The 4th Kind กำหนดฉาย หนัง The 4th Kind : 26 พฤศจิกายน 2552 แนว หนัง The 4th Kind : ทริลเลอร์ / ลึกลับ นำแสดง หนัง The 4th Kind : มิลล่า โจโววิช (Resident Evil Trilogy, Ultraviolet), เอเลียส โกทีส (Shooter, Zodiac), วิล แพ็ตตัน (The Punisher, Armageddon) กำกับ หนัง The 4th Kind : โอลาทุนเด้ โอซุนซานมี่ (WIthIN, Etat) เขียนบท หนัง The 4th Kind : โอลาทุนเด้ โอซุนซานมี่ (WIthIN, Etat) อำนวยการสร้าง หนัง The 4th Kind : โจ คาร์นาฮาน (Smokin' Aces, Narc) เกร็ดน่ารู้ The Fourth Kind นี้เป็นครั้งแรก ที่ มิลล่า โจโววิช นำแสดงในภาพยนตร์แนวสวบสวนในเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติ โดยเธอเคยโด่งดังมาจากภาพยนตร์ในแนวแอ็คชั่น เช่น The Fifth Element และ Resident Evil ทั้งสามภาค แม้นี้อาจจะผลงานการกำกับหนังใหญ่ครั้งแรกของ โอลาทุนเด้ โอซุนซานมี่ แต่เขาเคยเป็นผู้ช่วยของผู้กำกับ/คนเขียนบทดาวรุ่งอย่าง โจ คาร์นาฮาน ที่เคยมีผลงาน สุดเข้มข้นมาแล้วเช่น Smokin' Aces, Narc และ Pride and Glory โอซุนซานมี่ ได้เล่าถึงความเป็นมาว่า เขาเกิดมีความคิดและไอเดียที่จะสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ ในระหว่างที่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของ โจ คาร์นาฮาน ในเรื่อง Smokin' Aces เรื่องย่อ The 4th Kind เรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้อ้างอิงมาจากความจริงอันน่าลี้ลับ และยังไม่สามารถหาคำอธิบายได้จนถึงทุกวันนี้ มันเกี่ยวข้องกับการหายตัวของผู้คนจำนวนมากในระยะเวลากว่า 40 ปี โดย แอ็บบี้ (มิลล่า โจโววิช) คือนักสืบที่เดินทางมายังเมืองเล็กๆแห่งหนึ่งในรัฐอลาสก้า เธอถูกส่งมาสืบสวนเรื่องการหายตัวของผู้คนในแถบนั้น ซึ่งยิ่งเธอถลำลึกลงไปในเรื่องนี้มากขึ้นเท่าไร เธอก็ได้ล่วงรู้ถึงการปกปิดของหน่วยงานรัฐ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตนอกโลกมากขึ้นเท่านั้น "ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณ" ปีค.ศ. 1972 ครั้งแรกที่มีการบันทึกสิ่งมีชีวิตปริศนาจากนอกโลกเอาไว้ได้ ระดับสี่ "การลักพาตัว" คือระดับที่มีการถูกบันทึกเอาไว้ได้น้อยที่สุด... จนกระทั่งบัดนี้ จุดกำเนิดของการเดินทางเพื่อตีแผ่เรื่องราว The 4th Kind เดือนตุลาคม ปี 2004 ผู้กำกับ โอลาทุนเด้ โอซุนซานมี่ ได้ทำการปิดกล้องภาพยนร์เรื่อง The Cavern และมุ่งหน้าไปยังรัฐนอร์ธ แคโรไลน่า สำหรับการทำโพสโปรดักชั่น ซึ่งก็ทำให้เขามีโอกาสทำความรู้จักกับเหตุการณ์พิศวง ที่จะถูกนำมาเล่าในภาพยนตร์เรื่องล่าสุด The Fourth Kind เพื่อนร่วมอาชีพของเขาเล่าว่า มีนักจิตวิทยาสาวคนหนึ่งอาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆอันห่างไกลในแถบทะเลเบอร์ริง ซึ่งอยู่ในเขตรัฐอลาสก้า เธอทำการศึกษาปัญหาอาการนอนไม่หลับของคนไข้ ซึ่งภายหลังก็ทำให้เธอได้พบข้อมูลที่น่าสะพรึงกลัว สิ่งที่ โอซุนซานมี่ ได้ยินทำให้เขารู้สึกสนใจ โดยเฉพาะการที่มันมีหลักฐานที่ชัดเจนและน่าเชื่อถือ เขาจึงตัดสินใจออกตามหาจิตแพทย์สาวคนนั้นจนพบ ซึ่งถึงแม้ว่าเธอจะเกิดอาการลังเลในตอนแรก สุดท้ายแล้วเธอก็ยอมเปิดเผยเรื่องราวทั้งหมด ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2000 กลุ่มคนไข้ของจิตแพทย์สาวคนนี้ ได้รับการบำบัดโดยการสะกดจิตลึก ซึ่งปฏิกริยาตอบรับก็เผยให้เห็นถึงพฤติกรรมที่บ่งบอกถึงการเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตต่างดาว โดยพวกเขาทุกคนจะเล่าว่าเห็นนกฮูกสีขาวอยู่ภายนอกหน้าต่าง พวกเขาตื่นขึ้นมาแต่ไม่สามารถขยับตัวเหมือนร่างกายเป็นอัมพาต จากนั้นพวกเขาได้ยินเสียงที่น่าสะพรึงกลัวจากสิ่งมีชีวิตที่อยู่ด้านนอกประตู ก่อนที่ผู้บุกรุกจะเข้ามาดึงร่างออกไปจากห้อง ซึ่งหลังจากนั้นความทรงจำของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นสีดำมืด เมื่อจิตแพทย์สาวคนนั้นสำรวจลงไปในเรื่องเหตุการณ์พิศวง เธอค้นพบถึงประวัติศาสตร์การหายตัวไปของผู้คนในระแวกนี้ รวมถึงกิจกรรมที่แปลกประหลาดของคนที่อ้างว่าเคยถูกลักพาตัวไป ซึ่งย้อนกลับใปตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 60 โดยยิ่งขุดลงไปถึงต้นตอมากเท่าไร ก็ทำให้เธอยิ่งเชื่อในเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ เรื่องราวจากปากคำของเหยื่อไม่ใช่ความทรงจำที่ถูกแต่งขึ้น หากแต่เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ ที่บอกได้ถึงการถูกลักพาตัวไปโดยมนุษย์ต่างดาว ระดับแรก "การเห็น" เหตุการณ์การเห็นวัตถุลึกลับเกิดขึ้นในรัฐอลาสก้าหลายครั้ง เช่นในเดือนกุมภาพันธ์ปีค.ศ 1965 เจ้าหน้าที่กองทัพอากาศและลูกเรือสหรัฐ ได้เดินทางจากท่าอากาศยานในอลาสก้าไปยังประเทศญี่ปุ่น ทันใดนั้นเรดาร์พวกเขาก็จับสัญญาณของสิ่งแปลกปลอมขนาดมหึมาได้สามลำที่ว่ากันว่าเตือยูเอฟโอ โดยพวกมันได้บินผ่านเครื่องบินเจ็ต F-169 ผ่านน่านน้ำแปซิฟิก และหายไปด้วยความเร็วที่มากกว่า 1500 ไมล์ ต่อชั่วโมง ในปี ค.ศ. 1972 พันเอกพิเศษแห่งของกองทัพอากาศสหรัฐ เวนเดลล์ ซี สตีเว่นส์ ได้ให้ปากคำถึงภาพฟุตเตจของยูเอฟโอเหนือน่านฟ้าอลาสก้าที่ถูกบันทึกเอาไว้ และ การหายตัวไปอย่างลึกลับของสมาชิกวุฒิสภา นิค เบจิส ที่เขาเล่าว่าเป็นการแทรกแซงของสิ่งมีชีวิตนอกโลก เดือนพฤศจิกายน ปีค.ศ. 1986 เครื่องบินเดินทางออกจากชายแห่งของเมืองแองเคอเรจ โดยมีกัปตันเคนจู เทราอุชิ และลูกเรือของแจแปน แอร์ไลน์ เที่ยวบิน 1628 ได้บอกเป็นเสียงเดียวกันถึงยานบินไม่ระบุสัญชาติ ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าเครื่องบินพาณิชย์ถึงสองเท่า โดยคำให้การของพวกเขาก็ยังได้รับการสนับสนุนจากสัญญาณเรดาร์ เหตุการณ์ที่น่าสนใจอีกเหตุการณ์หนึ่ง และเป็นประสบการณ์ของ จอห์น คาลาแฮน อดีตหัวหน้าฝ่ายสืบสวนอุบัติเหตุ สหพันธ์บริหารการบิน นั่นคือเหตุการณ์เครื่องบินโดยสาร 747 ของสายการบินเจแปน แอไลน์ ถูกยานต่างดาวบินติดตามเหนืออาลาสก้า ถึง 31 นาที โดยกัปตันได้บรรยายว่ามันมีลักษณะเหมือนลูกบอล ที่มีแสงรอบ ๆ และมีขนาดใหญ่กว่าเครื่องบิน 747 ราว 4 เท่า โดย คาลาแฮน ยังบอกว่าเรดาห์จับภาพมันได้อีกด้วย ระดับสอง "การค้นพบ" หลักฐานของสิ่งมีชีวิตนอกโลกมีมาตั้งแต่ยุคเมโสโปเตเมีย ซึ่งถูกจารึกอยู่ในแผ่นดินช่วงยุคสมัยของชาวสุเมเรียน (ประมาณ 3500 ปีก่อนคริสตกาล) โดยคำว่า Anunnaki (อ่านว่า AN.AN.NA.KI) ซึ่งเป็นภาษาสุเมเรียน แปลว่าพระเจ้าผู้ลงมาจากเบื้องบน Annunaki คือเหล่าเทพเจ้าของชาวสุเมเรียนโบราณ ชนชาติที่เจริญแล้วซึ่งอารยธรรมอย่างน่าพิศวง ต้นกำเนิดแห่งอารยธรรมทั้งปวงของมนุษยชาติ และมีอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ที่ไม่มีที่มาที่ไปไม่มีใครบอกได้ว่าชาวสุเมเรียนโบราณเอาวิทยาการและเทคโนโลยีเหล่านั้นมาจากไหน ยกเว้นแต่จารึกโบราณของพวกเขาที่ระบุเอาไว้ว่า "มาจากพระเจ้า" หรือ Anunnaki คำตอบมีอยู่ในจารึก "คิวนิฟอร์ม" ของชาวสุเมเรียน ก็คือพระเจ้าของพวกเขาเดินทางมาจากดาวเคราะห์ดวงที่สิบสองของระบบสุริยะ หรือที่เรารู้จักกันในนามของ Planet X ชาวสุเมเรียนเรียกดาวเคราะห์ดวงนั้นว่า Nibiru เป็นน่าพิศวงที่คนโบราณเมื่อเกือบหมื่นปีก่อนรู้จักดาวเคราะห์ที่พวกเราไม่รู้จัก แต่คนโบราณเมื่อหมื่นกว่าปีก่อนกลับรู้จักดาวเคราะห์ทุกดวงในระบบสุริยะ แถมคำนวณวงโคจรของมันได้ถูกต้องเสียอีก แถมพวกเขายังรู้จักกำเนิดของโลก อุบัติการการเฉี่ยวชนระหว่างดาวเคราะห์ชื่อ TIAMAT กับ MARDUK/NIBIRU จนก่อให้เกิดโลกของเราในปัจจุบันขึ้น สามารถอธิบายต้นกำเนิดของ Asteroid Belt ที่กั้นระหว่างดาวเคราะห์ชั้นในกับชั้นนอกของระบบสุริยะได้อย่างน่าพิศวงที่สุด และทั้งหมดนี้พวกเขาได้รับความรู้มาจาก Anunnaki หรือ "พระเจ้าจากอวกาศ" ระดับสาม "การติดต่อ" บรรดาผู้ที่สนใจหรือฝักใฝ่ในเรื่องยูเอฟโอต่างเชื่อมั่นว่า มียานอวกาศลึกลับบินมาตกในบริเวณป่าใกล้กับเมืองเคกส์เบิร์ก (Kecksburg) รัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ค.ศ. 1969 ประจักษ์พยานนับพันคนทั้งในรัฐเพนซิลเวเนียและรัฐใกล้เคียง เช่น มิชิแกน, โอไฮโอ หรือออนทรีโอในแคนาดา ต่างก็เห็นกับตาว่ามีวัตถุสุกสว่างขนาดใหญ่บินผ่านท้องฟ้าเหนือบริเวณที่พวกเขาอยู่ และไปตกพร้อมกับเสียงระเบิดดังสนั่นทางตะวันตกของรัฐเพนซิลเวเนีย หลังจากนั้นกองทัพสหรัฐฯ ก็ระดมกำลังตรวจสอบพื้นที่บริเวณนั้นและปิดกั้นไม่ให้ประชาชนเข้าไปใกล้ที่เกิดเหตุ แต่หลังจากค้นหากันอยู่นาน นายทหารที่ร่วมค้นหาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ของนาซาก็ออกมาบอกว่าไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ ทั้งสิ้นในบริเวณดังกล่าว พร้อมกับมีรายงานออกมาว่าเป็นเพียงแค่สะเก็ดดาวตกลงมาเท่านั้น อย่างไรก็ดี มีพยานในที่เกิดเหตุหลายคนยืนยันหนักแน่นว่า พวกเขาเห็นเจ้าหน้าที่นำรถบรรทุกมาขนวัตถุขนาดใหญ่พอๆ กับรถเต่า (โฟล์คสวาเกน) และมีลักษณะคล้ายกับผลต้นโอ๊กออกจากบริเวณที่เกิดเหตุในค่ำคืนวันนั้น โดยสิบเอก คลิฟฟอร์ด สโตน อดีตทหารบกกองทัพสหรัฐ เป็นอีกคนหนึ่งที่บอกว่า เขาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ยานต่างดาวตกที่เพนซิลเวเนียในครั้งนั้น และยังมีมนุษย์ต่างดาวที่รอดชีวิตอยู่ด้วย แต่รัฐบาลก็ตัดสินใจปกปิดเรื่องนี้ โดย สโตน ยังบอกว่าเผ่าพันธ์ มนุษย์ต่างดาวมีถึง 57 สปีซี่ และหลายสปีซี่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ กรณีนี้คล้ายกับการพบซากยูเอฟโอ และมนุษย์ต่างดาวอันโด่งดังในเมืองรอสเวลล์เมื่อเดือน ก.ค. ปี 2490 จึงมีการเรียกชื่อเหตุการณ์ยูเอฟโอตกในรัฐเพนซิลเวเนียครั้งนั้นว่า เหตุการณ์รอสเวลล์ที่เพนซิลเวเนียส์ (Pennsylvania's Roswell) ระดับสี่ "การลักพาตัว" การลักพาตัว เบตตี้ และ บาร์นีย์ ฮิลส์ ถือเป็นครั้งแรกที่มีการบันทึก เกี่ยวกับการถูกลักพาตัวไปโดยมนุษย์ต่างดาว โดยเรื่องเกิดขึ้นเมื่อ 19 กันยายน 1961 ขณะที่ เบตตี้ และ บาร์นีย์ สองสามีภรรยาขับรถผ่านแดนทะเลทรายของรัฐนิวแฮมเชียร์ จู่ๆก็มียานอวกาศลึกลับแล่นขวางหน้า และบังคับให้สองสามีภรรยาคู่นี้หยุดรถ สิ่งมีชีวิตในยานนั้นมีอยู่ 5 คน (ตัว) สูง 5 ฟุต ตาโต ไม่มีจมูก และผิวหนังสีเทา เมื่อคนพวกนี้มาใกล้ สองสามีภรรยาก็รู้สึกเหมือนสะกดจิต ทั้งคู่ถูกนำตัวเข้าไปในยานและถูกตรวจสอบทางกายภาพ มนุษย์ต่างดาวเหล่านั้นสอบถามสองสามีภรรยาโดยใช้พลังจิต แต่เมื่อเขาพูดกันเองก็พูดด้วยภาษาแปลกประหลาด คนทั้งสองเปิดเผยภายใต้สภาวะสะกดจิตเหมือนๆ กันว่า รู้สึกกลัวจับใจเมื่อได้เห็นสิ่งที่เชื่อว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวมุ่งหน้าเข้ามาหา แต่ไม่สามารถขยับเนื้อขยับตัวเพื่อหลบหนีจากที่เกิดเหตุได้ บรรดาคนที่เผชิญหน้ากับเหตุการณ์ประหลาดเหล่านี้บอกว่า ถ้าไม่รู้สึกหมดเรี่ยวแรงก็จะรู้สึกเหมือนเป็นอัมพาตชั่วคราวไปทั้งตัว ไม่มีปัญญาแม้แต่จะขยับแขนขยับขา นอกเหนือจากสภาพหมดปัญญาจะหลบหนีแล้ว เหยื่อยังอาจถูกบังคับให้ทำอย่างหนึ่งอย่างใดด้วย เช่น กรณีของ บาร์นีย์ ที่บอกว่าเขารู้สึกเหมือนถูกบังคับให้ก้าวลงจากรถ และทันทีที่เท้าทั้งสองข้างสัมผัสพื้น สิ่งมีชีวิตประหลาด 2 ราย ก็ตรงเข้ามาขนาบข้าง ตอนนั้นเองที่เขารู้สึกผ่อนคลายไปทั่วร่างทั้งๆ ที่ในใจยังเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอยู่เต็มเปี่ยม เบตตี้ ฮิลล์ บอกว่า ผู้ที่จับตัวเธอมาเก็บตัวอย่างผิวหนังจากต้นแขน เก็บผม ขี้หู และตัดเล็บไปทดสอบ และถูกตรวจสอบภายในร่างกายด้วยเครื่องมือที่เหมือนเป็นท่อหรือสายไฟ ส่วนปลายเป็นเข็มยาวสอดเข้าไปในช่องคลอด ซึ่ง เบตตี้ ฮิลล์ ได้รับคำบอกจากผู้ที่ลักพาตัวเธอว่าเป็นการ "ทดสอบความสามารถในการตั้งครรภ์" นั่นเอง จากนั้นทั้ง เบตตี้ และ บาร์นีย์ ก็ถูกลบความทรงจำ และถูกปล่อยตัวออกมา ซึ่งภายหลังสองสามีภรรยาคู่นี้ถูกสะกดจิต ทั้งคู่ก็เล่าเหตุการณ์นี้อย่างละเอียด จนเป็นเรื่องน่าสนใจอย่างมาก และได้ออกโทรทัศน์รายการพิเศษในปี 1975 ร่วมสัมผัส The Fourth Kind ภาพยนตร์เรียลลิตี้ / ไซไฟ เรื่องแรกของโลก ด้วยการใช้ฟุตเตทจากเหตุการณ์จริงผสมผสานกับเรื่องราวในภาพยนตร์ ผู้กำกับ โอซุน ซานมี่ ได้เปิดโปงประสบการณ์อันน่าสะพรึงกลัวของเหยื่อหลายคน สำหรับเรื่องราวของพวกเขาในการเผชิญหน้าและถูกจับตัวไปโดยมนุษย์ต่างดาว ด้วยการเล่ารายละเอียดที่เสมือนจริงจนน่ารบกวนจิตใจ ร่วมพิสูจน์ความจริงอันน่าเหลือเชื่อไปกับ The 4th Kind 26 พฤศจิกายนนี้ ข้อมูลจาก มงคลเมจอร์ |
Caffein Dog
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?] Group Blog
All Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |