เที่ยวเขาค้อ ขับเลยไปถึงเชียงคาน 3 วัน 2 คืน
วันเสาร์ที่ 20 - วันจันทร์ 22 ต.ค.55
ทริปนี้ไปแบบไม่มีแผน วันศุกร์แค่อยากขับรถไปเที่ยว วันเสาร์โยนเต้นท์ขึ้นรถแล้วขับไปตามใจที่อยากจะไป ตั้งใจจะหาที่นอนดูหมอกซักคืนแล้วไปยังไงถึงเลยไปเชียงคานได้ ติดตามได้เลยครับ
เวลา 06.00 น.ล้อหมุน น้ำมันเต็มถึง ตั้งไมล์ไว้ที่ 0 จากบ้าน (หน้าศาลากลางนนท์) รถพร้อม คนพร้อม ไปกับคนรู้ใจ 2 คนไม่ต้องคิดอะไรมาก จากแครายไปดอนเมือง เข้าเส้น 1 สระบุรี ผมใช้เส้นทางเลี่ยงเมืองสระบุรี ถึงแยกพุแค เลี้ยวขวาไปเพชรบูรณ์ ขับตรงไปเรื่อยๆ ใช้เส้น 21 ถึงวิเชียรบุรีเวลา 9.40 น.ระยะทาง 246 ก.ม.ผ่านเพชรบูรณ์ ขับตรงไปถึง กม.258 มีป้ายเลี่ยงเมืองไปพิษณุโลกตรงไปแคมป์สน จุดแรกที่ผมเที่ยว วัดพระธาตุผาแก้ว
ผมมาถึงวัดผาซ่อนแก้ว (วัดพระธาตุผาแก้ว) เวลา 11.40 น.ระยะทางจากบ้าน 409 ก.ม.พอดีครับ (รวมแวะกินข้าวพักรถที่ปั๊ม ปตท.สระบุรีประมาณครึ่งชั่วโมง)
แผนที่จากเวปคลิ๊กเลย

ทางเข้าวัดผาซ่อนแก้วแคบ จากทางเข้าวัดจะผ่านบ้านชาวบ้าน ผ่านทุ่งนา เริ่มขึ้นเขา ก็เริ่มพบชุมชน ขึ้นเขาไปอีก ไม่ชันมาก เรื่อยๆ สบายๆ ถนนคอนกรีตตลอดเส้นทาง ซักประมาณ 3 กม. ก็ถึงแล้ว วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ววันที่ผมไปนักท่องเที่ยวเยอะมากๆๆ แถมแดดแรงจัด แต่อากาศเย็นไม่ถึงกับหนาว ใครไปพกร่มพกหมวกไปด้วยนะครับ
ที่จอดรถในวัดไม่พอ ผมต้องลงไปจอดรถรับฝากของเอกชน ดีว่าราคาไม่แพง ค่ารถกระบะ เก๋ง คันละ 10 บาท รถตู้ 20 บาท



ประวัติความเป็นมา วัดพระธาตุผาแก้ว คลิ๊กเลย วัดพระธาตุผาแก้ว ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2547 ในนาม "พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว" ได้รับการอนุมัติจัดตั้งเป็นวัดในมงคลนามว่า"วัดพระธาตุผาแก้ว"เมืีอวันที่ 1 ก.ค. 2553 จากคณะกรรมการมหาเถรสมาคม โดยมีพระครูสังฆรักษ์ ปารมี สุรยุทโธ เป็นเจ้าอาวาส วัดพระธาตุผาแก้ว ตั้งอยู่ในชัยภูมิธรรม ณ. บริเวณเนินเขาในหมู่บ้านทางแดง ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ โดย คุณภาวิณี และ คุณอุไร โชติกูล ได้มีจิตศรัทธาซื้อที่ดินถวายเริ่มแรกจำนวน 25 ไร่ เพื่อก่อสร้างเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมแก่พระสงฆ์ และพุทธศาสนิกชนทั่วไป ปัจจุบันมีผู้ร่วมถวายปัจจัยซื้อที่ดินเพิ่มรวมทั้งสิ้นมีที่ดินรวม 91 ไร่



จอดรถได้ก็ขึ้นไปชมความงามของวัดกัน







วัดจะล้อมรอบด้วยภูเขา





วัดจะเอาจานกระเบื้องมาประดับผนังเป็นลวดลายต่างๆ สีสันคัลเลอร์ฟูลมาก










อยากจะบรรยายแต่กลัวข้อมูลเพี้ยน ขอลงแต่รูปอย่างเดียวแล้วกัน
ผมออกจากวัด บ่ายโมงสิบนาที ขับไปทางแคมป์สนเลี้ยวซ้ายขึ้นเขาค้อ จะผ่านเขาค้อทะเลภู แวะกินข้าวมื้อเที่ยงที่นี่ครับ ถึงเขาค้อทะเลภูเวลา 13.26 น.ระยะทาง 419 ก.ม.




อาหารที่สั่ง จะมี
ขอขอบคุณแผนที่จาก KHAOKO.COM

ผมมาถึงจุดแรกเขาค้อทะเลหมอกเวลาสี่โมงยี่สิบ ระยะทาง 435 ก.ม. เข้าไปถามเจ้าหน้าที่ราคากางเต้นท์คนละ 150 รวมอาหารเช้า ตอนแรกว่าจะเอาที่นี้แล้ว เห็นทำเลดีเหมือนกัน แต่ต้องขับรถลงไปข้างล่างถึงจะเห็นหมอกเต็มๆ ส่วนข้างบนดูไม่ค่อยส่วนตัวเท่าไหร เลยลองขับไปอีกที่อยู่ติดกันนั้นแหละ

เขาค้อทะเลหมอก มีส่วนของบ้านพักด้วย
ส่วนอีกที่ พรสวรรค์รีสอร์ท จุดกางเต้นท์ใกล้ๆกัน ที่จอดรถสะดวกกว่า ผมเลยจองกางที่ พรสวรรค์ รีสอร์ท คนละ 100 บาท ถ้าเอาอาหารเช้าด้วย คนละ 200 จ่ายแพงกว่าทำไม แค่กางเต้นท์ก็พอแล้ว หลังจากกางเต้นท์เสร็จก็ขับรถไปชมจุดต่างๆบนเขาค้อ ถ้าขับจากที่พักผมขับมาเรื่อยๆจะมีรีสอร์ทเยอะมาก ผ่านศาลาชมวิวเขาค้อ จุดนี้ก็กางเต้นท์ได้

ขับไปอีกจะเป็นไปรณีย์เขาค้อ จุดนี้กางเต้นท์เห็นวิวไม่แพ้ที่ไหนเหมือนกันครับ ถ่ายจากจุดกางเต้นท์ไปรณีย์เขาค้อ เห็นอ่างเก็บน้ำรัตนัย



เริ่มมืดแล้วผมขับไปถึงตลาด เขาค้อ ระยะทางจากรีสอร์ทไปกลับยี่สิบกว่ากิโล ผ่านหลายที่ ใครไปชอบจุดไหนก็แวะตามใจชอบเลยครับ





ไปถึงตลาดไม่ค่อยมีอะไรกิน เจอชายสี่บะหมื่เกี๊ยวคนละชาม 60 บาท สบายไป ตลาดเขาค้อเล็กครับไม่ค่อยมีอะไร แต่เดี๋ยวนี้มี 7/11 แล้วนะเมื่อก่อนไปยังไม่มีเลย นักท่องเที่ยวแวะกันเยอะเหมือนกัน ส่วนผมอิ่มเสร็จก็ขับรถกลับมานอนเล่นในเต้นท์ต่อ
.วันอาทิตย์ที่ 21 ต.ค.55 ตัดมาตอนเช้าเลย ตื่นมาตีห้า (ไม่รู้จะรีบตื่นทำไม เลยเข้าไปนอนต่อ) อากาศเมื่อคืนไม่ค่อยหนาวเท่าไหร แค่เย็นๆ ตอนเช้าก็ยังไม่หนาว หกโมงเช้าผมตื่นมาอีกที เจอสภาพนี้ครับ



ยิ่งสาย คลานมาเป็นจูออนเลย

นอนดูหมอกในเต้นท์บ้าง อิจฉาละสิ
หลังจากนั้นก็ขับออกจากด่านซ้าย ไม่ต้องย้อนกลับทางเดิม ออกจากวัดเลี้ยวซ้าย ถึงป้ายทางเข้าให้เลี้ยวซ้ายออกด่านซ้ายไปประมาณสิกกว่า ก.ม.จะเจอปั๊ม ปตท. ด่านซ้าย ปั๊มใหญ่ ผมแวะเติมน้ำมันเต็มถังทั้งหมด 44.87 ลิตร ทั้งหมด 588.4 ก.ม.
แวะพักรถเติมน้ำมันเสร็จประมาณเที่ยงพอดี ออกเดินทางต่อ ขับไปเรื่อยๆ จะผ่านไร่องุ่น ชาโต้ เดอ เลยอยู่ทางขวามือ ไม่ได้แวะ ส่วนทางซ้ายชาวบ้านจะเริ่มปลูกไม้ดอกขายช่วงหน้าหนาว เห็นเตรียมกระถาง ดินไว้หลายเจ้าอยู่เหมือนกัน ขับไปอีกหน่อยก็ถึงภูเรือ ผมแวะถ่ายรูปปรอทยักษ์สัญลักษณ์ภูเรือเค้าหน่อย ตรงนี้อยู่ตรงปากทางขึ้นภูเรือ

ผมมาถึงภูเรือ 12.18 น.ระยะทาง 608 ก.ม. ส่วนมุมนี้ก็คิวแน่น รอไม่ไหว เห็นพี่ท่านเค้าโพสท่าแล้วชอบ เลยแอบมาหนึ่งแชะ อิอิ

ถ่ายรูปเสร็จก็ยิงยาว มาถึงอ่างเก็บน้ำหมานตอนบนหรือห้วยกระทิง ถ้าใครจะแวะให้สังเกตุป้าย อ่างเก็บน้ำหมานตอนบน แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปเลย จากปากทางไปถึงห้วยกระทิงประมาณ 4 ก.ม. ผมมาถึงห้วยกระทิง 13.00 น.ระยะทาง 648 ก.ม. มาถึงมีแพจอดอยู่หลายเจ้า เขาไปถามกี่แพๆ ก็เต็มหมด มาได้เจ้าระเริงชล เข้าไปถามบอกว่ายังเหลืออีกแพ ถามว่ามากี่คน เหลือแต่แพเล็ก ช่วงนี้แพเล็กแพใหญ่ไม่สนแล้ว จองก่อนเลย ช้าเดี๋ยวหมดเพราะเห็นรถตามหลังผมมาอีกหลายคันเหมือนกัน อ่างเก็บน้ำห้วยกระทิง คลิ๊กเลย

ได้แพแล้วดีใจมาก สั่งอาหารไป หกอย่าง มีปลานิลเผา ส้มตำไทย ต้มยำปลาคัง ปลาคังรวก คอหมูย่าง ข้าวผัด อย่างหิวเลย อิอิ เจ้าของแพบอกถ้าลากแพไปด้วย +300 ผมก็โอเค งานนี้เตรียมหมอนไปนอนในแพ ให้ลากไปนอนกลางห้วยกระทิง แล้วค่อยตื่นมากินข้าว เรือยังไม่ทันลากไปเลยครับ ผมหลับกับแฟนในแพก่อนแล้ว ลมเย็นมากกกก ขับรถมาหายเหนื่อยเลย ผ่านไปประมาณชั่วโมง ได้ยินเสียงเด็กเดินบนแพ ตื่นขึ้นมา อ้าว..แพยังอยู่ที่เดิมเลย อาหารที่สั่งไปก็มาแค่สองอย่าง ปลาเผากับข้าวผัด โอ้...แม่เจ้า ถามน้องบอกยังไม่ลากแพพี่ไปอีกเหรอ น้องบอกว่าช่วงนี้คิวเรือลากเต็มรออีกหน่อยนะครับ เดี๋ยวจะตามให้ หุหุ ผมเลยบอกไม่ต้องลากแล้ว เดี๋ยวพี่จะไปเที่ยวต่อ งั้นน้องคิดตังค์พี่เลย เดี๋ยวพี่กินเสร็จก็จะไปแล้ว (แต่วันที่ผมไปคนเยอะมากกกก แพที่มาก่อนผมเค้าก็ยังไม่ได้ลากไปเหมือนกัน เห็นบ่นกันอุบเลยทั้งเรื่องอาหารและเรือลาก




 ผม ไม่ได้โกรธหรือโมโหอะไรหรอกครับ แต่เวลามีน้อย จะบ่ายสามอยู่แล้ว ยังไม่ถึงเชียงคานเลย ที่พักก็ยังไม่มี เลยรีบออกก่อน ผมว่าเค้าน่าจัดระบบการจัดการให้ดีกว่านี้ แต่ก็เข้าใจ ยังเป็นแค่ชาวบ้าน ทำกันแบบครอบครัว ระบบยังไม่รองรับนักท่องเที่ยวมากเท่าไหร่ แล้ววันที่ผมไปนักท่องเที่ยวเยอะจริงๆ แต่ก็ยังประทับใจกับห้วยกระทิง ไว้มีโอกาสจะแวะไปใหม่
บ้านพักริมโขงเต็มทุกที่แล้ว เดินจนเกือบสุดถนน ยังไม่ได้ที่พัก จากลั้นล้า กลายเป็นเมื่อยล้า คืนนี้จะซุกหัวนอนที่ไหนดีละ ชั่วโมงนี้ที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องติดริมโขงก็เอา ก็เริ่มเดินถามหาที่พักกันอย่างจริงจัง รูปไม่ถ่ายแล้ว เหมือนสวรรค์เป็นใจ เดินกลับมาถึงซอย 16 ได้ที่พัก เฮือนรัก รอดตายแล้วเรา เย้ๆ


บ้านพักเดินเข้าไปในซอยหน่อย เหลืออยู่ 2 ห้อง เป็นห้องพัดลม 1 เตียง 300 บาท กับ ห้องแอร์ 2 เตียงนอนได้ 4 คน 1,000 บาท ผมเลือกห้องแอร์ครับ ต่อได้ 800 บาทสบายใจไป ห้องไม่มีอะไรมีแค่เตียงกับแอร์แค่นั้นจริงๆ แต่เจ้าของ ครูนาง กับแฟน อัทธยาศรัยดีมาก ตั้งแต่เดินถามหาที่พัก ทุกที่เจ้าของน่ารักทุกท่าน ประทับใจ ไม่แปลกใจแล้วทำไมเชียงคานถึงดัง ห้องผมครับ ไม่ต้องสนใจกองขยะบนเตียง เข้าห้องได้ก็โยนของไว้บนเตียงเลย
ขอบคุณแผนที่จากเวป //www.ooichill.com/
คนเยอะอีกเหมือนเคย เดินเล่นซักพักก็ขับรถกลับ แวะซื้อมะพร้าวแก้วกับกล้วยทอด ข้างทาง ทำสดๆ อร่อยดีครับ มีหลายเจ้าขายติดๆกันเลย ไม่รู้จะแนะนำร้านไหน เพิ่งไปครั้งแรกเหมือนกัน เลยไม่มีเจ้าประจำ แต่แนะนำให้มาซื้อตรงทางผ่านก่อนถึงแก่งคุดคู้ ร้านเค้าจะทำกันสดๆจากเตา
ผมอุดหนุนเจ้านี้ (เจ้านี้ไม่ใส่สารกันบูด ผมถามว่าเก็บได้ประมาณ 3-4 วัน แนะนำซื้อมาแล้วกินเลย จะอร่อยมาก)
กลับมาถึงก็อาบน้ำผมนอนพักเอาแรงก่อน ส่วนแฟนผมดูรายการ The Voice พอจบแล้วถึงค่อยไปเดินตะลุยเมืองเชียงคานกัน โชคดีที่พักผมอยู่กลางซอยเลยเดินไม่ไกล ออกจากซอยก็มาเจอร้านแม่งาม ขายไข่กระทะ เส้นเปียก ข้าวต้ม โจ๊ก อร่อยมาก




อิ่มแล้วก็เดินเล่นต่อ มีร้านค้า ร้านอาหาร มุมถ่ายรูปให้ชมตลอดถนน ส่วนอากาศปรกติ ไม่เย็นเท่าไหร่ อาจจะเพราะคนเยอะด้วยมั่ง ยิ่งตอนกลางวันแดดแรงมาก
เดินต่อไป
เดินจนถึงสี่ทุ่มก็ได้เวลาเข้านอน เกือบลืม ที่บ้านพักผมเค้ามีที่จอดรถให้ด้วยนะ ไม่ต้องไปจอดที่ วัดท่าคก คืนนี้สลบยาว ..........................................................................วันจันทร์ที่ 22 ต.ค.55 ตอนเช้าตื่นมาหกโมง เดินออกจากซอยก็เจอชาวบ้าน-นักท่องเที่ยวเตรียมตัวใส่บาตรกันครับ

ส่วนผมไม่ได้ใส่บาตรอะไรกับเค้าหรอกครับ ตอนแรกว่าจะขับรถไปดูหมอกที่ภูทอก แต่เปลี่ยนใจเดินกลับทะลุซอยอีกด้านไปเดินตลาดสดไปหาของกินดีกว่า



จากที่พักผมเดินไปตลาดสดไม่ไกลครับ 7/11 จะอยู่หน้าตลาดเลย เดินเข้าไปได้ทั้งสองซอย หน้าตลาดสดจะเป็นสถานีรถเชียงคาน สะดวกดี 

ข้างตลาดจะมีตับไก่ย่าง ของโปรด


เข้าไปดูข้างในตลาดกันบ้าง มีของขายเหมือนตลาดสดทั่วๆไป






เจอปาท่องโก๋ใส่ไส้เจ้าแรกด้วยครับ (ที่เชียงคานมีหลายร้าน) ลองชิมดูหนึ่งตัว คนกินเยอะมากกกก






เดินสำรวจตลาดจนเมื่อยก็ได้เวลากลับ แวะกินข้าวร้านนี้ก่อน ตอนเช้าเดินมาสำรวจเห็นคนกินเพียบ ข้าวเปียกซอย 10 สายๆคนน้อยหน่อยลองแวะดู ต้มเลือดหมูกับไข่กระทะ รสชาดเฉยๆ อร่อยสู้ร้านเมื่อคืนไม่ได้เลย



อิ่มเสร็จก็เดินย่อยที่เชียงคาน นิดนึง









เดินย่อยเสร็จก็ได้เวลาออกจากเชียงคานเวลา 10.28 น.ระยะทาง 730 ก.ม.
ขากลับผมไม่กลับทางเดิมครับ ผมวิ่งเส้น 201 ถึงแยกเลี้ยวซ้ายเข้าวังสะพุง
ผ่านอุโมงค์ต้นไม้ ร่มรื่นดี
ขับไปตามทางเรื่อยๆ มีป้ายบอกไป อช.ภูกระดึง ขอแวะเข้าไปดูหน่อย
ผมมาถึง อช.ภูกระดึง เวลา 12.40 น.ระยะทาง 826 ก.ม.

ผมไม่ได้ขึ้นหรอก พอดีเป็นทางผ่านเลยแวะเข้ามาเก็บบรรยากาศ ไว้มีโอกาสจะขอปีนขึ้นภูกระดึงอีกซักครั้ง
จากด่านข้างบนขับไปประมาณซักพักก็ถึงตัว อช.ภูกระดึง



สำหรับใครที่เอารถยนต์ส่วนตัวมา จะมีลานจอดรถค้างคืนไว้อีกโซน สะดวกดี ส่วนใครที่นั่งรถสาธารณะก็จะมีรถสองแถวไว้บริการถึงที่ทำการ อุทยานด้วย


ใครที่จองเต้นท์ บ้านพักหรือจะจ้างลูกหาบก็มาติดต่อที่สำนักงานได้เลย
เดินหาข้อมูล รำลึกอดีตเสร็จก็ได้เวลาออกจากภูกระดึงแล้วครับ ผ่านผานกเค้า แวะกินข้าวราดแกงร้านเจ๊กิมเสร็จก็เดินทางต่อ ขับตรงมาเรื่อยๆ อีกไม่ไกล เจอ อช.ภูผาม่าน แวะซะหน่อยไม่เคยได้ยิน อช.ภูผาม่าน คลิ๊กเลย ออกมาแวะน้ำตกพลาญทองไม่ไกลจาก อช.ภูผาม่าน จะมีน้ำตกพลาญทองด้วยแต่ต้องขับรถไปประมาณไม่เกิน 10 กม. เสียดายน้ำตกเล็กไปหน่อย ยังไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่
หลังจากนั้นก็ยิงยาว ผมออกจาก อช.ภูผาม่านเวลา 14.40 น.ระยะทาง 907 ก.ม.ขับผ่านชุมแพ-ภูเขียว-แก่งคร้อ-ชัยภูมิ-ด่านขุนทด-สี่คิ้ว เส้นทางสองเลนรถวิ่งสวนกันตลอด แต่ทางดี มีซ่อมทางเป็นบางจุด แล้วก็ตัดมาสระบุรี มาถึงแก่งคอยแวะกินข้าวที่ร้านบ้านนาปลาเผา (เจ้าถิ่นแนะนำ) จากแก่งคอยมาทางเลี่ยงเมือง สระบุรี จะมีป้ายบอกว่า ลพบุรี-เพชรบูรณ์ ขับขึ้นสะพานวนขวาตรงไปข้ามสะพาน ขับตรงไปหน่อยจะมีทางยูเทิร์น ร้านจะอยู่ตรงยูเทิร์นพอดี ผมมาถึงร้านอาหารเวลา 19.40 น.

อาหารจานใหญ่มาก มาเร็วไม่ต้องรอนาน รสชาดปานกลาง ไม่แพง ไว้มีโอกาสจะพาครอบครัวไปกิน




ออกจากร้าน 20.30 น. ระยะทาง 1,270 ก.ม. ยิ่งยาวกลับบ้าน ขึ้นทางด่วนรัถยามาลงงามวงศ์วาน ถึงบ้าน 22.00 น.พอดี ระยะทางทั้งหมด 1385.5 ก.ม. หมดน้ำมันไปประมาณหนึ่งถังพอดีครับ

ทริปนี้ไปแบบไม่มีแผนอะไร แค่อยากขับไปไหนก็แวะไปเรื่อยๆ ไปกับคนรู้ใจสองคนไม่ต้องวุ่นวายไว้ไปไหนจะมาเล่าให้ฟังกันใหม่อีกครับ ค่าเสียหาย **วันแรก - เดิมน้ำมันเต็มถังก่อนไป 740 บาท - มื้อเช้าข้าวแกงปั๊ฒนำมันสระบุรี 125 บาท - ทำบุญทีวัดผาซ่อนแก้ว 100 บาท - ค่าจอดรถ 10 บาท - ค่าอาหารกลางวันที่ เขาค้อทะเลภู 725 บาท - ซื้อผลิตภัณฑ์เขาค้อทะเลภู 422 บาท - ค่าสระผม 60 บาท - ค่ากางเต้นท์ 200 บาท - ก๋วยเตี๋ยวมื้อเย็น 60 บาท รวมวันแรก 2,442 บาท **วันที่สอง - ค่าก๋วยเตี๋ยวมื้อเช้าที่ ไร่บีเอ็น 90 บาท - ซ้อผักไร่บีเอ็น 190 บาท - ทำบุญที่พระธาตุ 100 บาท - เติมน้ำมันเต็มถังด่านซ้าย 1,340 บาท (ได้ 44.87 ลิตร ลิตรละ 30.42 บาท ดีเซล) - แวะ 7/11 ซื้อยา-น้ำ-ขนม 91 บาท - อาหารกลางวันที่แพห้วยกระทิง 320 บาท - ค่าที่พักเชียงคาน 1 คืน 800 บาท - ซื้อกล้วยฉาบ-มะพร้าวแก้ว-เขียง 610 บาท - เดินซื้อของที่เชียงคาน 470 บาท - เดินกินมื้อเย็นที่เชียงคาน 170 บาท รวมวันที่สอง 4,181 บาท **วันที่สาม - เก้าอี้กาบมะพร้าว 1 ตัว 500 บาท - ปาท่องโก๋-ตับย่าง 40 บาท - อาหารมื้อเข้า เลือดหมู-ไข่กระทะ 85 บาท - ไม้กวาด 4 อัน 100 บาท - ข้าวกลางวันที่ผานกเค้า 170 บาท - มื้อเย็นที่ร้านบ้านนาปลาเผา 655 บาท - ค่าทางด่วน อุดรรัถยา 45 บาท - ทางด่วนงามวงศ์วาน 15 บาท วันที่สาม 1,610 บาท *** รวมทั้งทริป 8,233 บาท
Create Date : 05 พฤศจิกายน 2555 |
|
15 comments |
Last Update : 26 พฤษภาคม 2559 23:24:33 น. |
Counter : 80284 Pageviews. |
|
 |
|
เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว มีความสะดวกมาก ท่านสามารถเลือกเดินทางจากหลายเส้นทาง
- เส้นทางที่ 1 (550กม.)
กรุงเทพฯ - เพชรบูรณ์ (ประมาณ 350 กม.)
เพชรบูรณ์ - เขาค้อ - หล่มสัก - อ.ด่านซ้าย - ภูเรือ - เลย (ประมาณ240 กม.)
- เส้นทางที่ 2 (590 กม.)
กรุงเทพฯ - นครราชสีมา (ประมาณ 250 กม.)
นครราชสีมา - ชัยภูมิ - อำเภอชุมแพ (ประมาณ 220 กม.)
อำเภอชุมแพ - ผานกเค้า - ภูกระดึง - อ.วังสะพุง - เลย (ประมาณ 160กม.)
- เส้นทางที่ 3 (660กม.)
กรุงเทพฯ - ขอนแก่น (ประมาณ 450 กม.)
ขอนแก่น - อำเภอชุมแพ (ประมาณ 90 กม.)
อำเภอชุมแพ - ผานกเค้า - ภูกระดึง - อ.วังสะพุง - เลย (ประมาณ 160กม.)
====================================
รถไฟ
จังหวัดเลยไม่มีสถานีรถไฟ นักท่องเที่ยวต้องเดินทางไปลงที่สถานีอุดรธานีและต่อรถโดยสารประจำทางไปจังหวัดเลยได้ สอบถามตารางรถไฟได้ที่ หน่วยบริการเดินทาง การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร.1690, 0 2233 7010, 0 2223 7020 หรือ สถานีอุดรธานี โทร. 0 4222 2061
สอบถามตารางรถไฟคลิ๊กเลย
===================================
รถโดยสารประจำทาง
บริษัท ขนส่ง จำกัด มีรถโดยสารประจำทางวิ่งระหว่างกรุงเทพฯ-เลย ทุกวัน ทั้งรถธรรมดาและรถปรับอากาศ ใช้เวลาประมาณ 10 ชั่วโมง รายละเอียดสอบถามที่สถานีขนส่ง หมอชิต 2 โทร.0 2936 2852-66
สถานีขนส่ง คลิ๊กเลย
บริษัท ขนส่งจำกัด 999
กรุงเทพฯ ++++++++ โทร. (0-2936-2841-8),(0-2936-0657)ต่อ605
เลย ++++++++ โทร. 0-4281-1706
บริษัท แอร์เมืองเลย จำกัด
กรุงเทพฯ ++++++++ โทร. 0-2936-0142
เลย ++++++++ โทร. 0-4283-2042
ห.จ.ก. ชุมแพทัวร์
กรุงเทพฯ ++++++++ โทร. 0-2936-3842
เลย ++++++++ โทร. 0-4283-2285
บริษัท เพชรประเสริฐ จำกัด
กรุงเทพฯ ++++++++ โทร. 0-2936-3230
อ.ภูเรือ ++++++++ โทร. 0-4289-9386
อ.ด่านซ้าย ++++++++ โทร. 0-4289-1908
บริษัท ภูกระดึงทัวร์
กรุงเทพฯ ++++++++ โทร. 0-2936-0159
เลย ++++++++ โทร. 0-4283-3684
บริษัท นครชัยขนส่ง
เลย ++++++++ โทร. 0-4281-4551
โคราช ++++++++ โทร. 0-4424-1725
การเดินทางโดยเครื่องบิน
คุณสามารถเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ปลายทางจังหวัดอุดรธานี มีบริการรถรับ-ส่ง จากสนามบินนานาชาติอุดรธานี ** (โดยรถแวน หรือ รถเก๋ง ขึ้นกับจำนวนผู้โดยสาร)
มีสายการบินที่บินไป ที่อุดรฯ
สายการบิน happyair คลิ๊กเลย
สายการบิน thaiairways คลิ๊กเลย
สายการบิน นกแอร์ คลิ๊กเลย
สายการบินแอร์เอเซีย คลิ๊กเลย
มีบริการรถค่าบริการรถรับ-ส่ง จากสนามบินนานาชาติอุดรธานี สู่เมืองเลย กรุณาสอบถามทางโทรศัพท์ เบอร์ (042) 243222, 246697 ก่อนเดินทาง
บ้านพักเชียงคาน คลิ๊กเลย
รวมที่พัก จ.เลย คลิ๊กเลย
ที่เที่ยวยอดนิยม จ.เลย คลิ๊กเลย