ตามหานคราที่สาบสูญ : ปราสาทพระโค ที่พนมกุเลน นอกจากศิวลึงค์นับพันยังมีทางแยกไปอีกทางหนึ่ง เพื่อไปสู่อีกหนึ่งเทวสถานตามธรรมชาติ กบาลสะเปียนหรือหัวสะพาน เป็นแนวก้อนหินที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ คล้ายสะพานทอดข้ามสายน้ำเล็กๆ ที่นี่ก็มีรูปศิวะสลักหรือศิวลึงค์องค์ย่อมๆ ไปถึงขนาดใหญ่นับพันเช่นกัน เพียงแต่มันสร้างขึ้นสองร้อยปีถัดมาในรัชสมัยของพระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 2 โดยมีจุดประสงค์เดียวกัน คือเพื่อให้พราหมณ์ประกอบพิธีเสกน้ำให้ศักดิ์สิทธิ์ ไปใช้ประกอบพิธีหลวงในพระราชวัง และสำหรับชาวบ้านนำไปรักษาโรค เล่าทำไมก็ไม่รู้เพราะไม่ได้ไป แต่เค้าว่าต้องเดินไปไกลมากเลยนะ กลับมาที่รัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ผู้สถาปนาอาณาจักรพระนคร พ.ศ. 1393 พระองค์เสด็จสวรรคต ทรงได้รับพระนามใหม่ว่า ปรเมศวร เพื่อกลับไปเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันพระผู้เป็นเจ้าบนสรวงสวรรค์เช่นดังเดิม พระโอรสขึ้นครองราชย์ต่อจากนั้นในนาม ชัยวรมันที่ 3 (1395 – 1420) วรมันแปลว่าโล่ห์ ชัยวรมันจึงหมายถึงผู้มีชัยชนะเป็นเครื่องปกป้อง ไม่มีข้อมูลมากนักเกี่ยวกับพระองค์ พบเพียงจารึกหลักเดียวที่กล่าวว่า ครั้งหนึ่งพระองค์พลาดที่จะจับช้างป่าตัวหนึ่ง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ให้สัญญาว่า หากพระองค์ได้สร้างปราสาทถวายแล้ว ก็จะสามารถทำการได้สำเร็จ ดังนั้นเชื่อได้ว่าพระองค์เป็นผู้เชียวชาญด้านการล่าช้างเป็นอย่างมาก และน่าจะมีการสร้างศาสนสถานแห่งใดแห่งหนึ่งในหริหราลัยเป็นแน่ สุดท้ายพระองค์ก็สิ้นพระชนม์จากกีฬาล่าช้างที่พระองค์โปรดปรานนั่นเอง พระนามหลังความตายของพระองค์คือ วิษณุโลก พระเจ้าอินทรวรมันที่ 1 (1420 –1432) ได้สืบทอดอำนาจ พระองค์น่าจะเป็นโอรสของพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 และเป็นน้องชายร่วมหรือต่างมารดาของพระเจ้าชัยวรมันที่ 3 หลังจากการขึ้นครองราชย์พระองค์ได้สร้างปราสาทพระโค ซึ่งอาจจะเป็นการต่อเติมงานก่อสร้างที่ค้างอยู่ในรัชกาลก่อนก็เป็นได้ ปราสาทนี้เป็นปราสาทก่ออิฐ ประดับด้วยลวดลายปูนปั้น ที่ประดับบนหน้าบัน และประดับผนังเป็นรูปทวารบาล ประกอบไปด้วยปราสาท 6 หลัง แบ่งเป็นคู่ๆ 3 แถว หันไปทางตะวันออก ปราสาทนี้ได้ชื่อมาจากวัวหมอบ ที่แกะสลักขึ้นเพื่อเป็นพาหนะของพระอิศวรที่ด้านหน้า ริมกำแพงหน้ามีร่องรอยของอาคารบรรณาลัยอยู่สองหลัง จากจารึกกรอบประตูกล่าวว่าปราสาทนี้ชื่อว่าปรเมศวร ตามพระนามหลังความตายของพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ปราสาทหลักตรงกลางด้านหน้าสร้างอุทิศให้พระศรีปรเมศวรหรือพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ปราสาทที่อยู่ด้านหลังอุทิศให้พระมเหสีคือพระศรีธรณีนทรเทวี ปราสาททางทิศเหนืออุทิศให้ญาติฝ่ายมารดาของพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ด้านหน้าอุทิศให้พระศรีรุทเรศวร ด้านหลังอุทิศให้รุทรเทวี แปลง่ายๆ ว่าเป็น ตาและยายของพระเจ้าอินทรวรมันที่ 1 ปราสาททางทิศใต้ อุทิศให้ญาติฝ่ายบิดาของพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ด้านหน้าอุทิศให้พระศรีปฤถิวีนทเรศวร ด้านหลังอุทิศให้พระปฤถิวีนทรเทวี แปลง่ายๆ ว่าเป็น ปู่และย่าของพระเจ้าอินทรวรมันที่ 1 จะสังเกตได้ว่าชื่อเหล่านี้ล้วนเป็นชื่อของกษัตริย์เขมรในยุคต่อมา แสดงว่าชื่อนั้นอาจจะไม่ใช่ของเดิมแต่เป็นการเฉลิมพระนามในภายหลัง จากจารึกปราสาทโลเลยของพระเจ้ายโศธรวรมันที่ 1ในรัชกาลถัดมา กล่าวว่าถึงความสัมพันธ์ว่าหรรษาวรมันนั้นเป็นน้องชายของธรณินทราเทวี ศิลปะยุคพระโคได้รับการกล่าวว่าเป็นยุคที่มีทับหลังที่สวยงาม มักสลักเป็นภาพหน้ากาลหรือเกียรติมุขคาบท่อนพวงมาลัย บนท่อนพวงมาลัยจะมีเทวดาขี่ม้าเรียงกันเป็นแถว ทวารบาลที่ผนังปราสาทยืนอยู่ในซุ้มเรือนแก้ว ใส่เครื่องประดับศีรษะ มือขวาถือหอกมือซ้ายท้าวสะเอว นุ่งผ้าจีบหน้าคาดเข็มขัดในมือถือหอก   Create Date : 06 กันยายน 2556 4 comments Last Update : 21 พฤศจิกายน 2561 8:45:22 น. Counter : 2134 Pageviews. Share Tweet

นึกว่าอยู่ที่โคราช ... ไม่ใช่จ้อยเลยค่ะ   โดย: tuk-tuk@korat 6 กันยายน 2556 15:58:14 น.

จ้อย เป็นสร้อยคำ ค่ะ เงียบจ้อยเลย แปลว่า เงียบเฉยเลย ไม่ใช่จ้อยเลย แปลว่า ไม่ใช่เฉยเลย อธิบายยากเนาะ   โดย: tuk-tuk@korat 6 กันยายน 2556 17:53:39 น.

สวยค่ะ แบบนี้แหละ ที่ชอบเดินดู ไม่มีความรู้หรอกนะคะ ต่อให้ทำการบ้านก่อนไปก็จำไม่ได้อยู่ดี ถ้าอ่านหนังสือ แล้วไปเห็นของจริง น่าจะดีมาก ฝันอีกแล้วค่ะ *** หนูเข้าใจที่พี่ตุ๊กอธิบายค่ะ ไม่ยาก   โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 6 กันยายน 2556 19:35:31 น.

กลุ่มปราสาท Preah Ko ยังไม่เคยไปค่ะ   โดย: tuk-tuk@korat 13 กันยายน 2556 13:27:26 น.