|
|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
29 สิงหาคม 2557
|
|
|
|
Ebola : ไวรัสมรณะแห่งกาฬทวีป (2)
Ebola virus จัดอยู่ในวงศ์ Filoviridae ซึ่งก่อให้เกิดอาการไข้เลือดออก สันนิษฐานว่าเชื้อไวรัสอาศัยอยู่ในสัตว์ป่าจำพวกเลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิด เช่น ค้างคาว กระรอก หนู เม่น เป็นต้น โดยอาศัยค้างคาวเป็นพาหะ มนุษย์นั้นไม่อยู่ในวงจรชีวิตปรกติ ถือว่าเป็น accidental host เป็นไวรัสชนิด negative sense RNA รูปร่างทรงกระบอก กว้าง 80 nm. ยาว 800-1000 nm. ประกอบด้วย 7 ส่วน คือ nucleoprotein (NP), polymerase cofactor (VP35), (VP40), GP, transcription activator (VP30), VP24, และ RNA polymerase รหัสพันธุกรรมประมาณ 19,000 base pairs
เมื่อสัมผัสกับเลือดหรือสารคัดหลั่งจากสัตว์ที่ติดเชื้อหรือผู้ป่วย หลังจากนั้น 2 วัน- 3 สัปดาห์จะมีอาการไข้ เจ็บคอ ปวดกล้ามเนื้อ และปวดศรีษะ ต่อมา อาเจียน ท้องเสีย และผื่นแดง และสุดท้ายผู้ป่วยจะสภาวะมีเลือดออก จากอวัยวะภายใน และมีโอกาสเสียชีวิตจากการทำงานตับและไตที่ล้มเหลว
กลไกการติดเชื้อเมื่อไวรัสเข้าสู่ร่างกายนั้นยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด การศึกษาเพื่อหายาต้านไวรัสแสดงถึงความเกี่ยวข้องของโปรตีน 2 ชนิด 1. NiemannPick C1 (NPC1) ที่ทำหน้าลำเลียงคอเลสเตอรอลเข้าสู่เซลล์ 2. TIM-1 (HAVCR1) พบว่าเป็นตัวรับที่สามารถนำไวรัสเข้าสู่เซลล์ได้
เซลล์เป้าหมายคือ Monocyte และ macrophage เมื่อไวรัสถูกกินเข้าไป มันจะเริ่มขบวนการเพิ่มจำนวน แต่เนื่องจากเป็นไวรัสชนิด RNA มันจึงจำเป็นอาศัยโปรตีนเซลล์เจ้าบ้านในการสร้างตัวเองให้สมบูรณ์เสียก่อน แล้วจำลองตนเอง เมื่อเซลล์ถูกทำลายก็จะแพร่ไปยังเซลล์เป้าหมายอื่นต่อไป
ในขบวนการนี้เองที่ทำให้ร่างกายสร้างสารเคมีในขบวนการอักเสบหลายชนิด เช่น TNF alpha, IL-6,IL-8 ที่กระตุ้นให้เกิดการตายของเซลล์เป็นจำนวนมาก พายุแห่งสารเคมีจำนวนมากมายเหนี่ยวนำให้ร่างกายเกิดสภาวะช็อค
มันยังกระตุ้นให้เกิด Tissue factor สารยับยั้งกลไกการแข็งตัวของเลือด สมดุลของระบบนี้จึงเสียไป เม็ดเลือดและน้ำเหลืองรั่วจากหลอดโลหิต ร่างกายเกิดสภาวะช็อคจากการสูญเสียของเหลวไปเป็นจำนวนมาก
ปัจจุบันไม่มีหนทางในการป้องกันหรือรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ การรักษาที่ดีที่สุดคือการรักษาไปตามอาการ เช่นให้อัลบูมินทดแทน ของเหลวในร่างกายที่หายไป ให้อิมมิวโนโกลบูลินเพิ่มระดับภูมิคุ้มกัน ให้ clotting factor เพื่อให้ระบบกลไกการห้ามเลือดทำงานตามปรกติ
จากข่าวเราจะได้ยินชื่อเวชภัณฑ์ยาที่อยู่ในขั้นทดลองหลายอย่าง เนื่องจากก่อนหน้านี้ไม่มีบริษัทใดให้ความสนใจในการศึกษา เพื่อจะผลิตเวชภัณฑ์ใดๆ ออกมาในการต่อสู้กับโรคร้ายชนิดนี้ เพราะบริษัทยามองไม่เห็นว่าจะสามารถกำไรได้อย่างไร
ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จึงถูกคิดค้นขึ้นจากทุนสนับสนุนของภาครัฐ แต่ปัญหาคือยาทั้งหมดไม่เคยได้รับการทดสอบในมนุษย์มาก่อน การนำยามาใช้ในสถานการณ์นี้เท่ากับผู้ป่วยคือผู้ที่ถูกบังคับให้ทดลอง โดยบริษัทยาได้รับผลการทดสอบฟรี ในขณะผู้ป่วยไม่มีทางเลือกอื่น
มันจึงผิดข้อบังคับทั้งทางกฎหมายและทางจริยธรรมในทุกทาง องค์การอนามัยโลกจึงจัดการประชุมในเรื่องปัญหาดังกล่าว ในที่สุดคณะกรรมการก็ออกมาประกาศว่า มันคือ Moral duty หรือหน้าที่ทางศีลธรรมที่จะต้องอนุญาตให้มีการทดลองใช้ยาได้
เพื่อที่จะจำกัดขอบเขตของการระบาดในครั้งนี้เอาไว้ให้ได้ ก่อนที่มันจะกลายเป็นหายนะครั้งใหญ่ของมนุษยชาติ
ที่เรามีในตอนนี้ก็คือยา (chemical drug) ที่เรียกว่า Favipiravir ข้อดีคือราคาถูก ผลิต ขนส่ง เก็บรักษา แจกจ่ายให้ผู้ป่วยได้โดยง่าย โดยบริษัทร่วมทุนระหว่าง Japans Fujifilm Holdings Corp กับ U.S. partner MediVector เพื่อใช้เป็นยารักษาไข้หวัดใหญ่
และโรคที่เกิดจากไวรัสกลุ่ม RNA อื่น ๆ เช่น, arenaviruses, bunyaviruses,West Nile virus (WNV), yellow fever virus (YFV), and foot-and-mouth disease virus (FMDV) โชคดีที่อีโบล่าไวรัสเป็นไวรัสในกลุ่มนี้พอดี ยาตัวนี้ทำหน้าที่ยับยั้งเอนไซม์ RNA dependent RNA polymerase ที่ไวรัสในกลุ่มนี้ต้องใช้ในการการจำลองสายคู่ DNA เพื่อเข้าสู่ขบวนการเพิ่มจำนวนตัวเองในเซลล์เป้าหมายต่อไป
มกราคม 2014 บริษัทได้ยื่นขอทำการทดสอบประสิทธิภาพ และความปลอดภัยในมนุษย์ช่วงที่ 3 จำนวนผู้ทดสอบ 1500 คน ต่อคณะกรรมการอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกา มีนาคม 2014 ได้รับการขึ้นทะเบียนให้จำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น
สิงหาคม 2014 นายโยชิฮิเดะ ซูงะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น เผยว่าญี่ปุ่นพร้อมจะส่งยาเม็ดเอวิแกน หากองค์การอนามัยโลกร้องขอ ทางผู้ผลิตก็พร้อมจัดส่งยาสำรองที่มีอยู่มากกว่า 20,000 เม็ด ให้กับประเทศในแอฟริกาด้านตะวันตกที่มีการระบาดอยู่ในขณะนี้
Create Date : 29 สิงหาคม 2557 |
|
3 comments |
Last Update : 4 กันยายน 2557 9:50:43 น. |
Counter : 2030 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|
ผู้ชายในสายลมหนาว |
|
|
|
|
เป็นบทความวิชาการทางการแพทย์เลยนะคะนี่