อังกฤษเปลี่ยนกฏสืบราชสันตติวงศ์ให้ "พระราชธิดา" ขึ้นเป็นกษัตริย์ได้
ผู้นำประเทศต่างๆ ณ ที่ประชุมสุดยอดผู้นำประเทศในเครือจักรภพอังกฤษ เห็นชอบให้ทั้งพระราชโอรส หรือพระราชธิดา ของกษัตริย์องค์ต่อไปแห่งสหราชอาณาจักร ทรงมีสิทธิ์ขึ้นครองราชบัลลังก์ได้เท่าเทียมกัน
ผู้นำ 16 ประเทศในเครือจักรภพอังกฤษ ได้มาร่วมประชุมกันที่เมืองเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย โดยมีสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ ทรงเป็นองค์ประธาน และทรงอยู่ในฐานะประมุขแห่งรัฐ มีมติเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์ให้เปลี่ยนกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบสันตติวงศ์
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้พระราชธิดาพระองค์แรกในดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ สามารถขึ้นสืบทอดราชบัลลังก์ได้ หลังจากที่ภายใต้กฏมณเฑียรบาลเดิมที่ยึดถือมานานกว่า 300 ปี รัชทายาทจะต้องเป็นพระราชโอรสองค์แรกของพระมหากษัตริย์ โดยมีเพียงกรณีที่พระมหากษัตริย์ทรงไม่มีพระราชโอรสเลย อย่างเช่นพระเจ้าจอร์จที่ 6 พระราชบิดาของพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 เท่านั้น มงกุฎจึงจะตกมาอยู่ในมือของพระราชธิดาองค์โต
นอกจากนั้น ข้อห้ามที่ไม่ให้องค์กษัตริย์อภิเษกกับผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก ก็ถูกยกเลิกไปด้วย
การเปลี่ยนแปลงการสืบสันตติวงศ์ดังกล่าวจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงกฏหมายครั้งใหญ่ รวมถึงพระราชบัญญัติว่าด้วยการสืบสันตติวงศ์ปี 1701 กฏหมายสิทธิเสรีภาพปี 1689 และพระราชบัญญัติการอภิเษกสมรสปี 1772
ด้านนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอนของอังกฤษกล่าวถึงการเปลี่ยนกฏมณเฑียรบาลครั้งนี้ว่า จะมีผลบังคับใช้กับทายาทของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ แต่ไม่มีผลย้อนหลัง นายคาเมรอนกล่าวว่า พูดง่ายๆ คือ หากดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ทรงมีพระธิดา เด็กหญิงคนนั้นอาจจะเป็นพระราชินีของอังกฤษในอนาคต
ส่วนนายกรัฐมนตรีจูเลีย กิลลาร์ดของออสเตรเลีย ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศเครือจักรภพ กล่าวว่านี่เป็นช่วงเวลาพิเศษ เธอรู้สึกกระตือรือร้นมาก และเธอในฐานะนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของออสเตรเลียรู้สึกตื่นเต้นกับการเปลี่ยนแปลง ที่ทำให้เกิดความเท่าเทียมกันสำหรับผู้หญิงในยุคปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม สำหรับกลุ่มรณรงค์เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบบสาธารณรัฐ ซึ่งต้องการให้มีการเลือกตั้งประมุขแห่งรัฐ ชี้ว่า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญใดๆ เกิดขึ้น
ที่มามติชนออนไลน์
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [
