วันศุกร์ที่ 12 ธ.ค.57 

เมื่อคืนหัวถึงหมอนก็หลับยาว เช้านี้ไม่รีบประมาณเจ็ดโมงถึงตื่น เกือบแปดโมงก็ลงมากินอาหารเช้าทางเกสท์เฮ้าส์เตรียมโจ๊กไว้ให้คนละชาม ผมถามทำเองเหรอครับทำไมอร่อยจัง ผมชมจริงๆไม่ได้ชมเป็นมารยาทนะครับ โจ๊กเค้าอร่อยจริงๆ เจ้าของบอกไปซื้อร้านประจำ เจ้านี้เค้าอร่อยอยู่แล้ว แต่ผมจำชื่อร้านไม่ได้ครับ
  

นอกจากโจ๊กแล้ว ยังมีผลไม้ ปาท่องโก๋ (แอบเย็นไปหน่อย สงสัยซื้อมาแต่เช้าผมลงมาสายเองเนอะ)แล้วก็พวกเครื่องดื่มเป็นซองพร้อมขนมคุกกี้ วางไว้บริการตลอด (ฟรี) ใครหิวหรืออยากกินเมื่อไหรก็มากินได้เลยครับ

อากาศเมื่อคืนประมาณ 24 องศา ไม่หนาวอย่างที่คิด แอบผิดหวังกับอากาศทางเหนือนิดหน่อย
  

กินเสร็จก็ขื้นไปนอนเล่นบนห้องซักพัก ประมาณเก้าโมงเช้าก็ได้เวลาไปไหว้พระกันแล้วครับ ผมออกจากที่พักเวลา 08.48 น.ระยะไมล์ 981.7 กม. เป้าหมายแรกเลยคือ พระธาตุแช่แห้ง เป็นพระธาตุประจำปีเกิดแฟนผมเองครับ

พระธาตุประจำปีเกิด คลิกเลย
  

 

พิกัด ออกจากที่พักเลี้ยวซ้ายวิ่งบนถนนสุมนเทวราช ขับตรงมาเรื่อยๆ จะผ่าน โรงเรียนสารพัดช่าง ผ่านสี่แยกไฟแดงผ่านโรงแรมพูคาน่านฟ้าจะอยู่ทางขวามือ ตลาดสดจะอยุ่ตรงกันข้ามให้ขับตรงไปอีกจะเจอสี่แยกไฟแดงเลี้ยวซ้ายขับตรงไปจะข้ามสะพานพัฒนาภาคเหนือ ผ่านแม่น้ำน่านแล้วตรงไปก็ถึงพระธาตุแช่แห้งแล้วครับ จากสะพานถึงพระธาตุแช่แห้งประมาณ 3 กม. ไม่ไกลครับ

เอาแผนที่ จ.น่าน มาให้ดูประกอบ ขอบคุณเวป chillpainai.com คลิกเลย
  

ผมมาถึงพระธาตุแช่แห้งเวลา 08.58 น.ระยะทาง 985.6 น. หาที่จอดรถได้ ก็เดินขึ้นไปไหว้พระธาตุกันครับ
  

เดินขึ้นก่อนถึงพระธาตุ ด้านซ้ายจะเป็นพระวิหารพระเจ้านอน
  

 

พระธาตุแช่แห้ง ตั้งอยู่ที่ บ้านหนองเต่า ตำบลม่วงตึ๊ด กิ่งอำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน ทุกๆ ปี จะมีงานนมัสการพระธาตุแช่แห้ง ในราวขึ้น 11 ค่ำ – 15 ค่ำ เดือน (เดือน 6 เหนือ) หากจะนับจันทรคติก็อยู่ราวปลายเดือนกุมภาพันธ์หรือประมาณเดือนมีนาคมทุกปี หรือที่เรียกว่า หกเป็ง สนใจประวัติพระธาตุแช่แห้ง คลิกเลย
  

 

 

 

หลังจากไหว้พระธาตุเสร็จก็ได้เวลาไปพระธาตุเขาน้อยครับ
  

ผมออกจากพระธาตุแช่แห้ง กลับเส้นทางเดิมข้ามสะพานพัฒนาภาคเหนือก็ตรงไปถึงสี่แยกไฟแดงเลี้ยวซ้ายเข้าตัวเมือง ผ่านศูนย์ ททท.เมืองน่าน ตรงไปถึงสี่แยกวัดศรีพันต้นเลี้ยวซ้ายขับตรงไป ข้ามคลองก็เลี้ยวขวาตรงไปวัดพระธาตุเขาน้อยแล้วครับ

หน้าไมล์มาถึงพระธาตุเขาน้อย 992 กม.
  

วัดพระธาตุเขาน้อย ตำบลดู่ใต้ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน เป็นวัดราษฎร์ องค์พระธาตุตั้งอยู่บนยอดดอยเขาน้อย ซึ่งอยู่ด้านตะวันตกของตัวเมืองน่าน สร้างในสมัยเจ้าปู่แข็ง เมื่อปี พ.ศ. 2030 องค์พระธาตุเป็นเจดีย์ก่อ อิฐถือปูนทั้งองค์ เป็นศิลปะพม่าผสมล้านนา ภายในบรรจุพระเกศาธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัม พุทธเจ้าได้ รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ ในสมัยพระเจ้าสุริยพงศ์ผริตเดชฯ ระหว่างปี พ.ศ. 2449-2454 โดยช่างชาวพม่า และวิหารสร้างในสมัยนี้เช่นกันวัดพระธาตุเขาน้อย เป็นปูชนียสถานที่สำคัญ และเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของ จ.น่าน สันนิษฐานว่ามีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพระธาตุแช่แห้ง ตั้งอยู่บนดอยเบาน้อย สูงจากระดับน้ำทะเล ประมาณ 240 ม. หน้าวัดมีทางขึ้นเป็นบันไดนาค303 ขั้น ข้อมูลจากเวป คลิกเลย
  

 

 

 

ไหว้พระ ถ่ายรูปที่วัดพระธาตุเขาน้อยเสร็จ ก็กลับมาเส้นทางเดิม แวะไหว้พระที่วัดศรีพันต้นกันต่อครับ
  

 

อุโบสถวัดศรีพันต้น เข้ามาภายในวัดเห็นอุโบสถหลังใหญ่เด่นอยู่ตรงกลาง ด้านหน้านี้มีลานกว้างสำหรับจอดรถได้ ส่วนทางด้านขวามือจะเป็นโรงเรือบ้านศรีพันต้น
  

 

 

หน้าพระอุโบสถ จะมีปูนปั้นพญานาค 7 เศียร 2 ต้นตั้งคู่เด่นสง่าอยู่หน้าโบสถ์เลยครับ
  

 

ฐานเสาจะปั้นรูปหนุมาน ไว้รอบฐานเสา
  

อีกต้นจะเป็นฝ่ายทศกัณฐ์
  

เข้าไปดูในโบสถ์กันบ้าง

พระประธาน
  

ภาพวาดฝาผนัง ที่บอกเรื่องราวต่างๆของเมืองน่าน
  

ผมชมความงามของวัดประมาณครึ่งชั่วโมงก็ไปศูนย์บริการท่องเที่ยว เมืองน่าน เพื่อจองตั๋วรถราง รอบ 15.30 น.

จอดรถที่หน้าศูนย์นั้นแหละครับ
  

รถรางชมรอบตัวเมืองน่าน

วันจันทร์-วันศุกร์ จะมีรอบเดียวครับ เวลา 15.30 น. แนะนำใครมีเวลาให้ซื้อบัตรไว้ก่อน เพราะบางทีนักท่องเที่ยวเยอะจะเต็มซะก่อน

ส่วนวันเสาร์-วันอาทิตย์ จะมีสองรอบ รอบเช้า 10.30 น. กับรอบบ่าย 15.30 น.

ราคาท่านละ 30 บาท
  

จองตรงศูนย์บริการท่องเที่ยว เมืองน่าน ตรงนี้ได้เลยครับ แอบถามเจ้าหน้าที่ถ้าเต็มเราก็สามารถเหมาเป็นรอบได้เที่ยวละ 500 บาท เริ่มตั้งแต่เวลา 09.00 น. หรือจะโทรสอบถามได้ที่เบอร์ 054-751169
  

ใครไปไหนไม่ถูก หรืออยากจะไปเที่ยวตามดอยต่างๆก็เข้ามาถามที่ศูนย์บริการท่องเที่ยวได้เลยครับ มีเจ้าหน้าที่เต็มใจบริการทุกท่าน มีแผนที่ทั้งตัวเมืองน่านและที่เที่ยวในอำเภอต่างๆแจกให้ฟรีอีกต่างหาก
  

จองรถรางได้แล้ว ก็เดินหาของกิน เดินผ่านแยกข่วงเมือง เลี้ยวซ้ายเดินผ่านโรงเรียนจุมปีวนิดาภรณ์ เห็นน้องๆแต่งชุดเรียนแล้วน่ารักดีครับ (ผมสังเกตุวันศุกร์จะเห็นนักเรียนแต่งชุดทางเหนือกันทุกโรงเรียนเลย น่ารักดี แต่วันอื่นเห็นใส่ชุดนักเรียนธรรมดา อันนี้ไม่แน่ใจนะครับ)
  
เดินต่อไป เป้าหมายคือร้านข้าวซอยต้นน้ำ พอดีอยากลองอาหารเหนือดู ปกติผมกับแฟนไม่ชอบกินอาหารเหนือนะครับ

เดินไปถึงก็เจอฝูงชนยืนรอคิวเต็มหน้าร้าน ก็เลยขอถอยก่อนดีกว่า อะไรจะฮอทขนาดนั้น

ร้านข้าวซอยต้นน้ำ จะอยู่เยื้องๆกับร้านเฮือนฮอม
  

เดินกลับไปที่รถ ไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า ออกจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวก็ขับไปเรื่อยๆ วนได้ซักพักก็มาเจอร้านป้าสุณี เห็นโต๊ะว่างอยู่แถมมีแต่คนท้องถิ่นนั่งกิน

ร้านอย่างนี้แหละชอบ อิอิ
  

ผมบอกทางไม่ถูกนะครับ รู้แต่ว่าอยู่ถนนมหายศ ออกมาข้างนอกหน่อยจะไปทางสนามบินมั่ง จำไม่ค่อยได้ เห็นซอยเยื้องๆจะเป็นป้าย ฮักน่าน ไม่รู้ใช่โรงแรมเปล่า
  

เข้าไปลูกค้ายังไม่ค่อยเยอะ แต่จะมีพวกข้าราชการ พนักงาน ชาวบ้านมานั่งกิน ผมได้โต๊ะก็สั่งอาหารไป จานแรกข้าวซอย ในชีวิต เพิ่งจะกินข้าวซอยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 รสชาติบอกไม่ถูก ใส่เครื่องเคียงเข้าไปหน่อย ไม่ถึงกับเลวร้ายพอกินได้ครับ ต้องออกตัวก่อน พอดีผมไม่ชอบอาหารแนวนี้แต่อยากลอง ไม่ใช่ว่าร้านเค้าทำไมไม่อร่อยนะครับ แต่อาจจะไม่ถูกกับปากผมมากกว่า เพราะผมเห็นมีลูกค้าประจำมาสั่งไปกินที่บ้าน ที่ทำงานเยอะเหมือนกัน

ถ่ายรูปมาหน้าตาดูดีเชียว
  

เครื่องเคียงใส่ข้าวซอย
  

ก๋วยเตี๋ยวหลอด ราดน้ำจิ้ม จานนี้อร่อยครับ
  

ข้าวไข่เจียวแหนม จานโปรดของผม
  

สั่งมาแค่ 3 อย่าง ผลัดกันชิม ส่วนอีกอย่างที่ทางร้านวางขายคือแหนม น่าจะดังอยู่เหมือนกัน เห็นคนมาซื้อกันเยอะเลย แล้วก็อีกอย่างเป็นอาหารเหนือจำชื่อไม่ได้ ผมไม่ได้ลองชิม เห็นลูกค้าสั่งกันเยอะเหมือนกัน
  

ค่าเสียหายทั้งหมด 120 บาท ราคานี้สมน้ำสมเนื้อดีครับ ใครมีโอกาสไปลองแวะไปชิมได้ ร้านอาจไม่ดังเหมือนร้านอื่นแต่คนท้องถิ่นนั่งกินกันเยอะเหมือนกัน

หลังจากอิ่มเสร็จ ก็ไม่รู้ไปไหนขับรถกลับเข้าที่พัก นอนเอาแรงก่อน

รายงานสภาพอากาศวันนี้ 27 องศา ช่วงเวลาเที่ยง ที่ร้านข้าวซอยแม่สุณี
  

ก่อนถึงที่พักผ่านโรงแรมเทวราชแวะเดินเล่นตลาดสดแถวหน้าโรงแรมก่อนครับ
  

ข้างหน้าตลาดผลไม้เยอะเหมือนกัน แถมถูกอีกต่างหาก ส่วนข้างในขายพวกหมูยอ แคบหมู อาหารแห้งจะเยอะครับ
  

เดินชมได้ซักพักก็ออกมาเดินเล่นตามถนนบ้าง เจอร้านก๋วยเตี๋ยวผัดซีอิ้ว มองหน้ากับแฟน รู้กัน

เส้นหมี่ผัดซีอิ้วกับเกาเหลาลูกชิ้น ที่นี้อิ่มสนิท 
  

 

ได้เวลาเข้าที่พักนอนเอาแรง

ผมพักที่นี่ 2 คืน ไว้พรุ่งนี้จะมารีวิวที่พักให้ เพิ่งเคยนอนที่นี้ครั้งแรกประทับใจกับที่พักเค้าครับ
  

บ่ายสามเตรียมตัวไปนั่งรถรางชมเมืองน่านที่ศูนย์บริการท่องเที่ยว

ผมมาถึงก่อนครึ่งชั่วโมง นี่ไงครับ รถรางที่จะพาเราไปเที่ยวตัวเมืองน่าน จอดอยู่ข้างศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
  

สภาพอากาศหน้าหนาวเมืองเหนือช่วง บ่ายแก่ๆ 30 องศา ทำไมไม่หนาวววววว
  

ระหว่างรอเวลาขึ้นรถราง เห็นมีรถขนมป้านิ่มมาจอด เข้าไปถามว่าเป็นพี่ของป้านิ่มเลยอุดหนุนลอดช่องมาถ้วยนึง (ป้าเค้าไม่ได้จอดขายประจำนะครับ จะขับไปเรื่อยๆ ตอนเย็นผมก็เห็นมาจอดแถวถนนเทวราช แต่ไม่รู้ใช่พี่สาวจริงหรือเปล่านะครับ ป้าเค้าบอกมาอีกที)
  

เวลา 15.30 น.นักท่องเที่ยวก็มาขึ้นรถรางเต็มคัน (วันนี้ออกพร้อมกัน 2 คัน) ผมนั่งด้านหลังสุด จะมีไกด์มาอธิบายตลอดเส้นทาง

น้องไกด์ของเรา ขอโทษด้วยจำชื่อน้องไม่ได้ น้องจะอธิบายตลอดทาง ผ่านตรงไหนจะบอกที่มาที่ไป มีความหมายอย่างไร ตรงไหนสำคัญก็จะอธิบายละเอียดดี บางครั้งก็มีลูกเล่นลูกฮาสลับกับความรู้ประวัติศาสตร์ทำให้ไม่น่าเบื่อ น้องเค้าทำหน้าที่ไกด์ได้สมบูรณ์แบบ ขอชื่นชมครับ (ผมเคยมาปี 53 เจอน้องอีกคน ก็อธิบาย แนะนำสถานที่ต่างๆได้ดีไม่แพ้น้องคนนี้เหมือนกัน มาตรฐานผมให้เต็ม 10 เลยครับ)
  

 

เส้นทางรถรางพาชมตัวเมืองน่าน

จากศูนย์บริการท่องเที่ยวจะออกแยกข่วงเมืองเลี้ยวซ้ายไปสี่แยกวัดศรีพันต้นเลี้ยวขวาตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนมหาพรม ตรงไปตัดเส้นถนนนาทอง เข้าถนนสวนตาลเชื่อมมาถนนสุมนเทวราชแล้วกลับเข้าศูนย์บริการท่องเที่ยว จะขับเป็นวนกลมวนซ้าย ชมวัดวา บ้านเรือน ชุมชนเขตเศรษฐกิจในเมืองน่าน ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงครับ แวะให้นักท่องเที่ยวลงไปชม 2 จุด

จุดแรกที่จอดให้ลงไปคือวัดสวนตาลครับ 15 นาทีสำหรับลงไปทำบุญ-ไหว้พระ

วัดสวนตาลมีประวัติน่าสนใจดีครับ

วัดสวนตาล วัดนี้สร้างขึ้นโดยพระนางปทุมมาวดีชายาของพญาภูเข็ง เจ้าผู้ครองนครน่านเมื่อราว พ.ศ.1955 เป็นวัดที่ตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองน่านด้านพิศเหนือ ในบริเวณที่เป็นสวนตาลหลวง ซึ่งเป็นที่มาของชื่อวัด ตัวเจดีย์หลังวิหารนั้น เดิมเป็นทรงพุ่มข้าวบิณฑ์แบบสุโขทัย ต่อมาพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ ผู้ครองนครน่านโปรดเกล้าฯ ให้บูรณะขึ้นใหม่เมื่อปี พ.ศ.2547 ได้แก้ไขรูปทรงเป็นเจดีย์ยอดปรางค์ ดังปัจจุบัน

ภายในวัดแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐาน พระเจ้าทรงทิพย์ พระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัยองค์ใหญ่หน้าตักกว้าง 10 ฟุต สูง 14 ฟุต 4 นิ้ว พระเจ้าติโลกราช แห่งนครเชียงใหม่โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในปี พ.ศ.1993 เพื่อแสดงถึงชัยชนะ ที่พระองค์สามารถยึดเมืองน่าน ไว้ในพระราชอำนาจ

ทุกปีใหม่ช่วงเทศกาลมหาสงกรานต์ ชาวน่าน จัดงานนมัสการ และสรงน้ำพระเจ้าทองทิพย์ โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณ จากสมเด็จพระพี่นางเธอ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ฯ ประทานน้ำสรงเป็นประจำทุกปี ชาวน่านเคารพนับถือเป็นพระคู่บ้านคู่เมือง
   
 

จุดที่สอง โฮงเจ้าฟองคำ เป็นบ้านของยุคเจ้านายฝ่ายเหนือ ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 8 ซอย 2 บ้านพระเกิด ถนนสุมนเทวราช ตำบลในเวียง อำเภอเมือง จังหวัดน่าน เป็นเรือนไม้เก่าทั้งหลัง ใต้ถุนสูง อายุกว่า 200 ปี มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน ซึ่งในยุคเก่าก่อน เป็นบ้านของเจ้าขุนมูลนาย มาหลายชั่วอายุคน ทางภาคเหนือ เรียกว่า โฮง หรือคุ้ม ลักษณะเป็นเรือนไม้สามหลังติดต่อกัน มีระเบียบหรือลาน เพื่อให้สามารถได้เดินหากันได้อย่างสะดวก เจ้าของเดิม คือ เจ้าศรีบุญมา หรือเจ้าเวียงเหนือ เป็นเชื้อสายมาจากเจ้าผู้ครองน่านในสมัยนั้น จนกลายเป็นมรดกของลูกหลาน คือ เจ้าฟองคำ จึงเป็นที่มาของเฮือนเจ้าฟองคำ หรือ โฮงเจ้าฟองคำ ในปัจจุบัน
  

 

       

จุดนี้ปล่อยให้ชม ซื้อสินค้าที่โฮงเจ้าฟองคำประมาณยี่สิบนาทีก็ได้เวลากลับแล้วครับ

นักท่องเที่ยวเตรียมตัวขึ้นรถราง วันนี้ออกพร้อมกัน 2 คัน ผมนั่งคันหลังครับ
  
ใช้เวลาประมาณชมตัวเมืองน่านหนึ่งชั่วโมง กลับมายังศูนย์บริการนักท่องเที่ยว

ก่อนจากได้ให้น้องเค้าอู้กำเมือง ทั้งสำเนียงและเสียงน้องเค้าน่ารักดีครับ
เป้าหมายต่อไป เดินเล่นแถวถนนสุมนเทวราช 
  

 

 

  

เป้าหมายต่อไปเดินตลาดหน้าโรงแรมพูคาน่านฟ้า ตอนเย็นๆเปิดไฟก็สวยเหมือนกันเนอะ
  

เดินไปเดินมา แวะกินก๋วยเตี๋ยวข้างทาง จัดไป เล็กน้ำกับหมี่แห้ง คนละชาม สบายใจ อิอิ
    

อิ่มเสร็จก็เดินชมของในตลาด

ทั้งคนขาย คนซื้อเยอะเหมือนกัน เดินเพลินดีเหมือนกัน
  

      ประมาณทุ่มกว่าๆได้เวลาตามนัด บัวลอยไข่หวานร้านป้านิ่ม เมื่อวานมาตอนเที่ยงไม่ได้กิน วันนี้จัดไปตามคำขอ 
  

นอกจากขนมบัวลอยอันโด่งดังแล้ว ร้านป้านิ่มยังมีขนมหวานอย่างอื่นอีกครับ
   

ขอถ่ายรูปกับป้านิ่มหน่อย
 

ได้เวลาสั่งขนมกันแล้ว มีไอติม บัวลอย ร้อนๆเย็นๆ หวานมันเข้ากันดี กับบัวลอยใส่ไข่ รสชาติไม่หวานมากกำลังดี หอมมัน ถ้าอากาศหนาวหน่อยจะฟินกว่านี้เยอะ (ราคาแอบแรงไปหน่อย แต่เทียบกับรสชาติแล้วก็ไม่เสียดายที่จ่ายไปครับ)
  

 

สำหรับร้านป้านิ่ม จะหยุดทุกวันพุธ เปิดเวลา 11.00 น.ปิด 22.30 น. ส่วนบัวลอยเริ่มขาย 18.00 น.ครับ

ที่อยู่ ของหวานป้านิ่ม : 95/2 อาคาร สี่แยกวัดศรีพันต้น ถนนเจ้าฟ้า ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน โทร 0850366108 แอบโฆษณาให้ฟรี แต่ไม่โฆษณาร้านป้านิ่มเค้าก็ดังอยู่แล้วเนอะ

ความจริงคนเมืองน่านจะไม่ค่อยมากินกันหรอกครับ เพราะราคานี้ คนเมืองน่านบอกว่าแพง จะมีก็แต่นักท่องเที่ยวเท่านั้นแหละที่มาชิม มาถ่ายรูป อืม... ที่สังเกตมา 2 วัน ถ้าจะจริง
  

หลังจากชิมขนมป้านิ่มเสร็จ ก็ได้เวลากลับเข้าที่พักแล้วครับ

ผมเข้าที่พักประมาณสองทุ่มครึ่ง ระยะทางจากวันแรกจนถึงตอนนี้เดินทางทั้งหมด 1010.4 กม.
  

สำหรับวันนี้ก็ขับรถเล่น ไหว้พระในตัวเมืองน่าน สบายๆ ไม่รีบ อยากไปไหนก็ไป เหนื่อยก็เข้าห้องพัก เมืองน่านมากี่ครั้งก็ยังมีเสน่ห์อยู่ในตัวของมันเอง สำหรับพรุ่งนี้จะไปไหนต่อค่อยว่ากันใหม่ ยังไม่มีแผน แต่วันนี้ขอลาด้วยภาพ น่าน...เมืองเก่าที่มีชีวิต คืนนี้ฝันดีครับ
  

สรุประยะเดินทางวันนี้ทั้งหมด 28 กม.

สรุปค่าใช้จ่ายวันนี้
- ทำบุญที่พระธาตุแช่แห้ง 100 บาท
- ค่าบัตรนั่งรถรางชมเมืองน่าน 60 บาท (คนละ 30 บาท)
- ข้าวซอยร้านแม่สุณี 120 บาท
- สัปปะรด 1 ชิ้น 20 บาท (ตลาดหน้าโรงแรมเทวราช)
- ก๋วยเตี๋ยว 64 บาท (ตลาดหน้าโรงแรมเทวราช)
- ทำบุญบริจาค บ้านโฮงคำฟอง 100 บาท
- ลอดช่อง 1 ถ้วย 30 บาท (พี่สาวป้านิ่ม)
- สระ-ไดร์ผม 100 บาท
- แคปหมู 1ถุงใหญ่ 100 บาท
- ก๋วยเตี๋ยวมื้อเย็น 70 บาท
- ไส้กรอก 45 บาท
- หมูปิ้ง 20 บาท
- ขนมหวานป้านิ่ม 2 ถ้วย 75 บาท
รวมทั้งหมด 904 บาท