Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2551
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
6 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 
ขุดกรุผลงานในอดีต2

ความเดิมจากตอนที่แล้ว

การเรียนในปีสุดท้าย
เมื่อข้าพเจ้าต้องทำศิลปพนิพนธ์เพื่อขอจบ
แต่ก่อนจะเขียนเล่า ข้าพเจ้าจะขอเท้าความถึงลักษณะการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยศิลปะเสียก่อน
การเรียนในมหาวิทยาลัยนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ
ความรับผิดชอบต่อการศึกษาเลาเรียนของตนเอง
เหมือนกับคำเปรียบเปรยที่ได้ยินตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเรียน

"ที่นี่น่ะเข้ายาก แต่ออกยากกว่าเข้านะน้อง"

คำเปรียบเปรยจากบรรดาท่านๆรุ่นพี่ที่เคารพ(ยิ่งกว่าพ่อตูเสียอีก)
จนบัดนี้เมื่อย้อนกลับไปนึกถึงคำเปรียบเปรยของท่านรุ่นพี่ที่เคยพูดไว้
""""อืมมมม"""มันก็จริงอย่างที่(ท่านรุ่นพี่)ว่าแฮะ!!
เพราะการคัดเลือก(สมัยข้าพเจ้ายังเป็นระบบเอ็นทรานซ์)เข้ามาเรียนที่นี่
วัดกันด้วยความสามารทางวิชาชีพ(ฝีมือการทำ)ก่อน
คือความรู้ความสามารถทางศิลปะ วิชาพื้นฐานคือ วาดเส้น องค์ประกอบทางศิลปะ และความถนัดทางศิลปะส่วนวิชาสามัญ จะนำคะแนนมารวมทีหลังเพื่อตัดสิน


300คะแนนแรกจากสามวิชาข้างต้น คือคะแนนที่กรรมการคณะ(ก็บรรดาคณาจารย์ในคณะวิชานั่นแหละ)ใช้เป็นเกณฑ์เพื่อคัดเลือกเด็กเข้าคณะ

วันแรกของการตรวจข้อสอบ "งาน"(ข้อสอบ)ทั้งหมดจะถูกนำมากางเรียงกันใน "ห้องลับ"(ห้องโถงของคณะ) มีการตรวจข้อสอบตามหลักเกณฑ์ของการสร้างสรรค์ผลงานทางศิลปะ คือตรวจอย่างมีหลักการได้
ว่า
องค์ประกอบในการสร้างสรรค์ผลงานมีอะไร เกณฑ์การให้คะแนน
ถ้าโจทย์ตั้งไว้วว่า
ให้ท่านวาดรูปเหมือนของหุ่นทดลองวาดโดยใช้ดินสอ (ทักษะการวาด-เขียน)
ผู้สอบก็ต้องวาดรูปเหมือนของหุ่นทดลองวาด ออกมาโดยให้มีความเหมือนมากที่สุดผ่านอุปกรณ์ที่มีเพียงแค่ ดินสอดำกับกระดาษ

แล้ววิธีการจะทำให้วาดรูปเหมือนออกมาได้ มันมีวิธีของมัน ซึ่งที่คนที่เรียนมาทางสายวิชาชีพศิลปะได้ผ่านการร่ำเรียนมาแล้ว
เช่น การวาดได้ถูกต้องตามหลักองค์ประกอบทางศิลปะ
รูปร่าง
รูปทรง
พื้นผิว
แสงเงา
น้ำหนัก
สี
แนวความคิดในการนำเสนอผลงาน

สารสอบครั้งนี้คือการประมวลผล ถึงสิ่งต่างๆที่ได้ร่ำเรียนมา ว่ามีประสิทธิภาพแค่ไหนถูกต้องหรือไม่ แล้วแต่ละคนนำมาประยุกต์ใช้กันได้ดีขนาดไหน

เมื่องานเหล่านั้นถูกให้คะแนนแล้ว
ผู้ที่มีคะแนนสูงสุดจะถูกคัดเลือกให้ผ่านการคัดเลือกรอบแรก
และคะแนนจากวิชาสามัญจะถูกนำมารวม
กับคะแนนรอบแรกก่อนจะประกาศผลผู้ที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้ามาศึกษาในสถานศึกษาแห่งนี้

(เห็นใหมว่ามันเข้ายากกก)

เมื่อเข้ามาได้แล้ว การจะประคองตนให้เรียนให้จบการศึกษาไปได้จนตลอดรอดฝั่งมันยากยิ่งกว่าเสียอีก เพราะที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้นึกศึกษาที่เข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยถือว่า พวกท่านทั้งหลายต่างเป็นผู้ใหญ่แล้ว ท่านต้องศึกษาในระบบแบบผู้ใหญ่ คือ รับผิดชอบเอาเอง มหาวิทยาลัยมีหลักสูตรมาให้ และอธิธายให้รู้ว่าเป็นยังไง ดังนั้นหน้าที่ของท่านคือ
จะวางแผนการศึกษายังไงให้ตัวท่านเอง
และท่านจะเก็บเกี่ยวความรู้ความสามารถไปได้มากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับตัวท่านเอง
อาจารย์ที่ปรึกษาที่นี่ทำหน้าที่ของท่านอย่างแท้จริงเลยคือ ให้คำปรึกษาทุกอย่างสำหรับการเรียนการสอน(และก็สอนหนังสือไปด้วย)

ถ้าท่านอยากเชี่ยวชาญด้านใด ก็วางแผนการศึกษาเอา เลือกวิชาเรียนเอง(ตามที่มหาวิทยาลัยอนุญาต) มาเรียนเอง
ไม่มีใครต้องไปตามให้มาเรียนไปบังคับ แต่ถึงเวลาสอบถ้าไม่มาสอบหรือทำข้อสอบไม่ได้ก็เอวัง.....
ดังนั้น บ่อยครั้งมากที่บางวิชาจะไม่มีคลาสเรียน แค่มาเจออาจารย์ผู้สอนวันแรกทำการ Homeroom แล้วแจกงานกันเลย รับโจทย์การทำงาน(โปรเจ็ค)ไป ให้เวลาหนึ่งเทอม วันสุดท้ายของเทอมเอางานมาส่งแล้วมาตรวจงานกัน ทุกคนจะมีเบอร์โทรและตารางเวลาของอาจารย์ผู้สอนวิชานั้น ต้องการคำปรึกษาไปติดต่ออาจารย์กันไป

การเรียนแบบนี้มันมีเงื่อนไขของมันในตัวเองว่าใครจะผ่านหรือไม่ผ่าน
คือขั้นแรกต้องตีโจทย์ของโปรเจ็คให้แตกว่า โจทย์ของวิชานี้คืออะไร
ถ้าชั่วโมงนั้นคือการศึกษาเกี่ยวกับ ศิลปะกับสิ่งแวดล้อมท่านก็ต้องรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า ศิลปะกับสิ่งแวดล้อมคืออะไร อย่างไรและจะเป็นแบบไหน
โจทย์ของโปรเจ็คมันจะบังคับให้ผู้เรียนต้องพาตนเองไปห้องสมุดโดยอัตโนมัติ(เห่อๆๆๆ)
นักศึกษาจะวนเวียนอยู่กับ ห้องสมุด บ้านตัวเอง(ลงมือทำ)อาจารย์ผู้สอน

ถ้าเป็นวิชาสุนทรียศาสตร์(ศาสตร์แห่งความสุนทรียทางศิลปะ)
วิชาแนวนี้ก็จะมีการเรียนการสอนมากหน่อย
และผู้สอนต้องมีความรู้ความสามารถเฉพาะทางมากๆๆๆๆๆๆ
เพราะต้องสอนในสิ่งที่เป็นนามธรรมผ่านวิธีที่เป็นรูปธรรมตามหลักการของเหตุและผลและผู้เรียนก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากๆๆๆๆๆในการเรียนด้วย
ข้าพเจ้าเคยได้รับโปรเจ็คในวิชานี้คือ ให้อธิบายสุนทรียในศิลปะผ่านทางทัศนธาตุโดยใช้ทฤษฎีของนักสุนทรียวิทยาผู้หนึ่งพร้อมทั้งอธิบายเหตุผลของตนเองมาด้วย
ให้เวลาหนึ่งเดือน...ไปทำมา

(โอ้วววววว !!!เครียดเห็นไหมว่ามันยากกกก )
ต้องกลับไปตั้งหลักที่บ้านตั้งหลายวัน

ใครขี้เกียจก็รับสภาพตัวเองกันไป
การเรียนแบบนี้
ความรับผิดชอบเป็นสิ่งสำคัญมาก

และการเรียนในปีสุดท้าย
ข้าพเจ้าก็ต้องใช้ความรู้(เท่าหางอึ่ง)ของตนเองทั้งหมดที่มีมา
พาตนเองไปลงทะเบียนเรียน
และกลับบ้านไปตั้งหลักอีกตามเคย
แต่ตอนนี้ตั้งหลักกันเป็นเดือนๆเลย เพื่อคิดหัวข้อศิลปะนิพนธ์ที่ตัวเองจะทำแล้วก็ไปลงชื่อเพื่อสอบหัวข้อขอทำศิลปนิพนธ์
สอบเรื่องที่จะทำนั่นแหละ

(ต่อตอนหน้า)





Create Date : 06 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 16 มกราคม 2552 8:58:51 น. 5 comments
Counter : 295 Pageviews.

 
สีสันบาดตาครับ


โดย: ค่ำคืนหน้าหนาว วันที่: 6 พฤศจิกายน 2551 เวลา:23:47:29 น.  

 
...สีสัน งดงาม..
...มองคล้ายๆ ว่าจะเป็น เกษรดอกไม้ ใช่ใหมครับ...


โดย: นายนุ (nai-nu-19 ) วันที่: 11 พฤศจิกายน 2551 เวลา:12:52:59 น.  

 


เพิ่งจะค้นพบบ้านartค่ะ มัวแต่ไปตะลอนเที่ยวจนไม่คิดว่ามีบ้านน่าทึ่งแบบนี้

อ่านแล้วไม่รูพลาดตรงไหน งานวาดสีอะไรค่ะ


โดย: Sweety-around-the-world วันที่: 13 พฤศจิกายน 2551 เวลา:7:31:23 น.  

 


เพิ่งจะค้นพบบ้านartค่ะ มัวแต่ไปตะลอนเที่ยวจนไม่คิดว่ามีบ้านน่าทึ่งแบบนี้

อ่านแล้วไม่รูพลาดตรงไหน งานวาดสีอะไรค่ะ


โดย: Sweety-around-the-world วันที่: 13 พฤศจิกายน 2551 เวลา:7:31:30 น.  

 
สวัสดีค่ะ ขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมบ้านหลังเล็กๆหลังนี้นะคะ

รูปเซ็ทนี้เป็นซีรี่ส์เกี่ยวกับดอกไม้ค่ะ ส่วนใหญ่ใช้สีอะคลีลิควาดค่ะ
รูปกลางน้องจุ่นเอาดอกภู่ระหงส์มาผ่าครึ่งค่ะ แล้วก็วาดหน้าตามันก็เลยออกมาเป็นแบบนี้หล่ะ



โดย: น้องจุ่น วันที่: 13 พฤศจิกายน 2551 เวลา:21:26:32 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

FelixStefania
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สวัสดีจ้ะ
น้องจุ่นเป็นชื่อเล่นของเด็กน้อยคนหนึ่ง
ซึ่งมีชื่อจริงตรงกับชื่อของเจ้าของบล๊อค
จริงๆแล้วชื่อเล่นเขาชื่อน้องจันท์(ลูกจันท์)
แต่ไม่รู้ทำไมจากลูกจันท์กลายเป็นจุ่น
ก็เลยขอยืมชื่อน้องจุ่นมาเป็นชื่อล๊อกอินของเจ้าของบล๊อก

น้องจุ่น...น้องใหม่แห่งวงการออนไลน์
ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะจ๊ะ
Friends' blogs
[Add FelixStefania's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.