|
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
27 สิงหาคม 2564
|
|
|
|
The great Reset : Bitcoin VS Ethereum
Wikipedia
ด้วยกระแส cryptocurrency ที่โด่งดัง เราคงได้ยินว่าเด็กรุ่นใหม่บางคน ซื้อบ้านเป็นของขวัญให้ตนเองตอนเรียนจบจากกำไรที่ได้จากเทรดคริปโต เป็นสิ่งที่น่าตื่นตะลึงสำหรับคน Gen X ที่กว่าจะมีบ้านเป็นของตนเอง ก็ต้องรอจนฐานะมั่นคง และต้องผ่อนยาวไปจนถึงวันที่เกษียณพอดี เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้ ในวันที่สิ่งที่เราเรียนมาอาจจะใช้ไม่ได้อีกต่อไป คนที่เห็นว่านั่งเล่นเกมส์ไปวันๆ อาจจะอยู่ได้โดยไม่ต้องทำงานประจำ ตอนที่อินเตอร์เนทเข้ามาใหม่ๆ เรายังคงได้ยินเสียง modem เสียงกรี๊ดๆ ในตอนที่ต่อไปหา ISP ตอนนั้นสิ่งทีใหม่มาก หลังจากการฝากไฟล์ผ่าน BBS ก็คือโปรแกรม P2P แทนที่เราต้องรอให้คนที่มีไฟล์ที่เราต้องการส่งไฟล์นั้น ขึ้นไปบนอินเตอร์เนทเสียก่อน แล้วเราจึงไปดึงไฟล์นั้นลงมา กลายเป็นว่า เราสามารถค้นหาไฟล์ที่เรากำหนด เช่นเพลงจากคอมพิวเตอร์ ของคนที่ลงโปรแกรมเดียวกับเราไว้ได้ และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่มีการกล่าวหา ว่าสิ่งนี้จะทำลายอุตสาหกรรมเพลง ที่เคยขายแบบเดิมกันมาอย่างยาวนาน ให้ล่มสลายไปในที่สุด ปัจจุบันเด็กรุ่นใหม่ที่เพิ่งเกิดมาก็ไม่เคยเห็นมันอีกเลย แล้วเราจะเอาสิ่งนี้มาส่งเงินกันทางอินเตอร์เนทได้หรือไม่ คำตอบคือไม่ เพราะหลักการของคอมพิวเตอร์มันได้ทำการ copy โดยที่ต้นฉบับยังอยู่ที่เดิม ไม่เหมือนกันใช้ในชีวิตจริงที่เมื่อเราหยิบเงินจ่ายแม่ค้าเงินจะออกจากกระเป๋าเราไป ซึ่งไฟล์คอมพิวเตอร์ทำแบบนั้นไม่ได้
Wikipedia จนกระทั่งมีคนๆ หนึ่งได้แก้ปัญหานี้ โดยสิ่งที่เรียกว่า blockchain โดยการทำการบรรจุข้อมูลว่า นาย A ได้ส่งเงินไปให้นาย B แล้วส่งออกไป คนที่ยอมเอาคอมพิวเตอร์มาเชื่อมกับระบบเพื่อช่วยทำการยืนยัน transaction ที่เกิดขึ้นนี้โดยการถอดสมการ และทำการปิดผนึกรายการตามจำนวนที่กำหนดไว้ หรือ 1 บล็อกจะได้รับ token ที่เรียกว่า Bitcoin เป็นค่าตอบแทน เพื่อทำการเริ่มต้นบล็อกใหม่ โดยทุกเครื่องในระบบจะรับรู้ข้อมูลนี้ต่อกันเป็นสาย โดยไม่มีการลบข้อมูลเก่าทิ้ง จึงเป็นที่มาของสิ่งที่เรียกว่าระบบ blockchain Blockchain มันเป็นวิวัฒนาการที่เกิดขึ้นมาตลอดทางของระบบคอมพิวเตอร์ แต่สิ่งเดียวที่คนก่อนหน้าไม่สามารถข้ามกำแพง ที่จะนำ blockchain มาใช้ ในการส่งต่อเงินตราดิจิตอลได้ ก็คือ The Byzantine generals problem สมมุติว่า มีกองทัพที่นำโดยแม่ทัพต่างๆ มาล้อมเมืองข้าศึกที่แข็งแรง เป็นไปไม่ได้ที่จะใช้แม่ทัพคนใดคนหนึ่งฝ่าข้ามกำแพงเมืองนี้ไปได้ จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือในการบุกของแม่ทัพทุกคนพร้อมกัน แต่ปัญหาคือ แม่ทัพแต่ละคนก็อยู่ในค่ายที่ล้อมเมืองตามทิศต่างๆ วิธีเดียวที่จะสื่อสารถึงกันได้ก็คือ พลเดินสาร เมื่อแม่ทัพคนหนึ่งตัดสินใจว่า เค้าจะบุกเข้าไปในเมืองพรุ่งนี้ในเวลาย่ำรุ่ง เค้าจะต้องส่งสารนัดนี้ออกไป แต่จะแน่ใจได้อย่างไรว่าทุกคนจะได้ทำตามสารนั้นโดยพร้อมเพรียงกันเพื่อให้การบุกนั้นสำเร็จ เพราะแม่ทัพคนอื่นอาจจะตอบว่าได้ บางคนอาจจะตอบว่ายังไม่พร้อมขอเป็นช่วงกลางคืน ซึ่งแม่ทัพคนที่ 1 ก็ต้องส่งสารไปหาแม่ทัพที่ตอบว่าได้ เพื่อเปลี่ยนแปลงเวลา และต้องส่งไปยืนยันกับแม่ทัพที่ขอเปลี่ยนเวลาเป็นตอนเย็นว่าได้ตามนั้น และมีความเป็นได้ที่พลเดินสารจะถูกข้าศึกในเมืองลอบจับ และแปลงสารนั้นเป็นอย่างอื่น ทำให้การบุกโดยพร้อมเพรียงเกิดขึ้นไม่ได้ ปัญหาความเชื่อใจว่า ข้อมูลที่ทุกคนได้รับนั้นมีความถูกต้องในเวลาเดียวกัน
Wikipedia ผู้ที่แก้ไขปัญหานี้ในเชิงคอมพิวเตอร์ เราก็ยังรู้จักเค้าเพียงแค่นามแฝงเค้าว่า Satoshi Nakamoto เป็นผู้ที่เริ่มสิ่งข้อมูลและทำการปิดผนึกบล็อก และรับ 50 bitcoin แรกไป โปรแกรมนี้จะสิ้นสุดเมื่อมีการขุดพบทั้ง 21 ล้านเหรียญ Bitcoin จึงมีคุณค่า เพราะว่ามันเป็นของที่มีจำนวนจำกัดโดยความตั้งใจแรก และเพื่อป้องกันปัญหาเหรียญเฟ้อ เนื่องจากความสามารถของคอมพิวเตอร์สูงขึ้นทุกปี ความยากของสมการในการปิดบล็อกนั้นจะมีความซับซ้อนมากขึ้น ตามจำนวนครั้งที่คอมพิวเตอร์พยายามเข้ามาแก้สมการต่อวินาที เรียกว่ากำลังขุด เครื่อง miner ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ จึงมีค่า Hash ที่สูงมาก นอกจากนี้ทุกๆ 4 ปี จะมีสิ่งที่เรียกว่า halving ที่ทุกครั้งที่มีการปิดผลึกบล็อกได้ จำนวนเหรียญที่ได้รับต่อครั้งจะลดลงครึ่งหนึ่งจากช่วงแรก 50, 25, 12.5, 6.25, 3.125 ไปจนค่าใกล้อนันต์ ทำให้อาจจะใช้เวลาเป็นร้อยปี กว่าที่เหรียญสุดท้ายจะถูกขุดขึ้นมา และนั่นก็คือความเป็นมาของเหรียญดิจิตอลที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก การที่ bitcoin นั้นหายาก มีจำนวนจำกัด แก้ไขเปลี่ยนแปลงไม่ได้ และการส่งต่อกันที่ช้าลงเรื่อยๆ จากสมการที่ซับซ้อนขึ้นตลอดเวลา ทำให้นักพัฒนาบางคนเห็นว่า มันอาจจะเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ดีพอต่อการใช้งาน เค้าได้นำเสนอการปรับปรุงโดยผ่านคณะทำงาน แต่คนส่วนใหญ่ไม่เห็นความเร่งด่วนนี้ Vitarik Buterin จึงได้แยกตัวไปทำเหรียญแบบใหม่ ที่ยังอาศัยหลักการเดียวกัน ที่สร้างความเชื่อใจจากคนจำนวนมากที่เข้ามารับรองธุรกรรม หรือ proof of work แต่ได้แก้ไขปัญหา 2 ประการ คือ ทำให้เหรียญนั้นเพียงพอต่อการใช้งานโดยผลิตได้ไม่จำกัด และทำให้มันเป็นมากกว่าเหรียญที่แค่ใช้ส่งต่อกันธรรมดาด้วยสิ่งที่เรียกว่า smart contact ซึ่งจะเพิ่มศักยภาพของการใช้งานเงินแบบดิจิตอลออกไปอย่างไม่มีขีดจำกัด ตามความสามารถของนักพัฒนา ที่จะจินตนาการว่าจะให้เหรียญนั้นใช้ทำอะไร ไม่ว่าจะเป็นการฝากกินดอกเบี้ย การกู้ยืม และสิ่งที่ยังเป็นจินตนาการในอนาคต ซึ่งในยุคที่ Satoshi Nakamoto ได้คิดค้น bitcoin นั้นไม่ได้ออกแบบจุดหมายนี้ไว้
Investopedia
ethereum หรือเรียกสั้นๆ ว่า ether คือเหรียญที่มีความสามารถนั้น ช่วงปี 2008 โดยอาศัยโครงสร้างที่อยู่บนระบบของ ethereum บริษัทหรือกลุ่มคนจำนวนมากทั่วโลกใช้มันสร้างเหรียญของตนเองเพื่อใช้หาเงิน เรียกอย่างเป็นทางการว่า การระดมทุนผ่าน Initial coin offering (ICO) บริษัทจะได้เงินจากการเสกเหรียญขึ้นมาขายให้กับประชาชนทั่วไป คนทีซื้อเหรียญไปก็คาดหวังว่า บริษัทจะทำให้เกิดการใช้จ่ายผ่านเหรียญโดยลูกค้า ผ่านระบบร้านค้าและบริการของตน เมื่อเหรียญนั้นเกิดความนิยม ก็จะต้องมาหาซื้อเหรียญไปใช้ พวกเค้าก็จะสามารถทำกำไรได้จากจุดนี้ แต่เรืองนี้ก็เป็นเพียงทฤษฎี ที่พบว่าเหรียญที่สร้างขึ้นมาไม่มี ecosystem เหรียญ Ether ที่เคยวางความฝันว่า จะถูกใช้อย่างแพร่หลาย เพราะการสร้างเหรียญจำเป็นต้องใช้ Ether ไปเผาเป็นค่าธรรมเนียม จะสร้างความต้องการจนมีราคาแซงหน้า bitcoin ไปได้ ก็ไม่เคยเกิดขึ้น มันคือวิกฤติการณ์ Cryptocurrency ยุคที่หนึ่ง สำหรับคนที่ใช้เงินไปซื้อเหรียญ ปี 2020 เกิดเหตุการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้รัฐบาลทุกประเทศต้อง แจกเงินเพื่อให้กับประชาชนไปใช้ในการดำรงชีวิตประจำวัน เงินบางส่วนนั้นไม่มีที่ไป และถูกนำไปเก็งกำไรในเหรียญดิจิตอล เหรียญทุกเหรียญต่างมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล พัฒนาไปเป็นระบบแลกเปลี่ยนเงินตราหรือ Defi และทรัพย์สินที่จับต้องไม่ได้หรือ NFT นี่คือฟองสบู่สินทรัพย์ดิจิตอลครั้งที่สอง หรือจะเป็นของจริงที่โลกแบบเดิมจะไม่มีหวนกลับ เวลาเท่านั้นที่จะตอบคำถามนี้ได้ คนรุ่นเก่าอย่างผมคงไม่อยากที่จะคาดเดา ว่าสุดท้ายแล้ว เงินนั้นมันจะหาได้ง่ายแบบที่เราเห็นในข่าวหรือเปล่า จะมานั่งหลังขดหลังแข็งทำงานกันทำไม แค่มีโทรศัพท์เครื่องเดียวก็หาเงินได้แล้ว
Create Date : 27 สิงหาคม 2564 |
|
2 comments |
Last Update : 31 สิงหาคม 2564 11:28:26 น. |
Counter : 948 Pageviews. |
|
|
|
| |
โดย: หอมกร 28 สิงหาคม 2564 19:38:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: **mp5** 3 กันยายน 2564 9:49:28 น. |
|
|
|
| |
|
|
ผู้ชายในสายลมหนาว |
|
|
|
|