"กรุงมะนิลา" ประเทศฟิลิปปินส์

Photobucket

มะนิลา (Manila) ถือว่าเป็นเมืองใหญ่ ที่สำคัญที่สุดของฟิลิปปินส์ ตั้งอยู่ ณ ปากแม่น้ำปาชิก (Pasig) ก่อนจะไหลเรื่อยสู่มหาสมุทรแปซิฟิก เมื่อครั้งเก่าก่อนในสมัยที่ตกอยู่ภายใต้อาณานิคมของประเทศสเปน มะนิลา งามจนได้รับสมญานามว่า "ไข่มุกแห่งบูรพา" (Pearl of The Orient)

หากแต่ในปัจจุบันนี้ มะนิลา ก็ยังคงความงามอยู่เสมอในห้วงคำนึงของนักเดินทาง ที่สำคัญยิ่งกว่าเมืองแห่งนี้เป็นเมืองหลวงที่เป็นศูนย์กลางการค้าและอุตสาหกรรม รวมไปถึงการท่องเที่ยวที่สำคัญของฟิลิปปินส์ที่ไม่ควรพลาดไปเยี่ยมเยือน


การเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ประจำเมือง ถือเป็นการโหมโรงการเดินทางที่ยอดเยี่ยมที่สุด เพราะกิจกรรมนี้จะทำให้เราซาบซึ้งกับความเป็นมาของแต่ละสถานที่ ที่เรากำลังจะพัดผ่านไปเยี่ยมเยือน ดังนั้น ก่อนจะเรื่อยเลาะไปยังสถานที่อื่น ๆ ภายในมะนิลา การมาย้อนอดีตกันที่ อินทรามูรอส จึงถือเป็นโปรแกรมที่พลาดไม่ได้จริง ๆ

อินทรามูรอส (Intramuros) ตั้งอยู่ ณ ริมแม่น้ำฟาร์ซิกไรซัล (Rizal Park) ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ.1571 โดยกลุ่มชาวสเปนที่มีผู้นำในการก่อสร้างคือ Miguel Lopez de Legazpi เพื่อป้องกันการรุกรานจากกลุ่มโจรสลัด อินทรามูรอส เคยถูกเปลี่ยนมือไปสู่การดูแลของอังกฤษในช่วงปีค.ศ.1762 ก่อนที่สเปนจะตีคืนมาได้ใน 2 ปีถัดมา และ อินทรามูรอส ก็ถูกเปลี่ยนมืออีกครั้งไปสู่สหรัฐอเมริกาในปีค.ศ.1898 ก่อนที่จะถูกญี่ปุ่นเข้าทำลายและยืดครองในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

หลังจากที่ผ่านทั้งพายุ แผ่นดินไหว ไฟไหม้ และภัยสงคราม อินทรามูรอส ก็แทบจะไม่เหลืออะไรให้เห็น กระทั่งกลายเป็นเมืองร้างในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ก่อนที่ทางการจะยื่นมือเข้ามาบูรณปฏิสังขรณ์ จนมีสภาพดีขึ้นอย่างที่เห็นในปัจจุบัน และกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเมื่อมาเยือนมะนิลา ภายใน ป้อมอินทรามูรอส ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นศูนย์กลางในการปกครองการศึกษา วัฒนธรรม ศาสนา และการค้า ฯลฯ ลักษณะทางสถาปัตยกรรมเหมือนเมืองในสมัยยุโรปยุคกลาง ที่มีกำแพงล้อมรอบและค่ายป้อมยามมิดชิด ภายในพื้นที่เกือบ 400 ไร่ ถูกล้อมด้วยกำแพงหินสูงที่มีโบสถ์ โรงเรียน และสถานที่ราชการตั้งอยู่ภายใน

นักเดินทางผู้ยิ่งใหญ่หลายคนต่างก็เคยพูดไว้ในบทบันทึกการเดินทางของเขาอยู่เสมอว่า "หากอยากสัมผัสถึงจิตวิญญาณที่แท้จริงของผู้คนในพื้นที่ที่เราไปเยือนต้องไม่พลาดการไปชมศาสนสถาน" ดังนั้น เมื่อมาเยือนมะนิลาทั้งที การไม่ได้ไปชมศาสนสถานประจำเมืองจึงเป็นเรื่องน่าเสียดาย เริ่มต้นการสัมผัสจิตวิญญาณของชาวมะนิลากันก่อนที่ โบสถ์ซานอะกุสติน (San Agustin Church) ซึ่งสร้างขึ้นในปีค.ศ.1599 ตามแบบสถาปัตยกรรมของสเปน สร้างด้วยหินอ่อนทั้งหลังมีความสง่างาม ถือเป็นสิ่งปลูกสร้างหนึ่งเดียว ภายในอินทรามูรอสที่ไม่ถูกระเบิดในสงครามโลกครั้งที่ 2

เสน่ห์ของ โบสถ์ซานอะกุสติน ก็คือผนังโบสถ์ด้านหน้าที่ชวนมองในสไตล์ดอริกเกลี้ยง ๆ รวมถึงบานประตูใหญ่ที่แกะสลักหินเป็นรูปนักบุญอะกุสติน กับนักบุญโมนีกาที่งดงามน่าเจริญศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง ใกล้ ๆ กับโบสถ์ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ที่เก็บสมบัติล้ำค่าไว้ให้ได้ชื่นชมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นงานศาสนศิลป์ งานประณีตศิลป์รวมถึงงานเครื่องถ้วยแบบสเปนและเม็กซิกัน


ถัดจากโบสถ์ซานอะกุสตินก็ควรพาตัวเองไปเยี่ยมโบสถ์เก่าแก่ที่สำคัญของมะนิลานั่นคือ โบสถ์มะนิลา (Manila Cathedral) ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยที่มะนิลาเป็นส่วนหนึ่งของอาณานิคมสเปน โดยพระประสงค์ของพระสันตะปาปาเกรโกรีที่ 13 ดังนั้น โบสถ์แห่งนี้จึงมีอายุเก่าแก่กว่า 500 ปี จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่โบสถ์แห่งนี้จะผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน ที่สำคัญยังคงยืนหยัดอยู่คู่ศรัทธาของชาวกรุงมะนิลามาจวบจนปัจจุบัน

คาซา มะนิลา (Casa Manila) ถือเป็นหย่อมย่านที่พักอาศัยของชนชั้นสูงชาวสเปนในอดีต ซึ่งถูกบูรณะขึ้นมาใหม่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ สำหรับคนที่โหยหาเรื่องราวในอดีต หากเดินย่ำต๊อกไปตามถนนสายเล็ก ๆ ภายในย่านแห่งนี้ก็จะได้สัมผัสกับตึกทรงโบราณแบบสเปน ที่สวยงามแปลกตาและหาชมไม่ได้ง่าย ๆ แม้ในประเทศเจ้าอาณานิคมอย่างสเปน ที่สำคัญยิ่งกว่าภายในอาคารต่าง ๆ เหล่านั้น ยังมีการจัดแสดงจำลองวิถีชีวิตความเป็นอยู่จริง ๆ ในสมัยนั้นให้ได้ชมกันอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

หลังจากได้เดินชมความสวยงามของย่านคาซา มะนิลากันแล้ว ก็ควรอย่างยิ่งกับการมาเดินกันต่อที่ สวนไรซาล (Rizal Park) หรือเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่าื ลูเนตา (Luneta) เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่กลางกรุงมะนิลาทั้งยังเป็นทั้งตั้งของ อนุสาวรีย์โฮเซ่ ไรซาล (Jose Rizal) ผู้นำในการปลดแอกฟิลิปปินส์จากสเปนในช่วงค.ศ.1896-1898 และในบริเวณเดียวกัน ก็เป็นจุดที่ฟิลิปปินส์ประกาศอิสรภาพเหนือสหรัฐอเมริกาในปีค.ศ.1941 อนุสาวรีย์นี้จึงทวีความสำคัญในฐานะเป็นหลักกิโลเมตรแรก สำหรับนับระยะถนนทุก ๆ สายในเกาะลูซอน


Extra Tips

สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ (Republic of The Philippines) น่าเดินทางไปเยี่ยมเยือนโดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบท่องเที่ยวเชิงศึกษาประวัติสาสตร์และวัฒนธรรม เพราะมีความโดดเด่นในเรื่องของวัฒนธรรมที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากสเปนและสหรัฐอเมริกาในยุคอาณานิคม ดังนั้น สีสันทางวัฒนธรรมของฟิลิปปินส์ในวันนี้จึงเป็นการผสมผสานทั้งความเป็นตะวันออกและตะวันตกเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว

ชื่อเดิมของเมือง มะนิลา (Manila) นั้นคือ "ไมนีลัด" เหตุที่ได้ชื่อนี้เพราะดินแดนแถบนั้นคลาคล่ำไปด้วย "ต้นนีลัด" ซึ่งเป็นไม้พื้นถิ่นที่มีพวงดอกเป็นสีขาว สะอาดตา ก่อนที่จะกร่อนเสียงและเพี้ยนเป็นมะนิลาในวันนี้

ตลาดกลางมากาติ (Makati) ถือเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงที่สุดของมะนิลา เพราะตั้งอยู่ ณ จุดกึ่งกลางของย่านธุรกิจชั้นนำ ทั้งยังรายรอบด้วยโรงแรมหลายระดับมากมาย รวมทั้งยังเป็นที่ตั้งของห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ หลายแห่ง ภายในตลาดกลางมากาติมิให้เลือกช้อปทั้งสินค้าพื้นเมือง ของที่ระลึก รวมถึงสินค้าแบรนด์เนมสุดหรู

ประเพณีปฏิบัติของชาวฟิลิปปินส์ในวันอาทิตย์จะเป็นวันไปโบสถ์ตามศาสนกิจของชาวคริสต์ และหลังจากเสร็จสิ้นศาสนกิจชาวฟิลิปปินส์ส่วนมากนิยม ไปชุมนุมกันที่ร้านอาหารเพื่อร่วมรับประทานอาหารในหมู่เครือญาติ ดังนั้น ในวันนี้ร้านอาหารจึงเนืองแน่นไปด้วยผู้ใช้บริการ






ข้อมูลจากLisa



Create Date : 31 สิงหาคม 2553
Last Update : 31 สิงหาคม 2553 21:07:12 น.
Counter : 9412 Pageviews.

1 comments
  
โดย: MaFiaVza วันที่: 7 กันยายน 2553 เวลา:6:06:52 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Caffein Dog
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]



Group Blog
สิงหาคม 2553

1
2
3
4
5
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
24
25
27
28
29
30
 
 
All Blog