...เราจะมองไม่เห็นทะเลสาบจนกว่าจะสุดป่าแล้วเลี้ยวออกมาจึงจะเห็นค่ะ...ภาพที่เห็นเบื้องหน้า...
ไปถึงทะเลสาบในครั้งแรกประมาณสี่โมงเย็นของฤดูร้อนค่ะ แสงแดดเจิดจ้า น้ำในทะเลสาบเป็นสีเขียว turquoise green มีเสียงพูดว่าถึงแล้วเหรอ ไหนๆ อ้าวนึกว่าภาพวาด ... คิดเหมือนกันหมดเลยค่ะเพราะเหมือนภาพวาดจริงๆ แต่มีคนเดินไปเดินมาหน้ารูปภาพ เดินถ่ายรูปบ้าง พายเรือบ้าง แม้จะคนมากและร้อนแต่กลับรู้สึกถึงลมเย็น บรรยากาศโรแมนติคเชียวค่ะ
โดยมากจะไม่ค่อยเห็นภาพถ่ายทะเลสาบกว้างๆกัน ไม่ค่อยอยากโชว์เพราะคนเยอะแบบในภาพค่ะ
มาชมภาพนี้แล้วเลื่อนขึ้นไปภาพนึง ปลายพฤษภาคมแล้วค่ะ หิมะยังขังท่วมป้ายขนาดนี้
Lake Louise ถือว่าเป็นชุมชนที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลมากที่สุดของแคนาดา คือ 1,700 เมตร (5,740 ฟุต) จัดเป็น village ค่ะ ไม่ใช่ town ดังนั้นหากอ่านในสถิติว่าเมืองใดอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลมากที่สุดจึงมักจะได้คำตอบว่า Banff เพราะที่นี่เป็นแค่หมู่บ้านค่ะ
บุคคลที่ไม่ใช่ชาว Aboriginal คนแรกที่ได้เห็นความงามของทะเลสาบแห่งนี้ คือ Tom Wilson ในปี 1882 ขณะที่กำลังเตรียมอุปกรณ์สร้างทางรถไฟ เขาได้ยินเสียงหิมะถล่ม จึงเข้าไปดู และพบกับทะเลสาบนี้ซึ่งชาว Aborigin เรียกว่า HO-RUN-NUM-NAY แปลว่า "Lake of Little Fishes" ต่อมาเขาจึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น "Emerald Lake" ตามสีของน้ำในทะเลสาบ จนกระทั่งถูกเปลี่ยนอีกครั้งในปี 1884 ว่า "Lake Louise" ตามพระนามของพระธิดาของควีน Victoria คือเจ้าหญิง Louise Caroline Alberta ซึ่งมาพำนักอยู่ที่แคนาดาตามพระสวามี
วิวทะเลสาบด้านหน้ายอดเขา Victoria เป็นลักษณะเด่นของทะเลสาบนี้ บนยอดเขามองเห็นเป็นธารน้ำแข็ง (Glacier) ปกคลุมตลอดปี วันที่ท้องฟ้าแจ่มใส จะเห็นสีขาวของหิมะตัดกับสีฟ้าของท้องฟ้าอย่างชัดเจน ประกอบกับน้ำในทะเลสาบที่เป็นสีเขียว เป็นภาพที่สวยงามดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากให้มาถ่ายภาพกับทะเลสาบที่มุมนี้
สีของน้ำในทะเลสาบเป็นแร่ธาตุที่ละลายจากการกัดกร่อนของธารน้ำแข็ง ลักษณะของน้ำจากธารน้ำแข็งที่ไหลลงสู่ทะเลสาบเป็นเหมือนผงแป้งสีขาวไม่ละลายน้ำ เรียกว่า glacial milk แต่แร่ธาตุบางส่วนซึ่งละลายได้จะสะสมอยู่ในน้ำ ทำให้สีเข้มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเกิดการตกตะกอนจะทำให้น้ำกลายเป็นสีฟ้า และยิ่งสะท้อนแสงให้เห็นชัดเจนเมื่อมีแสงแดดส่อง โดยเฉพาะแสงที่ได้จากการสะท้อนใต้พื้นทะเลสาบที่เป็นผงสีขาว ปรากฏการณ์นี้เห็นได้ชัดเจนบริเวณ Lake Louise และ Payto Lake ซึ่งเรามีโปรแกรมไปชมกันในวันต่อไปค่ะ
ภาพผงแป้งหรือตะกอนดินสีขาว (Glacial silt) ของธารน้ำแข็งที่ปลายทะเลสาบ Lake Louise ตะกอนนี้ทั้งดูดซับและสะท้อนกับแสงแดด เกิดเป็นสีสันที่สวยงามค่ะ
ชมภาพบรรยากาศ Lake Louise ไปเรื่อยๆนะคะ คล้ายๆกันแต่ให้หลายสีมากค่ะ ขึ้นอยู่กับปริมาณและทิศทางของแสงแดดค่ะ
ภาพต่างวัน ต่างเวลากันค่ะ แต่ไม่มีวันไหนเลยที่จะไม่ประทับใจ
บรรยากาศแบบนี้ ใครๆก็คงอยากลงไปพายเรือค่ะ
สีเขียวใสจนสะท้อนภูเขาได้ต้องเป็นช่วงพระอาทิตย์อยู่ข้างหลังค่ะ นั่นคือช่วงเช้า ถ้าเป็นตอนบ่ายคนจะเที่ยวเยอะมากและอาจต้องรอมุมถ่ายรูปเด็ดๆค่ะ และน้ำจะเขียวแต่ไม่สะท้อนแบบนี้ค่ะ
ทริปนี้ภาพแปลกดีค่ะ เป็นเช้าตรู่วันฤดูใบไม้ผลิ น้ำยังไม่ค่อยเขียวค่ะเพราะบริเวณนี้พื้นเป็นหินเสียส่วนใหญ่ และยังเป็นน้ำแข็งบางส่วนแต่น้ำในทะเลสาบใสมากค่ะ
เดือนเมษายนค่ะ ไปเล่นเสก็ตได้อย่างเดียว
ชมภาพ Lake Louise ไปหลายภาพอาจจะเบื่อกันแล้วไปมุมอื่นกันบ้างค่ะ
ที่ทะเลสาบมีท่าเรือสำหรับเช่าแคนูค่ะ ดื่มด่ำบรรยากาศกันได้เต็มที่
เรือพายมีบริการแต่ฤดูร้อนค่ะ พอหมดฤดูน้ำในทะเลสาบก็กลายเป็นน้ำแข็ง สถานีเช่าต้องปิด หากมีเช่าคงจะเป็นเรือแคนูติดล้อ
ฤดูใบไม้ผลิ พายเรือไม่ได้ ก็ยังมีกิจกรรมกันจนได้ค่ะ ก็คือเล่นเสก็ตในทะเลสาบ เล่นกันเป็นทางรูปใบมีดรองเท้าเลยค่ะ
ติดๆกันกับทะเลสาบจะมีโรงแรมขนาดใหญ่ ชื่อ Fairmont Château Lake Louise ตกแต่งอย่างหรูหรา มองจากโรงแรมออกไป จะสามารถชื่นชมกับวิวของทะเลสาบได้อย่างงดงามตลอด 24 ชั่วโมง ราคาห้องพักในฤดูร้อนจะสูงมากค่ะ แต่หลังฤดูร้อนมีแพ๊คเกจลดราคามากกว่าครึ่ง หากต้องการบรรยากาศแต่ประหยัดค่าใช้จ่าย การไปพักหลังฤดูท่องเที่ยว ก่อนทะเลสาบจะเป็นน้ำแข็ง จึงเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจค่ะ
กิจกรรมอื่นๆอีกที่นิยมคือ hiking มีหลายเส้นทางให้เดิน มีหลายระยะทางให้เลือกตามเวลาที่มี ชมธรรมชาติในวิวที่แตกต่างออกไปค่ะ
เราเลือกเดินข้างๆทะเลสาบกันค่ะ แพ้แรงโน้มถ่วงของโลกจึงไม่ขึ้นเขา น้ำใสแจ๋วเลยค่ะ
เดินไปเรื่อยๆค่ะประมาณ 2 กิโลเมตรก็จะสุดปลายน้ำ (เดินกลับอีก 2 กิโลเมตรค่ะ) มองเห็นโรงแรมอยู่ฝั่งตรงข้าม ถ้าใครมาเที่ยวช่วงบ่ายแล้วน้ำไม่ใสจนสะท้อนภูเขาละก็ ลองเดินไปปลายทะเลสาบจะได้น้ำใสเป็นประกายแวววาวเลยค่ะ แต่วันนี้ไปถึงปลายทางแล้วหิมะก็เริ่มตก
กิจกรรมอื่นๆอีกที่ Lake Louise คือชมนกสวยๆ และการแสดงเรื่องราวในอดีตของโรงแรมซึ่งสร้างตั้งแต่ปี 1890 เป็นลักษณะ Log Chalet แต่เกิดไฟไหม้ 2 ครั้งปี 1893 และ 1924 มีภาพขณะเกิดไฟและการซ่อมแซม มีป้ายข้อมูลและทางเดินตกแต่งสวยงาม โรงแรมที่เราเห็นในปัจจุบันเป็นอาคาร 5 หลังเชื่อมต่อกัน ไม่ใช่อาคารดั้งเดิมค่ะ สร้างเสร็จจนเป็นภาพปัจจุบันเมื่อปี 1989 นี้เองค่ะ
นอกจากนี้ในฤดูหนาว ยังมีการจัดกิจกรรมอื่นๆบนผิวน้ำแข็งของทะเลสาบ เช่นการแข่ง Ice Hockey หรือมีการจัดงานแกะสลักน้ำแข็งค่ะ
ของเราแค่ลงไปเดินค่ะ
นกที่พบขณะเดินชมทะเลสาบค่ะ
ออกจาก Lake Louise แวะกันต่อที่ Moraine Lake ชมภาพทะเลสาบที่โด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งเป็น highlight ของทริปฤดูร้อนในแถบนี้ค่ะ ปีนึงเปิดให้เข้าชมประมาณ 4 เดือนเท่านั้น วันที่จะเปิดหรือปิดให้ชมจะไม่กำหนดแน่นอน ต้องคอยติดตามประกาศจากทาง Parks ค่ะ การเดินทาง ต้องออกจากถนนสาย Lake Louise Drive ไป 14 กิโลเมตร ทางวกวนบางช่วงเป็นหุบเหว นี่คงเป็นเหตุที่ปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมค่ะ
⁞
เกือบถึงแล้ว เห็นภูเขาแบบนี้แล้วใช่แน่ๆค่ะ เป็นวิวยอดเขาจำนวนมาก จนแถบนี้เรียกว่า The Valley of the Ten Peaks จะนับดูก็ซ้อนไปมาไม่น่าจะเท่ากับ 10 ค่ะ แต่เช็คข้อมูล wikipedia มี 10 ยอดพอดีค่ะ มีชื่อเรียงจากทิศตะวันออกไปตะวันตก และความสูงดังนี้
# | Peak | metres | feet | Original Native name |
1 | Mount Fay | 3,235 | 10,613 | Heejee |
2 | Mount Little | 3,088 | 10,131 | Num |
3 | Mount Bowlen | 3,072 | 10,079 | Yamnee |
4 | Mount Tonsa | 3,057 | 10,030 | Tonsa |
5 | Mount Perren | 3,051 | 10,010 | Sapta |
6 | Mount Allen | 3,310 | 10,860 | Shappee |
7 | Mount Tuzo | 3,246 | 10,650 | Shagowa |
8 | Deltaform Mountain | 3,424 | 11,234 | Shakhnowa |
9 | Neptuak Mountain | 3,233 | 10,607 | Neptuak |
10 | Wenkchemna Peak | 3,170 | 10,401 | Wenkchemna |
วันนี้เป็นต้นเดือนกรกฏาคม นักท่องเที่ยวยังไม่มากนัก แต่ทางเข้าบริเวณนี้เห็นมีรถจอดข้างทางยาวไม่ต่ำกว่า 2 กิโลเมตร คนมากจริงๆค่ะ ที่จอดรถที่จัดไว้มีไม่มาก แต่เราเคยชินกับการหาที่จอดรถแสนยากตามห้างฯในเมืองไทย วนๆสักครู่ก็ได้ที่จอดค่ะ (จอดซ้อนคันไม่มีนะคะ)
เดินชมวิวด้านล่างรอบๆทะเลสาบกันก่อนค่ะ มีป้ายข้อมูลอธิบายการเกิดของแหล่งน้ำ ลักษณะของภูเขา และมีรูปถ่ายด้านหลังของธนบัตร $20 ซึ่งเป็นรุ่น Scenes of Canada แต่เลิกใช้แล้วเมื่อปี 1993 ค่ะ เป็นภาพของทะเลสาบ Moraine นี่เอง
ระดับความสูงของทะเลสาบนี้ สูงกว่า Lake Louise คือ 6,183 feet (1,885 m) สีของน้ำจะเป็นสีฟ้า เกิดจากการละลายของธารน้ำแข็ง ซึ่งจะเริ่มละลายจนเห็นเป็นสีฟ้าราวกลางเดือนหรือปลายเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป ก่อนจะกลายเป็นน้ำแข็งในฤดูหนาว
สถานีเช่าเรือแคนูค่ะ
ข้างๆทะเลสาบจะมีกองหินมหึมาเป็นภูเขาย่อมๆ มีนักท่องเที่ยวปีนขึ้นไป มองเห็นตัวเล็กนิดเดียวค่ะ ก็ต้องตามขึ้นไปดูค่ะ
ทางขึ้นกองหินนี้ มีป้ายเขียนว่า The Rockpile Trail มีทางที่ปรับให้เดินสะดวก มีขั้นบันไดเป็นบางช่วงเนื่องจากสูงชัน ระยะทาง 300 เมตรปีนกันเหนื่อยค่ะกว่าจะถึงยอดเขา แต่วิวที่เห็นคุ้มมากค่ะ เพราะเป็นจุดถ่ายรูปที่มีคนมาถ่ายภาพติดอันดับโลกเลยค่ะ
นอกจากจุดนี้ยังมีจุดชมวิวอื่นๆ เช่น การปีนขึ้นไปชม upper lake บวกไปอีก 3 กิโลเมตร หรือการเดินรอบทะเลสาบบริเวณท่าเรือแคนู ข้างๆ Moraine Lake Lodge ค่ะ
วิวยอดนิยมของ Moraine Lake ที่จุด Ten Peaks บนยอด Rockpile ค่ะ
เรือแคนูเหลือเล็กนิดเดียว
มีจุดชมวิวส่วนที่เป็นป่าสนด้วยค่ะ มีป้ายข้อมูลให้อ่านเหมือนเดิม
ปีนลงค่ะ
ออกจากหมู่บ้าน Lake Louise ข้าม Highway ไปก็จะเป็นถนนชมวิวอีกเส้นหนึ่ง คือ Hwy1A (Bow Valley Parkway) เริ่มจาก Lake Louise ไปถึง Banff ระยะทาง 51 กม.และเป็นจุดควบคุมความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. เพราะมีสัตว์ป่าตามธรรมชาติให้พบเห็นเป็นระยะ มีจุดชมวิวพร้อมข้อมูลตลอดทาง แต่ที่นิยมแวะชมกันคือด้านหลังของ Castle Mountain, Johnston Canyon ไม่น่าเชื่อว่านอกจากกวางซี่งมีทั่วไป เราเจอทั้งหมี และ coyote ซึ่งหน้าตาเหมือนหมาป่าค่ะ ตอนนี้ยังเถียงกันไม่จบว่าตัวอะไร เขาหันมาจองตาวาว จมูกยาว ดูน่ากลัวค่ะ ถ่ายรูปได้แต่หลังไวๆ
ถนนสาย 1A ไม่ได้มีเพียงช่วงนี้ค่ะ แต่มีช่วงจาก Canmore ลงไปอีก เป็นเส้นทางเก่าที่จะไปเมือง Calgary ผ่านเมือง Cochrane ซึ่งไม่ต่อเนื่องกับเส้นทาง Banff ระหว่างทางผ่านทะเลสาบสวยๆที่เราไม่ค่อยรู้จัก ผ่านทุ่งนา วิวออกแนวชนบทและเหมือนเมืองคาวบอยค่ะ Bow Valley Trail (1A) เส้นทางนี้สวยกว่า Hwy1 แต่รถติดกว่าค่ะ เพราะเส้นทาง Hwy1 จะกว้าง แต่วิวที่เริ่มน่าชมของ Hwy 1 ก็ใกล้ Canmore มากแล้วค่ะ มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับภูเขาบริเวณนี้ จะนำมาเขียนในโอกาสต่อไปค่ะ
กำลังจะข้ามถนนไป Hwy 1A ค่ะ
บนถนน Bow Valley Parkway (1A)
ถนนเส้นนี้มีจุดจอดแสดงข้อมูลตลอดทาง และลงไปเดินชมแม่น้ำ Bow ได้ใกล้ๆค่ะ
หมีอยู่ข้างทางตัวไม่ใหญ่ค่ะ แต่มีแม่อยู่หลังต้นไม้คอยคุมอยู่
ได้ยินเสียงรถไฟเลยไปยืนดักถ่ายรูปค่ะ
จบรีวิว Banff National Park ตอนที่ 2 เมือง Lake Louise นะคะ ภาพเยอะมาก แต่เพิ่งทราบว่าภาพหายไปทั้งหมดอยู่ทริปนึง ถ้าเจอแล้วจะเอามาเติมค่ะ
เรายังอยู่ที่แนวเทือกเขาร๊อคกี้ของแคนาดากันต่อค่ะ สถานที่เที่ยวบริเวณนี้สวยมากจริงๆ รอติดตามตอนต่อไปนะคะ
//bit.ly/WHATsUP