|
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
24 กรกฏาคม 2561
|
|
|
|
ถ้ำเขาหลวง : The untold story
ข่าวดังในรอบปี2018 คงไม่สามารถเป็นอื่นใดไปได้ นอกจากกรณีทีมฟุตบอลเด็ก ที่ชื่อว่าทีมหมูป่าประกอบไปด้วยเด็ก 12 คน และผู้ช่วยครูฝึก 1 คน ติดอยู่ภายในถ้ำหลวง เป็นเวลาสองสัปดาห์ก่อนที่จะได้รับการช่วยเหลืออกมาเป็นผลสำเร็จ ด้วยความร่วมมือจากทีมงานดำน้ำถ้ำนานาชาติหลากหลายประเทศ
แต่ที่เป็นหัวใจหลักในการนำเด็กออกมามาจาก BritishCave rescue council 4 คน 2 ใน 4 คนนั้นคือจอห์น โวลันเธน และ ริชาร์ดสแตนตัน ผู้ที่ค้นพบเด็กเป็นทีมแรก The impossible is possible คงเป็นบทสรุปที่สวยงามสำหรับปฏิบัติการในครั้งนี้ แต่ในวันที่เริ่มมีการช่วยเหลือเด็ก4 คนแรกออกมา ใน internet กลับเต็มไปด้วยความสงสัยว่าพวกเค้าพาเด็กๆ ออกมาได้อย่างไร
ในชั้นต้นนักข่าวไปสัมภาษณ์นายกรัฐมนตรีซึ่งได้ปัดว่าไม่มีการวางยาสลบแน่นอน แต่เป็นการให้ยาคลายเครียดเพื่อทำให้เด็กผ่อนคลายและมีสมาธิ แต่ในที่สุดหลังปฏิบัติการก็มีการลงข่าวจากหนังสือพิมพ์ the dailymail ว่า มีการให้ยา ketamine โดยพาดหัวข่าวมันคือ horse tranquilizer
ดูเหมือนจะมีการใช้คำศัพท์มากมายทั้งไทยและอังกฤษเต็มไปหมด แล้วเราจะเข้าใจเรื่องราวเหล่านี้ได้อย่างไร ผมจะมาเล่าให้พวกคุณฟังแต่สิ่งสำคัญที่ต้องรู้ก่อนก็คือว่า เจ้าของบลอกมิได้เป็นแพทย์หรือวิสัญญีแพทย์ใดๆ
เป็นเพียงคนที่โลดแล่นไปในโลกของ internet เพียงเพื่อตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของตนเอง แล้วพยายามสรุปให้เป็นภาษาที่พอจะอ่านง่ายมากขึ้นก็เท่านั้น
การผ่าตัดเพื่อรักษาอาการป่วยดูจะมีมานานมากจนไม่สามารถสืบย้อนได้ เพราะมีการพบรูที่ไม่ใช่รูตามธรรมชาติในหัวกกระโหลกมมนุษย์โบราณ แต่ต้องรอมานานจนถึงราวคริสต์ศตวรรษที่18 ที่มีการค้นพบยาสลบ ที่จะช่วยลดความเจ็บปวดทรมานจากการรักษาผู้ป่วยด้วยการผ่าตัด
ยาสลบชนิดแรกที่มนุษย์รู้จักคือ nitrous oxide หรือก๊าซหัวเราะ มีการค้นพบอิเธอร์และคอลโรฟอร์มที่อยู่ในรูปของของเหลวที่ระเหยได้ ซึ่งทั้งหมดใช้ในการวางยาให้ผู้ป่วยหลับสนิทไม่รับรู้ความเจ็บปวดจากาการผ่าตัด แต่นั่นก็เป็นดาบสองคมเพราะการวางยาเกินขนาดนั้นร้ายแรงถึงตาย
ในบางครั้งแพทย์ต้องการให้ผู้ป่วยอยู่ในสภาวะต่างๆโดยสามารถโต้ตอบได้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องให้ผู้ป่วยขาดการรับรู้ดังนั้นจึงมีคำสามคำที่เกี่ยวข้อง
Conscious ภาวะปกติที่ผู้ป่วยมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน Subconscious ภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น และ unconscious หมดสติไม่สามารถตอบสนอง ซึ่งทั้งหมดนี้ขึ้นกับวัตถุประสงค์ในการรักษาพยาบาล
ภาวะยังมีสติ (conscious)ได้แก่การใช้ ยาชา (local anesthetic) ฉีดลงบนผิวหนังหรือจุดที่ต้องการเพื่อลดการรับรู้อาการเจ็บปวด เช่น lidocainHCL ในการเย็บแผล หรือยากล่อมประสาท (tranquilizer) สำหรับทำให้ผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตสงบลงเช่นยา diazepam บางครั้งอาจเรียกว่ายาคลายเครียดยาคลายกังวล
ภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น (subconscious)โดยการใช้ยาซึม (sedative) เช่นketamineหรือ xylazine มีฤทธิ์กดประสาท เพื่อลดการตอบสนอง ลดการต่อต้านหรือใช้เพื่อเป็นยานำเพื่อการวางยาสลบต่อไป แต่การให้ยาในระดับปริมาณที่สูงก็สามารถให้เกิดสภาวะสลบได้
ภาวะสลบ(unconscious) คือร่างกายไม่สามารถตอบสนองต่อสิ่งเร้าใดๆ ได้ ซึ่งก๊าซหรือสารระเหยเป็นยากลุ่มแรกที่มนุษย์รู้จัก แต่ปัญหาคือยากที่จะควบคุมปริมาณที่ต้องการได้ การให้ยาสลบที่น้อยเกินไปก็จะยังเกิดความเจ็บปวดมากเกินไปก็อันตราย
ราวปี 1900 มีการค้นพบยาที่สามารถควบคุมปริมาณการใช้ได้เพราะอยู่ในรูปของเหลว ในกลุ่ม Barbiturate จึงทำให้การวางยาสลบมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น แต่ก็ยังมีอันตรายแฝงอยู่เพราะยาในกลุ่มนี้มีผลข้างเคียงที่สำคัญคือการกดการหายใจ ซึ่งต่อมาได้มีการนำก๊าซที่คิดค้นขึ้นมาใหม่มาใช้ในการวางยาสลบแบบที่พบในปัจจุบัน
เมื่อเราเลือกยาที่เหมาะสมแล้วคำถามต่อไป เราจะให้ยานั้นอย่างไร เพราะยาเมื่อเข้าสู่ร่างกายมันจะเริ่มออกฤทธิ์โดยการจับกับโปรตีนในร่างกาย สุดท้ายเมื่อเวลาผ่านไปจะถูกพาไปตามกระแสเลือดจนถึงตับเพื่อกำจัดออกไปในที่สุด
การให้ยาทางหลอดเลือดดำจะทำให้ยาออกฤทธิ์ได้ไวที่สุดเพียงนับหนึ่งไม่ถึงสิบ แต่ในทางตรงกันข้ามมันอาจออกฤทธิ์ได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ซึ่งอาจไม่เพียงพอในกรณีนี้ การให้เข้ากล้ามเนื้อเป็นทางสายกลางในขณะที่การให้กินดูจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ไม่จำเป็นต้องให้ยาออกฤทธิ์ในทันที่ทันใดแต่อยากให้ออกฤทธิ์ได้หลายชั่วโมง
หวังว่าจะคลี่คลายความสงสัยให้บ้างไม่มากก็น้อย แต่ทั้งหมดนี้ไม่ควรเป็นประเด็นใดๆเพราะความปลอดภัยนั้นสำคัญที่สุด สำคัญต่อทั้งผู้ที่ทำการช่วยเหลือและผู้ที่ถูกช่วยเหลือ และนั่นก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีเพราะทั้งหมดนี้ออกมาอย่างที่ได้วางแผนไว้
จากการให้สัมภาษณ์ล่าสุด เราก็ทราบวิธีการที่แท้จริงแล้ว ตัวยาที่ใช้ยืนยันว่า คือ Ketamine โดยพาเด็กลงมาจากเนินทีละคน จากนั้นฉีดเข้ากล้ามในขนาด 5 mg/kg จากนั้นจึงใส่หน้ากากดำน้ำ ระหว่างทางหากจำเป็นก็จะฉีดในขนาด 2.5 mg/kg เพิ่มเติม
Create Date : 24 กรกฎาคม 2561 |
|
3 comments |
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2561 16:33:52 น. |
Counter : 807 Pageviews. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 14 กันยายน 2561 7:03:43 น. |
|
|
|
| |
|
|
ผู้ชายในสายลมหนาว |
|
|
|
|
ตอนจมใหม่ ๆ เพื่อนก็ใช้เก็ตตาล่า ผ่าตัดสุนัขค่ะ
อีกอย่างเวลาก็สำคัญเนาะ ตั้ง 3-4 ชั่วโมง
สรุปว่า หมอดมยาเก่งมาก ๆ ค่ะ