ขุดกรุผลงานในอดีต3

ความเดิมจากตอนที่แล้วข้าพเจ้าทิ้ง
ท้ายไว้เรื่อง การสอบหัวข้อศิลปะนิพนธ์

หลังจากพาตัวเองไปลงทะเบียน
ซึ่งการเรียนจะแบ่งออกเป็นสองเทอม และปีสุดท้ายส่วนใหญ่นักศึกษา
มักจะเหลือหน่วยกิตที่จะต้องลงเรียนอีกไม่เกิน 26หน่วยกิต(ถ้าลงทะเบียนเรียนครบตามหลักสูตร)
ก็จะแบ่งเป็น
เทอมแรกเป็นการเรียน pre-thesis 6 หน่วยกิต
และวิชาเอกของแต่ละสาขาอีก 6 หน่วยกิต เรียนการเขียนวิจัยอีก2หน่วยกิต
ซึ่งข้าพเจ้าเลือกเรียนสาขาการออกแบบสิ่งทอ(Textile Design)

เทอมสอง จะเป็นการลงทะเบียนทำ thesis (ศิลปนิพนธ์)วิชาเดียวเลย12หน่วยกิต หรือใครมีภาระอะไรต้องสะสางอีกก็อาจจะลงเรียนมากกว่านั้นก็ได้
ซึ่งข้าพเจ้ากับเพื่อนอีกหกคนลงเกินมากันอีกคนละวิชา คือภาษาอังกฤษ
(สอบตกตอนปีหนึ่ง มันน่าอายมากเลยล่ะ)

การเรียนในวิชา pre-thesis
ก็ตรงตามชื่อของมัน คือ การเรียนก่อนจะลงมือทำทีสีสจริง
ในวิชานี้ นักศึกษาจะต้องเริ่มค้นคว้าเกี่ยวกับการทำศิลปะนิพนธ์ เพราะได้เรียนควบคู่ไปกับวิชาระเบียบวิจัย(การทำวิจัย)
ต้องคิดเรื่องราวที่ตนเองจะทำ หาข้อมูลและหาหาข้อเตรียมไว้ประมาณสองเรื่อง อาจารย์ผู้สอนก็จะคอยให้คำแนะนำเกี่ยวกับเนื้อหาที่เราจะทำใครรักใครชอบอะไร ถนัดอะไร ก็เลือกทำกันไป
ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่เรารู้สึกว่า เหมือนตัวเองจะเป็นผู้คงแก่เรียนซะจริงจริ๊งง(แหะๆๆ)
เวลาไปไหนก็ทำเป็นหน้ายุ่งๆไว้ก่อน ใครทักก็ทำเป็นเครียดๆ(จริงๆไม่ได้เป็นงั้นหรอก 55)

ส่วนข้าพเจ้า จำได้ว่าตอนนั้นสับสนมาก เอ๊....ตูจะทำเรื่องอะไรดีน๊อออ
เลือกสาขาสิ่งทอเป็นวิชาเอก แต่ตัวเองดันเย็บผ้าไม่เป็น แล้วเราจะทำอะไรดี
ก็ลองมานั่งคิดดู ศิลปะนิพนธ์ที่เราจะทำ ต้องเป็นสิ่งที่เราถนัดที่สุด รู้จักกับมันดีที่สุดและรักชอบมันที่สุด ทำไปแล้วมีความสุขและได้ถ่ายทอดความคิดเห็นของเราออกมา สื่อผ่านศิลปะของเราไปให้ผู้ชมได้รับรู้ และสือที่เราใช้ต้องแสดงความเป็นเอกลักษณ์ของเราอย่างเด่นชัดด้วย ถ้าทำได้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ ที่เรียนมาทั้งหมดสี่ปีก็ถือว่าสอบผ่าน
เมื่อนำสิ่งต่างๆเหล่านั้นมาวิเคราะห์ดูแล้ว

ข้าพเจ้าจึงเลือกหัวข้อที่ตัวเองสนใจไว้สองหัวข้อ ใหญ่ๆคือ

ทำเรื่องเกี่ยวกับธรรมชาติ
เพราะตนเองมีความรักความผูกพันธ์อยู่กับปูมหลังของตนเองค่อนข้างมาก(บ้านอยู่ในสวนแถมติดคลอง)

ทำเรื่องเกี่ยวกับวัฒนธรรม
เพราะข้าพเจ้ามีความรักและชอบศิลปะวัฒนธรรมของไทย ศิลปะชองชนชาติตะวันออกทั้งหลาย และเลื่อมใสพระพุทธศาสนามาก (แต่ไม่ได้เลือกเรียนสาขาจิตรกรรมไทย)

แต่ด้วยเงื่อนไขพิเศษอีกข้อคือ นักศึกษาต้องใช้เทคนิคตามแต่ละสาขาวิชาที่ตนเองเรียนมาเป็นสื่อในการนำเสนอด้วย(อย่างมีเอกลักษณ์)

หัวข้อที่ข้าพเจ้าเสนอในเทอมสุดท้ายจึงมาลงเอยที่
ข้าพเจ้าจะทำผ้าทอ โดยการออกแบบลวดลายใหม่ที่พัฒนามาจากลวดลายผ้าในผลงานจิตรกรรมฝาผนังในวัดไทยสมัยอยุธยาตอนปลาย

ซึ่งหัวข้อนี้ ทั้งอาจารย์ผู้สอน(พรีทีสีส) อาจารย์ที่ปรึกษา(วิชาเอก)
และอาจารย์ในวิชาวิจัยต่างก็ไม่เห็นด้วย โดยให้เหตุผลว่า มันยาก
วิธีการทำรีเสิร์ชมันยุ่งยาก ซับซ้อน และต้องใช้เวลานาน (เวลาแค่เทอมเดียวทำไม่ได้หรอก) ถ้าข้าพเจ้าจะอยู่ต่ออีกซักสี่ปีก็เอา ลองทำดู

ตอนนั้นข้าพเจ้าไม่ฟังคำทัดทานของใครๆ ก็ตั้งหน้าตั้งตาไปทำงาน
ลงสนามเก็บข้อมูล เรื่องการทำผ้าทอของคนไทยในภาคกลางตอนล่าง
(อยุธยา อ่างทอง สุพรรณบุรี)
และตระเวณไปตามวัดและโบราณสถานต่างๆในแถบภาคกลาง
หาหนังสือ เข้าพิพิธภัณฑ์ และกลับมาเสก็ชงาน ทำบอร์ดพรีเซนท์
ทำรูปเล่มตามหลักการวิจัย ส่งงาน

ผลสุดท้ายคะแนนพรีทีสีสออกมา ข้าพเจ้าเกือบตก (ได้แค่C+)
พร้อมทั้งคำแนะนำจากบรรดาอาจารย์ ทำให้ข้าพเจ้าเริ่มลังเลใจ
ประกอบกับหมดกำลังใจอย่างมาก เพราะถ้าเริ่มกันใหม่ ก็เท่ากับเหลือเวลาให้ข้าพเจ้าแค่หนึ่งเดือนเศษ(ปิดเทอม)ในการกลับไปเริ่มทำงาน พร้อมเก็บข้อมูลใหม่อีกครั้ง
ในขณะที่เพื่อนๆหลายคนเริ่มลงมือทำงานต่อเนื่องเพื่อเข้าสู่การทำศิลปะนิพนธ์จริงกันแล้ว(เข้าสู่ภาคปฎิบัติ)
แต่คิดไปคิดมา ก็เห็นยังมีอีกหลายคน(เพื่อน)ที่มันยังไม่ได้ทำไรเลยนี่หว่า...(อิอิ)หัวข้อศิลปะนิพนธ์ของข้าพเจ้าจึงเปลี่ยนเรื่องไปอีกครั้งด้วยประการฉะนี้....


(ต่อตอนหน้า)

รูปเซ็ทนี้เป็นผลงานตอนทำพรีทีสีส
เฮ้ออ...พอย้อนกลับไปนึกดู....อืมมมม
บ้าป่าวเนี่ยเรา 55 จะทอผ้าตามแบบเสก็ชเนี๊ยยย (แหมทำไปได้)

รูปแรกชื่อ บานบุรีนะคะ
ได้แรงนันดาลใจมาจากดอกบานบุรีและลายผ้านุ่งของพระนางมัทรี
ในภาพจิตรกรรมฝาผนัง จากวัดในอยุธยาค่ะ

รูปสองจากภาพดอกไม้ร่วงภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระที่นั่ง
พุทธไธสววรค์

รูปสาม รูปสี่ชื่อ พิกุล
แรงบันดาลใจจากลายผ้านุ่งของตัวนางในภาพจิตรกรรมฝาผนัง
วัดในอยุธยาเช่นกันค่ะ

Create Date : 13 พฤศจิกายน 2551		2 comments
Last Update : 16 มกราคม 2552 8:58:19 น.
Counter : 2445 Pageviews.
Share Tweet