นั่งรถไฟไปดูดอกกระเจียว (1)
ช่วงนี้ไม่มีอะไรที่โดดเด่นไปกว่าการไปดูดอกกระเจียวหรอกจริงไหม? และก็คงไม่มีใครเถียงว่า วิธีการเดินทางที่คลาสสิคที่สุดก็คือ การนั่งรถไฟ หากคุณคิดเช่นนี้ได้ก่อนปี 2549 ก็นับว่าโชคดีมาก เพราะในยามนั้น การรถไฟได้เปิดรถไฟสายพิเศษ หัวลำโพง-วะตะแบก ในฤดูกาลการท่องเที่ยว
น่าเสียดายที่ผมมานึกได้หลังจากนั้นหลายปี ในวันนี้จึงมีเพียงการเดินรถไฟสายชานเมือง จากแก่งคอยสู่บัวใหญ่ ขึ้นล่อง วันละสองขบวน โดยเที่ยวแรกนั้นออกจากแก่งคอย ในเวลา 5.30 น.และขบวนต่อไปจะออกเดินทางในเวลา 11.30 น. นั่นหมายความว่า หากคุณต้องการไปขึ้นรถไฟขบวนแรก
คุณต้องจับรถไฟที่ออกจากกรุงเทพเที่ยวที่ช้าที่สุด ในเวลาราวเที่ยงคืน เพื่อไปถึงที่สถานีแก่งคอยในเวลาราวตีสอง แล้วหาที่เงียบสงบนอนรอข 433 ซึ่งเป็นไปได้สำหรับเด็กวัยรุ่นที่ยังมีพลังอย่างล้นเหลือ แต่สำหรับคนแก่ๆ เช่นผมนั้น คงเป็นไปไม่ได้
นั่นจึงเป็นที่มาของการไปเที่ยว Primo Posto น้ำตกเจ็ดสาวน้อย หรืออุโมงค์ต้นไม้ จะได้กลับมาพักที่อำเภอแก่งคอย เพื่อจับรถไฟสายทุ่งดอกกระเจียวนี้ให้ทัน
4.30 น. เช้าวันที่ 6 มิถุนายน 2553 ผมตื่นนอนเช้าผิดปกติในโรงแรมแห่งหนึ่ง หลังจากนั้นก็เดินทางไปยังสถานีรถไฟ ในเวลารุ่งสางที่อากาศยังคงเป็นม่านหมอกสีดำ ขึ้นไปยังสถานีเพื่อขอตั๋วรถไฟฟรีเพื่อประชาชน ปลายนั้นคือสถานีวะตะแบก หลังจากถ่ายรูปสถานีและเจ้าพาหนะจนพอใจ ก็กระโดดขึ้นไปจับจองที่นั่งที่มีอย่างเหลือเฟือ
อากาศยามเช้าของต่างจังหวัดที่ผมไม่เคยสัมผัสมานานแสนนาน ไหลพัดผ่านหน้าต่างเข้ามา แต่ความเร็วรถไฟที่วิ่งกระโดกกระเดกไปมานั้นดูจะช้ามาก ผมว่าซัก 20 ก.ม./ช.ม. ผมเริ่มกังวลใจ จะไปถึงกี่โมงกันเนี่ย และแล้วรถไฟสายเงียบเหงาก็มาจอดสถานีแรก บนเส้นทาง นั่นก็คือที่สถานีเขาคอก มีคนบางตาเพียง 2-3 คนที่ก้าวขึ้นมาบนรถ
หลังจากนั้นรถก็หยุดที่ที่หยุดรถเขาหินดาด สถานีถัดไปคือสถานีหินซ้อนคนก็ยังบางตา หลังจากวิ่งอย่างเชื่องช้ามาราวหนึ่งชั่วโมง แสงแดดเริ่มสาดส่องให้เห็นวิวสองข้างทาง ผ่านสถานีแก่งเสือเต้น ที่หยุดรถเขาสูง รถก็มาจอดรับคนที่สถานีเล็กแต่มีชื่อเสียงโด่งดัง นั่นก็คือที่หยุดรถเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ อันเป็นสถานีปลายทางในเส้นทางสายดอกทานตะวัน
จากที่นี่ รถไฟเริ่มทำความเร็วได้เหมือนเส้นทางปกติ และราบเรียบมากกว่าที่ผ่านมา ทำให้เห็นความงามของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ที่คงงดงามมากในยามน้ำหลาก แต่วันนี้รถไฟวิ่งผ่านสันเขื่อนอันแห้งแล้ง เบื้องล่างมีแต่ภาพฝูงวัวที่ลงไปกินหญ้า รถไฟวิ่งผ่านสะพานแล้วสะพานเล่า ที่ตัดผ่านทุ่งน้ำของตัวเขื่อน
ซึ่งหากเลือกได้ควรจะนั่งฝั่งขวาเพราะจะถ่ายภาพได้สวยงามกว่า เนื่องจากไม่ติดภาพเสาไฟที่วิ่งคู่ขนานทางไปตลอดเส้นทาง
Create Date : 28 กรกฎาคม 2553 |
|
7 comments |
Last Update : 6 มีนาคม 2555 10:34:05 น. |
Counter : 1405 Pageviews. |
|
|
ถ้ามาทางโคราชก็ได้วิว เขื่อนลำตะคองค่ะ