แต่ผมก็ไม่สามารถให้เหตุผลกับใครๆได้เต็มปากว่าผมมาเพื่ออยู่เป็นเพื่อนกับไอ่ตัวเล็กของผมเท่านั้นเอง
แม้ว่าจะเป็นเหตุผลที่อ้ำอึ้งแต่มันก็ทำให้ผมเดินเข้าออกในบ้านนี้ได้โดยง่ายดายอีกครั้งอย่างไม่กระดากใจ
ผมขออณุญาติคุณพ่อของไอ่เด็กน้อยของผมไปดูหนัง กินข้าวตามประสาพี่น้องกันบ่อยครั้ง ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี
และช่วงชีวิตแบบนี้แหละที่ผมอยากให้มันอยู่กับผมไปให้นานแสนนาน
แต่ผมก็ได้แต่ฝันค้างและพังทลายลง....
13 มิถุนายน ปีนี้
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ เนื่องจากเป็นวันหยุดเลยทำให้ผมมีโอกาสแต่งตัวเองให้ดูแปลกตาไปกว่าชุดนักศึกษามหาลัยทั่วๆไป
เช่นเคยว่าผมต้องโทรขออณุญาตคุณพ่อของไอ่ตัวเล็กเพื่อพาไปกินไอติมนอกบ้าน
เราสั่งไอติมกันมาคนละถ้วย ผมโดนไอ่ตัวเล็กแกล้งเอาลิ้นมาละเลงไอติมในถ้วยของผมและยัดเยียดให้ผมกินต่อ
แต่นั่นไม่ได้ทำให้ผมกระอักกระอ่วนใจเลยแม้แต่น้อย และผมไม่จำเป็นต้องคิดว่าจะกินดีหรือไม่ เพราะคนที่อยู่ตรงหน้าผม
คือเด็กน้อยที่อยู่ข้างๆผมมา 6 ปี ไม่ส่วนใดในร่างกายไอ่ตัวเล็กที่ผมจะรู้สึกรังเกียจเลย
เมื่อเสร็จแล้วผมขับรถม้าพาเจ้าชายมาส่งถึงวัง
วันนี้อากาศร้อนไอ่ตัวเล็กของผมอ่อนเพลียจนผลอยหลับไปภายในไม่กี่นาทีที่ล้มตัวนอนลงบนเตียงผืนใหญ่ในห้องนอนขนาด
เท่ากับห้องนอนของผม 4 ห้องรวมกัน
ผมมีโอกาสได้นั่งมองไอ่ตัวเล็กหลับอีกครั้ง แต่ผมก็นึกทะเล้นอยากเอาคืนที่ไอ่ตัวเล็กแกล้งเลียไอติมในถ้วยของผมและให้ผมกินต่อ
ผมเลยแกล้งเอาคืนด้วยการเอาลิ้นไปเลียที่ปากของไอ่ตัวเล็กอย่างไม่คิดอะไร
ไอ่ตัวเล็กสะดุ้งตื่นขึ้นมา และผลักผมออกไปแรงๆ เด็กน้อยน้ำตาคลอ แล้วบอกด้วยคำพูดและน้ำเสียงที่ทำให้ผมรู้สึกว่าสิ่งที่ทำลงไป
เป็นความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต
"พี่อู๋ทำไมทำกับบอลล์แบบนี้บอลล์ไว้ใจพี่อู๋พี่อู๋ทำกับบอลล์แบบนี้แล้วต่อไปบอลล์จะนอนหลับสนิทได้ยังไง"
แค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นที่ผมเพิ่งจะหัวเราะชอบใจเพราะคิดว่าจะได้แก้แค้นไอ่ตัวเล็กที่ทำให้ผมต้องกินไอดิมที่มีแต่น้ำลายเต็มไปหมด
กลับกลายเป็นช่วงเวลาที่ผมไม่ปราถนาจะให้มันเกิดขึ้นเลยระหว่างเราสองคน "พี่น้อง"
"พี่ขอโทษ"
ผมบอกได้เพียงเท่านี้ และไม่คิดจะแก้ตัวกับสิ่งที่ทำลงไปว่าผมบริสุทธิ์ใจและไม่คิดจะทำเรื่องต่ำแบบนั้นแน่นอน เพราะคงไม่มีใครยอมเชื่อ
ผมจึงได้แต่คิดอยู่ในใจ และเดินออกไปจากบ้านที่แสนอบอุ่นนั้น กลับมานอนคนเดียวอย่างอ้างว้างตามลำพัง โดยมีความผิดของตัวเองเป็นชะงัก
ติดอยู่ที่หลัง เป็นกรรมที่ทำให้ผมไม่สามารถหลับได้ เฝ้าครุ่นคิดว่าจะทำยังไงให้ไอ่ตัวเล็กของผม เข้าใจ และ หายโกรธลงได้
ตอนสายๆของวันถัดมา ผมตื่นขับรถออกไปที่สถานที่แห่งหนึ่งที่มีของโปรดที่ไอ่ตัวเล็กของผมชอบกินที่สุด
"เค้กช๊อกโกแล๊ตหน้านิ่ม" รสชาติของมันสมกับราคา เนื้อเค้กที่อ่อนนุ่มราดด้วยครีมช๊อคโกแลตสดไม่มีสิ่งใดเจือปน
แม้พนักงานในร้านจะบอกว่าแบ่งขายได้ แต่ผมก็ยินดีที่จะซื้อมันมาทั้งก้อน เพื่อหวังว่าไอ่ตัวเล็กจะยิ้มเมื่อได้เห็นขนมสุดโปรดก้อนโต
แต่มันก็เป็นความหวังที่เข้าใจผิดของผม เมื่อผมไปถึงบ้านหลังใหญ่ของไอ่ตัวเล็ก
ไม่มีใครวิ่งลงมาหาผมเหมือนเคย แต่นั่นก็ไม่ได้สร้างความหม่นหมองให้กับผมเมื่อผมเดินขึ้นไปเคาะที่ประตูของเจ้าชายตัวน้อยของผม
"ไม่อยากได้อะไรทั้งนั้นคับ ไม่ต้องเข้ามา ลงไปอยู่ข้างล่างเถอะ เราไม่ไว้ใจนายอีกแล้ว"
"เราไม่ไว้ใจนายอีกแล้ว"
ไม่น่าเชื่อว่าคำที่ไอ่ตัวเล็กใช้เรียกกับผม "เรา" กับ "นาย" มันจะทำให้ผมเกลียดตัวเองจนผมเอาสติที่เหลืออยู่
เดินลงไปข้างล่างหยิบมีดตัตเตอร์มากรีดที่ต้นแขนเหนือข้อพับเป็นทางยาวมาเกือบถึงข้อมือโดยไม่สนความเจ็บปวดของตัวเอง
เลือดไหลออกมา ผมอยากให้ไอ่ตัวเล็กเห็นว่าผมได้ชดใช้ความผิดและขอเรียกร้องเอาความไว้ใจที่เคยมีให้กันกลับคืนมาด้วยเลือด...
แต่ก็นั่นแหละฮะ เป็นอีกครั้งที่ผมทำอะไรโง่ๆโดยคิดถึงผลที่จะได้กับตัวเองฝ่ายเดียว ผมรู้เมื่อไอ่ตัวเล็กแสดงอาการตกใจเมื่อผมเคาะประตูเรียกให้
เปิดออกมาดู
ไม่มีคำต่อว่า ไม่มีทีท่าเสียใจ ที่ผมเห็นตอนนี้มีแต่เด็กน้อยที่แสนอ่อนโยนกับสายตาที่ห่วงใย
เอามือที่แสนสะอาดมาเช็ดเลือดให้ผม และพาผมไปนั่งทำแผลโดยไม่ทำให้ผมรู้สึกเจ็บ
แม้ถึงตอนนี้ ไอ่ตัวเล็กของผมยังคงเงียบงัน เมื่อทำแผลเสร็จบอกไล่ให้ผมไปหาหมอเพื่อฉีดยากันบาดทะยัก
แล้วเจ้าชายก็หันหลังเดินกลับขึ้นไปบนห้องล๊อคประตูตามเดิม
ตอนนี้ผมได้รู้ว่าผมได้ทำร้ายความรู้สึกและจิตใจของ
เด็กน้อยผู้ที่คนเดียวที่ทำให้ผมอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปบนโลกนี้
และตอนนี้ผมคงเป็นเหมือนตัวประหลาดบนโลกนี้ไปแล้วในเมื่อแม้แต่คนที่สำคัญที่สุดในโลก
ยังไม่อยากจะมองหน้าของผม
ผมกลับมาที่บ้านหลังเดิมของผมที่ทุกครั้งที่ก้าวเข้ามาก็มีแต่ความเหงาเป็นเพื่อน
มีเพียงบางครั้งที่ความเหงาเดินหนีไปเมื่อมีเสียงหัวเราะ
ของเด็กน้อยผู้เป็นที่รักของทุกคนก้าวเข้ามา และต่อจากนี้ มันคงไม่มีวันนั้นอีกแล้ว....
ผมคิดถึงเขาเหลือเกิน แต่ความเลวที่ผมทำลงไปนั้นทำให้ผมไม่อาจคิดว่าผมจะมีหน้าไปเจอกับเด็กน้อยที่แสนดีได้อีกแล้ว
ผมใช้เวลาที่เหลืออยู่ในตอนนี้ เขียนจดหมายสั้นๆ
พร้อมทั้งแนบเพลงที่ผมร้องที่ไม่ได้มีเนื้อหาเรียกร้องความสงสารหรือเห็นใจเลยสักนิด
ตั้งใจให้คนที่ฟังรู้สึกว่ายังไงซะ "ผมก็ยังอยากที่จะดูแลและคอยปกป้องเธอตลอดไปเท่านั้นเอง"
ส่งไปให้ไอ่ตัวเล็กของผม
ใกล้จะเย็นแล้วหละ..ผมเก็บเสื้อผ้าฝ่าฝน ขึ้นรถ ลงเรือ รู้ตัวอีกที
ผมก็อยู่กลางเกาะแห่งหนึ่งในจังหวัดระยองไทยที่รายร้อมไปด้วยทะเล
ที่ผมหวังว่าสีฟ้าของน้ำทะเลและเสียงคลื่นที่วิ่งเข้ามากระทบฝั่งจะทำให้จิตใจของผมสงบขึ้น
แต่ผมไม่หวังสักวินาทีที่จะให้ผมหยุดคิดถึงภาพของ
เด็กน้อยที่ฉุดผมขึ้นมาจากความอ้างว้างเมื่อ 6 ปีก่อน
ดวงจันทร์ปรากฎขึ้นมาแทนที่ดวงตะวันในเวลาค่ำคืน ดวงดาวเรียงรายอยู่เต็มท้องฟ้า
ในเวลาที่สิ้นหวังคนเรามักจะมองเห็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้รอบตัวเป็นที่พึ่งอยู่เสมอ
นั่นเป็นเหตุผลให้ผมยกมือขึ้นมากุมไว้ที่อกอีกครั้ง แล้วสาดสายตาไปที่ดวงดาวระยิบระยับทั่วทั้งฟ้า...เริ่มอธิฐาน
"ผมอยู่อย่างอ้างว้างมาตลอดชีวิต ถูกทิ้งให้โตมาคนเดียวในบ้านเหงาๆ จนมีเด็กน้อยคนนึงเข้ามาในชีวิตและเริ่มพาผมเดินทางไปเรื่อยๆ จูงมือผมไปทุกหนทุกแห่งจนผมลืมความรู้สึกเดียวดายไปหมดสิ้น
วันหนึ่งเขากำลังจะตาย แต่ผมก็ขอให้ดวงดาวยื้อชีวิตเค้าไว้ให้กับผม
วันนี้เขายังมีชีวิตอยู่บนโลกใบเดียวกับผม แต่เหมือนว่าผมจะกลายเป็นคนตายไปแล้วสำหรับเขา แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ผมมาคุยกับดวงดาวในวันนี้..ผมขอให้คำอธิฐานของผมขอให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อแลกเปลี่ยนความสุขกับคนบนโลกนี้ไปนานแสนนาน...ให้เขาลืมสิ่งที่ผมทำ ให้เขาลืมผม..นะฮะ"
"ดวงดาว"
ผมนั่งอยู่ริมทะเลอย่างนั้นทั้งคืนโดยทีดวงดาวกับพระจันทร์เป็นเพื่อน
และทั้งวันกับดวงตะวันที่สาดแสงลงมาให้ความอบอุ่นกับใจที่หนาวเหน็บของผม
ผมยังคงคิดถึงเขาอยู่อย่างนั้น จนถึงดึกสงัดของอีกวัน
ผมเดินหาตู้โทรศัพท์เพื่อที่จะโทรหาไอ่ตัวเล็กด้วยความห่วงใย หวังเพียงว่าน้ำเสียงที่ได้ฟังจะดูมีความสุข
และจะทำให้ผมยิ้มได้บ้าง
"ฮัลโหล...ใครอ่ะ...ฮัลโหล...พี่อู๋รึเปล่า"
เสียงสั่นของไอ่ตัวเล็กบอกให้ผมรู้ได้ว่าเจ้าตัวน้อยของผมกำลังเสียใจกับเรื่องใดสักเรื่องอยู่ และ เอ่ยชื่อผมออกมา
ผมไม่ได้ตั้งใจจะโทรมาเพื่อแสดงตัว แต่ผมก็ไม่สามารถจะวางหูทิ้งไปได้ในเมื่อผมรู้ว่าเสียงปลายสายกำลังร้องไห้
ทันทีที่ผมยอมรับว่าเป็นตัวเอง
เสียงคร่ำครวญ ร้องไห้ ก็ประดังเข้ามาและยิ่งผมได้รู้ว่าต้นเหตุที่ทำให้เกิดเสียงที่หดหู่เหล่านั้นมาจากตัวผมเองก็ยิ่งทำให้ผม
รู้สึกทรมานจนทรุดลงไปนั่งกับพื้นด้วยความเจ็บปวด...ที่ใจ
"พี่อู๋อย่าทิ้งบอลล์ไปไหนเลยนะ"
(ความทรงจำจากตอนแรก)
"พี่พิมพ์ตามผมนะคับ"
"ผมเด็กชายอู๋จะขอรับเด็กชายบอลล์เป็นน้องชาย จะคอยดูแลตลอดไป วันไหนถ้าผมผิดคำสาบาน
ไปมีน้องชายคนอื่น ไม่อยู่ดูแล ขอให้เด็กชายบอลล์.....มีอันเป็นไป!!"
ผมงงกับคำสาบานที่เด็กน้อยพิมพ์ออกมาจึงถามว่าพิมพ์ผิดรึเปล่า
"ไม่หรอกคับ ก็สาบานไว้ว่าถ้าวันไหนพี่หนีผมไป ผมจะต้องตาย พี่จะได้ไม่กล้าหนีผมไปไงฮะ"
ผมอึ้งกับสิ่งที่เห็นเหลือเกิน กับความสัมพันธ์วันแรกที่สื่อสารผ่านเพียงแค่ตัวอักษรในหน้าจอเกม
เพียงแค่ไม่กี่ ช.ม. มันกลับสร้างสายใยบางๆให้กับผมและเด็กน้อยคนนั้นมากขนาดนี้
ผมไม่อยากทรยศต่อความตั้งใจของเด็กน้อยผู้นี้ได้ ผมจึงพิมพ์ไปตามนั้น
"ผมเด็กชายอู๋จะขอรับเด็กชายบอลล์เป็นน้องชาย จะคอยดูแลตลอดไป วันไหนถ้าผมผิดคำสาบาน
ไปมีน้องชายคนอื่น ไม่อยู่ดูแล ขอให้เด็กชายบอลล์.....มีอันเป็นไป!!....เพราะผมจะไม่มีวันผิดคำสาบานนี้เป็นอันขาด"
ภาพแห่งความทรงจำในวันแรกของผมผุดขึ้นมาในหัว..
ผมกำลังทำผิดคำสาบานที่ผมเคยให้เอาไว้ด้วยตัวของผมเอง ผมกำลังทำผิดอีกแล้วและไม่มีข้อแก้ตัวใดๆที่ผมอยากจะทำให้ความรู้สึกผิดของผมมีน้อยลง
"พี่อู๋กลับมาหาบอลล์นะ บอลล์เชื่อแล้วว่าพี่อู๋ไม่ตั้งใจ กลับมาเป็นดวงตะวันของบอลล์นะ"
เจ้าตัวน้อยของผมพูดด้วยเสียงสะอื้นเหมือนจะขาดใจและมันก็ทำให้ใจผมแทบจะขาดด้วยเช่นกัน
"ทุกอย่างนั้นยังไม่แปรเปลี่ยนไป และฉันจะมีแค่เธอในใจเหมือนดวงตะวัน"
เสียงเพลงจากน้ำเสียงสั่นๆด้วยเจตนาอ้อนวอนให้ผมกลับไปหาดังขึ้นก่อนที่จะถูกตัดสายโทรศัพท์ไป
ผมตื่นขึ้นมาในวันที่ 17 หลังจากที่ผมทำเรื่องเลวร้ายเอาไว้เมื่อ 4 วันก่อน ด้วยความสับสน
ผมคิดว่าผมจะต้องกลับไปหาไอ่ตัวเล็กของผมให้ได้ แต่ผมก็ไม่รู้อะไรที่ทำให้ผมไม่ได้ตัดสินใจกลับในทันทีที่ตื่นขึ้น
เสียงสะอื้นไห้ของไอ่ตัวเล็กยังคงก้องอยู่ในหัวผมและตอกย้ำให้ผมเจ็บปวดอยู่เสมอ
ใช่แล้วหละฮะ...ผมไม่กล้าที่จะไปสู้หน้ากับไอ่ตัวเล็ก ผมกลัวที่จะต้องเห็นรอยน้ำตาของเด็กน้อยที่ผมถนอมมา 6 ปี
ผมกลัวตัวสกปรกๆของผมจะไปเปื้อนเจ้าชายที่ขาวสะอาดเช่นนั้น
จนกระทั่งผมได้คุยกับชายปริศนาคนหนึ่งคนสำคัญของไอ่ตัวเล็ก
ที่บัดนี้เขากำลังทำหน้าที่ของคนส่งสารบอกให้ผมรับรู้เรื่องราวว่า
เด็กน้อยกำลังช่วยคุณแม่ทำอาหารเพื่อรอคอยผมกลับไปทานข้าวเย็นและเป็นครอบครัวเหมือนเดิม
เพียงเท่านั้น
ผมฝ่าฝนออกทะเลกลับกรุงเทพในทันทีโดยไม่คิดถึงความหวาดหวั่นใดๆที่จะทำให้ผมไม่กล้าเจอสู้หน้าไอ่ตัวเล็กของผมอีกต่อไป
เพราะตอนนี้ผมรู้แล้วว่า คนที่ผมอยากกลับไปกอดที่สุดคือน้องชายที่ไม่เคยไม่รักผมเลยสักวัน และ เขา ก็รอผมอยู่....
ผมมาถึงบ้านไอ่ตัวเล็กด้วยสภาพเปียกปอนจากสายฝนในยามค่ำคืน ในบ้านยังคงไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างผมกับไอ่ตัวเล็ก
ผมหมดแรงที่จะพูดต่อ และถูกพาตัวมาที่เตียงนอน 2 ชั้นเก่า
ที่ไอ่ตัวเล็กเคยใช้นอนในวัยเด็กกับพี่สาว แต่ ปัจุบันมันเป็นที่นอนประจำตัวผมในบ้านหลังนี้แล้ว
ไอ่ตัวเล็กอาสากับทุกคนว่าจะดูแลผมเอง ผมจึกถูกปล่อยให้อยู่กับไอ่ตัวเล็กตามลำพัง
การกอดและเอาหน้าซบไว้ที่ไหล่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ผมจะบอกให้ไอ่ตัวเล็กรู้ว่าผมคิดถึงมากแค่ไหน
และดูเหมือนว่าไอ่ตัวเล็กก็ทำในสิ่งเดียวกับผมเช่นกัน
ผมนอนให้ไอ่ตัวเล็กเช็ดตัวที่เปียกเฉอะแฉะอย่างว่าง่าย เด็กน้อยมองผมน้ำตาเอ่อ
ผมเอามือชิงไปปาดน้ำตาออกทั้งสองข้างก่อนที่มันจะล้นออกมา
"พี่กลับมาแล้วแล้วจะไม่ไปไหนอีก ให้อภัยพี่นะเด็กน้อย"
ผมบอกพร้อมกับยิ้มที่มาจากความตั้งใจว่าผมจะไม่มีวันให้มันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก
"พี่อู๋เป็นดวงตะวันของบอลล์นะ ถ้าดวงตะวันยังมีให้เห็นอยู่ พี่อู๋ต้องไม่ทิ้งบอลล์เหมือนดวงตะวันที่ไม่เคยทิ้งโลกไปไหนนะ"
ไอ่ตัวน้อยพูดในขณะที่นั่งกอดเอาหน้ามาแนบที่อกของผม และผมก็เอามือโอบให้แน่นขึ้นแล้วพูดว่า
"เราก็เป็นดวงตะวันของพี่เหมือนกันนะฮะ"
เราจะเป็นดวงตะวันของกันและกันตลอดไปเลยนะไอ่ตัวเล็ก
แล้วผมก็ผลอยหลับไปโดยที่ผมรู้สึกว่ามีแสงตะวันที่จับต้องได้อยู่ใกล้ๆ
คอยสาดแสงส่องให้ผมไม่ต้องหนาวเหน็บและเดียวดายต่อจากนี้
และ
ตลอดไป