สองวัดสองแผ่นดิน : วัดราชนัดดารามวรวิหาร (4)
เมื่อกล่าวถึงพระประธานในพระอุโบสถ พระพุทธเสฏฐตมมุนินทร์ แปลว่าพระพุทธองค์ผู้ทรงประเสริฐสูงสุดยิ่งใหญ่เหนือกว่าพระมุนีใดในโลก หน้าตักกว้าง 7 ศอก หล่อด้วยทองแดงที่ขุดได้จากเมืองจันทึก ในรัชกาลที่ 5 ได้ลงรักปิดทองแล้วเชิญเศวตฉัตร 5 ชั้นขึ้นกางกั้น เราทราบกันดีว่าพระพุทธรูปที่ทำจากทองแดงชุดนี้มี 2 องค์ โดยอีกองค์นั้นเป็นพระประธานในพระอุโบสถวัดเฉลิมพระเกียรติ ผมกลับฉุกใจ ถึงคำว่าแร่ทองแดงที่เพิ่งขุดพบที่เมืองจันทึก ซึ่งปัจจุบันลดฐานะลงเป็นตำบลขึ้นกับอำเภอสี่คิ้ว จังหวัดนครราชสีมา แต่ก็ไม่มีประวัติว่าแหล่งแร่นี้อยู่ที่บริเวณใด มีข้อมูลเพียงคร่าวว่า อยู่ทางใต้จากสถานีรถไฟไปทางใต้ราว 6 กิโลเมตร ส่องจากgoogle map เห็นเหมือนภูเขาลูกโดดอยู่หนึ่งลูก ไม่รู้ว่าใช่หรือเปล่า แล้วเรื่องนี้สำคัญอย่างไร ในรัชกาลเดียวกัน มีการกล่าวถึงการเผาฝิ่นครั้งใหญ่ที่หน้าพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2382 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เริ่มต้นเหตุการณ์สงครามฝิ่นครั้งที่ 1 ที่จบลงในเวลาต่อมา โดยราชวงศ์ของจีนต้องลงนามในสนธิสัญญานานกิง แสดงให้เห็นว่า การค้าฝิ่นของบริษัทอีสต์อินเดีย น่าจะเฟื่องฟูมากในสมัยนั้น และดูเหมือนว่าจะโชคดีที่ไม่เกิดการกระทบกระทั่งกับสยามในช่วงเวลาเดียวกัน กลักฝิ่นทองแดงทั้งหมดนั้นถูกหล่อเป็นพระพุทธรูปขนาดหน้าตัก 20 นิ้ว ตั้งเป็นประธานที่ศาลาการเปรียญวัดสุทัศน์เทพวรารามมาจนกระทั่งปัจจุบัน แต่ก่อนที่จะถูกใช้ผลิตเป็นกลักฝิ่น แร่ทองแดงนั้นมีความสำคัญอย่างไร
มนุษย์ยุคโบราณมีวิวัฒนาการมาได้ เพราะรู้จักการประดิษฐ์สิ่งของ พวกเค้ามองหาหินที่แตกร่อนได้มากระเทาะเป็นขวาน หัวธนู พวกเค้าอาศัยเพียงเพิงถ้ำ เพราะประชากรยังไม่มากพอ แต่เปลี่ยนจากสัตว์ป่าที่ไม่มีเขี้ยวเล็บมาเป็นนักล่าที่เชี่ยวชาญ 7000 ปีก่อนคริสตกาล กล่าวกันว่ามีต้นกำเนิดในเวลาไล่เลี่ยกันแถวอียิปต์ ทางตอนเหนือแม่น้ำไนล์ และบริเวณลุ่มแม่น้ำไทกริสและยูเฟติส มนุษย์โบราณได้พบก้อนแร่โลหะทองแดงดิบที่อยู่รวมกันเป็นก้อน ดีกว่าหินที่ทองแดงนั้นมีความทนทาน และสามารถขึ้นรูปเป็นเครื่องมือได้ เมื่ออาหารสมบูรณ์ ประชากรก็เพิ่มขึ้น พวกเค้ารู้จักการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ จากเครื่องมือที่ผลิตได้จากทองแดง เมื่อไม่ต้องวิ่งตามแหล่งอาหาร ตามวัฏจักรเคลื่อนย้ายฤดูกาลของสัตว์ป่า ทำให้สามารถพัฒนาชุมชนเป็นกลุ่มก้อน ทองแดงถูกใช้ทั้งด้านผลิตเป็นอาวุธสงคราม และใช้ในการสร้างสรรค์งานศิลปกรรม ด้วยคุณสมบัติของทองแดงที่อยู่รวมกันเป็นสินแร่ที่หาไม่ยากตามเขตภูเขาทั่วไป มีจุดหลอมเหลวต่ำเพียง 450 องศาเซลเซียส คนอียิปต์โบราณที่ไม่รู้จักล้อเลื่อน สามารถใช้เพียงสิ่วทองแดง ในการสร้างปิรามิด แต่ข้อเสียของทองแดงก็คือ มันสูญเสียความคมได้ง่าย และยังไม่แกร่งพอ ราว 5000 ปีก่อนคริสตกาล อารยธรรมเมโสโปเตเมียก็พัฒนาขึ้นไปอีกขึ้น ด้วยการสังเกตว่าสินแร่ทองแดงที่ได้จากที่ราบสูงอิหร่านนั้นเมื่อถลุงแล้ว จะได้ผลิตภัณฑ์ที่มีความแข็งแกร่งกว่าปรกติ ซึ่งในปัจจุบันเราพบว่า เกิดจากทองแดงจากแหล่งนี้มีการปนเปื้อนสารหนู เกิดเป็น Arsenic bronze
ซึ่งเป็นโลหะผสม หรือ alloy ชนิดแรกที่มนุษย์รู้จัก แต่ยังอาจจะเรียกว่า สำริดที่เกิดโดยธรรมชาติ จนกระทั่งราว 1000 ปีต่อมา มีการค้นพบว่า เมื่อนำแร่อีกชนิดหนึ่งคือดีบุก ที่ได้จากภูเขาในอิหร่านมาผสมกับทองแดง ในอัตราส่วน 10-30% กลายเป็นวัสดุที่แข็งแกร่ง เรียกว่าสำริดได้อย่างแท้จริง
การค้นพบนี้สร้างเครือข่ายทางการค้าไปยังชุมชนต่างๆ หรือ bronze age ข้อด้อยเพียงประการเดียวของสำริดก็คือ แร่ดีบุกนั้นหาได้ยากกว่าทองแดง และนั่นอาจจะเป็นสิ่งที่สร้างอาณาจักรเปอร์เซียให้ขึ้นมายิ่งใหญ่ก็เป็นไปได้ อย่างช้าๆ เทคโลยีด้านโลหะวิทยาในที่สุดก็เดินทางมาถึงดินแดนขวานทองโบราณ ชาวบ้านเชียงรู้จักการหล่อสำริดแล้ว สิ่งสำคัญคือ พวกเค้าได้ทองแดงมาจากไหน ก่อนการค้นพบแหล่งทองแดงที่เมืองจันทึกในสมัยรัชกาลที่ 3 คนโบราณของไทยได้ทองแดงมาจากแหล่งแร่หลักๆ 3 แห่ง โดยเหมืองที่เชื่อว่าเก่าที่สุดในประเทศไทยอยู่ที่ภูโล้น จังหวัดหนองคาย มีการขุดหาสายแร่โดยวิธีการเจาะเป็นปล่องลงไป เหลือบางส่วนไว้เป็นเสาค้ำยัน แหล่งแร่ภูโล้นน่าจะถูกใช้มาตั้งแต่ก่อนประวัติศาสตร์ ยืนยาวกระทั่งไม่สามารถขุดต่อได้ จนถูกทิ้งร้างไปในที่สุด และที่นี่อาจจะเป็นแหล่งแร่ที่ใช้หล่อพระพุทธรูปสำริดสุโขทัย ที่คนในพื้นที่แถบนั้นมีความชำนาญจนผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก และอาจจะอธิบายได้ว่า ทำไมสมัยอยุธยา จึงไม่นิยมการหล่อพระพุทธรูปจากสำริด และอาจจะเป็นตัวไขปริศนาว่า เมืองศรีเทพนั้นตั้งอยู่และล่มสลายไปเนื่องจากเหตุใด
แหล่งแร่โบราณถัดมาอยู่ที่ภาคกลาง บริเวณภูเขาของจังหวัดลพบุรี โดยกระจายตามพื้นที่ย่านเขาวงพระจันทร์ เช่น เขาทับควาย เป็นต้น เราค้นพบเตาถลุงแบบโบราณและเบ้าดินเผาตกอยู่เป็นอันมาก แสดงให้เห็นถึงว่าที่นี่มีการผลิตทองแดงอย่างเป็นแบบอุตสาหกรรม ซึ่งจากทองแดงลพบุรี น่าจะหมุนเวียนไปทั่วประเทศไทย อาจจะกลายเป็นวัตถุดิบที่เดินทางไปยังบุรีรัมย์ข้ามเขาบรรทัด ส่งต่อให้กับอาณาจักรเขมรโบราณด้วยอีกทางหนึ่ง พร้อมกับแหล่งแร่ที่ 3 ที่อยู่ทางฝั่งสุวรรณเขต ประเทศลาวในปัจจุบัน ที่เชื่อว่าเป็นวัตถุดิบสำคัญในการหล่อสำริดตั้งแต่สมัยผลิตกลองมโหระทึกที่เวียดนาม แหล่งผลิตสำริดโบราณเนินนกทา และแม้กระทั่งอาจจะเป็นเทวรูปประโคนชัยด้วยก็ได้ ทองแดงเพียงอย่างเดียวนั้นไม่อาจสร้างโลหะผสมได้ สำริดของไทยนิยมผสมกับดีบุก ซึ่งจะช่วยลดจุดหลอมเหลว และสำริดที่ได้มีความอ่อนตัว เหมาะที่จะใช้ทำในงานศิลปะ ดีบุกได้เหมืองแร่โบราณบริเวณเมืองเวียงจันทน์ในปัจจุบัน และมีดีบุกจำนวนไม่มาก ที่ผลิตได้จากเหมืองโบราณแถบเทือกเขาตะนาวศรี บริเวณจังหวัดราชบุรีในปัจจุบัน
สำริดที่มีคุณภาพ ทำให้เจ้าผู้ครองแคว้นฉินสามารถรวบรวมอาณาจักรจีนขึ้นมาได้ สุวรรณภูมิของคนอินเดียโบราณ อาจจะหมายถึงดินแดนที่มั่งคั่งของโลหะหลากชนิดหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่แล้ว สุวรรณภูมิในตำนานที่แท้จริง นั้นอยู่ที่แห่งหนใด
สุวรรณ แปลว่าทองคำ นั่นย่อมไม่สามารถจะหมายถึงโลหะอื่นใดได้ แต่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 1 ที่พ่อค้าชาวอินเดียเริ่มเดินเรือมายังอุษาคเนย์ ตอนนั้นดินแดนแถบนี้ ยังเป็นแค่ชุุมชนเล็กๆ ที่อยู่ในยุคเหล็กตอนปลาย ไม่ได้มีอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่พอจะรวบรวมประชากรเข้าสู่ศูนย์อำนาจได้
ไม่มีการค้าขายแบบพระคลังสินค้า ไม่มีไพร่ที่ต้องส่งส่วยทองคำ ซึ่งแม้กระทั่งปัจจุบัน แถบนี้ก็ไม่มีได้มีเหมืองทองคำขนาดใหญ่ แล้วสุวรรณภูมิในความทรงจำของคนอินเดียโบราณนั้นอยู่ที่ใด หรือมันอาจจะเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนก็ได้
ทองคำถูกค้นพบว่าเป็นโลหะทีค่านับแต่สมัยอียิปต์โบราณ ด้วยคุณสมบัติเฉพาะตัว ผลิตจากการอาณาจักรทางตอนเหนือของแม่น้ำไนล์ แล้วส่งต่อความมั่งคั่งไปยังเมืองต่างๆ พ่อค้าที่ค้าขายแถบเมดิเตอริเนี่ยนได้แต่คิดถึงแหล่งที่มาของโลหะล้ำค่านี้ จะมีหรือไม่เกาะอันห่างไกลที่อุดมไปด้วยทองคำ ในบันทึกของปโตเล เรียกที่นี่ว่า Aurea Regio ความคิดนี้ได้สืบต่อกันมาเป็นตำนาน สู่พ่อค้าเปอร์เซีย จนมาถึงอินเดียในที่สุด
ดินแดนสุวรรณภูมิที่เราเชื่อว่าอยู่ทีนี่ โดยมีสิ่งที่เชื่อมโยงว่า พระเจ้าอโศกมหาราชได้ส่งสมณฑูตมาเผยแผ่พุทธศาสนานั้น มาจากข้อความในคัมภีร์มหาวังสะ ของศรีลังกาที่ได้เขียนขึ้นไว้เมื่อต้นพุทธศตวรรษที่ 6 เพื่อเชื่อมโยงพุทธศาสนาของอนุราธปุระ กับเรื่องราวการพิชิตดินแดนและการเผยแผ่ศาสนาบนเสาพระเจ้าอโศก แต่ปัจจุบันเท่าที่ถอดความกันได้นั้นยังไม่พบคำว่า สุวรรณภูมิที่เสาอโศกต้นใดเลย
ดูเหมือนเรื่องนี้ก็ยังเป็นปริศนา กระทั่งเมื่อเดือนธันวาคม 2560 มีการค้นพบจารึก ที่เมืองกำปงสปือของพระเจ้าอีศานวรมันที่ 1 กำหนดอายุ พ.ศ. 1176 สมัยอาณาจักรเจนละ ที่กล่าวถึงกษัตริย์ที่กล้าหาญและสามารถเอาชนะไปทั่ว ผู้ครอบครองดินแดน สุวรรณภูมิ ไปจนจรดทะเล ผู้ที่เป็นราชาเหนือราชา ผู้ที่กษัตริย์เพื่อนบ้านต้องยอมก้มหัวให้และนี่ก็เป็นหลักฐานชิ้นล่าสุด ที่ยืนยันการมีอยู่ของดินแดนที่เรียกว่า สุวรรณภูมิ
Create Date : 04 มิถุนายน 2564 |
|
5 comments |
Last Update : 8 มิถุนายน 2564 14:20:02 น. |
Counter : 845 Pageviews. |
|
|
|
| |
โดย: **mp5** 5 มิถุนายน 2564 13:28:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: หอมกร 8 มิถุนายน 2564 13:53:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: ทนายอ้วน 9 มิถุนายน 2564 16:55:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: **mp5** 11 มิถุนายน 2564 8:45:46 น. |
|
|
|
| |