วิธีการเลี้ยง "กระรอก"
ด้วยความน่ารักของสัตว์ตัวจ้อยหางฟู ๆ อย่างเจ้ากระรอกน้อย ทำให้ปัจจุบันมีการเพาะพันธุ์เพื่อจำหน่ายเป็นสัตว์เลี้ยงกันอย่างแพร่หลาย แต่ใครที่หลงใหลในความน่ารักและอากัปกิริยาอันน่าเอ็นดูของมัน อย่างเพิ่งตัดสินใจซื้อมาเลี้ยง ก่อนที่จะรู้จักวิธีการเลี้ยงที่เหมาะสม เพราะ กระรอก เลี้ยงไม่ง่ายอย่างที่คิด แถมยังต้องดูแลเอาใจใส่มากกว่าการเลี้ยงกระต่าย หรือหนูแฮมสเตอร์ เสียอีก
ธรรมชาติของกระรอก เป็นสัตว์คล่องแคล่วว่องไว ชอบการปีนป่าย ดังนั้นเขาจึงไม่ชอบการอยู่ในกรง และหากเริ่มเลี้ยงมาตั้งแต่ลืมตาดูโลก แม้เจ้ากระรอกน้อยที่เป็นสัตว์เชื่องยาก ก็จะสามารถจำกลิ่นคนเลี้ยงได้ แต่ก็จะเชื่องเฉพาะกับคนเลี้ยงที่ป้อนนม ป้อนอาหารให้เท่านั้น ซึ่งอาหารสำหรับกระรอกวัยแรกเกิด - 2 เดือน นม จะเป็นอาหารหลักในช่วงนี้ แนะนำว่า นมแพะ เหมาะสมที่สุด และเมื่ออายุได้ประมาณ 40 วัน ผู้เลี้ยงจะต้องเริ่มบังคับให้กินกล้วยก่อนกินนม
จากนั้นเมื่อกระรอกอายุได้ประมาณ 2 เดือน ฟันจะเริ่มขึ้น ควรเริ่มให้เมล็ดทานตะวัน เพื่อเป็นการลับฟันไปในตัว และค่อยทยอยให้แทะผลไม้ที่แข็งขึ้นมาอีกนิด เช่น ฝรั่ง เมล็ดข้าวโพด ทั้งนี้ ผลไม้ต้องห้ามสำหรับเจ้ากระรอกน้อย คือ พืชตระกูลแตงทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น แตงโม แตงกวา ฯลฯ เนื่องจากจะทำให้กระรอกท้องเสียได้ อาจจะเสริมด้วยอาหารกระต่าย เช่น เมล็ดข้าวโพดก็ได้ เมื่อกระรอกมีอายุครบ 3 เดือน จะเริ่มผลัดขน บางตัวจะค่อย ๆ ผลัดแต่บางตัวจะผลัดเยอะมาก ผู้เลี้ยงไม่ต้องตกใจขนจะขึ้นเต็มที่เมื่ออายุครบ 6 เดือน
ในช่วงเดือนที่ 3 กระรอกจะเริ่มผลัดขน บางตัวผลัดน้อยหรือมากแตกต่างกัน และขนจะขึ้นเต็มที่ตอนอายุครบ 6 เดือน ซึ่งการที่จะดูว่ากระรอกสวยหรือไม่สวยจะสามารถดูได้ในช่วงนี้ โดยกระรอกจะมีช่วงชีวิตยืนยาวอย่างน้อย 8 ปี แต่บางตัวอาจจะมีชีวิตอยู่ถึง 15-20 ปี
ดังนั้น อย่าตัดสินใจเลี้ยงกระรอกตามแฟชั่น เพราะถ้าเบื่อแล้วนำไปปล่อย กระรอกที่ถูกเลี้ยงโดยมนุษย์ตั้งแต่เล็ก จะไม่สามารถดำเนินชีวิตอยู่ตามธรรมชาติได้
ข้อควรระวังในการเลี้ยงกระรอก มีดังนี้
ระวังสารเคมีตกค้างในผลไม้และสารพิษจากเมล็ดถั่วแห้ง
ไม่ควรเปลี่ยนนมกะทันหัน
กระรอกควรได้รับอาหารที่หลากหลาย
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงอาหารทุกครั้ง ให้สังเกตว่ากระรอกมีอาการ ผิดปกติหรือไม่
ข้อมูลจากเดลินิวส์