม ก็ทำให้ได้รับรู้ว่า ณ ขณะนั้น พิมมีความรู้สึกกระวนกระวายใจและความห่วงใยในตัวเทียนมากมายแค่ไหน

และเมื่อชาวบ้านสร้างพระพุทธรูปสำเร็จเทียนก็ได้ฟื้นกลับคืนมา แต่เทียนกลับต้องพบกับความจริงที่ว่าตนเองนั้นต้องสูญเสียความสามารถได้การยืน เดิน และ หยิบจับสิ่งของต่างๆ แม้เทียนและพิม พยายามที่จะฟื้นฟูสภาพร่างกายเทียนมากแค่ไหนก็ตาม แต่ก็ไม่ได้สามารถทำให้ร่างกายของเทียนกลับมาได้เหมือนช่วงเวลาที่เขาสามารถหยิบจับอาวุธศาสตรา เข่นฆ่าศัตรูได้อย่างคล่องมือ ดังนั้น เทียนจึงหมดสิ้นกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ และมีความคิดที่จะปลิดชีพตนเอง หลวงตาบัวซึ่งได้ผ่านมาเห็น ก็ได้มาเตือนสติเทียน ซึ่งทำให้เทียนสามารถระลึกได้ว่า หากเขายังมองเห็นเงาของตนเอง แสดงว่าแสงสว่างก็ยังคงอยู่เคียงข้างเขาเสมอ และทำให้เขาก็ได้รับรู้อีกว่า ชีวิตของเขาที่ถูกตั้งชื่อให้ไว้ว่า “เทียน”นั้น คือแสงสว่างที่จะส่องผู้คนให้พ้นจากความมืดมิดในจิตใจ ดังนั้นเทียนจึงเพียรพยายามทำสมาธิ ทั้งเดินจงกรม และ รำโขนนาฏศิลป์ ซึ่งเป็นการรำด้วยท่วงท่าที่สวยงามอ่อนช้อยเป็นการรำที่ทำให้จิตใจและร่างกายได้ถูกชำระล้างออกจากความความอาฆาตพยาบาททั้งปวง และถูกแทนที่ด้วยความอ่อนโยน ความบริสุทธิ์ และ ความสงบของจิต หยั่งรู้ถึงภาวะจิตของตนเอง ทำให้รู้ถึงความเป็นไปของสรรพสัตว์และสรรพสิ่งทั้งหลายที่ เวียน ว่าย ตาย เกิด บนโลกใบนี้

จากแนวคิดเดิมที่เทียนมองศัตรูเป็นคู่รบก็ปรับเปลี่ยนกลายเป็นคู่รำ และเปลี่ยนความคิดจากการเข่นฆ่าศัตรู เป็นการช่วยเหลือให้ผู้คนได้พบกับแสงสว่างแห่งธรรม

และเมื่อเทียนได้ แสวงหาและพบสัจธรรมอีกทั้งยังรับรู้ถึงกรรมเก่าของตัวเอง จากความคิดของเทียนที่เคยอยากจับศาสตราเพื่อความเก่งกล้าและเข่นฆ่าศัตรู ตอนนี้เขากลับ ฝึกท่วงท่าการร่ายรำนาฏศิลป์ที่สวยงามผสมผสานกับท่วงท่าความแข็งแกร่งของการต่อสู้ จนกลายมาเป็นการต่อสู้แบบ “นาฏยุทธ์” ซึ่งเป็นศาสตร์การต่อสู้ที่มีท่วงท่าที่สวยงาม และ มิได้มีจิตอาฆาตต้องการเข่นฆ่าใครใดๆ เพียงแต่ต้องการให้ผู้คนได้พบกับแสงสว่างและออกห่างจากความมืดมิดที่อยู่ในจิตใจ

ส่วนพระยาราชเสนา ที่กลับต้องถูกจองจำอยู่กับภาพหลอนของคำสาปแช่งอาฆาตก่อนตายของเจ้าเมืองคนก่อน ที่แช่งไว้ให้พบแต่กับความฉิบหาย และ หายนะ จนเขาทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงจำต้องเดินทางเพื่อขอความช่วยเหลือจาก “ภูติสางกา” ที่เป็นเสมือนผู้ที่ครอบครองอวิชชา และ ทำให้พระยาราชเสนาได้พบความจริงว่า แท้จริงแล้วนั้น ภาพหลอนที่ตนเองได้ประสบพบเห็นเหล่านั้นก็ด้วยมนต์ดำของภูติสางกานั่นเอง จึงต้องการฆ่าภูติสางกา แต่ พระยาราชเสนาก็มิอาจชนะ จำต้องพ่ายให้แก่ภูติสางกาและโดนสังหารจนถึงแก่ความตาย และ นี่คือวาระสุดท้ายของผู้ที่มีจิตคิดคดทรยศต่อชาติบ้านเมือง หนำซ้ำยังถูกยึดครองราชบรรลังก์ อำนาจที่ภูติสางกาต้องการมาตลอด ตอนนี้ได้ตกอยู่ในมือของเขาแล้ว เขาครอบครองเมืองทั้งเมืองให้ตกอยู่ในความมืดด้วยอำนาจของมนต์ดำ ซึ่งเป็นศาสตร์ที่ตรงข้ามกับคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างสิ้นเชิง เขาต้องการอำนาจเพื่อครอบครองเมือง และ ต้องการควบคุมผู้คนจำนวนมากให้อยู่ภายใต้อวิชชา นำมารเข้าสิงจิตทุกคน ให้เป็นดั่งทาสหรือสาวกของเขา แต่การที่เขาจะเป็นใหญได้ เขาจำต้องกำจัดผู้ที่รู้วิชชา หรือ แสงสว่างแห่งธรรมา ซึ่งสามารถทำลายล้างอวิชชาให้สิ้นไปได้ และ เทียน ก็เป็นผู้ที่ถูกส่งมา เพื่อพาผู้คนทั้งหมดออกจากความมืดมิด ภูติสางกาจึงต้องการกำจัดเทียน เขาได้จับชาวบ้านในหมู่บ้านอโรคยารวมถึงพิมมาเป็นทาส และ เมื่อเทียนรู้ จึงได้ตามมาเพื่อช่วยเหลือพิมและคนในหมู่บ้าน

และเมื่อเทียนได้มาถึง จากการเขาได้ทำสมาธิ ตามที่พระบัวได้สอน ทำให้เขาเข้าใจถ่องแท้ถึงสัจธรรม และ มองเห็นกรรมเก่าของตนเอง เขาจึงสามารถมองเห็นภาพในอนาคตได้ว่า หากเขาเอาชนะความโกรธแค้น และ ความอาฆาตพยาบาทในจิตของตนเองไม่ได้ ชีวิตของเขาและชาวบ้าน ก็จะพบจุดจบซึ่งความตาย และการจะเอาชนะความมืดได้ก็ด้วยแสงสว่างเอย่างเดียวท่านั้น เขาจึงเลือกที่จะปล่อยละวางความอาฆาตพยาบาทเหล่านั้นไว้และต่อสู้กับอวิชชาของภูติสางกา แต่มิได้ต่อสู้ด้วยศาสตรา แต่สู้ด้วยแสงแห่งธรรมา เขานำแสงมาสู่เมืองที่มืดมิดด้วยมนต์ดำอีกครั้ง เมื่อมีแสงสว่าง ทุกคนที่โดนมนต์ดำของภูติสางกา ต่างก็ไร้ฤทธิ์ พ่ายไป เหลือก็แต่ภูติสางกา ที่แม้ลายสักยันต์ต่างๆบนตัวของเขาจะถูกลบเลือนไปด้วยแสงแห่งธรรม แต่เขาก็ยังมิยอมแพ้ต่อสู้กับเทียน แต่หากด้วยจิตของเทียน ที่รู้แจ้งในพระธรรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า มารหรือความมืดจึงมิอาจเข้าครอบงำจิตใจของเทียนได้อีก ดังนั้น ธรรมของเทียนจึงชนะอธรรมของภูติสางกาได้ ในที่สุด

ในขณะที่ เทียนต่อสู้กับเหล่ากองทัพที่โดนมนต์ดำของภูติสางกานั้น องค์พระพุทธรูปที่ถูกชาวบ้านหล่อขึ้นมาเพื่อให้เทียนกลับคืนฟื้นชีวิต โดนดาบบากที่หน้า เมื่อ บ้านเมืองปราศจากอวิชชา และ สงบร่มเย็นอีกครั้ง องค์พระพุทธรูปนี้ก็ได้ถูกนำกลับมา เพื่อให้ชาวบ้านได้เคารพบูชาอีกครั้ง และ นี่ก็คือ ต้นกำเนิดขององค์พระหน้าบาก หรือ ได้ถูกเรียกขานกันว่าต่อมาว่า “องค์บาก” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่เป็นที่เคารพบูชาของคนในหมู่บ้านหนองประดู่ในกาลเวลาต่อมา

เรื่องนี้ทำให้เราคิดว่า มีบทที่ที่สมบูรณ์มากกว่า หนังเรื่องที่ผ่านๆมาของจา ทั้งสัญลักษณ์ในหนังเรื่องนี้ ที่ใช้สื่อถึงการเปรียบเทียบถึงสิ่งต่างๆในเรื่อง เช่น การร่ายรำของพิม จากการรำอย่างสวยงามเชื่องช้า กลับ เร็วขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เราได้รับรู้ถึง อารมณ์ ของพิมจากท่วงท่าการรำได้ว่า ณ ขณะนั้น พิมมีความกังวลใจมากแค่ไหน
ใบไม้ที่ร่วงหล่นลงที่มือของพระบัว ก็ทำให้เราได้รู้ว่า พระบัวนั้นได้ เข้าถึงแก่นแท้ของธรรมแล้ว

หนังเรื่องนี้ เราถือว่าเป็นหนังที่ยอดเยี่ยมที่สุดของจา และ หนังเรื่องนี้ก็เป็นตัวรับประกันได้ว่า นอกจากจาที่มีความสามารถและโด่งดังในฐานะ นักต่อสู้ ที่ยอดเยี่ยมแล้ว เขาก็ยังเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมได้เช่นเดียวกัน




 

Create Date : 31 พฤษภาคม 2553
15 comments
Last Update : 31 พฤษภาคม 2553 16:06:49 น.
Counter : 2229 Pageviews.

 

ยังไม่ได้ดูเลยครับ

เห็นคนวิจารณ์กันไปหลายๆ ทาง

แต่ก็จะหาดูครับ

 

โดย: mynameis_nut 31 พฤษภาคม 2553 22:28:38 น.  

 

เป็นรีวิว ที่ดี และพูดถึงหนัง เจาะประเด็นได้ล้ำลึกมากครับ
น่าเสียดาย ที่คนส่วนใหญ่ มองข้าม แก่นแท้ ของตัวหนังที่อยู่ข้างใน เพราะมัวแต่สนใจ ความ "หวือหวา" ที่ฉาบโรยหน้า
จนไม่ได้สนใจ สิ่งที่หนังจะสื่อกับคนดู

 

โดย: ตัวประกอบ ปิงปิง IP: 204.152.215.116 2 มิถุนายน 2553 22:55:36 น.  

 

^
เมียตั้ง ผัวตอบ

ช่วยกันทำมาหากินดีจริงๆครับ ผมขอชื่นชม

 

โดย: นักเตะในตำนาน IP: 10.0.0.71, 192.168.0.100, 119.42.79.167 2 มิถุนายน 2553 23:02:49 น.  

 

ก็มาตอบ
ในฐานะ ที่เคยรีวิว องค์บาก 3 เช่นเดียวกัน แต่กระทู้หายไป (เสียดายที่เอาลงบล็อคไม่ทัน) ซึ่งก็แนวคิดคล้ายๆกับที่คุณ dfh รีวิว เฉยๆ ไม่ได้มาช่วยชงอะไรหรอกครับ

แต่คุณข้างบนนี้ สมองคงเส้นไม่เยอะเท่าไหร่ จึงคิดอะไรได้ไม่ค่อยมาก ...ไม่เป็นไรครับ ผมเวทนาคุณ

 

โดย: ตัวประกอบ ปิงปิง IP: 98.143.146.85 3 มิถุนายน 2553 3:42:59 น.  

 

พอ่งตาย

 

โดย: บาก 3 IP: 192.168.9.99, 114.128.118.200 3 มิถุนายน 2553 12:11:11 น.  

 

ผมก็เวทนาคุณครับ คุณตัวประกอบหลินปิง

 

โดย: นักเตะในตำนาน IP: 10.0.0.62, 192.168.0.100, 119.42.78.184 3 มิถุนายน 2553 16:10:31 น.  

 

แฟนคลับเซฟกระทู้ไว้ให้เหรอครับเจ้าป้า

ใหนๆแวะมาแล้วก็เอาตีนยัดปากไอ้นักเตะสักหน่อย

โห ปากเน่ามาก ไปอมคว... พวกคนดำที่ใหนมาวะ

 

โดย: Job IP: 192.168.1.8, 58.8.86.123 3 มิถุนายน 2553 17:06:57 น.  

 

มองต่างมุมกับผมได้สุด ๆ เลย แต่จะว่าไปก็จริงอยู่ แต่ถึงอย่างไรหนังเรื่องนี้สำหรับผมก็ยังทำออกมาผิดที่ผิดทาง ผมว่าพี่จาควรหาผู้กำกับมาช่วยดีกว่านะ จะได้โฟกัสเรื่องคิวบู๊ลงไปได้เต็มที่ ความรู้สึกผมภาคนี้มันขาด ๆ เกิน ๆ ไป

 

โดย: Ideal Case IP: 58.9.139.222 4 มิถุนายน 2553 19:59:23 น.  

 

แหม้ ผมละเกลียดจริงๆ ไอ้พวกตีสองหน้าเนี่ย

เข้ามาพูดจาดีๆสุภาพ ในนี้

แต่กลับไปด่าลามปาม ไปเสียดสีคนอื่นเขา ในเว็บที่อื่นน่ะ เห็นอะไร จะให้ อม อะไรน่ะ โอโล่บ้าบออะไรน่ะ...เหอะ
คงไม่ต้องให้พูดนะว่าใคร

 

โดย: ตัวประกอบ ปิงปิง (เบื่อพวกหน้าตัวเมีย) IP: 183.89.208.187 6 มิถุนายน 2553 1:32:13 น.  

 

องค์บากสาม
อาจดำเนินเรื่องฉีกทาง
ตลาดคนดูเมืองไทย
แต่ถ้าไปออกสู่สายตาคนนอกแล้ว
คิดว่าน่าจะไปได้สวย

 

โดย: Mr.Chanpanakrit 6 มิถุนายน 2553 12:47:06 น.  

 

องค์บากกาก

 

โดย: ไม่ตามน้ำ IP: 202.29.69.22 6 มิถุนายน 2553 16:56:11 น.  

 

เออ เมียตั้ง ผัวตอบ เจริญ

 

โดย: กหด IP: 58.8.142.114 12 มิถุนายน 2553 13:21:49 น.  

 

เมื่อไหร่จะอัพบล็อคใหม่คะ
บอกแล้วว่าให้เล่นซ้อ 8 เล่าเรื่องหนุ่มเน็ททำสาวท้องแล้วกะชิ่ง หรือไม่ก็ อภิปรายรายบุคคล รับรองได้ว่ามันส์

 

โดย: Job IP: 125.25.215.65 23 มิถุนายน 2553 11:37:47 น.  

 

เป็นกำลังใจให้ dfh จ้า

 

โดย: แฟนคลับ IP: 125.26.136.34 26 กรกฎาคม 2553 20:45:46 น.  

 

หนังแอ๊คชั่นไทยที่ห่วยที่สุดในชีวิตกู

 

โดย: แพมเพิ่ด IP: 101.108.3.112 29 มีนาคม 2554 11:42:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


dfh
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




สามารถคุยกับเราได้ผ่าน skype และ MSN โดยกดรูปข้างล่างนี้เลยค่ะ My status
เพื่อนที่กำลังชมบล็อก
New Comments
Friends' blogs
[Add dfh's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.