เพชรา เชาวราษฎร์
Photobucket


หากเอ่ยถึงไอดอลคนดังรุ่นเก่าที่เป็นตำนาน หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อราชาเพลงร็อกแอนด์โรลล์ "เอลวิส เพรสลีย์" แต่ถ้าเป็นเพลงลูกทุ่งไทย ก็ไม่มีใครทาบรัศมีราชินีลูกทุ่ง "พุ่มพวง ดวงจันทร์" และหากนึกถึงพระ-นางคู่ขวัญที่เป็นดาวค้างฟ้าก็เห็นจะมีแต่ "มิตร ชัยบัญชา" และ " เพชรา เชาวราษฎร์ "

....ที่ชวนมานึกย้อนวันวานกันอย่างนี้ เพราะล่าสุดอดีตนางเอกนัยน์ตาหยาดน้ำผึ้ง เพชรา เชาวราษฎร์ ตัดสินใจหวนสู่วงการบันเทิงอีกครั้ง หลังจาก เพชรา เชาวราษฎร์ เงียบหายไปจากวงการบันเทิงยาวนาวกว่า 30 ปี ด้วยการรับคำเชิญเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้เครื่องสำอางชื่อดังยี่ห้อหนึ่ง โดยโฆษณาดังกล่าวออกอากาศแล้วเมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งได้รับความสนใจและเป็นที่ฮือฮาเป็นอย่างมาก ดังนั้นวันนี้กระปุกดอทคอมจึงไม่พลาดที่จะพาไปเจาะลึกชีวิต เพชรา เชาวราษฎร์ เพชรน้ำเอกของวงการบันเทิงไทยคนนี้กันค่ะ

เพชรา เชาวราษฎร์ หรือ "คุณอี๊ด" มีชื่อจริงนามสกุลจริงว่า "เอก เชาวราษฎร์" เกิดเมื่อวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2486 ปัจจุบันอายุ 66 ปี เป็นชาวจังหวัดระยอง มีพี่น้องทั้งหมด 7 คน โดย เพชรา เชาวราษฎร์ เป็นคนที่ 4 เพชรา เชาวราษฎร์ ก้าวเข้าสู่วงการภาพยนตร์ หลังจากที่ชนะการประกวดธิดาเมษาฮาวาย เมื่อปี พ.ศ.2504 จากการชักชวนของ ศิริ ศิริจินดา แห่งบริษัทจินดาวรรณภาพยนตร์ และดอกดิน กัญญามาลย์ ทั้งนี้ ในปี พ.ศ.2505 เพชรา เชาวราษฎร์ ได้ประเดิมภาพยนตร์เรื่องแรก "บันทึกรักของพิมพ์ฉวี" คู่กับ มิตร ชัยบัญชา ขณะอายุได้ 19 ปี จากนั้นทั้งคู่ก็กลายเป็นดาราคู่ขวัญ สัญลักษณ์ของภาพยนตร์ไทยมาตลอดจนกระทั่งหยุดการแสดงในปี พ.ศ.2521 หลังจากชีวิตต้องตกอยู่ในโลกมืด!!!

"ที่มีคนพูดกันว่า ดิฉันหยอดตาเพื่อให้ตาหวานตาสวย คิดดูสิว่า เล่นหนังมากี่เรื่องล่ะ คงจะหยอดตามาตลอด...ตาจึงมีปัญหาอย่างนี้ แต่นั่นไม่เป็นความจริงเลยค่ะ สาเหตุเป็นเพราะดิฉันร้องไห้เยอะ ไม่ได้พักดวงตา และขับรถเองตลอด ประกอบกับสมัยนั้น ถ่ายหนังต้องใช้ไฟแรง หรือใช้รีเฟล็กซ์เยอะ ช่วงหลัง ๆ เมื่อปี 2513 ดิฉันเริ่มแสบตา ถูกแอร์รถยนต์ก็แสบ แต่ดิฉันก็ยังขับรถไปถ่ายหนังต่างจังหวัดเอง และอดทนแสดงภาพยนตร์จนถึงเรื่องสุดท้ายคือ "ไอ้ขุนทอง" เข้าฉายในปี 2520"

เมื่อดวงตาเริ่มมีปัญหา ใช่ว่า เพชรา เชาวราษฎร์ จะละเลยรักษาดูแล แต่ด้วยภาระงานที่ไม่อาจเลี่ยงได้จึงส่งผลให้การไปหาหมอของ เพชรา เชาวราษฎร์ ไม่สม่ำเสมอ เธอเล่าว่าพออาการเริ่มหนักขึ้น ถึงกับเคยขับรถปีนเกาะกลางถนนหลายครั้ง และเมื่อเข้าขั้นวิกฤต เพชรา เชาวราษฎร์ ก็พยายามรักษาทุกวิถีทาง กระทั่งแพ้ยาจนตัวบวม น้ำหนักเพิ่ม จาก 47-48 กิโลกรัม มาหนัก 60 กว่ากิโลกรัม

"ต้องซื้อเสื้อผ้าคนท้องมาใส่ ผมร่วงหมดศีรษะ ฝ้าขึ้นดำไปทั้งหน้าทั้งตัว จนคนที่รู้จัก เพชรา เชาวราษฎร์ จำไม่ได้ เมื่อตัวบวมมากๆ ก็หายใจไม่ออก กลืนน้ำก็ไม่ได้ ต้องเข้าไปนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล หมอบอกว่า ช่วงนั้นไตหยุดทำงาน พิษยาจึงคั่งค้างทำให้ตัวบวม ต้องรอให้พิษยาลดลง จากที่เคยสวมแว่นดำและนั่งแท็กซี่ไปไหนมาไหนได้เอง ตอนหลังก็มองไม่เห็น ออกไปไหนคนเดียวไม่ได้แล้ว!!"

แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้รุนแรงต่อจิตใจของผู้หญิงสวยคนหนึ่ง จนยากเกินยอมรับและทำใจได้ เพชรา เชาวราษฎร์ ตัดสินใจตัดขาดจากวงการภาพยนตร์ เพื่อมุ่งรักษาดวงตาของตัวเองกว่า 16-17 ปี แต่นั่นก็ไม่ทำให้ เพชรา เชาวราษฎร์ กลับมามองเห็นโลกสีสวยใบนี้ได้อีก แม้กระทั่งการให้สัมภาษณ์ครั้งล่าสุดในรายการ วู้ดดี้เกิดมา เพชรา เชาวราษฎร์ ก็ยังคงไม่เปิดเผยหน้าตาออกสื่อให้ใครได้เห็น โดยบอกว่าไม่อยากให้คนอื่นเห็นเธอ ขณะที่เธอไม่สามารถมองเห็นคนอื่น

"ปัจจุบันดิฉันปิดบ้าน ไม่ออกไปไหน ไม่ให้ใครเห็น เพราะดิฉันทำใจไม่ได้ ยอมรับตัวเองไม่ได้ พอนึกถึงคำว่า "เพชราตาบอด" ขึ้นมาครั้งใด น้ำตาจะไหลพรากทุกครั้งใช้เวลาทำใจอยู่หลายปี แต่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังอยากกลับมามองเห็นเหมือนเดิม อยากดูเบอร์โทรศัพท์เอง อยากเห็นสีสัน อยากขับรถเอง อยากตัดสินใจอะไรด้วยตัวเอง" อดีตนางเอกขวัญใจผู้ชมชาวไทยเล่าถึงความทุกข์ที่ต้องผจญกับโลกมืด

ด้านชีวิตส่วนตัว เพชรา เชาวราษฎร์ สมรสกับ ชรินทร์ นันทนาคร ศิลปินนักร้อง นักแสดง ผู้กำกับภาพยนตร์ ได้รับการยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2541 ที่ถึงแม้ตอนนี้นัยน์ตาเพชราจะบอดสนิท แต่ ชรินทร์ ก็ยังคงอยู่ดูแลเป็นคู่ชีวิตจนถึงทุกวันนี้

ด้านผลงานในวงการอาจเรียกได้ว่า เพชรา เชาวราษฎร์ เป็นนางเอกต้นแบบของวงการหนังไทย เธอมีผลงานในฐานะเป็นนางเอกหรือผู้แสดงนำกว่า 300 เรื่อง ตลอดช่วงเวลาเกือบ 20 ปีในอาชีพนักแสดง

"สมัยนั้น แสดงภาพยนตร์เรื่องแรกได้รับค่าตัว 3 พันบาท และเคยได้ค่าตัวสูงสุด 5 หมื่นบาท ช่วงที่เข้าวงการใหม่ ๆ ดิฉันอดนอนไม่เป็น พอถ่ายหนังไปถึงเที่ยงคืนก็ง่วง พูดไม่รู้เรื่องแล้ว...ช่วงที่มีงานเยอะ ดิฉันถ่ายหนังทุกวัน วันละ 2 เรื่อง ถ่ายทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่เคยเล่นตัวเลยค่ะ แต่งานเยอะมากจนไม่มีเวลาจริง ๆ แม้แต่เวลาพักผ่อนยังไม่มี" เพชรา เชาวราษฎร์ เล่าถึงงานที่รักในอดีต

ส่วนการที่ เพชรา เชาวราษฎร์ ยอมกลับมารับงานในวงการบันเทิงอีกนั้น คุณชรินทร์ ผู้เป็นสามี เฉลยว่าแรงจูงใจสำคัญที่สุด เห็นจะเป็นการที่บริษัทเครื่องสำอางยี่ห้องหนึ่งที่ติดต่อ เพชรา เชาวราษฎร์ เป็นพรีเซ็นเตอร์ บอกว่าจะนำรายได้ที่ได้ไปมอบให้แก่มูลนิธิคนตาบอด เธอจึงตอบตกลงอย่างไม่ยากเย็นนัก เนื่องจาก เพชรา เชาวราษฎร์ เคยมีความตั้งใจอยากตั้งมูลนิธิดวงตา แต่ก็ยังไม่สำเร็จ เลยค้างคาใจมาตลอด ประกอบกับหลายคนก็ถามถึงมูลนิธิดังกล่าว เมื่อบริษัทเครื่องสำอางมาเสนอ และโดนใจ เพชรา เชาวราษฎร์ จึงคิดว่าน่าจะออกมาทำอะไรบ้างในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่

"คือถ้าถ่ายหนัง ถ่ายโฆษณาอี๊ดเขาโอเค เพราะว่าถ่ายซ่อมได้ อะไรได้ แต่ถ้าเป็นรายการสด อี๊ดจะกลัวมาก จะไม่มั่นใจ อีกอย่างที่อี๊ดกังวล คือ เขากลัวว่าจะเชย เพราะมีบ่น ๆ ว่า ออกไปแล้วคงจะเชยระเบิด พูดจาไม่ทันสมัย เพราะไม่ได้ไปไหนเลย กลัวหน้า - ทรงผม จะดูเชย ผมก็บอกไปว่า ไม่ต้องกลัว สมัยนี้มีช่างหน้า ช่างผมทำให้พร้อม ไม่เหมือนดาราสมัยก่อนที่ต้องทำกันเอง" ชรินทร์ กล่าว และว่า ทีมงานเตรียมการมาดีมาก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเพชรที่ เพชรา เชาวราษฎร์ ถ่ายมีมูลค่าสูงถึง 700 ล้านบาท เจ้าของร้านเพชรมานั่งเฝ้าด้วยตัวเอง รวมทั้งมีเสื้อผ้านำเข้าจากฝรั่งเศส 10 กว่าชุด ได้นำมาใช้ในการถ่ายโฆษณาชิ้นนี้


ขณะที่ ปิลันธ์ สภานนท์ กรรมการผู้จัดการบริษัทมาโชว์ แมงโก้ จำกัด ในฐานะผู้ผลิตชิ้นงานโฆษณา กล่าวว่า ก่อนที่ถ่ายทำโฆษณา สิ่งแรกเลยคือ เพชรา เชาวราษฎร์ ขอจับมือกับทีมงานทุกคนก่อน เพื่อสร้างความคุ้นเคย เพราะมองไม่เห็น และงานนี้ใช้แอ๊คติ้งโค้ชมาเป็นตัวช่วยบอกให้ เพชรา เชาวราษฎร์ เดิน กี่ก้าวหยุดตรงไหน

"เธอทำการบ้านมาอย่างดี เดินเข้ามากองถ่ายใส่รองเท้าส้นสูง 5 นิ้ว เข้ามาเลย ทุกฉากไม่ใช้สแตนด์อินเลย ให้ข้อมูลอะไรเธอรับได้เร็วมากสมกับเป็นซูเปอร์สตาร์ตัวจริง" ปิลันธ์ กล่าวถึง เพชรา เชาวราษฎร์

ด้าน รัชพงศ์ งามพิศัย ผู้บริหารบริษัทเฟมไลน์ จำกัด ในฐานะบริษัทผู้คิดโฆษณาชิ้นนี้ เล่าว่า ระหว่างถ่ายทำโฆษณา ได้นำทีมรักษาความปลอดภัยซึ่งเคยทำงานให้กับคณะของนางฮิลลารี คลินตัน นักร้องซูเปอร์สตาร์ เรน เมื่อครั้งมาเยือนเมืองไทย มาดูแลความปลอดภัยให้ เพชรา เชาวราษฎร์ ไม่ว่าจะเป็นการเดินเหิน รวมทั้งดูแลรอบนอกไม่ให้ใครนำกล้องหรือโทรศัพท์มือถือเข้าไป ป้องกันภาพหลุดไปข้างนอก เพื่อให้ทุกอย่างเป็นความลับมากที่สุด เพราะมีแคมเปญออกไปก่อนหน้านี้ว่าคอยพบกับตัวจริงของ เพชรา เชาวราษฎร์ เร็ว ๆ นี้ถ้าไม่เช่นนั้นแคมเปญนี้จะไม่สำเร็จเลย

"วินาทีแรกที่คุณเพชราเดินเข้าฉาก ทางทีมงานปรบมือให้เป็นการต้อนรับการกลับมาสู่วงการ คุณเพชราถึงกับร้องไห้และขอบคุณที่ทุกคนเตรียมงานอย่างดี เธอพูดระหว่างถ่ายทำเสมอว่า ถ้าไม่ดีถ่ายใหม่ได้ บางครั้งขอเทคใหม่ถ้ารู้สึกว่าตัวเองทำไม่ดี มาถึงกองถ่าย 6 โมงเช้ากว่าจะได้ถ่าย 11 โมง ทีมงานทำแบบค่อยเป็นค่อยไป เธอสู้งานดีกว่าดาราที่ตาปกติด้วยซ้ำ"

และวันนี้ เพชรา เชาวราษฎร์ ปรากฎตัวอีกครั้ง พร้อม ๆ กับคำชื่นชมมากมายก่ายกองทั้งจากคนรุ่นเก่า และรุ่นใหม่ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากาลเวลาไม่ได้พรากความงามของเพชรน้ำเอกวงการหนังไทยคนนี้ไปเลย



ข้อมูลจากwww.kapook.com




Create Date : 02 ตุลาคม 2552
Last Update : 2 ตุลาคม 2552 1:48:01 น.
Counter : 3155 Pageviews.

2 comments
  
ชื่นชมมากเช่นกันค่ะ
โดย: praewa cute วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:2:53:54 น.
  
น่าชื่นชมมากเลยค่ะ
โดย: kwan_3023 วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:7:40:41 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Caffein Dog
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]



Group Blog
ตุลาคม 2552

 
 
 
 
1
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31