|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | |
|
|
|
|
|
|
|
ขุดกรุผลงานในอดีต2
ความเดิมจากตอนที่แล้ว
การเรียนในปีสุดท้าย เมื่อข้าพเจ้าต้องทำศิลปพนิพนธ์เพื่อขอจบ แต่ก่อนจะเขียนเล่า ข้าพเจ้าจะขอเท้าความถึงลักษณะการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยศิลปะเสียก่อน การเรียนในมหาวิทยาลัยนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความรับผิดชอบต่อการศึกษาเลาเรียนของตนเอง เหมือนกับคำเปรียบเปรยที่ได้ยินตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเรียน
"ที่นี่น่ะเข้ายาก แต่ออกยากกว่าเข้านะน้อง"
คำเปรียบเปรยจากบรรดาท่านๆรุ่นพี่ที่เคารพ(ยิ่งกว่าพ่อตูเสียอีก) จนบัดนี้เมื่อย้อนกลับไปนึกถึงคำเปรียบเปรยของท่านรุ่นพี่ที่เคยพูดไว้ """"อืมมมม"""มันก็จริงอย่างที่(ท่านรุ่นพี่)ว่าแฮะ!! เพราะการคัดเลือก(สมัยข้าพเจ้ายังเป็นระบบเอ็นทรานซ์)เข้ามาเรียนที่นี่ วัดกันด้วยความสามารทางวิชาชีพ(ฝีมือการทำ)ก่อน คือความรู้ความสามารถทางศิลปะ วิชาพื้นฐานคือ วาดเส้น องค์ประกอบทางศิลปะ และความถนัดทางศิลปะส่วนวิชาสามัญ จะนำคะแนนมารวมทีหลังเพื่อตัดสิน
300คะแนนแรกจากสามวิชาข้างต้น คือคะแนนที่กรรมการคณะ(ก็บรรดาคณาจารย์ในคณะวิชานั่นแหละ)ใช้เป็นเกณฑ์เพื่อคัดเลือกเด็กเข้าคณะ
วันแรกของการตรวจข้อสอบ "งาน"(ข้อสอบ)ทั้งหมดจะถูกนำมากางเรียงกันใน "ห้องลับ"(ห้องโถงของคณะ) มีการตรวจข้อสอบตามหลักเกณฑ์ของการสร้างสรรค์ผลงานทางศิลปะ คือตรวจอย่างมีหลักการได้ ว่า องค์ประกอบในการสร้างสรรค์ผลงานมีอะไร เกณฑ์การให้คะแนน ถ้าโจทย์ตั้งไว้วว่า ให้ท่านวาดรูปเหมือนของหุ่นทดลองวาดโดยใช้ดินสอ (ทักษะการวาด-เขียน) ผู้สอบก็ต้องวาดรูปเหมือนของหุ่นทดลองวาด ออกมาโดยให้มีความเหมือนมากที่สุดผ่านอุปกรณ์ที่มีเพียงแค่ ดินสอดำกับกระดาษ
แล้ววิธีการจะทำให้วาดรูปเหมือนออกมาได้ มันมีวิธีของมัน ซึ่งที่คนที่เรียนมาทางสายวิชาชีพศิลปะได้ผ่านการร่ำเรียนมาแล้ว เช่น การวาดได้ถูกต้องตามหลักองค์ประกอบทางศิลปะ รูปร่าง รูปทรง พื้นผิว แสงเงา น้ำหนัก สี แนวความคิดในการนำเสนอผลงาน
สารสอบครั้งนี้คือการประมวลผล ถึงสิ่งต่างๆที่ได้ร่ำเรียนมา ว่ามีประสิทธิภาพแค่ไหนถูกต้องหรือไม่ แล้วแต่ละคนนำมาประยุกต์ใช้กันได้ดีขนาดไหน
เมื่องานเหล่านั้นถูกให้คะแนนแล้ว ผู้ที่มีคะแนนสูงสุดจะถูกคัดเลือกให้ผ่านการคัดเลือกรอบแรก และคะแนนจากวิชาสามัญจะถูกนำมารวม กับคะแนนรอบแรกก่อนจะประกาศผลผู้ที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้ามาศึกษาในสถานศึกษาแห่งนี้
(เห็นใหมว่ามันเข้ายากกก)
เมื่อเข้ามาได้แล้ว การจะประคองตนให้เรียนให้จบการศึกษาไปได้จนตลอดรอดฝั่งมันยากยิ่งกว่าเสียอีก เพราะที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้นึกศึกษาที่เข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยถือว่า พวกท่านทั้งหลายต่างเป็นผู้ใหญ่แล้ว ท่านต้องศึกษาในระบบแบบผู้ใหญ่ คือ รับผิดชอบเอาเอง มหาวิทยาลัยมีหลักสูตรมาให้ และอธิธายให้รู้ว่าเป็นยังไง ดังนั้นหน้าที่ของท่านคือ จะวางแผนการศึกษายังไงให้ตัวท่านเอง และท่านจะเก็บเกี่ยวความรู้ความสามารถไปได้มากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับตัวท่านเอง อาจารย์ที่ปรึกษาที่นี่ทำหน้าที่ของท่านอย่างแท้จริงเลยคือ ให้คำปรึกษาทุกอย่างสำหรับการเรียนการสอน(และก็สอนหนังสือไปด้วย)
ถ้าท่านอยากเชี่ยวชาญด้านใด ก็วางแผนการศึกษาเอา เลือกวิชาเรียนเอง(ตามที่มหาวิทยาลัยอนุญาต) มาเรียนเอง ไม่มีใครต้องไปตามให้มาเรียนไปบังคับ แต่ถึงเวลาสอบถ้าไม่มาสอบหรือทำข้อสอบไม่ได้ก็เอวัง..... ดังนั้น บ่อยครั้งมากที่บางวิชาจะไม่มีคลาสเรียน แค่มาเจออาจารย์ผู้สอนวันแรกทำการ Homeroom แล้วแจกงานกันเลย รับโจทย์การทำงาน(โปรเจ็ค)ไป ให้เวลาหนึ่งเทอม วันสุดท้ายของเทอมเอางานมาส่งแล้วมาตรวจงานกัน ทุกคนจะมีเบอร์โทรและตารางเวลาของอาจารย์ผู้สอนวิชานั้น ต้องการคำปรึกษาไปติดต่ออาจารย์กันไป
การเรียนแบบนี้มันมีเงื่อนไขของมันในตัวเองว่าใครจะผ่านหรือไม่ผ่าน คือขั้นแรกต้องตีโจทย์ของโปรเจ็คให้แตกว่า โจทย์ของวิชานี้คืออะไร ถ้าชั่วโมงนั้นคือการศึกษาเกี่ยวกับ ศิลปะกับสิ่งแวดล้อมท่านก็ต้องรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า ศิลปะกับสิ่งแวดล้อมคืออะไร อย่างไรและจะเป็นแบบไหน โจทย์ของโปรเจ็คมันจะบังคับให้ผู้เรียนต้องพาตนเองไปห้องสมุดโดยอัตโนมัติ(เห่อๆๆๆ) นักศึกษาจะวนเวียนอยู่กับ ห้องสมุด บ้านตัวเอง(ลงมือทำ)อาจารย์ผู้สอน
ถ้าเป็นวิชาสุนทรียศาสตร์(ศาสตร์แห่งความสุนทรียทางศิลปะ) วิชาแนวนี้ก็จะมีการเรียนการสอนมากหน่อย และผู้สอนต้องมีความรู้ความสามารถเฉพาะทางมากๆๆๆๆๆๆ เพราะต้องสอนในสิ่งที่เป็นนามธรรมผ่านวิธีที่เป็นรูปธรรมตามหลักการของเหตุและผลและผู้เรียนก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากๆๆๆๆๆในการเรียนด้วย ข้าพเจ้าเคยได้รับโปรเจ็คในวิชานี้คือ ให้อธิบายสุนทรียในศิลปะผ่านทางทัศนธาตุโดยใช้ทฤษฎีของนักสุนทรียวิทยาผู้หนึ่งพร้อมทั้งอธิบายเหตุผลของตนเองมาด้วย ให้เวลาหนึ่งเดือน...ไปทำมา
(โอ้วววววว !!!เครียดเห็นไหมว่ามันยากกกก ) ต้องกลับไปตั้งหลักที่บ้านตั้งหลายวัน
ใครขี้เกียจก็รับสภาพตัวเองกันไป การเรียนแบบนี้ ความรับผิดชอบเป็นสิ่งสำคัญมาก
และการเรียนในปีสุดท้าย ข้าพเจ้าก็ต้องใช้ความรู้(เท่าหางอึ่ง)ของตนเองทั้งหมดที่มีมา พาตนเองไปลงทะเบียนเรียน และกลับบ้านไปตั้งหลักอีกตามเคย แต่ตอนนี้ตั้งหลักกันเป็นเดือนๆเลย เพื่อคิดหัวข้อศิลปะนิพนธ์ที่ตัวเองจะทำแล้วก็ไปลงชื่อเพื่อสอบหัวข้อขอทำศิลปนิพนธ์ สอบเรื่องที่จะทำนั่นแหละ
(ต่อตอนหน้า)
Create Date : 06 พฤศจิกายน 2551 |
|
5 comments |
Last Update : 16 มกราคม 2552 8:58:51 น. |
Counter : 296 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: นายนุ (nai-nu-19 ) 11 พฤศจิกายน 2551 12:52:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: น้องจุ่น 13 พฤศจิกายน 2551 21:26:32 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
สวัสดีจ้ะ น้องจุ่นเป็นชื่อเล่นของเด็กน้อยคนหนึ่ง ซึ่งมีชื่อจริงตรงกับชื่อของเจ้าของบล๊อค จริงๆแล้วชื่อเล่นเขาชื่อน้องจันท์(ลูกจันท์) แต่ไม่รู้ทำไมจากลูกจันท์กลายเป็นจุ่น ก็เลยขอยืมชื่อน้องจุ่นมาเป็นชื่อล๊อกอินของเจ้าของบล๊อก
น้องจุ่น...น้องใหม่แห่งวงการออนไลน์ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะจ๊ะ
|
|
|
|
|
|
|