|
23 สิงหาคม 2555
|
|
|
|
นั่งรถไฟไปตลาดร่มหุบ (4)
เดินต่อไปเพื่อไปยังโบสถ์ซึ่งหลังเดิมนั้นเป็นอาคารก่ออิฐถือปูนชั้นเดียวติดริมน้ำท่าจีน
วันที่ 16 เมษายน 2503 ได้กระทำพิธีวางศิลาฤกษ์พระอุโบสถหลังใหม่ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงเสด็จมาทรงยกช่อฟ้าพระอุโบสถ และพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้ พระปรมาภิไธยย่อ ภ.ป.ร. มีมหามงกุฎประดิษฐานไว้ที่บริเวณหน้าจั่วพระอุโบสถหลังใหม่อีกด้วย ข้างในพระอุโบสถมีพระประธานคือหลวงพ่อปู่หินแดง 11 นิ้ว
ครั้งแรกเริ่มนับตั้งแต่สร้างพระอุโบสถหลังแรกเสร็จแต่ยังขาดพระประธานอยู่ ในเวลาต่อมาได้ยินข่าวเล่าลือกันว่าวัดช่องสะเดา จังหวัดสมุทรสาคร ได้ร้างไปแล้ว เหลือพระประธานอยู่ มีลักษณะสวยงามมาก จึงพร้อมกันไปที่วัดเพื่อเสี่ยงสัจจาธิษฐาน หลังเสี่ยงทายเป้นไปตามคิด จึงจัดอัญเชิญท่านลงเรือพร้อมด้วยขบวนแห่ใหญ่โต มาประดิษฐาน ณ วัดช่องลม เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 3 ศอก 1 คืบ 6 นิ้ว ส่วนสูงจากพื้นพระสันถัดไปถึงสุดพระเมาลี 5 ศอก พุทธลักษณะแบบอยุธยาตอนปลาย
สิ่งที่น่าสนใจคือภาพจิตรกรรมฝาผนังซึ่งเป็นไปตามขนบที่นิยม แน่นอนว่าเป็นผลงานของช่างสมัยใหม่ แต่ฝีมือนับว่าใช้ได้เลยทีเดียว ภาพนั้นสมบูรณ์ ตัวบุคคลมีขนาดใหญ่ ทำให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ หากเป็นมือใหม่ในจิตรกรรม แนะนำมาเรียนชั้นอนุบาลที่นี่ได้เลย
เคียงข้างพระอุโบสถคือหลวงปู่แก้วอดีตเจ้าอาวาสวัดช่องลม ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือ เมื่อท่านมรณภาพไปแล้ว ผู้ศรัทธาทั้งหลาย จึงได้นำสังขารของท่านบรรจุไว้ในโลงทอง พร้อมทั้งหล่อรูปเหมือนของท่านในท่านั่งสมาธิ ประดิษฐานไว้ภายในวิหาร เพื่อให้ประชาชนได้เข้ากราบนมัสการระลึกถึงคุณความดีที่ท่านทำไว้ เมื่อครั้งยังมีชีวิต
สิ่งมหัศจรรย์ที่ถือเป็นหนึ่งใน unseen คือเดิมภายในวิหารมีนกแอ่นมาอาศัยทำรังตามเพดาน และช่องเหนือฝ้าเพดานหลายพันตัว หลวงปู่แก้วปล่อยให้อาศัยอยู่ด้วยความเมตตา และไม่อนุญาตให้เก็บรังนกไปขาย เว้นแต่รังนกที่ตกมาแล้ว
พ.ศ. 2532 ภายหลังหลวงปู่แก้วมรณภาพ มีการก่อสร้างวิหารหลวงปู่แก้ว เมื่อแล้วเสร็จทางวัดจึงวางอุบายย้ายนกเข้ามาในวิหารหลังนี้แทน แต่ผมว่าจำนวนมันน้อยลงกว่าแต่ก่อนมาก ไม่เหมือนตอนที่อยู่ในวิหาร
ตอนนี้เป็นเวลาสิบนาฬิกา แทนที่ผมจะย้อนกลับไปที่สถานีรถไฟตรงวัดแหลม ผมก็แค่เดินข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นที่หยุดรถท่าฉลอม ดูตารางเวลาแล้ว รถไฟออกจากสถานีต้นทาง 10.10 น. จะมาหยุดจอดรับคนที่นี่เวลา 10.16 น.
เลยเวลาตามตารางไปเกือบสิบนาทีมีเสียงหวูดแว่วมา หลายคนตะโกนรถไฟมาแล้ว เสียงเครื่องยนต์ครางกระหึ่ม ผมไม่เห็นอะไรซักอย่างหลายคนเริ่มไปเตรียมพร้อมที่ชานชาลา ผมก็ยังไม่เห็นว่ารถไฟจะมาทางไหน จนรถไฟเคลื่อนเข้ามา ผมหันกล้องไปแทบไม่ทัน
มันมาทางแม่กลองได้ไง ? ผมก้าวขึ้นรถเป็นคนสุดท้าย เดินไปหาที่นั่งว่างๆ 10.35 น. รถไฟมาจอดสนิทที่สถานีบ้านแหลม ที่นี่มีรถรางดีเซลที่ทำขบวนอยู่เพียงชุดเดียว 10.45 น.หลังจากพักรถเป็นเวลา 10 นาที ผู้โดยสารเต็มทุกที่นั่ง รถไฟก็แล่นออกไป
Create Date : 23 สิงหาคม 2555 |
|
1 comments |
Last Update : 10 มิถุนายน 2556 11:31:16 น. |
Counter : 1521 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|
ผู้ชายในสายลมหนาว |
|
|
|
|