เชื่อว่าใครหลายคนในสมัยนี้ต่างพิศมัยที่จะลองลิ้มชิมรสชาติอาหารญี่ปุ่นเมนู "ซูชิ" กันอย่างแน่นอน ยิ่งตอนนี้จะเห็นได้ว่ามีร้านอาหารญี่ปุ่นเกิดขึ้นมากมายในบ้านเรา เรียกได้ว่าจะเดินทางไปที่ไหนก็เจอ หรือแม้แต่ในร้านอาหารทั่วไปก็ยังมีเซตเมนูซูชิไว้คอยบริการลูกค้าด้วย แต่หลายครั้งที่ลูกค้าอย่างเรา ๆ ต้องประสบปัญหาเชฟทำอาหารไม่ทันกันอยู่บ่อย ๆ ทำให้ลูกค้าเริ่มหงุดหงิดจนเดินออกจากร้านไปเลยก็มี ซึ่งในวันนี้ประเทศญี่ปุ่นได้คิดค้นอุปกรณ์ไฮเทคเป็นเครื่องปั้นซูชิขึ้นมา เพื่อแก้ปัญหาตรงจุดนี้แล้วล่ะ
เจ้าเครื่องปั้นซูชิตัวนี้มีชื่อว่า "ซูชิบอท" (Sushibot) ผลิตโดยบริษัท ซูซูโมะ ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นบริษัทแรกของโลกที่ผลิตเครื่องทำซูชิขึ้นมา ทั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยประหยัดเวลาคนที่ต้องมานั่งห่อ นั่งปั้นซูชิ ดังนั้นทางบริษัทจึงเล็งเห็นความสำคัญตรงจุดนี้ สร้างเครื่องทำซูชิออกมาวางจำหน่าย โดยผลิตเครื่องแรกออกมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1981 จากนั้นจึงค่อย ๆ พัฒนาและสร้างสรรค์ซูชิบอทออกมาอยู่เรื่อย ๆ
โดยขั้นตอนการทำงานของมันก็ไม่มีอะไรซับซ้อนมาก เพียงนำข้าวญี่ปุ่นที่หมักไว้แล้วไปใส่ในช่องใส่ข้าวด้านบน จากนั้นก็วางแผ่นสาหร่ายลงไปบนถาดที่ยื่นออกมา เสร็จแล้วก็กดปุ่มสีเขียวให้เครื่องดึงถาดเข้าไป ก่อนจะออกมาพร้อมข้าวที่วางเรียงรายอยู่บนแผ่นสาหร่าย ถัดมาก็ใส่ส่วนผสมที่ต้องการลงไปบนข้าว แล้วก็กดปุ่มสีเขียวอีกครั้ง ทันใดนั้นเองตัวแผ่นรองก็จะพับขึ้นมาห่อสาหร่ายโดยอัตโนมัติ เพียงเท่านี้คุณก็จะได้ซูชิแถวหนึ่งแล้ว
ทั้งนี้ ประสิทธิภาพการทำงานของเจ้าเครื่องซูชิบอทเครื่องนี้นั้นไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เพราะโดยเฉลี่ยแล้ว มันสามารถทำซูชิได้ 1,000 แถวต่อชั่วโมงเลยนะ และถ้าหากนำมาตัดแบ่งก็จะได้ถึง 3,600 ชิ้นเลยล่ะ สุดยอด!! นอกจากนี้ที่ตัวเครื่องยังมีแผงควบคุมเอาไว้ให้ผู้ใช้งานได้ทำการตั้งค่าด้วยว่า ต้องการให้ซูชิออกมาเป็นแบบไหน ทั้งในเรื่องของขนาด, ความยาว, ความหนา, ตำแหน่ง และความหนาแน่นของแผ่นข้าวที่จัดเรียงออกมา
สำหรับเครื่องทำซูชิเครื่องดังกล่าว ทางบริษัทซูซูโมะได้นำมาอวดโฉมให้คนได้ชมกันไปแล้วในงาน World Food and Beverage Great Expo 2012 ที่จัดขึ้น ณ เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าซูชิบอทที่ปล่อยออกมามีหลายขนาด หลากรูปแบบ ให้ผู้ใช้งานได้เลือกใช้ตามความต้องการอีกด้วย.. แหมมม แบบนี้ก็เจ๋งสุด ๆ ไปเลย!!
ที่มาkapook.com
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [
