คือ "ถนนสายคลองโคน" หรือเรียกอีกอย่าง ถนนสายนาเกลือ
เป็นถนน2เลน ทางลาดยางดีตลอด มีก่อสร้างแค่บางช่วง
ทางนี้ตัดจากพระราม2ถึงชะอำ ระยะ 79กม. ซึ่งลัดกว่าเส้นหลัก5กม.
แต่วิวริมทางมีอะไรให้ดูเพียบบ ทั้งนาเกลือที่กว้างไกลสุดสายตา ดูวิถีชีวิตคนทำนาเกลือที่หาดูได้ยาก ของจ.สมุทรสงคราม
ชมอาทิตย์ขึ้นที่คลองบางตะบูน ร้านอาหารทะเลแบบชาวบ้านราคาถูกให้เลือกเพียบ
และมีโครงการพระราชดำริถึง 2 ที่
1.โครงการฟาร์มทะเลตัวอย่างอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
2.โครงการพระราชดำริ แหลมผักเบี้ย โรงเรียนธรรมชาติขนาดใหญ่ ที่มีสะพานไม้ยื่นไปสุดทะเลให้นั่งแกว่งขาเล่น ที่นี่เป็นที่บำบัดน้ำเสีย ที่ดูไม่เหมือนที่บำบัดน้ำเสียที่เราเคยเห็น เป็นบ่อที่ใช้เลี้ยงปลาได้อีกต่างหาก
จขกท.รู้จักเส้นคลองโคนนี้จากกลุ่มเพื่อนขับมอไซค์ในfb เห็นเช็คอินบ่อยกันบจังง งั้นไปมั่ง อิอิ
ส่วนโครงการพระราชดำริ"แหลมผักเบี้ย"
รู้จักจากดู YouTube ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เล่าถึงการทรงงานของในหลวงรัชกาลที่9
ว่ามีโครงการบำบัดน้ำเสียแห่งหนึ่ง ในจ.เพชรบุรี ที่ดูไม่เหมือนบ่อบำบัด ใช้วิธีธรรมชาติ ซึ่งน้ำไม่เหม็นเลย
จะมีนกแปลกๆไม่เคยเห็น ในทุกปีช่วงต้นหนาวจะมีนกพันธุ์หายากบินมาพักที่นี่เป็นทางผ่านกลับบ้าน พวกช่างภาพฝรั่งชอบมาถ่ายนกกันที่นี่ปีละครั้ง
อยากรุ้ว่าเขาบำบัดน้ำเสียยังไง ไปดูให้ถึงที่เลยดีกว่าาา
ทริปนี้เราพาเจ้า Ducati XDiavel ไปขับกินลมชมวิว one day trip
(ยืมเขามา55+)
รวมระยะทางไปกลับแค่ 200km.
ขอบคุณ Ducati Thailand
..............................................................
ก่อนเดินทาง 1 วัน
ไปศูนย์ Ducati กะจะยืม Multistrada
พอลองนั่งแล้ว เท้าบัลเล่ย์เบยย คงเอาตัวรอดยากถ้าขับฝ่าเมืองรถติดมาเตรียมรถที่บ้าน คงได้ล้มแปะแถวๆนี้ก่อน555+
เปลี่ยนเป็น XDiavel ดีกว่า วางเท้าเต็มดี รถเตี้ยดี (จขกท.สูง168)
ขับมาบ้าน หมาไล่กัดตั้งแต่ต้นซอย ยันท้ายซอย ท่อพี่เขาดังมากก
จับล้างก่อนให้สะอาด ใสปิ๊งถ่ายรูปสวยๆ
นอนไม่หลับดิ้นไปดิ้นมา เพราะแมวปลุก
ตี 4 ออกเดินทาง
ขับมาก็ตื่นเต้นกับรถ ไม่เคยขับCCสูงขนาดนี้ 1262 cc
ช่วยเวลาเร่งแซงหนีรถบรรทุก ทันใจมาก555
พักทานโจ๊กแมคก่อน
ไฟท้ายออกแบบงาม
มีระบบ cruise control แบบรถเก๋ง ขับทางตรงสบายมากกก
แต่เวลาเข้าโค้ง ปิดระบบนี้ดีกว่า
ที่สวิชมือมีไฟสีแดงสว่างตลอด ช่วยเรื่องสายตาฟ่าฟางดี ช่วยเวลาขับรถกลางคืน
สตาร์ทรถไม่ใช้กุญแจไข โยนกุญแจใส่เป๋าติดตัวไว้ กดปุ่มเท่านั้น
เราสายจอด ชอบหยุดถ่ายรูป ไม่ต้องหยิบกุญแจเข้าๆออกๆ สะดวกดี
ขับยืนพื้นที่ 90-120
ลมมันตีหน้าาาา
Chill ไปไหน
วิ่งบนพระราม2 จะมีป้ายบอกเลี้ยวซ้ายทางลัดไปชะอำ
กด google map มา คลองโคน ก็ได้
หลายคนยังไม่รู้ คิดว่าก้แค่ทางลัด ไม่น่ามีอะไร
เลี้ยวเข้ามาแล้ว จะเจอวิวแบบชาวบ๊าน ชาวบ้าน
มา เด๋วพาน้องลั่นทุ่ง เที่ยววผ่านภาพถ่าย
ตั้งชื่อให้ ท่อดังสนั่นลั่นทุ่งมากก
ตั้งนาฬิกาแมวปลุกตี 4 เพื่อมาถ่ายภาพที่นี่ "คลองบางตะบูน"
เป็นกะเตงเลี้ยงหอยแครง เราจะได้ดูอาทิตย์ขึ้นที่นี่
มาไม่ทันอาทิตย์ขึ้น มัวแต่ขับรถเอ้อระเหย
ตรงนี้ควรมาเช้าๆ ดูวิถีชีวิตชาวบ้าน
เป็นอะไรที่เดิมๆ ธรรมชาติไม่ปรุงแต่งมาก
แสงยามเช้าสะท้อนผิวน้ำ ระยิบระยับ
ผ่านกะเตงหอยแครง
ยืนมองอยู่นาน
มุมนี้จอดรถถ่ายภาพบนสะพานเฉลิมพระเกียรติ
มาแต่เช้าจอดดูวิวได้ แต่สายๆรถเยอะ อันตราย
เด๋วโดนสอยร่วงตกสะพาน กลายเป็นเรือทันที
ขี่มอไซค์ หรือ ปั่นจักรยาน สะดวกกว่าขับรถเก๋งเยอะ
น้องลั่นทุ่ง จะนำพาสู่ถนนในฝันของชาว2ล้อ
"โครงข่ายถนนเลียบชายฝั่งทะเล"
บอกเลยว่าคนที่นี่โชคดีมาก ที่เขาอนุรักษ์ถนนสายนี้ไว้ พัฒนาถนน เส้นทาง มีจุดชมวิวให้พักรถ
มีทางจักรยาน
ถือว่าเป็น โรงเรียนนอกตำราขนาดใหญ่ ที่น่ามาขับรถเล่น และเรียนรู้วิถีชีวิตไปพร้อมกัน
ทางนี้ขับยาวไปถึงชะอำได้ รู้ยังงง
ผ่านนาเกลือแรก เป็นนาขังสีชมพู
ผันน้ำทะเลมาขังไว้ รอน้ำระเหย
ทะเลสาบสีชมพู
อยากมาดูเขาทำนาเกลือ ต้องมาหน้าร้อน อย่ามาหน้าฝน
ต้องใช้แสงแดดระเหยน้ำ จนเหลือผลึกเกลือ แล้วกวาดรวมกองตากแดดทิ้งไว้
เกลือที่คลองโคน ขึ้นชื่อว่าเป็นเกลือที่ดีที่สุดของ จ.สมุทรสงคราม
มาดูผลึกเกลือชัดๆ
ภาพซ้ายคือผลึกเกลือที่น้ำยังไม่ระเหย แช่น้ำตากแดดไว้
ภาพขวาผลึกเกลือที่โกยพร้อมใช้งาน
หยิบมาสักเม็ด อมแทนลูกอม
เค็มปี๋.......
ขับไปจอดไป ไม่ถึงสักที
สิ่งยั่วยวนมันเยอะ
ปลาแดดเดียว เรียงเป็นวงไพ่
ทอดร้อนๆ กินกะข้าวต้ม
คือ มันหิวละ เริ่มร้อนละ
ชมชีวิตชาวนาเกลือต่อ
เห็นเรียงๆแบบนี้ หามุมให้แสงเข้าด้านข้าง ถ่ายภาพแล้วได้มิติดี
วางกล้องลง แล้วมองพวกเขาทำงานกัน
"ความงามที่แท้จริง ไม่เรียกร้องความสนใจ"
แสงแดดกำลังทำร้าย
อยากหาที่นั่งร่มๆพักสักที่แล้ว บนถนนเส้นนี้มี 7-11 แห่งหนึ่ง มี่เก้าอี้เคาท์เตอร์นั่งพักได้
พักตากแอร 1 ชม. แล้วเดินทางต่อ
เพียงเลี้ยวซ้ายเจอซาสี่
....ไปชะอำ 52 กม.
....ไปแหลมผักเบี้ย 21 กม.
....ไปฟาร์มทะเลตัวอย่าง 15 กม.
....ไปด้วยรถตัวอย่าง ยืมเขามา 555++
ที่แรกพาไปดู "โครงการฟาร์มทะเลตัวอย่างตามพระราชดำริ"
ชื่อเต็มๆของที่นี่ คือ โครงการฟาร์มทะเลตัวอย่างในพระราชดำริและศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งเพชรบุรี
โครงการนี้เกิดขึ้นจากพระราชดำริของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
ในนี้มีสัตว์ทะเลเลี้ยงไว้ ให้เราเข้าไปชมแบบใกล้ๆได้
เข้ามาแล้ว แวะให้หารปลาก่อน ถังอาหารปลา แขวนไว้พร้อมรับนักท่องเที่ยว
ในนี้มีอาหารปลา และขวดน้ำรีไซเคิลเป็นอาวุธ
ค่าอาหารแล้วแต่ บริจาค ให้น้องปลาา
สำหรับน้องปลาแล้ว เมื่อโยนอาหารให้
ไม่มีคำว่าพี่ คำว่าน้อง
ติดกันฝั่งขวา โรงเลี้ยงสัตว์ทะเล ห้ามให้หารปลานะ
รวมปลาทะเล3รส เอ๊ย ปลาหลากหลายพันธุ์ หอยมือเสือ
เลี้ยงแยกหลายบ่อ
ปลาอะไรหายาก????
ปลาสลิด
ทำไมอ่ะ????
เพราะมีแค่บางบ่อ
งง...
ปลาสลิดบางบ่อ...........
เราเข้ามาเที่ยวในโครงการพระราชดำริ
ก็จะมี สิ่งประดิษฐ์ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงคิดเพื่อใช้งาน
คือ กังหันน้ำชัยพัฒนา ซึ่งจดสิทธิบัตรแล้ว
เขาจะหมุนวิดน้ำขึ้นไปแตกกระจาย เพื่อเติมอ๊อกซิเจนลงผิวน้ำ
ต้นทุนผลิตต่ำ ช่วยบำบัดน้ำเสียดีมาก
ถือว่าเป็น สิทธิบัตรในพระปรมาภิไธย ของพระมหากษัตริย์ พระองค์แรกในประวัติศาสตร์ชาติไทยและเป็นครั้งแรกของโลก
โครงการนี้ติดทะเล จอดพักผ่อนถ่ายรูปคู่กับทะเลร้อนๆ
มีพลับพลาทรงงาน ติดวิวริมทะเลสวยๆ
ขออาศัยเป็นร่มให้นั่งพักผ่อน แดดร้อนแรงมาก ตอนนี้เที่ยงแล้ว
มองจากพลับพลาทรงงาน ไปสู่ทะเล
ปลาอะไร ตัวใหญ่มากก
ธรรมชาติสมบูรณ์ อาหารดี ปลาก็ตัวใหญ่
ใกล้ๆกันเป็นสาหร่ายพริกไทย คล้ายพวงองุ่น แต่รสฝาดกว่า
และที่นี่เป็นแหล่งปลูกสาหร่ายพวงองุ่น
พักหายร้อนแล้ว ออกมาสู่ ลานไอซ์สเก็ตนาเกลือแห่งเดียวในประเทศไทย
ลงไปเล่นทำไมร้อนกว่าเดิมอีก แฮ่ๆๆๆ
นี่คือนาเกลือ ที่ตกผลึกแล้ว แต่ยังมีน้ำขังผิวบางๆอยู่
เจอเพื่อนฝูงตัวโต มาขับรถเล่นแถวนี้พอดี
บอกแล้ว ถนนเส้นนี้ ขับสนุกก มีอะไรให้ดูเยอะ ชาว2ล้อ ห้ามพลาด
กลุ่มเพื่อนขับมาส่งที่ แหลมผักเบี้ย แล้วไปเที่ยวชะอำกันต่อ
ถึงแว้วว แหลมผักเบี้ย
ดุสิ น่าเที่ยวขนาดไหน
ที่นี่เป็นโครงการพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9
ทรงให้สร้างเพื่อบำบัดน้ำเสียจากแม่น้ำเพชรบุรี
มาเห็นของจริงซะที สงสัยก่อนมาว่า บ่อบำบัดน้ำเสียคิดว่าคงเป็นน้ำเน่าๆ
แต่ที่นี่ไม่ใช่ เป็นแอ่งพักน้ำขนาดกว้างหลายบ่อ
น้ำไม่มีกลิ่นหม็นเลย แถมในบ่อน้ำเลี้ยงปลาอีก มีนกบินมาจกปลากันสนุกสนาน
เข้าชมฟรีนะคะ จอดรถด้านนอกเท่านั้น เดินเข้ามาในอาคารนี้ก่อน
เปิด 7.00-18.00
นักศึกษาดูงานติดต่อกางเต็นท์ค้างแรมได้
ที่พักในนี้มี คืนละ 1200
โทร 032706264
แดดแรงขนาดนี้ให้เดินเที่ยวคงไม่ใช่
มีรถบริการพาเที่ยว พร้อมไกด์ จะคอยเล่าว่าแต่ละบ่อบำบัดน้ำเสียยังไง
ไกด์ 4 ขา
พอเห็นคนขึ้นรถ วิ่งขึ้นตาม นั่งไปด้วย แล้วก็นั่งกลับ
ความสุขเล็กๆของหมานอ้ย
นั่งรถชมบ่อต่างๆ น้ำเสียจะพักไว้ให้สาหร่ายจุลินทรีย์ย่อยของเสียด้วยวิธีธรรมชาติเอง
ไกด์บอกวิธีนี้ประหยัดมาก และพวกสาหร่ายเป็นอาหารให้ปลากินต่อได้ ในบ่อมีปลา เช่นปลานิล ก็จะมีนกบินว่อนลงมาหาอาหาร
นั่งรถไป เสียงนักท่องเที่ยว เฮกันไป ลุ้นตัวเฮียข้ามถนน 555+
คือ ธรรมชาติสมบูรณ์มาก แทบไม่คิดว่านี่คือที่บำบัดน้ำเสีย
นกตัวใหญ่มากก
แล้วรถวนมาส่งเราที่ป่าโกงกาง ไกด์บอกเด่วมารับนะตอน 6โมงเย็น
ใช้เลนส 85mm เปิด f 1.8
ละลายยยยอย่างสวยย
แดดดี ภาพสีสวย
สุดปลายทางป่าโกงกาง พบสะพานไม้ยืนไปชายทะเล
วันนี้น้ำลง อดเจอเพื่อนปลาทรีนเลย เคยมาครั้งที่แล้วไม่เอากล้องมา เจอตัวอย่างใหญ่
ข้อดีการเที่ยววันธรรมดา
ลุงเก็บหอยตลับไปขาย ได้มา7โล
หอยตัวใหญ่มากก แสดงถึงความสมบูรณ์ธรรมชาติที่นี่
เดินมาสุดปลายสะพาน หันหลังย้อนมองกลับไป
ลงไปเก็บหอยดีกว่า อาชีพใหม่
ดินเลนแบบนี้ มีอาหารนกเพียบ ปู ปลา
ไหนๆมีไรกินมั่ง
อย่ามากินฉันนะ
เป็นนกที่บินไม่ขึ้น
ยอดอ่อนใบโกงกาง
ละมุน ละไม สบายตา
พักสายตา สูดอากาศธรรมชาติ
รถรับกลับเวลา 18.00
เป็นอีกโครงการของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่สร้างบ่อบำบัดน้ำเสีย จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้
คิดถึงเนอะ ท่านอยู่ทุกที่ ที่เราไปในประเทศไทย
ฝากพระราชดำรัส ให้แง่คิด
จากได้เที่ยวชมแหลมผักเบี้ย ดูวิธีบำบัดน้ำเสียแล้ว ไม่ใช่เรื่องยากเลย
พระองค์ท่านใช้วิธีธรรมชาติ ประหยัด ได้ผลดี และ "ยั่งยืน"
ภายในมีแปลงปลูกต้นข้าว ออกรวงสวยพอดี
ในนี้มีไอติมหนองโพขาย พอรองท้อง
ของที่ต้องซื้อกลับไปทาน สาหร่ายพวงองุ่น กับน้ำจิ้มซีฟู้ด
ถุงละ50บาท ให้เยอะมาก ถ้าในร้านอาหารญี่ปุ่นจานเล็กๆเป็นร้อย
ขี่มอไซค์มาไม่มีที่เก็บ ก็สั่งทานตรงร้านนั่นล่ะ แช่น้ำแข็งเย็น ทานสดใหม่ อร่อยย กุบๆ
แสงเย็น บอกถึงเวลาต้องกลับบ้าน
เป็น one day trip ที่อิ่มมใจอิ่มกาย
ริมทางถนนสายคลองโคนยามเย็น
คนเริ่มหมดพลังไปตามแสงอาทิตย์
อยากแนะนำให้มาเที่ยวกัน ขับรถมาแค่100km.
ถนนสายคลองโคน มาดูปลาน่ารักๆที่ฟาร์มทะเลตัวอย่าง
มาเที่ยวแหลมผักเบี้ย โครงการพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9
ที่สร้างเป็นแหล่งบำบัดน้ำเสีย ที่ดูไม่เหมือนที่บำบัดน้ำเสีย จนกลายเป็นแหล่งดูนกอย่างดี
ได้เห็น ดูงานของท่านที่สร้างประโยชน์ให้คนไทยจริงๆ ไม่ใช่แค่เป็นสถานท่องเที่ยวเท่านั้น
นำความรู้ศาสตร์พระราชา ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันเราได้
รู้สึกโชคดีเหลือเกิน ที่อนุรักษ์ทางเส้นนี้ไว้ และมีที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่ยังสมบูรณ์
ที่นับวัน มีน้อยลงทุกที
ขอบคุณข้อมูลจากมูลนิธิชัยพัฒนา
//www.chaipat.or.th/index.php
